ตอนที่ 274 ตามติดไม่ไปไหน / ตอนที่ 275 เขาไม่ใช่ตัวการ
ตอนที่ 274 ตามติดไม่ไปไหน
จวินมั่วหรันเดือดดาลทันที หากไม่ใช่เพราะเป่ยถางหลงถิงมีโอกาสเป็นพ่อแท้ๆ ของเฟิงอู๋โยว เขาจะฆ่าทิ้งคาที่พำนักและบดเถ้ากระดูกของเป่ยถางหลงถิงให้ป่นปี้
ดวงตาสีดำเหลือบทองของเขาฉายแววเย็น น้ำเสียงพลันเย็นเยือก “เป่ยถางหลงถิงทำร้ายเจ้า?”
เฟิงอู๋โยวส่ายหน้าตอบเสียงต่ำ “ข้าให้อาหวงไปตามเจ้าที่บ่อนพนัน มันน่าจะวิ่งไปผิดที่ แล้วตามไป๋หลี่เหอเจ๋อมาแทน โชคดีที่เป่ยถางหลงถิงไม่อยากติดร่างแหไปกับเขา พอเขามาถึง เป่ยถางหลงถิงก็รีบไปทันที
ได้ยินเช่นนี้ จวินมั่วหรันก็รู้สึกโล่งใจที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อตามมาได้ทันเวลา แต่ในเวลาเดียวก็รู้สึกผิดกับตัวเองยิ่งนัก
ตอนที่นางต้องการมากที่สุด เขากลับไม่อยู่เคียงข้างนาง
“ผิดที่ข้าประมาทจนไม่อาจปกป้องเจ้าไว้ได้”
“หากรู้ว่าเป่ยถางหลงถิงจะมา ข้าไม่มีทางไล่เจ้ากลับไปแน่นอน” เฟิงอู๋โยวบ่นพึมพำเสียงแผ่ว
“เช่นนั้นเจ้าย้ายมาอยู่กับข้าที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางดีกว่า เพราะถึงอย่างไร ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าต้องแต่งงานเข้าเรือนอยู่ดี” จวินมั่วหรันเสนอขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
เพื่อขจัดความกังวลของนาง เขาจึงยอมอ่อนข้อเป็นอย่างมาก “ข้าจำได้ เจ้าเคยใส่กางเกงสำริดเพื่อป้องกันข้า หากเจ้าไม่ไว้ใจ ข้าสามารถใส่ของพรรค์นั้นได้”
“ไม่จำเป็น”
เฟิงอู๋โยวบ่นในใจ หากจิตตัณหาของเขากำเริบขึ้นมา กางเกงสำริดหนาเท่ากำแพงก็เอาไม่อยู่
ของพรรค์นั้นใช้ไม่ได้สำหรับเขา
เห็นท่าทางอันหนักแน่นของนาง จวินมั่วหรันก็ไม่อยากบังคับนางอีก จึงทำได้เพียงยอมหน้าด้านอยู่ที่เรือนแพทย์ไม่ไปไหน
เทียบกับชื่อเสียงแล้ว ความปลอดภัยของนางสำคัญกว่ามาก
เพราะนอกจากเป่ยถางหลงถิง ยังมีหยุนเฟยไป๋ที่กำลังสืบเรื่องเฟิงอู๋โยวอยู่อย่างเงียบๆ
ผนวกกับสตรีชุดดำที่แอบเข้ามาโปรยยาในห้องของนางคืนนี้อีก มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นชิวหรูสุ่ย อยู่ๆ จวินมั่วหรันก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของเฟิงอู๋โยวสามารถเรียกได้ว่ายากลำบากของจริง
“เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่อยากอยู่ที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางจริงหรือ”
“ไม่อยาก”
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ที่นี่คือห้องนอนของข้า
จวินมั่วหรันชี้ไปที่พรมขนสัตว์ที่อยู่ด้านหน้าเตียงพร้อมพูดอย่างพอใจ “ตรงนี้ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม เหมาะแก่การพักอาศัย”
“…”
เฟิงอู๋โยวจนปัญญาอยู่สักพักใหญ่ก่อนตั้งสติกลับมาได้ นี่จวินมั่วหรันกำลังจะปูที่นอนบนพื้นในห้องนอนของนางอยู่!
