บท1ตอนที่3
โนโซมุไปเข้าเรียนตามปกติ
เมื่อเขาเข้าห้องไป นักเรียนที่อยู่ในห้องต่างทำหน้าเบื่อหน่ายทันที
คำสบถกรนด่ามากมายถูกขีดเขียนไว้บนโต๊ะของเขา แถมรอบๆยังคงหัวเราะเยาะใส่เขาทั้งๆที่เขาต้องมานั่งทำความสะอาด
โรงเรียนนี้ปกครองอย่างยุติธรรม ผู้ชนะนั้นมีจุดยืนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหมาขี้แพ้จะถูกกดขี่จนถึงขีดสุด
นักเรียนในห้อง 10 ก็เป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับต่ำ แม้ว่าตัวเองจะเป็นหมาขี้แพ้เหมือนกันแต่มันก็ยังกดขี่คนที่ต่ำกว่าให้จมดินอยู่ดี
เขาโดนปฏิบัติมาแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ที่ตัวเขาตกต่ำลง
คนเดียวที่พูดคุยกับเขาคืออาจารย์อันริกับมาร์ที่ชอบมาหาเรื่องบ่อยๆ อย่างไรก็ตามมาร์นั้นพยายามกดขี่เขาจนถึงขีดสุด
「ใช่ไหมล่า~ยัยนั่นโครตแจ่มเลยเนอะ……」
มาร์และพรรคพวกทำเรื่องไร้สาระอยากการจับตามองดูสาวๆ เมื่อมันหันมาทางนี้ก็ยิ้มกริ่มมาเชียว
มาร์มันเป็นคนที่สูงและมีหุ่นที่ค่อนข้างดี ใบหน้านั้นก็ไม่ได้แย่อะไร แต่การกระทำมันทำลายภาพพจน์จนหมด
「เฮ้ย ไอ้หมาขี้แพ้ นี่แกมาที่สถาบันอีกแล้วเหรอวะ มาทำไมให้เสียเวลา? มันจะดีกว่านะถ้าแกเอาเวลามาเข้าเรียนไปขัดส้วมในโรงเรียน แบบนั้นมันดีต่อพวกข้าเยอะเลยวะ」
「นี่ มาร์ หยุดได้แล้ว จะไม่มีใครต้องไปล้างห้องน้ำทั้งนั้นแหละ」
「ถ้างั้นก็ช่วยมาเป็นหุ่นซ้อมมือซ้อมตีนหน่อยได้ไหม」
โนโซมุไม่พูดอะไร มันเป็นการยั่วยุตามปกติ เป็นการกระทำที่น่าขยะแขยงราวกับชีวิตประจำ
◇◆◇
วันนี้เป็นคาบเรียนเวทมนตร์ อาจารย์ประจำคาบเรียนคืออาจารย์นอร์น ที่เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลนั่นเอง
「อย่างที่รู้กันเวทมนตร์ เป็นการใช้พลังของจิตใจเพื่อสร้างปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆเป็นเหมือนการหยิบยืมพลังของปีศาจ ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้วัตถุเหล่านั้นเสริมประสิทธิภาพอย่างเดียว ภายใต้นอกเหนือโลกนี้นั้นก็ยังมีเหล่าปีศาจผู้ที่ใช้มันได้เช่นกัน ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น ปกติเวลาเราใช้เวทมนตร์ที่เป็นระดับสูงมากๆนั้นมักจะหยิบยืมพลังจากโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้เราเรียกกันว่าเป็นเวทมนตร์พิธีกรรมซึ่งมันมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาชินโต เป็นการอ้อนวอนต่อทวยเทพเพื่อสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ อีกอย่างคือเวทย์แบบร่ายซึ่งเป็นเวทย์สมัยใหม่ ซึ่งใช้คำร่ายในการสร้างปรากฏการณ์ ใช่แล้ว นั่นก็คือ………….」
เธอสอนต่อไปโดยไม่สนใจอะไร ชั้นเรียนของอันริที่ดูผ่อนคลายเพราะบรรยากาศของเธอนั้นเอง แต่ชั้นเรียนของนอร์นจะตรงกันข้ามมีความตึงเครียดและเงียบสงบ
ข้าพยายามจดบันทึกทุกสิ่งที่อาจารย์พูด การทดสอบข้อเขียนเปรียบเสมือนเส้นด้านแดงชี้ชะตาชีวิตของข้าว่าจะได้อยู่ในสถาบันต่อไปหรือไม่ เนื่องจากการสอบปฏิบัติข้าไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เลย โดยปกติแล้วนักเรียนทั่วไปจะโยนข้อเขียนทิ้งทั้งหมดแต่สำหรับข้าที่ไม่มีทางเลือกก็เปรียบเสมือนความหวังสุดท้ายที่ต้องคว้าเอาไว้
