ตอนที่ 260 ความเป็นมาของไป๋หลี่เหอเจ๋อ / ตอนที่ 261 ถือโอกาสบอกความในใจ
ตอนที่ 260 ความเป็นมาของไป๋หลี่เหอเจ๋อ
เหล่าผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างพากันแสดงสีหน้าชิงชังออกมา
เรื่องที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อเข้าไปมีเข้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่หมู่บ้านหลิวเจียได้ทำให้ชาวแคว้นตงหลินส่วนหนึ่งเริ่มรังเกียจเขา
ครั้งนี้ เขายังสารภาพการกระทำของตัวเองต่อหน้าทุกคนอีก ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับตาสว่าง
“ท่านราชครูไป๋หลี่ ไฉนถึงทำลายความเชื่อใจที่ประชาชนมีต่อท่าน”
“ท่านราชครู ทะเลทุกข์ไร้อาณา กลับหลังมาคือฝั่ง[1]!”
“ไฉนท่านถึงทำเยี่ยงนี้ หรือว่าถูกใครบางคนควบคุมจิตใจให้พูดเรื่องพวกนี้ออกมา”
…
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาหยุด
ทว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อยังคงไม่สะทกสะท้านราวกับว่าคำพูดพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
ต่อมาเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “เป็นเพราะเรือนจื่อหยางถูกทำลาย ทำให้เส้นชีพจรมังกรแห่งแคว้นตงหลินได้รับความเสียหายและขาดความเสถียร ในฐานะผู้ที่คอยปกป้องชีพจรมังกรแห่งแคว้นตงหลินอย่างข้าก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย จิตมารบังเกิด ทำให้พฤติกรรมหลุดการควบคุมไปบางครั้ง ขอทุกท่านโปรดเห็นใจและให้อภัย”
เฟิงอู๋โยวมองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่กำลังแถอย่างเอือมระอา นางขยับปากบ่นพึมพำ “ไม่นึกจริงๆ ว่าจะหน้าด้านถึงขั้นนี้!”
“ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น”
จวินมั่วหรันนั่งลงบนเก้าอี้และดึงเฟิงอู๋โยวลงมานั่งบนตัก มือข้างหนึ่งเลื่อนไปวางบนหน้าท้องของนางก่อนเริ่มถ่ายโอนพลังปราณเข้าไป
กู่หนานเฟิงเคยบอกว่าสตรีที่มีประจำเดือนจะยืนนานไม่ได้
เขาจำเรื่องนี้ได้ขึ้นใจ พอเห็นนางยืนนานก็รู้สึกใจคอไม่ดี
เฟิงอู๋โยวรู้สึกไม่เป็นสุข เพราะนางเริ่มรู้สึกว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเหมือนพวกสัมภเวสีที่ตามรังควานไม่เลิก
ครั้นจึงแอบถามจวินมั่วหรัน “ประชาชนแคว้นตงหลินเชื่อคำพูดโกหกของไป๋หลี่เหอเจ๋อด้วยหรือ คนกากพรรค์นี้ควรถูกจับโยนแม่น้ำให้ตายๆ ไปเสีย!”