“ในเรือนแพทย์ยังมีห้องนอนอีกหลายห้องที่ยังว่างอยู่ ไฉนเจ้าถึงไม่เลือก”
“ข้าอยากอยู่ใกล้ๆ เจ้า”
ทันทีที่น้ำเสียงสิ้นสุดลง จวินมั่วหรันก็พุ่งเข้าหาเฟิงอู๋โยว
เขาจับนางกดลงบนพรมขนสัตว์ด้านหน้าเตียง ดวงตาอันลึกซึ้งจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ที่เจือแววตื่นตระหนกเล็กน้อย “ข้าจะจัดการเรื่องของเป่ยถางหลงถิงอย่างเหมาะสม รับประกันว่าเขาจะไม่มารบกวนเจ้าอีก”
“เจ้าลุกขึ้นก่อนได้หรือไม่”
“อยากให้ข้าลุกขึ้น ใช่ว่าไม่ได้ พูดขอร้องให้มันเพราะๆ ก่อน” จวินมั่วหรันยิ้มมุมปากพลางจ้องมองนางอย่างคาดหวัง
เฟิงอู๋โยวแค่นเสียงในลำคอ “เจ้ากำลังอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าเซียงกง[1]!”
จวินมั่วหรันหุบยิ้ม ทำไมก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเฟิงอู๋โยวจะชอบคิดไปก่อนล่วงหน้าเช่นนี้
เขายังไม่ได้ขอนางแต่งงาน ต่อให้อยากได้ยินแค่ไหนก็ไม่อาจบังคับให้นางเรียกเขาว่าเซียงกงแบบนี้มันเกินไปหน่อย
เขาแค่ต้องการฟังนางเรียกชื่อตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจหยดน้ำ
“อู๋โยว ข้าจะต้องเป็นเซียงกงของเจ้าแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย”
นิ้วมือเรียวยาวของจวินมั่วหรันคลาดผ่านริมฝีปากของเฟิงอู๋โยว น้ำเสียงชั่วร้ายพราวเสน่ห์และเปี่ยมด้วยแรงดึงดูด “เด็กดี เรียกข้าเพราะๆ ก่อน แล้วข้าจะปล่อยเจ้า”
เมื่อตระหนักได้ว่าจวินมั่วหรันไม่อยากให้นางเรียกเขาว่าเซียงกง แก้มทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวพลันร้อนฉ่าขึ้นเพราะเขินเก้อเป็นที่สุด
“จะเรียกหรือไม่เรียก”
จวินมั่วหรันรออยู่สักพักก่อนลุกพรวดขึ้นมาและแตะริมฝีปากนาง “จะเรียกหรือไม่เรียก”
ตอนที่ 275 เขาไม่ใช่ตัวการ
“มั่วหรัน…”
เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมา เฟิงอู๋โยวก็รีบปิดใบหน้าแดงเรื่อทันที แทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
นางควรแสดงออกอย่างลูกผู้ชาย นั่งขัดสมาธิบนเตียงเตา กระดกสุราอึกใหญ่ กินเนื้อคำใหญ่ถึงจะถูก!
เวลานี้ ไฉนถึงตกเป็นถูกกระทำและเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเลี่ยนๆ แบบนี้ด้วย?!
“เจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีก? วีรกรรมเลื่องชื่อที่ผ่านมาของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว!”