เมื่อเสียงระฆังสิ้นสุดลงก็ถึงเวลาเลิกชั้นเรียนและคาบเรียนปฏิบัติจะเริ่มขึ้น
นักเรียนทั้งชั้นย้ายไปยังสนามฝึกซ้อมพร้อมกับเสียงเรียกของอาจารย์นอร์น
เมื่อมาถึงสนามฝึกแต่ละคนก็โชว์เวทมนตร์ของตัวเอง ส่วนข้าก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำความเข้าใจถึงแก่นแท้ของเวทย์เพราะแม้แต่เวทย์ฝึกหัดข้ายังใช้ไม่ได้เลย
มนุษย์ในทวีปนี้นั้นมีพลังเวทย์ไม่มากก็น้อย แต่พลังเวทย์ของข้ามันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน
เดิมทีมันก็ไม่ได้ต่ำเสียขนาดนั้น แต่หลังจากการพันธนาการได้ตื่นขึ้นความสามารถแม้แต่เวทย์ฝึกหัดข้าก็ใช้ไม่ได้เสียแล้ว
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงฝึกเวทย์ฝึกหัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพยายามควบคุมเวทย์ในร่าง
เมื่อนักเรียนรอบข้างเห็นเช่นนั้นพวกนั้นก็หัวเราะเยาะ และมาร์มันก็เริ่มเข้ามากรนด่าอีกครั้ง
「โอ้ยยยย ขำจะตายวะ นี่ขึ้นมาปี 2 แล้วยังใช้เวทย์ฝึกหัดไม่ได้อีก นี่แกยังเป็นเด็กหัดเดินรึไงวะ」
ข้าไม่สนใจเสียงนกเสียงกา หมกมุ่นอยู่กับการฝึกต่อไปเรื่องๆ ข้าไม่มีเวลามาฟังอะไรไร้สาระ
หากมีสมาธิในการฝึกซ้อมสิ่งรอบข้างก็เปรียบเสมือนสายน้ำ ทำให้ไม่มีอะไรมาขัดขวางข้าได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้าตระหนักถึงเมื่อฝึกฝนขั้นพื้นฐานกับอาจารย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
「…………เฮ้ย แกนี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด」
บางทีข้าอาจจะหงุดหงิดจากคำพูดของมาร์เป็นบางครั้ง แต่ข้าก็ไม่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์
เดิมทีหมอนั่นก็เป็นคนชอบอวดเบ่งอยู่แล้ว
แกอาจจะคิดว่าการกดคนอื่นให้ต่ำลงมันดูเท่ แต่สำหรับข้าแล้วมันก็เป็นการกระทำที่งี่เง่า ข้าไม่ปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์และจมปลักอยู่กับโลกส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเองสมาธิของข้าก็หายไปเพราะมาร์มันใช้เวทย์ลมยิงมาทางข้า
เวทย์ที่ปล่อยออกมาคือ“แอร์・เบิร์ส(ระเบิดวายุ)” มันจะพัดพาคู่ต่อสู้กระเด็นด้วยแรงลมที่อัดแน่น
มาร์ยังคงปล่อยเวทย์ออกมาเรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านั้นเองอาจารย์นอร์นก็เข้ามาขัดจังหวะ
「คิดว่าทำถึงขนาดนี้ ฉันที่เป็นอาจารย์จะปล่อยให้มันผ่านไปงั้นเหรอ」
เวทย์ที่ปล่ยออกมาคือ“แอร์・โรว์(ศรวายุ)”แม้ว่าจะเป็นเวทย์เริ่มต้น แต่ความเร็วในการร่ายนั้นเร็วกว่ามาร์มากและความแม่นยำกับความรุนแรงมันเทียบเท่ากับเวทย์ระดับกลาง ไม่สิเหนือกว่าที่มาร์ใช้อีก เห็นได้ชัดว่าศรวายุของเธอปัดระเบิดวายุออกไปได้
「ชิ เข้าใจแล้ว」
มาร์ออกไปพร้อมกับความไม่พอใจ นักเรียนรอบๆก็กลับมาฝึกตามปกติ
「เป็นอะไรไหม?」
อาจารย์นอร์นถามด้วยความเป็นห่วง
「ไม่เป็นอะไรครับ」
ข้าตอบกลับไปทันที ข้าเองก็มักจะโดนอาจารย์ปั่นหัวอยู่ตลอดเวลาดังนั้นผมเลยมีสติมากขึ้น แม้ว่าจะโดนสิ่งรบกวนมากมายสมาธิของข้าก็ยังคงมั่นคง นั่นคงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในข้อดีของข้าก็ได้มั้ง