“การที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อสามารถขึ้นเป็นราชครูได้แบบนี้ก็เป็นเพราะความเชื่อใจของประชาชนในแคว้นไม่ใช่หรือ ต่อให้เรื่องที่เขาพูดไม่มีที่มาที่ไปก็ตาม แต่ก็มักจะมีคนยอมเชื่อเขามาตลอด”
“เพราะอะไร อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเนื้อหนังภายนอกที่ดูสวยงามราวกับเซียนของเขา” เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าไฉนถึงเป็นเช่นนี้ ในใจของนางตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวถามไม่หยุด จี้มั่วจื่อเฉินพูดแทรกและอธิบายขึ้นมา “การที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อสามารถขึ้นเป็นราชครูแห่งแคว้นที่น่าเกรงขามทั้งที่มาจากสามัญชนแบบนี้ได้ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาของเขาหรอก แต่ก่อนหน้านี้หกปี แคว้นตงหลินเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ในรอบร้อยปี ในช่วงที่ทุกอย่างตกอยู่ในอันตราย ไป๋หลี่เหอเจ๋อเสียเลือดตัวเองเกือบครึ่งตัวเพื่อสังเวยให้กับสรวงสวรรค์ จากนั้นก็มีฝนสาดเทลงมาดับอัคคีภัยครั้งนั้นทันที”
“เรื่องแบบนี้มันยากตรงไหน คนที่เชี่ยวชาญโหราศาสตร์และสามารถอ่านตำแหน่งดวงดาวเป็น แค่เงยหน้ามองฟ้าก็พอจะรู้ว่าฝนจะกระหนำลงมาตอนไหน ซึ่งคนอย่างไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ได้อาศัยจังหวะและปรากฏการณ์บนท้องฟ้าหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง”
เฟิงอู๋โยวไม่เชื่อคนเจ้าเลห์อย่างไป๋หลี่เหอเจ๋อที่สามารถเรียกฝนลงมาช่วยเหลือประชาชนยามทุกข์ยาก
จี้มั่วจื่อเฉินยักไหล่ก่อนพูดต่อ “ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อว่าเขาสามารถเรียกฝนลงมาได้จริงๆ แต่ความจริงที่ปรากฏได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่เพียงเรียกลมเรียกฝนได้ เขายังสามารถความคุมฝนฟ้าและขับไล่อุทกภัยออกไปได้ ในฤดูหนาวปีเดียวกัน เกิดเหตุอุทกภัยขึ้นที่เขตเปี้ยนโจว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แล้วก็เป็นไป๋หลี่เหอเจ๋ออีกครั้งที่ไปหยุกอุทกภัยที่นั้นด้วยตัวเอง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ถูกประชาชนแห่งแคว้นตงหลินศรัทธาเลื่อมใสและมองเขาประหนึ่งเป็นผู้พึ่งพายามทุกข์ยาก ทำให้ชื่อเสียงและบารมีของเขาพุ่งทะยานสูงขึ้นพอๆ กับอาหรัน”
“การได้เป็นราชครูมันง่ายขนาดนี้เชียวหรือ”
ในเวลาเดียวกัน เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกทึ้งและนึกไม่ถึงว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายขึ้นมาราชครูแห่งแคว้นได้นานขนาดนี้
ด้านบนเวที ไป๋หลี่เหอเจ๋อยังคงปั้นสีหน้าแน่นิ่งไม่สะทกสะท้านราวกับภูเขาน้ำแข็งพันปีและพูดไม่หยุด “เอาไว้เรือนจื่อหยางซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์อีกครั้ง ข้าสัญญาว่าจะพยายามรักษาจุดชีพจรมังกรของแคว้นตงหลินให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ข้าต้องขอโทษสำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอย่างยิ่ง”