“ที่รัก ลองเรียกอีกรอบซิ” ดวงตาเป็นประกายทั้งสองข้างของจวินมั่วหรันจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา
เมื่อเห็นดวงตาของเขาฉายแววหมาป่า เฟิงอู๋โยวก็คิดขึ้นในใจว่า เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากต้องสามารถยอมถอยเพื่อที่จะไม่ได้เป็นเบี้ยล่าง ตอนนี้นางควรปล่อยไหลไปตามน้ำเพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่านี้
คิดได้เช่นนี้ นางจงใจกดเสียงต่ำและตะเบ็งเสียงออกมาอย่างห้าวหาญ “พี่จวินมั่วหรันตัวหนักจริงๆ ! ข้าถูกเจ้าทับจนจะแบนอยู่แล้ว”
หารู้ไม่ว่า การพูดจาแบบนี้ในเวลานี้เป็นเหมือนราดน้ำมันใส่กองไฟ
เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดของนาง ลมหายใจพลันถี่กระชั้นในบัดดล ร่างกายก็ตื่นตัวถึงขีดสุด
ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำเอาเฟิงอู๋โยวตกใจอย่างตะลึงงัน จากนั้นก็รีบเปลี่ยนประเด็นทันที
นางรีบมุดตัวหลบและหนีออกจากพันธนาการของเขาอย่างว่องไว จากนั้นก็ถอยหลังออกไปหลายก้าว ก่อนควักจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ที่เขาเคยให้นางออกมา “ช้าก่อน! ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”
จวินมั่วหรันถามกลับไปแบบส่งๆ “เรื่องอะไร”
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมา จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมสีเข้มก็โยนพาดกับผนังกั้นลมที่มีภาพวาดน้ำหมึก ก่อนหันกลับไปนั่งลงบนเตียงราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้อง
เฟิงอู๋โยวก้าวเข้ามาถามเสียงขรึม “ใต้หล้านี้มีจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์อยู่วงเดียวจริงหรือ”
“ใช่ ผู้ที่ครอบครองจี้แหวนหยกวงนี้ สามารถสั่งการทหารองครักษ์และสาวรับใช้ทั้งหมดในตำหนักเซ่อเจิ้งหวางได้ รวมถึงมือสังหารจากสำนักหนึ่งอนันต์ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เงินคงคลังของข้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด”
“…”
เฟิงอู๋โยวคิดไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันจะมอบอำนาจพิเศษอันยิ่งใหญ่ให้นางจริงๆ
ก่อนหน้านี้ นางคิดว่าจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์เป็นแค่หินหยกไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่งเท่านั้น
เมื่อนางสงบอารมณ์ลงกลับมาเป็นปกติก็เดินมาด้านหน้าจวินมั่วหรัน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหยุนเฟยไป๋ก็พกจี้แหวนหยกแบบเดียวกันอยู่”
จวินมั่วหรันส่ายหน้าพลางคว้านางเข้ามากอด และให้นางนั่งลงบนตักตัวเอง แล้วค่อยๆ ตอบอย่างใจเย็น “ไม่เหมือนกันทั้งหมด อู๋โยว หยุนเฟยไป๋เป็นพวกลึกล้ำเกินหยั่งถึง จงอยู่ห่างจากเขาเข้าไว้”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็ยิ่งไม่เข้าใจ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเขาเป็นพวกลึกล้ำเกินหยั่งถึง ยังกล้ายกจวินวูให้เขาอีกหรือ จวินฝูใช่น้องสาวแท้ๆ ของเจ้าจริงๆ หรือไม่”
“ข้าคืนหนี้ที่ติดค้างจวินฝูอยู่ไปตั้งนานแล้ว แต่หนี้ที่นางติดค้างตระกูลจวินและข้า นางไม่มีปัญญาชดใช้จนหมดแน่นอน”
จวินมั่วหรันพูดอย่างคลุมเครือ เขาไม่อยากปิดบังนาง เพียงแค่ไม่อยากลากนางเข้ามาในวังวนนี้
เมื่อเทียบกับพวกไป๋หลี่เหอเจ๋อและ ฟู่เย่เฉินแล้ว หยุนเฟยไป๋เป็นภัยคุกคามที่แท้จริง
“เรื่องที่ตระกูลของไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกฆ่าล้างบางทั้งตระกูลเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่”
ลังเลอยู่นาน ในที่สุดเฟิงอู๋โยวก็ถามออกไป
ถึงแม้นางจะรู้ดีว่าในราชสำนักวังหลวงจะมีการเข่นฆ่าซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแห่งความเสแสร้งนอบน้อม