เริ่มการฝึกต่อทันที เพราะนี่เปรียบเสมือนเรื่องปกติ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม
「ผู้ชายคนนั้นชอบสร้างความเดือดร้อนให้เสมอเลยนะ อันริก็เป็นห่วงเธอด้วยสิ ยังไงก็ถ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือมีแผลละก็มาหาได้เสมอนะ」
ข้าไม่สามารถตอบกลับไปตรงๆได้ ทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรับ
◇◆◇
วันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนปิดทำการซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนอันน้อยนิดสำหรับเหล่านักเรียน
โนโซมุเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ในย่านการค้าหลังจากรับงานที่กิลด์นักผจญภัย กิลด์นักผจญภัยเองก็มีจิปาถะให้ทำ ใช่ว่าจะสู้กับสัตว์อสูรอย่างเดียว
หากแรงค์สูงขึ้นก็ไปสามารถปราบมอนได้อ่อนๆได้ แต่ว่าแรงค์ข้ายังต่ำจึงไม่สามารถรับงานประเภทนั้นได้เลย
งานของข้าก็คือการแบกสัมภาระง่ายๆ
เนื่องจากสินค้ามันเยอะมากแต่การขนส่งกลับวุ่นวายไปหมดทำให้มีพื้นที่สัญจรไม่พอ
เมื่อมาถึงจุดรับของก็ทักทายผู้ว่าจ้างและรับสัมภาระเหล่านั้นไว้บนรถบรรทุกสินค้าจากนั้นก็แค่นั่งรถม้าไปจนถึงปลายทาง
วันนี้การขนส่งสินค้าคือไปที่ย่านเครื่องมือ จุดหมายก็คือร้านของแพทย์และช่างฝีมือ
จะสามารถสังเกตได้ว่าสินค้าที่บรรทุกมามันเยอะมาก แต่ว่าจุดหมายปลายทางมีไม่กี่แห่งจึงสิ้นสุดก่อนเวลาอันควร
「จะว่าไปแล้ว โนโซมุมีแฟนไหม?」
โนโซมุนั้นจมปลักอยู่กับคำถามที่ไม่ควรจะได้คำตอบนั่นอยู่ไปสักพัก
「อืม…….ไม่มีหรอกครับ ว่าแต่จู่ๆทำไมถามกระทันหันแบบนี้ล่ะครับ」
ดวงตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปราวกับไม่มั่นใจในสถานการณ์ตรงนี้เลย
「ก็ไม่อะไรหรอกนะ ก็แค่สงสัยเองว่าจะมีคนมาชอบเจ้าบ้างรึเปล่า ถ้ามีคนที่มาชอบเจ้าละก็บอกกันบ้างนะ」
พาร์ทเนอร์ของข้าเป็นคนที่ร่าเริงและสดใส แต่ตรงกันข้ามเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละเพราะชอบฟังเรื่องรักๆใคร่ๆ
“คนที่ชอบ”ทุกครั้งที่ได้ยิน ตัวเธอคนนั้นก็จมหายไปในความมืดมิด
ข้ามักจะโดนถามแบบนี้อยู่บ่อยๆแต่ว่าข้าก็ตอบไปว่าไม่มีใครอยู่ในใจ
「น่าาาาาาาาาาาา บอกข้ามาเถอะน่า เป็นผู้หญิงที่สวยมากหรือเป็นแนวใสๆกัน」
「…………ไปก่อนนะครับ」
โนโซมุควบม้าหนี
ตามปกติแล้วเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรกับสหายของเขาเลย แต่สีหน้าเขากลับเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากรับเงินมาจากนายจ้างก็รีบกลับบ้านทันที
เนื่องจากพื้นเพเขาเป็นลูกชาวนาพ่อแม่เองก็เป็นชาวนาธรรมดาๆ เพราะงั้นเขาไม่สามารถคาดหวังให้พ่อแม่ส่งเงินมาให้ได้
ค่าเล่าเรียนที่สถาบันโซลมินาตินั้นบอกได้ว่าก็สมเหตุสมผลอยู่เพราะได้รับการสนับสนุนจากหลายๆประเทศ
การสูญเสียจากการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อสิบปีก่อน ทำให้ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศทุกๆประเทศต่างทุ่มทุนสนับสนุนโรงเรียนเพื่อผลิตทรัพยากรบุคคลมาให้ได้
