ตอนที่ 269 หลีอินจิตใจดีแต่กำเนิด / ตอนที่ 270 ไป๋หลี่เหอเจ๋อยืดอกออกโรง
ตอนที่ 269 หลีอินจิตใจดีแต่กำเนิด
เดิมทีเฟิงอู๋โยวหวังว่าอาหวงจะตามจวินมั่วหรันมาถึงเร็วกว่านี้
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ นางน่าจะตกเป็นรอง นางตัวคนเดียวไม่มีทางสู้คนหลายสิบคนได้
แต่พอคิดขึ้นได้ว่าอาหวงเป็นพวกไว้ใจไม่ได้ ไม่แน่ตอนนี้อาจจะเจอสุนัขสาวยั่วยวนและปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตรายอีกตามเคย
อันที่จริง อาหวงทำตามคำสั่งของนางอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มันวิ่งตรงมาที่บ่อนพนันอย่างไม่หยุดพักและไม่แวะที่ไหน
แต่ที่โชคร้ายก็คือ จวินมั่วหรันกับกู่หนานเฟิงกลับกำลังไปสืบเรื่องสตรีชุดดำที่บุกเข้าไปในห้องนอนของเฟิงอู๋โยวในโรงเตี๊ยมหลิงเฟิง
ด้วยเหตุนี้ อาหวงจึงเอาแต่เดินวนรอบบ่อนพนัน เห่าจนคอเกือบแตกก็ไม่มีใครสนใจ
ทว่าในตอนนี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อในสภาพเมามายที่กำลังนอนอยู่ในห้องสำราญในหอนางโลม ได้ยินเสียงหมาเห่ารบกวน
เขาจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของอาหวง ครั้นแล้วก็ลุกขึ้นพรวด ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างและกระโดดออกไปจากทางหน้าต่างทันที
ไป๋หลี่เหอเจ๋อมองอาหวงที่เห่าใส่ประตูบ่อนพนันไม่หยุด ก่อนถามขึ้นเสียงเย็น “มาหาเซ่อเจิ้งหวาง?”
ได้ยินเช่นนี้ อาหวงก็ส่งเสียง ‘หงิงๆ’ ตอบรับในลำคอ
สีหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อเหมือนคิดอะไรบางอย่าง เขานั่งลงยองๆ ก่อนลูบหัวอาหวง “เฟิงอู๋โยวตกอยู่ในอันตรายกระนั้นหรือ”
“โฮ่ง!”
ดวงตาของอาหวงเต็มไปด้วยแววหวาดกลัว มันกัดและลากชายเสื้อของไป๋หลี่เหอเจ๋อ ประหนึ่งว่าเป็นอัศวินผู้ช่วยชีวิต
“ไปกันเถอะ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อลุกขึ้นทันที พอนึกถึงสภาพเฟิงอู๋โยวถูกทำร้าย ในใจก็ร้อนรนเป็นที่สุด จุดหมายเดียวของเขาในตอนนี้คือเรือนแพทย์พยากรณ์
ต่อให้เฟิงอู๋โยวจะมีแต่ความเกลียดชังให้เขาก็ตาม แต่เขาก็ยังสนใจในตัวนางอยู่
ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่รู้เหมือนกันว่านางมีดีอะไร ทั้งไม่อ่อนโยน ไม่เป็นมิตร แต่เขาก็ตัดใจจากนางไม่ได้เสียที
บางทีอาจเป็นเพราะตัวเขาจมดิ่งอยู่ในวังวนอันมืดมนมานาน แล้วอยู่ๆ ก็ได้พบกับความสวยงามไร้ความหม่นหมองอย่างเฟิงอู๋โยว จึงเป็นเหตุให้เขาปล่อยนางไปไม่ได้
ราวกับว่าทันทีที่เขาปล่อยนางไป ตัวเขาจะจมลงสู่ก้นบึ้งแห่งวังวนอันมืดมิดไร้ดวงตะวันอีกครั้ง
ภายในเรือนแพทย์พยากรณ์ เป่ยหลีหลงถิงหลุบตามองเฟิงอู๋โยวที่นั่งฉีกขาอยู่บนพื้นด้วยสายตาเยือกเย็น “เฟิงอู๋โยว เจ้าสำนึกผิดบ้างหรือไม่”
เฟิงอู๋โยวเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งขัดสมาธิพลางหาวอย่างหน่ายอารมณ์ “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป้ยหลี โปรดเข้าใจด้วยว่าที่นี่คือแคว้นตงหลิน ต่อให้ข้าทำผิดมหันต์เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรข้าทั้งนั้น ที่ข้าพูด จริงหรือไม่”
“ทำอะไรเจ้าไม่ได้กระนั้นหรือ หึ! เฟิงอู๋โยว เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าคนอย่างข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้”
เป่ยหลีหลงถิงแค่นเสียงหึในลำคอ ขณะที่เขาเริ่มพูดเรื่องเป่ยถางหลีอิน ดวงตาที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธก็สอดแทรกไปด้วยแววอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความรักขึ้นมา “จริงอยู่ที่อินเอ๋อร์จะซนไปหน่อย แต่นางจิตใจดีแต่กำเนิด บริสุทธิ์ไร้เดียงสาและจริงใจต่อผู้คนเสมอมา กระทั่งแบบนี้เจ้ายังลงมือกับนางได้ลงคออีกหรือ”
