ตอนที่ 258 สับเปลี่ยนบุตรี
ไป๋หลี่เหอเจ๋ออมยิ้ม “องค์ชายเฉินเป็นถึงหนึ่งในผู้ดำเนินการในสภาบุหงา ไฉนถึงปล่อยให้เกิดการวางยากำหนัดขึ้นมาได้ ดังนั้นควรหาตัวตัวการเพื่อทวงคืนความยุติธรรมของนางก่อนไม่ใช่หรือ”
จี้มั่วจื่อเฉินถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้เขาอยากจะสั่งทหารไล่ไป๋หลี่เหอเจ๋อออกจากที่แห่งนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
แต่น่าเสียดายที่สถานะของไป๋หลี่เหอเจ๋อในแคว้นตงหลินน่าเลื่อมใสมากกว่าตัวเอง ต่อให้เขาจะเป็นองค์ชายในตระกูลเชื้อพระวงศ์ก็ตาม แต่ก็ทำอะไรไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ได้
เฟิงอู๋โยวเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเสียงเฉยชา “ท่านราชครูมีความเห็นกับเรื่องนี้ว่าเยี่ยงไร”
รอยยิ้มที่มุมปากของไป๋หลี่เหอเจ๋อทำเอาเฟิงอู๋โยวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ตรวจสอบหญิงสาวที่เข้าร่วมการแสดงครั้งนี้เพื่อจับคนร้ายมาดำเนินคดี” ไป๋หลี่เหอเจ๋อพูดอย่างเน้นย้ำทีละคำและเมินเฉยต่อสายตาอันเฉียบคมของเฟิงอู๋โยว
“ไฉนต้องทำให้เรื่องยุ่งยาก”
เฟิงอู๋โยวกัดฟันยิ้ม แต่กระนั้นก็เชิดคางจวินฝูขึ้นมาก่อนเอ่ยเสียงขรึม “รบกวนท่านหญิงนึกดูให้ละเอียด ก่อนขึ้นเวทีมา ท่านหญิงปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง”
“หรงชุ่ย เย่เชี่ยว เจ้า แล้วก็… เป่งถางหลีอิน” จวินมั่วหรันตอบกลับเสียงเรียบ
“ท่านราชครู ในเมื่อท่านหญิงระบุผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้แล้วสี่คน ท่านยังคิดจตรวจสอบหญิงสาวทุกคนในเสียเวลามากขั้นตอนอีกหรือไม่”
ดวงตาอึมครึมของไป๋หลี่เหอเจ๋อสะท้อนแววแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะเอาตัวเองใส่ไปอยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัย
นิ่งเงียบลงไปครู่หนึ่ง ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่จำเป็นแล้ว”
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายพอจะสนใจฟังความจริงจากปากข้าไม่”
“สนใจ!”
จี้มั่วจื่อเฉินพยักหน้าตอบกลับเป็นคนแรก
จากนั้นผู้คนรอบๆ ก็พยักหน้าคล้อยตามด้วยสีหน้าสนใจ ดวงตาพวกเขามองขึ้นไปมองบรรดาหญิงสาวผู้ต้องสงสัยแต่ละคนบนเวที
เฟิงอู๋โยวกระแอมเสียง ก่อนพูดวิเคราะห์ขึ้นอย่างจริงจัง “หรงชุ่ยเป็นสาวรับใช้ประจำตัวคนสนิทของท่านหญิงจวินฝู ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็มีความเป็นไปได้สูงสุดที่จะเป็นคนลงมือ แต่ปัญหาก็คือต่อให้นางลงมือทำแบบนั้นขึ้นมา นางก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้อยู่ดี ดีไม่ดีอาจถูกลงโทษในโทษฐานดูแลนายหญิงของตัวเองอย่างสะเพร่า”
เมื่อหรงชุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าระรัว พร้อมกับรีบพูดขึ้น “ข้าน้อยบริสุทธิ์! ขอท่านหญิงทวงคืนความยุติธรรมให้ข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ!”