การที่ได้ทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่ามาจากสถาบันแห่งนี้ก็กำหนดความเป็นตายของแต่ละประเทศได้เลย
ดังนั้นหลายๆประเทศพยายามดึงตัวทรัพยากรบุคคลเหล่านั้นเข้าประเทศของตนโดยให้การสนับสนุนทุกวิถีทาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นปี 2 ของข้าที่มีนักเรียนห้าคนก้าวเข้าสู่แรงค์ A แล้ว
แรงค์ A เป็นระดับของนักผจญภัยหัวกะทิและเหล่าอัศวินองค์รักษ์เลย การที่นักเรียนวัยรุ่นตอนปลายสามารถก้าวไปถึงแรงค์ A ได้ด้วยอายุเพียงน้อยนิดก็อยากได้จนตัวสั่นใช่ไหมล่ะ
◇◆◇
ระหว่างทางกลับบ้านก็เจอคนอันแสนคุ้นเคย เคน โนทิส กับ ลิซ่า เฮาวน์
อดีตคนรักและเพื่อนสมัยเด็กของข้า
ทั้งสองคนกำลังเดทกันอยู่ เคนที่หัวเราะอย่างสนุกสนานและดูเหมือนว่าลิซ่าจะยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุขมาก
เมื่อเคนสังเกตเห็นข้าเขาก็ยกมือขึ้นมา ลิซ่าที่สังเกตเห็นข้าเช่นกันก็ทำหน้ามุ่ย อารมณ์บูดในทันที
เห็นแบบนั้นหัวใจข้าก็ราวกับแตกสลาย
「ไงโนโซมุ ท่าทางดูแปลกๆนะ」
เคนพูดกับข้าด้วยท่าทางสนิทสนม แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่แสดงออกทางสีหน้าก็ตามแต่ข้าก็รับรู้ได้ เคนพูดกับข้าแม้ว่าเธอจะเป็นคนหักอกข้าก็ตาม นอกจากนั้นยังมาเดทกับลิซ่าอย่างสนิทสนม ถึงยังงั้นข้าก็รู้สึกโล่งอกที่เขาปฏิบัติกับข้าเหมือนแต่ก่อน
「อ่าาา นั่นสินะ แล้วเป็นยังไงกันบ้างละ」
「ก็เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วนะ คงจะผ่านเรื่องลำบากมามากเลยสินะ」
「ช่วยไม่ได้นี่ ก็เป็นเพราะว่าข้า มันมีอะไรต้องทำอีกมายเลยนี่น่า」
「ใช่ๆ ก่อนหน้านี้ผมเองก็ขอให้จิฮัดเป็นคนฝึกผมด้วย รู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาเลยล่ะ」
เคนพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น
ถ้าเป็นนักเรียนห้อง 1 และเกรดอยู่ในระดับสูงก็จะถูกปฏิบัติอย่างดี
นอกจากนี้เคนยังเป็นนักเรียนที่ไปถึงแรงค์ A ได้ ซึ่งมันหาตัวจับได้ยาก
การได้รับการฝึกแบบตัวต่อตัวก็เป็นผลดีต่อเขาเองเป็นเรื่องน่ายินดี
ระหว่างที่ผมกำลังพูดคุยกับเคนอยู่นั้นลิซ่าก็เข้ามาขัด
「เคน ไปกันเถอะ」
เธอจับมือของเคนและเริ่นเดินออกไป ไม่แม้แต่จะมองมาทางนี้ด้วยซ้ำ
「อ่าาา」
ข้าพยายามจะหยุดเธอเอาไว้ แต่ดูจากสีหน้าเธอปฏิเสธผมอย่างชัดเจน
ท้ายที่สุดข้าก็พูดอะไรไม่ออกเธอดึงมือของเคนและเดินจากไป ข้าไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ยืนมอง
เมื่อข้ากลับถึงบ้านหัวใจข้าก็เหมือนกับจะแหลกสลาย ทำไมเธอถึงทิ้งข้าไป? ข้าไม่เข้าใจถึงเหตุผลนั่นเลย ความรู้สึกของข้าก็ยิ่งดิ่งลงไปเรื่อยๆ
ปกติแล้วไม่รู้สึกมากขนาดนี้ แต่พอพบกับเธอแล้วมันทำให้ข้ารู้สึกว่าเหมือนตัวเองทำอะไรที่ผิดบาปต่อเธอมากเสียขนาดนั้นเลยเหรอ
ข้าจำได้ตอนที่เธอบอกเลิกกับข้า เธอมองข้ามาราวกับจะบอกว่า “ลาก่อน”
เธอจากไปโดยไม่อธิบายถึงเรื่องราวต่างๆ ปล่อยให้ข้ายังงงกับสถานการณ์นี้ต่อไป
ตั้งแต่นั้นมาข้าก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนถูกแช่แข็งพันธนาการไว้