“ไม่ทราบว่าคำว่า ‘จิตใจดีแต่กำเนิด’ ของเจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกตลกเป็นที่สุด “ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ในสายตาของข้า ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าช่างไม่เอาไหนเหมือนไม่มีใครสั่งสอน ตราบจนทุกวันนี้ ข้าไม่เคยชายตามองนางเลยแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เป็นเพราะนางปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้เข้ามาในค่ายทหารและวางยาข้าอย่างไร้ยางอาย แต่ตอนที่พวกเจ้าตามมาทีหลัง ฤทธิ์ยาในร่างกายข้ายังไม่ออกฤทธิ์จนถึงขั้นขาดสติ”
ดวงตาของเป่ยหลีหลงถิงลุ่มลึกลงเรื่อยๆ เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เฟิงอู๋โยวพูดต่อ “บอกตามตรง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ จริงอยู่ที่ข้าเป็นคนวางยานาง แต่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดทั้งมวลมันไม่ได้มาจากนางตั้งแต่แรกหรอกหรือ ไฉนตัวข้าต้องตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ไฉนข้าต้องเป็นฝ่ายให้อภัยคนที่ทำร้ายข้าด้วย”
“อินเอ๋อร์เป็นสตรี ส่วนเจ้าเป็นบุรุษ แค่นี้ก็ยอมนางไม่ได้หรือ”
ดวงตาของเป่ยหลีหลงถิงสะท้อนแววปวดใจรำไร ที่ผ่านมาเขาไม่เข้าใจมาตลอดว่าทำไปเฟิงอู๋โยวถึงเคียดแค้นเป่ยถางหลีอินถึงขนาดนี้
กระทั่งได้ยินคำอธิบายของเฟิงอู๋โยวอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็เริ่มเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของเป่ยถางหลีอินจริงๆ
แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นตัวเขาเองถูกความโกรธเข้าครอบงำ จึงไม่คิดฟังคำอธิบายแก้ต่างของเฟิงอู๋โยวแม้แต่น้อยและด่วนตัดสินใจสำเร็จโทษนางอย่างขาดการไตร่ตรอง
ตอนที่ 270 ไป๋หลี่เหอเจ๋อยืดอกออกโรง
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวผุดแววเย็นขึ้นมา มุมปากพลันแสยะยิ้มไปพลาง “เป่ยถางหลงถิง เจ้าไม่รู้สึกสำนึกบ้างหรือ เป่ยถางหลีอินทำร้ายชื่อเสียงและคุณประโยชน์ที่ข้าต้องสละเลือดเนื้อแลกมาจนย่อยยับ ทำลายอนาคตอันสดใสของข้าจนป่นปี้ ทำให้ข้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ทำให้ข้ามีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้ แต่เจ้ากับใช้เหตุผลเพียงแค่เพราะนาง ‘เป็นสตรี’ เพื่อหวังให้ข้าให้อภัยกระนั้นหรือ เป็นเพราะว่านางเป็นสตรี ข้าเลยสมควรถูกกลั่นแกล้งเอาเปรียบอยู่แบบนี้กระนั้นหรือ”
แต่ในสายตาของเป่ยถางหลงถิงกลับคิดว่าเฟิงอู๋โยวยังอยู่ดี เพราะได้รับตั้งแต่งขึ้นเป็นแม่ทัพผู้บัญชาการสูงสุดแห่งแคว้นตงหลิน แน่นอนว่าเขาจินตนาการไม่ออกถึงสภาพที่นางดิ้นรนอย่างยากลำบากมาก่อนหน้านี้
เขาเอ่ยเสียงขรึม “เฟิงอู๋โยว ข้าไม่ได้ตาบอด ตอนนี้เจ้าก็อยู่ดีกินดีและมีชีวิตที่ดีอยู่ในแคว้นตงหลินไม่ใช่หรือ แต่อินเอ๋อร์กลับถูกวางยาบาดเจ็บปางตาย ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล หากเรือนร่างของสตรีมีแต่รอยแผลเป็น มันใช่เรื่องดีหรือ และที่สำคัญ หากเสียพรหมจรรย์ขึ้นมา ยังจะมีชายใดต้องการอีก หากเจ้ามีความกล้ามากพอ ก็เอาความเคียดแค้นทั้งหมดมาลงที่ข้า ไฉนต้องไปทำร้ายนางด้วย”
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวเย็นชายิ่งกว่าเดิม นางบ่นในใจ เป่ยถางหลงถิงเป็นพวกสมองบ้องตื้นจริงๆ ด้วย สมแล้วที่ถูกความโกรธเข้าครอบงำได้โดยง่าย
ตอนนี้ ต่อให้หาหลักฐานพิสูจน์สถานะที่แท้จริงของตัวเองได้ นางจะไม่มีวันมอบหลักฐานพวกนั้นให้เป่ยถางหลงถิงเป็นอันขาด
เขาไม่คู่ควร