อันที่จริงเฟิงอู๋โยวสามารถใช้วิชาสะกดกับเป่ยถางหลีอินให้คลายความจริงออกมาได้
เพียงแต่เป่ยถางหลีอินมีเป่ยถางหลงถิงคุมกะลาหัวอยู่ ต่อให้นางทำผิดพลาดแค่ไหนก็ไม่มีใครสามารถเอาผิดหรือทำโทษนางได้
เป็นเพราะเฟิงอู๋โยวรู้จักนิสัยที่มักจะปกป้องคนรักอย่างไม่ลืมหูลืมตาของเป่ยถางหลงถิงเป็นอย่างดี ทำให้เฟิงอู๋โยวเลือกใช้อีกวิธีในการรับมือกับเป่ยถางหลีอิน ทรมานจิตใจเป็นหลัก ทรมานร่างกายเป็นรอง
หลังจากบรรยากาศนิ่งเงียบลงไปครู่หนึ่ง เฟิงอู๋โยวก็หันไปทางเย่เชี่ยวที่กำลังโมโหจนหน้าแดงก่ำก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ส่วนโอกาสเป็นผู้ต้องสงสัยขององค์เย่เชี่ยวก็ค่อนๆ ต่ำกว่าของหรงชุ่ย เมื่อตอนอยู่หลังเวที องค์หญิงเย่เชี่ยวจะออกหน้ารับมือกับท่านหญิงจวินฝูแทนข้า แต่ถึงต่อให้องค์หญิงเย่เชี่ยวจะไม่ชอบขี้หน้าจวินฝูมากแค่ไหน นางก็คงไม่เขลาจนวางแผนตลบหลังจวินฝูต่อหน้าสายตาทุกคนโดยการวางยากำหนัดแบบนี้ ไม่ว่าจะพิจารณาจากเหตุผลข้อไหน ไม่มีทางที่นางจะเป็นคนร้ายแน่นอน”
เย่เชี่ยวพยักหน้าระรัวเช่นกัน “ใช่แล้ว! ที่สำคัญกว่านั้นก็คือองค์หญิงอย่างข้าชื่นชอบเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินมาก ให้ตายก็ไม่มีทางลงมือทำเรื่องพรรค์กับน้องสาวของเซ่อเจิ้งหวางแน่นอน ส่วนความบาดหมางเล็กน้อยที่เกิดขึ้นด้านหลังเวทีจนถึงขั้นลงมือนิดๆ หน่อยๆ ทั้งหมดก็มาจากที่ข้าแค่ต้องการยืนอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องและต้องการจะเรียกสติท่านหญิงจวินฝูที่ถูกเลี้ยงดูเอาใจจนนิสัยเสีย ทั้งหมดเป็นดังนี้”
เฟิงอู๋โยวหมดคำจะเอ่ย นางกดเสียงต่ำพูดเตือนเย่เชี่ยว “โปรดสำรวมบ้าง!”
เย่เชี่ยวผายมือทั้งสองข้างออกด้านข้างอย่างเปิดเผย “ข้าก็แค่พูดความจริง”
ผู้คนที่เห็นเช่นนั้นล้วนรู้สึกทึ้งในความเปิดเผยและตรงไปตรงมาขององค์หญิงแห่งแคว้นซีเยว่ผู้นี้เป็นอย่างมาก!
เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินคำพูดของเย่เชี่ยวก็รีบแย้งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หัวใจของข้ามีเจ้าของแล้ว จงอย่าพูดจาพล่อยๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าของหัวใจของข้าอาจเข้าใจผิดได้”
“…”
มุมปากของเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุก นางรู้สึกว่านับวันจวินมั่วหรันก็ยิ่งกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นึกว่าจะกล้าประกาศสถานะของหัวใจตัวเองต่อหน้าผู้คนแบบนี้ มอหนำซ้ำ ทุกคนต่างก็เห็นความสัมพันธ์ระหว่างนางและจวินมั่วหรันไปแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงเดาได้ว่าเจ้าของหัวใจของจวินมั่วหรันคือใคร
แต่พอได้ยินจวินมั่วหรันเรียกนางว่า ‘คนในดวงใจ’ เฟิงอู๋โยวก็แอบดีใจขึ้นมา
โชคดีที่ผ้าปิดนางของนางบดบังใบหน้าที่แดงเรื่อของนางเอาไว้ได้ ทำให้คนที่อยู่ข้างๆ ไม่เห็น
เย่เชี่ยวบุ้ยปากพร้อมกับมองจวินมั่วหรันในมาดนิ่งสงบด้านล่างเวที
จี้มั่วจื่อเฉินพลันนึกสนุกขึ้นมา เขาเอื้อมมือออกไปคว้านางเข้ามากอด “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา[1] ไฉนน้องสาวถึงยังดื้อดึงอยู่เช่นนี้ “
เฟิงอู๋โยวขี้เกียจใส่ใจกับจี้มั่วจื่อเฉินจอมหว่านเสน่ห์ ครั้นจึงสั่งคนเข้ามาเอาถ้วยชาและจานผลไม้ของจวินฝู