“ท่านราชครู! วันนี้พวกกระหม่อมผิดเองที่กล่าวหาท่าน ขอท่านราชครูอย่าได้โทษโกรธหรือถือสาพวกเราเลยนะขอรับ” ผู้คนรอบๆ ทยอยพากันสำนึกผิดขึ้น
คำอธิบายของไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่เพียงทำให้ประชาชนในแคว้นตงหลินเลิกตำหนิเขา แต่พวกเขายังรู้สึกเห็นใจไป๋หลี่เหอเจ๋อและพยายามช่วยกันลบล้างข้อกล่าวหาทั้งหมดของไป๋หลี่เหอเจ๋อในวันนี้
ตอนที่ 261 ถือโอกาสบอกความในใจ
เฟิงอู๋โยวพาเข้าใจความหลับหูหลับตาศรัทธาของประชาชนในแคว้นตงหลินได้
ในยุคสมัยที่ผู้คนเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติแบบนี้ สิ่งที่ผู้คนกลัวที่สุดคือสิ่งที่ไม่รู้และสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
พวกเขาจึงเชื่อว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้าที่สามารถนำพาความปรารถนาของพวกเขาไปทูลให้เหล่าเทพเจ้าบนสรวงสรรค์ได้
แม้ว่าเหตุผลของไป๋หลี่เหอเจ๋อจะไร้สาระมากแค่ไหนในสายตาเฟิงอู๋โยว แต่เป็นเพราะมันหลุดออกมาจากปากของไป๋หลี่เหอเจ๋อ ผู้คนก็พร้อมใจกันเชื่อเขาทันที
ด้วยเหตุนี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงรอดพ้นในทุกๆ ความผิดน้อยใหญ่ของเขามาตลอด รวมถึงครั้งนี้ด้วย
ครั้นไป๋หลี่เหอเจ๋อสะบัดชายแขนเสื้อจากไป เสียงดนตรีก็บรรเลงขึ้นอีกครั้ง
บรรยากาศอันวุ่นวายก่อนหน้านี้ถูกเสียงดนตรีและการแสดงของเหล่าสาวงามมากความสามารถขับไล่จากไป
เฟิงอู๋โยวนั่งในอ้อมกอดของจวินมั่วหรันอย่างเบื่อหน่าย นางหาวก่อนถามขึ้น “จะจบตอนไหน นั่งมานานแล้ว เมื่อยก้นหมดแล้ว”
จวินมั่วหรันได้เช่นนั้นก็เลื่อนมือมาคลำก้นนางต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างลืมตัว “เมื่อยตรงไหน”
“…”
เฟิงอู๋โยวรีบปัดมือเขาออกก่อนพูดขึ้นเสียงแข็งกร้าว “เจ้าสำรวมหน่อยได้หรือไม่ มีคนมองอยู่!”
จี้มั่วจื่อเฉินพูดขึ้นเสียงสั่น “อาหรัน นี่เจ้าลืมเฟิงอู๋โยวที่เพิ่งถูกเจ้าอุ้มไปว่าราชกิจเมื่อเช้าไปแล้วหรือ”
เขาเห็นจวินมั่วหรันกอดๆ คลำๆ หญิงสาวใส่ผ้าปิดหน้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้ อยู่ๆ ก็รู้สึกปวดใจแทนเฟิงอู๋โยวขึ้นมา
“ไม่ลืม อู๋โยวเป็นคนในใจของข้า ข้าไม่มีวันลืม”
จวินมั่วหรันตอบกลับไปสั้นๆ เขาไม่อยากให้จี้มั่วจื่อเฉินรู้ว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักเขาตอนนี้เป็นเฟิงอู๋โยว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จี้มั่วจื่อเฉินก็ยิ่งไม่สบอารมณ์กว่าเดิม
แม้เขาคิดว่าผู้หญิงบนตักจวินมั่วหรันคนนี้สวยงามไม่น้อย แต่หลังจากเฟิงอู๋โยวรักษาโรคดอกหลิวให้เขาจนหายขาด เขาก็พร้อมที่จะปกป้องนางในทุกๆ สถานการณ์อย่างไม่มีข้อแม้
ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันลึกล้ำเกินกว่าจะพรรณนา
