พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

บท1ตอนที่3

โนโซมุไปเข้าเรียนตามปกติ

เมื่อเขาเข้าห้องไป นักเรียนที่อยู่ในห้องต่างทำหน้าเบื่อหน่ายทันที

คำสบถกรนด่ามากมายถูกขีดเขียนไว้บนโต๊ะของเขา แถมรอบๆยังคงหัวเราะเยาะใส่เขาทั้งๆที่เขาต้องมานั่งทำความสะอาด

โรงเรียนนี้ปกครองอย่างยุติธรรม ผู้ชนะนั้นมีจุดยืนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหมาขี้แพ้จะถูกกดขี่จนถึงขีดสุด

นักเรียนในห้อง 10 ก็เป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับต่ำ แม้ว่าตัวเองจะเป็นหมาขี้แพ้เหมือนกันแต่มันก็ยังกดขี่คนที่ต่ำกว่าให้จมดินอยู่ดี

เขาโดนปฏิบัติมาแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ที่ตัวเขาตกต่ำลง

คนเดียวที่พูดคุยกับเขาคืออาจารย์อันริกับมาร์ที่ชอบมาหาเรื่องบ่อยๆ อย่างไรก็ตามมาร์นั้นพยายามกดขี่เขาจนถึงขีดสุด

「ใช่ไหมล่า~ยัยนั่นโครตแจ่มเลยเนอะ……」

มาร์และพรรคพวกทำเรื่องไร้สาระอยากการจับตามองดูสาวๆ เมื่อมันหันมาทางนี้ก็ยิ้มกริ่มมาเชียว

มาร์มันเป็นคนที่สูงและมีหุ่นที่ค่อนข้างดี ใบหน้านั้นก็ไม่ได้แย่อะไร แต่การกระทำมันทำลายภาพพจน์จนหมด

「เฮ้ย ไอ้หมาขี้แพ้ นี่แกมาที่สถาบันอีกแล้วเหรอวะ มาทำไมให้เสียเวลา? มันจะดีกว่านะถ้าแกเอาเวลามาเข้าเรียนไปขัดส้วมในโรงเรียน แบบนั้นมันดีต่อพวกข้าเยอะเลยวะ」

「นี่ มาร์ หยุดได้แล้ว จะไม่มีใครต้องไปล้างห้องน้ำทั้งนั้นแหละ」

「ถ้างั้นก็ช่วยมาเป็นหุ่นซ้อมมือซ้อมตีนหน่อยได้ไหม」

โนโซมุไม่พูดอะไร มันเป็นการยั่วยุตามปกติ เป็นการกระทำที่น่าขยะแขยงราวกับชีวิตประจำ

◇◆◇

วันนี้เป็นคาบเรียนเวทมนตร์ อาจารย์ประจำคาบเรียนคืออาจารย์นอร์น ที่เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลนั่นเอง

「อย่างที่รู้กันเวทมนตร์ เป็นการใช้พลังของจิตใจเพื่อสร้างปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆเป็นเหมือนการหยิบยืมพลังของปีศาจ ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้วัตถุเหล่านั้นเสริมประสิทธิภาพอย่างเดียว ภายใต้นอกเหนือโลกนี้นั้นก็ยังมีเหล่าปีศาจผู้ที่ใช้มันได้เช่นกัน ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น ปกติเวลาเราใช้เวทมนตร์ที่เป็นระดับสูงมากๆนั้นมักจะหยิบยืมพลังจากโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้เราเรียกกันว่าเป็นเวทมนตร์พิธีกรรมซึ่งมันมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาชินโต เป็นการอ้อนวอนต่อทวยเทพเพื่อสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ อีกอย่างคือเวทย์แบบร่ายซึ่งเป็นเวทย์สมัยใหม่ ซึ่งใช้คำร่ายในการสร้างปรากฏการณ์ ใช่แล้ว นั่นก็คือ………….」

เธอสอนต่อไปโดยไม่สนใจอะไร ชั้นเรียนของอันริที่ดูผ่อนคลายเพราะบรรยากาศของเธอนั้นเอง แต่ชั้นเรียนของนอร์นจะตรงกันข้ามมีความตึงเครียดและเงียบสงบ

ข้าพยายามจดบันทึกทุกสิ่งที่อาจารย์พูด การทดสอบข้อเขียนเปรียบเสมือนเส้นด้านแดงชี้ชะตาชีวิตของข้าว่าจะได้อยู่ในสถาบันต่อไปหรือไม่ เนื่องจากการสอบปฏิบัติข้าไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เลย โดยปกติแล้วนักเรียนทั่วไปจะโยนข้อเขียนทิ้งทั้งหมดแต่สำหรับข้าที่ไม่มีทางเลือกก็เปรียบเสมือนความหวังสุดท้ายที่ต้องคว้าเอาไว้