นิ่งเงียบอยู่สักพักใหญ่ เป่ยถางหลงถิงเงยหน้ามองสีท้องฟ้า อาจเป็นเพราะกังวลว่าจวันมั่วหรันจะกลับมา จึงรีบพูดขึ้น “เจ้าหนูอวดดี ทำผิดมหันต์แต่กลับไม่รู้จักสำนึกผิด! เห็นแก่คุณประโยชน์ที่เจ้าเคยทำให้แคว้นเป่ยหลีมาก่อน ครั้งนี้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้ามีความผิดที่ต้องชำระอยู่”
เฟิงอู๋โยวเหลือบไปมองสีท้องฟ้าเช่นกัน น่าจะผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว ดูเหมือนจวันมั่วหรันจะมาไม่ได้
ในตอนนี้ นอกจากช่วยตัวเอง ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก เฟิงอู๋โยวก็เงยหน้าสบตากับเป่ยถางหลงถิงอย่างท้าทาย จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “ตอนนี้มีแค่เจ้ากับข้า เรามีตัดสินกันให้รู้แล้วรู้รอดไปดีกว่า หากเจ้าอยากจะลงโทษ คิดว่าลงโทษโดยการจับตอนเป็นเยี่ยงไร ตอนให้ตัดภายในการเฉือนครั้งเดียว แบบนี้ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนจะได้ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะทำอะไรนางไปตลอดกาล”
เป่ยถางหลงถิงมองนางอย่างแปลกใจ “วางใจเถิด ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าเสียของ ขอแค่ถูกเฆี่ยนแปดสิบหวายเป็นพอ”
“แบบนี้เท่ากับว่าเจ้ากำลังกลั่นแกล้งคนของแคว้นตงหลินอยู่ไม่ใช่หรือ”
ทันใดนั้น ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็กระโดดเข้ามาทางหน้าต่างราวกับเทพเซียนลงมาโปรดก็ไม่ปาน
ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวเบิกกว้างจ้องมองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ปกคลุมไปด้วยจิตสังหารอย่างตกใจ
เป่ยถางหลงถิงยักคิ้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านราชครูไป๋หลี่ โปรดอย่าเข้ามายุ่งย่าม”
“หากเป็นไปได้ กระหม่อมอยากยุ่งย่ามเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะว่าเยี่ยงไร” ไป๋หลี่เหอเจ๋อเดินเข้ามาด้านหน้าเฟิงอู๋โยว เมื่อเห็นนางไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ท่านราชครูไป๋หลี่ ท่านที่กำลังบาดเจ็บหนักไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าในตอนนี้”
“ขอเรียนให้ทราบ หากฝ่าบาทคิดจะลงมือกับกระหม่อม จะเท่ากับว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับชาวแคว้นตงหลิน วันนี้ หากทำร้ายเขาแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าฝ่าบาทต้องข้ามศพกระหม่อมไปก่อน”
สีหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อฉายแววเพิกเฉย เขาเลิกสนใจเรื่องความเป็นความตายตั้งนานแล้ว หากเขาปกป้องเฟิงอู๋โยวไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นเขาก็พร้อมกับจากโลกนี้ไปพร้อมกับนาง
เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วแน่นพลางพูดเสียงขรึม “ไป๋หลี่เหอเจ๋อ ออกไปเสีย เรื่องนี้มันเรื่องของข้า เจ้ากับข้าเป็นศัตรูกันอยู่ ดังนั้นอย่าเข้ามายุ่ง ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่รู้จะสู้หน้าเจ้าได้เยี่ยงไร”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อปั้นสีหน้านิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน ก่อนเอ่ยเสียงเย็น “ข้าไม่ต้องการความรู้สึกขอบคุณจากเจ้า”
เป่ยถางหลงถิงใกล้จะหมดความอดทนเต็มที ครั้นแล้วจึงแผดเสียงลั่น “เฟิงอู๋โยวจงถูกลงโทษเสีย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ขอให้ความแค้นจงหมดไป ณ บัดนี้”
“หากฝ่าบาทริอ่านทำอะไรเขาแม้แต่ปลายนิ้ว เป่ยถางหลีอินจะต้องตายสถานเดียว”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อพูดขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็วด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับว่าการฆ่าองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลีเป็นเรื่องปกติ ทำเอาเป่ยถางหลงถิงถึงกลับหยุดชะงักลงทันที