แต่ในใจนางยังคงหวังว่าจวินมั่วหรันคงไม่ทำเรื่องบาปมหันต์พวกนี้
ดวงตาสั่นคลอนของจวินมั่วหรันจ้องมองเฟิงอู๋โยว เขาเห็นนางใส่ใจไป๋หลี่เหอเจ๋อ แบบนี้ ภายในใจพลันขมขื่นขึ้นมา
แต่ยังดีที่นางยอมนั่งอยู่บนตักตัวเองอย่างน่าเอ็นดู ครั้นแล้วจวินมั่วหรันถึงเปิดใจพูดความจริงออกมา “ก่อนหน้านี้เก้าปี เพื่อหลบการไล่ฆ่าจากทหารแคว้นหนานเชียง ข้าได้พาจวินฝูกระโดดลงไปในแม่น้ำหวง จากนั้นพวกทหารได้วางยาพิษชนิดรุนแรงลงในแม่น้ำเป็นเหตุให้ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด สามปีให้หลัง ข้าได้กลับไปกวาดล้างพวกหนานเชียง โดยสิ่งแรกที่ทำคือจัดการแม้ทัพทหารที่ทำร้ายข้าในตอนนั้น เอาหัวมันเสียบไว้ที่ประตูเมือง ส่วนวังหลวงของแคว้นหนานเชียงไม่ได้อยู่ในแผนการของข้าในตอนนั้น และข้าก็ไม่ได้แตะต้องคนในวังหลวงแคว้นหนานเชียงแม้แต่คนเดียว”
“แล้วไฉนไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงปักใจเชื่อว่าเจ้าเป็นคนเผาทำลายวังหลวงแห่งแคว้นหนานเชียงและฆ่าล้างบางคนในตระกูลของเขา ถึงขึ้นที่ว่า…”
เฟิงอู๋โยวพูดไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดชะงัก
นางคิดว่าใจว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่มีทางอยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เขาถูกจับโยนไปที่ซ่องโจร ครั้นแล้วนางจึงหยุดพูด
“ไม่นานก่อนหน้านี้ ข้าเพิ่งรู้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อก็คือหนานเชียงไป๋เจ๋อ ทำให้ข้าเข้าใจถึงสาเหตุที่เขาเคียดแค้นข้าอย่างกระจ่าง แม้ข้าไม่ได้แตะต้องเขาเลยสักนัด แต่คนในตระกูลเขาต้องจากไปเพราะข้าเป็นต้นเหตุ”
“หมายความว่าเยี่ยงไร”
“แคว้นหยุนฉินเป็นเป็นหัวหน้าของเหล่าห้าแคว้น หกปีก่อนหน้านี้ตระกูลหยุนฉินผงาดและเรืองอำนาจขึ้นมา สันนิษฐานว่าตั้งแต่นั้นมาหยุนฉินก็วางแผนที่จะตอกลิ่มระหว่างแคว้นตงหลินและแคว้นหนานเชียง”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็ยิ่งไม่เข้าใจ “หมายความว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเคียดแค้นผิดคนกระนั้นหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนเจ้าไม่อธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจน”
จวินมั่วหรันตอบกลับ “พวกไป๋หลี่เหอเจ๋อกับฟู่เย่เฉินไม่น่ากลัว ข้าขี้เกียจเสียเวลามาพูดคุยเรื่องพวกนี้ อีกอย่างหากพวกเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนเผลอตีหญ้าให้งูตื่น มันจะยิ่งเสียแผนการของข้า แบบนี้มันได้ไม่คุ้มเสียไม่ใช่หรือ”
“ที่พูดมาก็ถูก”
เมื่อรู้ว่าจวินมั่วหรันไม่ใช่ตัวการของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างบางวังหลวงแห่งแคว้นหนานเชียง เฟิงอู๋โยวก็โล่งใจขึ้นไม่น้อย
แต่จวินมั่วหรันกลับรู้สึกหึงยิ่งกว่าเดิม นิ้วมือเรียวยาวของเขาไต่ไปมาที่เอวของนางอย่างอยู่ไม่สุข “เฟิงอู๋โยว เจ้าเริ่มเห็นใจเขาแล้วกระนั้นหรือ”
“ข้าแค่อยากรู้ว่าเหตุใดเขาถึงเป็นพวกอารมณ์สุดโต่งได้ขนาดนี้”
“หากข้ากลับมาไม่ทัน เจ้าคิดจะทำอะไรกับเขาหรือไม่”
“เขาหมดสติไปขนาดนั้น ข้าจะทำอะไรได้”
เฟิงอู๋โยวถามกลับพลางปัดมือที่ล้วงเข้ามาในเสื้อนางตอนไหนไม่ได้ออกไป “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าข้าอวบอึ๋มไม่พอ ในเมื่อไม่ชอบ ก็อย่ามาลวนลาม”
“ข้าบอกว่าไม่ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เจ้าบอก”
เฟิงอู๋โยวแสดงท่าทีขึงขัง จากนั้นก็ลากจวินมั่วหรันลงเตียง เสียง ‘ฟุบ’ ดังขึ้น เปลวเทียนดับลง จากนั้นก็ขึ้นเตียงห่มผ้าเตรียมเข้านอน “ห้ามขึ้นเตียง”
จวินมั่วหรันไม่โกรธแต่อย่างใด เขาโน้มตัวลงนอนบนพื้นอย่างไม่ถือสาก่อนงีบหลับไป
[1]เซียงกง แปลว่าสามี