เมื่อเสียงระฆังสิ้นสุดลงก็ถึงเวลาเลิกชั้นเรียนและคาบเรียนปฏิบัติจะเริ่มขึ้น

นักเรียนทั้งชั้นย้ายไปยังสนามฝึกซ้อมพร้อมกับเสียงเรียกของอาจารย์นอร์น

เมื่อมาถึงสนามฝึกแต่ละคนก็โชว์เวทมนตร์ของตัวเอง ส่วนข้าก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำความเข้าใจถึงแก่นแท้ของเวทย์เพราะแม้แต่เวทย์ฝึกหัดข้ายังใช้ไม่ได้เลย

มนุษย์ในทวีปนี้นั้นมีพลังเวทย์ไม่มากก็น้อย แต่พลังเวทย์ของข้ามันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน

เดิมทีมันก็ไม่ได้ต่ำเสียขนาดนั้น แต่หลังจากการพันธนาการได้ตื่นขึ้นความสามารถแม้แต่เวทย์ฝึกหัดข้าก็ใช้ไม่ได้เสียแล้ว

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงฝึกเวทย์ฝึกหัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพยายามควบคุมเวทย์ในร่าง

เมื่อนักเรียนรอบข้างเห็นเช่นนั้นพวกนั้นก็หัวเราะเยาะ และมาร์มันก็เริ่มเข้ามากรนด่าอีกครั้ง

「โอ้ยยยย ขำจะตายวะ นี่ขึ้นมาปี 2 แล้วยังใช้เวทย์ฝึกหัดไม่ได้อีก นี่แกยังเป็นเด็กหัดเดินรึไงวะ」

ข้าไม่สนใจเสียงนกเสียงกา หมกมุ่นอยู่กับการฝึกต่อไปเรื่องๆ ข้าไม่มีเวลามาฟังอะไรไร้สาระ

หากมีสมาธิในการฝึกซ้อมสิ่งรอบข้างก็เปรียบเสมือนสายน้ำ ทำให้ไม่มีอะไรมาขัดขวางข้าได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้าตระหนักถึงเมื่อฝึกฝนขั้นพื้นฐานกับอาจารย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

「…………เฮ้ย แกนี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด」

บางทีข้าอาจจะหงุดหงิดจากคำพูดของมาร์เป็นบางครั้ง แต่ข้าก็ไม่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์

เดิมทีหมอนั่นก็เป็นคนชอบอวดเบ่งอยู่แล้ว

แกอาจจะคิดว่าการกดคนอื่นให้ต่ำลงมันดูเท่ แต่สำหรับข้าแล้วมันก็เป็นการกระทำที่งี่เง่า ข้าไม่ปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์และจมปลักอยู่กับโลกส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้นเองสมาธิของข้าก็หายไปเพราะมาร์มันใช้เวทย์ลมยิงมาทางข้า

เวทย์ที่ปล่อยออกมาคือ“แอร์・เบิร์ส(ระเบิดวายุ)” มันจะพัดพาคู่ต่อสู้กระเด็นด้วยแรงลมที่อัดแน่น

มาร์ยังคงปล่อยเวทย์ออกมาเรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านั้นเองอาจารย์นอร์นก็เข้ามาขัดจังหวะ

「คิดว่าทำถึงขนาดนี้ ฉันที่เป็นอาจารย์จะปล่อยให้มันผ่านไปงั้นเหรอ」

เวทย์ที่ปล่ยออกมาคือ“แอร์・โรว์(ศรวายุ)”แม้ว่าจะเป็นเวทย์เริ่มต้น แต่ความเร็วในการร่ายนั้นเร็วกว่ามาร์มากและความแม่นยำกับความรุนแรงมันเทียบเท่ากับเวทย์ระดับกลาง ไม่สิเหนือกว่าที่มาร์ใช้อีก เห็นได้ชัดว่าศรวายุของเธอปัดระเบิดวายุออกไปได้

「ชิ เข้าใจแล้ว」

มาร์ออกไปพร้อมกับความไม่พอใจ นักเรียนรอบๆก็กลับมาฝึกตามปกติ

「เป็นอะไรไหม?」

อาจารย์นอร์นถามด้วยความเป็นห่วง

「ไม่เป็นอะไรครับ」

ข้าตอบกลับไปทันที ข้าเองก็มักจะโดนอาจารย์ปั่นหัวอยู่ตลอดเวลาดังนั้นผมเลยมีสติมากขึ้น แม้ว่าจะโดนสิ่งรบกวนมากมายสมาธิของข้าก็ยังคงมั่นคง นั่นคงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในข้อดีของข้าก็ได้มั้ง