“อาหรัน หากเจ้าชอบเฟิงอู๋โยวขึ้นมาจริงๆ ก็พูดออกมาจากใจตรงๆ แต่ถ้าเจ้าคิดแค่เล่นๆ กับเขา เจ้าหลีกทางให้ข้าเถิด ขอแค่เขายอมเปิดใจข้าก็พร้อมที่จะดูแลหัวใจเขา” จี้มั่วจื่อเฉินพูดขึ้นอยากจริงจัง
“ไม่มีทาง”
จวินมั่วหรันพูดต่อเสียงเย็น “คนของข้า อย่าคิดแตะต้อง”
“ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”
จี้มั่วจื่อเฉินแค่นเสียงหึในลำคอพร้อมสะบัดหน้าหนีอย่างหงุดหงิด
“ข้าจะมีเหตุผลแต่กับอู๋โยวเท่านั้น” จวินมั่วหรันพูดขึ้นพลางกระชับกอดเฟิงอู๋โยว
“เจ้าใช้เคยเหตุผลตอนไหน” เฟิงอู๋โยวถามกลับ
มุมปากของจวินมั่วหรันผุดแววยิ้ม “เมื่อความต้องการของข้าได้รับการตอบสนอง เมื่อนั้นข้าจะยอมเชื่อฟังเจ้า”
“ไม่มีทาง”
เฟิงอู๋โยวทั้งเขินและหงุดหงิด ก่อนหน้านี้นางคิดว่าจวินมั่วหรันเป็นพวกความรู้สึกตายด้าน
แต่ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าพอเปิดใจกับคนที่ชอบขึ้นมา คำพูดคำจาของเขาจะทำเอานางใจสั่นหน้าแดงได้ตลอดแบบนี้
จวินมั่วหรันหัวเราะออกมา เขาชอบท่าทางของเฟิงอู๋โยวตอนเขินยิ่งนัก เพราะมันทำให้นางดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น
แลดูไร้เดียงสา สวยงาม มันช่างเป็นความหลงใหลที่เกินห้ามใจจริงๆ
ขณะพูดคุยกันอยู่นั้น ในที่สุดเป่ยถางหลีอินขึ้นเวทีเพื่อทำการแสดง
เฟิงอู๋โยวมองดูเป่ยถางหลีอินที่กำลังระบำกระบี่ด้วยสายตาแปลกใจพร้อมกับบ่นพึมพำ “ทั้งที่ดื่มยาปลุกกำหนัดเข้าไปแล้วแท้ๆ แต่ยังข่มฤทธิ์ยาและระบำในท่วงท่าแข็งแรงดุดันได้เช่นนี้อีก ถือว่าสมาธิของเป่ยถางหลีอินไม่เลวเลยจริงๆ”
จวินมั่วหรันเอ่ยเสียงเรียบ “ก็แค่ตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว[2] แล้วจะมีเสน่ห์ล้นหลามเท่าเจ้าได้เยี่ยงไร “
เป่ยถางหลงถิงที่เพิ่งมาถึงงานบังเอิญได้ยินคำพูดของจวินมั่วหรันพอ ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้าทันที “ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของข้างดงามเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า หาใช่บุคคลที่จะถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์เสียๆ หายๆ แบบนี้”
เฟิงอู๋โยวเหลือบมองเป่ยถางหลงถิงแวบเดียว อยู่ๆ ไฟโทสะก็โหมขึ้นกลางใจทันที
ชายแก่ผู้โง่เขลา!
สมองตื้นแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นลูกสาวตัวจริงของตัวเองยังไม่พอ ซ้ำยังเข้าใจผิดเกือบฆ่านางจนตายไปแล้วจริงๆ
ซึ่งอันที่จริงก็ตายไปแล้วครั้งหนึ่งจริงๆ
แม้ว่าเป่ยถางหลงถิงไม่ใช่ตัวต้นเหตุ แต่หากไม่ใช่เพราะความหัวอ่อนเชื่อคนง่ายของเขา เจ้าของร่างเดิมคงไม่มีจุดจบที่เลวร้ายแบบนั้นหรอก
ความผิดพลาดบางอย่าง แค่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีทางชดเชยหรือแก้ไขได้ไปตลอดชีวิต
[1]ทะเลทุกข์ไร้อาณา กลับหลังมาคือฝั่ง หมายถึงกลับเนื้อกลับตัวหลังจากการทำเรื่องเลวร้ายก็ย่อมไม่สาย
[2]ตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว หมายถึงคนเขลาเบาปัญญาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบผู้อื่น