นางค่อยๆ เดินมาด้านหน้าเป่ยถางหลีอิน “ตอนนี้เหลือเพียงเจ้ากับข้าเพียงสองคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย”
เป่ยถางหลีอินเดาไม่ออกว่าเฟิงอู๋โยวมาไม้ไหน ภายในใจจึงเกิดลนลานขึ้นมา “มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง หากเจ้าริอ่านใส่ร้ายข้า เสด็จพ่อของข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน”
“ถ้วยชาหรือถาดผลไม้ เลือกมาสักอย่าง” เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“จะทำอะไร ข้าทำก็เรื่องที่ถูกที่ควร ไฉนต้องมาเลือกให้เข้าทางของเจ้า”
“องค์หญิงหลีอินกลัวอะไรกระนั้นหรือ ข้าไม่ได้บังคับให้ท่านทานผลไม้ในจานหรือดื่มชาในถ้วยจนหมดเกลี้ยงต่อหน้าผู้คนเสียหน่อย”
เป่ยถางหลีอินพูดไม่ออก สีหน้าของนางแทบดูไม่ได้ ครั้นจึงกัดฟันพูดขึ้น “เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่ อย่าคิดมาเล่นแง่กับคนอย่างข้า ข้าไม่กลัวหรอก”
เฟิงอู๋โยวขยับเข้าใกล้เป่ยถางหลีอินอีกหนึ่งก้าวก่อนกระซิบข้างหู “เป่ยถางหลีอิน หากเจ้าไม่กลัว ไฉนจะต้องคิดหาวิธีร้อยแปดมาฆ่าข้าด้วย ตอนนั้นเจ้าวางแผนเล่นงานข้าจนถึงตายก็เพราะรู้ว่าข้าคือผู้หญิงใช่หรือไม่”
“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ” เป่ยถางหลีอินปฏิเสธหน้าด้านๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อสั่นระริกด้วยความกลัว
“เป่ยถางหลีอิน เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้สาเหตุที่เจ้าไม่ชอบขี้หน้าข้า”
“เจ้ามีหลักฐาน?”
“ตัวข้านี่แหละที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ หรือว่าไม่ใช่?”
ก่อนหน้านี้ เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจมาตลอดว่าเหตุใดเป่ยถางหลีอินถึงวางแผนฆ่านาง
จนกระทั่งคืนนี้ พอฟยรู้ว่าเป่ยถางหลีอินรู้ว่านางเป็นผู้หญิงมาตั้งนานแล้ว นางถึงเริ่มพอจะเดาถึงเหตุจูงใจได้ลางๆ
พอมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว อายุของนางกับเป่ยถางหลีอินก็ไล่เลี่ยกัน เกิดในฤดูใบไม้ผลิเหมือนกัน แต่วันต่างกันแค่วันเดียว
ส่วนชิวหรูสุ่ยแม่ของนาง เดิมทีก็เป็นสาวรับใช้ล้างเท้าคนสนิทของหลิงซู่ซู่ผู้เป็นหวงโฮ่ว[2]ของแคว้นเป่ยหลี
ดูเหมือนเบาะแสทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้จะชี้ไปยังความจริงเดียวกัน
มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าสถานะที่แท้จริงของนางกับเป่ยถางหลีอินจะถูกใครบางคนตั้งใจสับเปลี่ยนตั้งแต่แรก
และคนที่สับเปลี่ยนสถานะของพวกนางทั้งสอง นอกจากชิวหรูสุ่ยแล้ว นางก็คิดถึงคนอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ
เพราะเท่าที่รู้มา หลิงซู่ซู่เชื่อใจชิวหรูสุ่ยมากๆ จนถึงขนาดเข้าออกวังหลวงได้ตามอำเภอใจ
และเพื่อปกปิดสถานะที่แท้จริงของนาง นี่จึงเป็นเหตุให้ชิวหรูสุ่ยบังคับให้นางปลอมตัวเป็นผู้ชายมาเป็นเวลานาน
แต่น่าเสียดายที่เจ้าของร่างคนเดิมไม่เคยเอะใจถึงสถานะที่แท้จริงของตัวเอง กระทั่งตายจากไปด้วยความคิดที่ว่าชิวหรูสุ่ยภาคภูมิใจและมีชีวิตที่ดีขึ้นจากผลงานที่ตัวเองเป็นคนทำ
[1]แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา หมายถึงแผ่นดินนี้กว้างใหญ่ ยังสามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้
[2] หวงโฮ่ว คือ อัครมเหสี