เริ่มการฝึกต่อทันที เพราะนี่เปรียบเสมือนเรื่องปกติ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม

「ผู้ชายคนนั้นชอบสร้างความเดือดร้อนให้เสมอเลยนะ อันริก็เป็นห่วงเธอด้วยสิ ยังไงก็ถ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือมีแผลละก็มาหาได้เสมอนะ」

ข้าไม่สามารถตอบกลับไปตรงๆได้ ทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรับ

◇◆◇

วันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนปิดทำการซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนอันน้อยนิดสำหรับเหล่านักเรียน

โนโซมุเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ในย่านการค้าหลังจากรับงานที่กิลด์นักผจญภัย กิลด์นักผจญภัยเองก็มีจิปาถะให้ทำ ใช่ว่าจะสู้กับสัตว์อสูรอย่างเดียว

หากแรงค์สูงขึ้นก็ไปสามารถปราบมอนได้อ่อนๆได้ แต่ว่าแรงค์ข้ายังต่ำจึงไม่สามารถรับงานประเภทนั้นได้เลย

งานของข้าก็คือการแบกสัมภาระง่ายๆ

เนื่องจากสินค้ามันเยอะมากแต่การขนส่งกลับวุ่นวายไปหมดทำให้มีพื้นที่สัญจรไม่พอ

เมื่อมาถึงจุดรับของก็ทักทายผู้ว่าจ้างและรับสัมภาระเหล่านั้นไว้บนรถบรรทุกสินค้าจากนั้นก็แค่นั่งรถม้าไปจนถึงปลายทาง

วันนี้การขนส่งสินค้าคือไปที่ย่านเครื่องมือ จุดหมายก็คือร้านของแพทย์และช่างฝีมือ

จะสามารถสังเกตได้ว่าสินค้าที่บรรทุกมามันเยอะมาก แต่ว่าจุดหมายปลายทางมีไม่กี่แห่งจึงสิ้นสุดก่อนเวลาอันควร

「จะว่าไปแล้ว โนโซมุมีแฟนไหม?」

โนโซมุนั้นจมปลักอยู่กับคำถามที่ไม่ควรจะได้คำตอบนั่นอยู่ไปสักพัก

「อืม…….ไม่มีหรอกครับ ว่าแต่จู่ๆทำไมถามกระทันหันแบบนี้ล่ะครับ」

ดวงตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปราวกับไม่มั่นใจในสถานการณ์ตรงนี้เลย

「ก็ไม่อะไรหรอกนะ ก็แค่สงสัยเองว่าจะมีคนมาชอบเจ้าบ้างรึเปล่า ถ้ามีคนที่มาชอบเจ้าละก็บอกกันบ้างนะ」

พาร์ทเนอร์ของข้าเป็นคนที่ร่าเริงและสดใส แต่ตรงกันข้ามเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละเพราะชอบฟังเรื่องรักๆใคร่ๆ

“คนที่ชอบ”ทุกครั้งที่ได้ยิน ตัวเธอคนนั้นก็จมหายไปในความมืดมิด

ข้ามักจะโดนถามแบบนี้อยู่บ่อยๆแต่ว่าข้าก็ตอบไปว่าไม่มีใครอยู่ในใจ

「น่าาาาาาาาาาาา บอกข้ามาเถอะน่า เป็นผู้หญิงที่สวยมากหรือเป็นแนวใสๆกัน」

「…………ไปก่อนนะครับ」

โนโซมุควบม้าหนี

ตามปกติแล้วเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรกับสหายของเขาเลย แต่สีหน้าเขากลับเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากรับเงินมาจากนายจ้างก็รีบกลับบ้านทันที

เนื่องจากพื้นเพเขาเป็นลูกชาวนาพ่อแม่เองก็เป็นชาวนาธรรมดาๆ เพราะงั้นเขาไม่สามารถคาดหวังให้พ่อแม่ส่งเงินมาให้ได้

ค่าเล่าเรียนที่สถาบันโซลมินาตินั้นบอกได้ว่าก็สมเหตุสมผลอยู่เพราะได้รับการสนับสนุนจากหลายๆประเทศ

การสูญเสียจากการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อสิบปีก่อน ทำให้ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศทุกๆประเทศต่างทุ่มทุนสนับสนุนโรงเรียนเพื่อผลิตทรัพยากรบุคคลมาให้ได้

การที่ได้ทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่ามาจากสถาบันแห่งนี้ก็กำหนดความเป็นตายของแต่ละประเทศได้เลย

ดังนั้นหลายๆประเทศพยายามดึงตัวทรัพยากรบุคคลเหล่านั้นเข้าประเทศของตนโดยให้การสนับสนุนทุกวิถีทาง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นปี 2 ของข้าที่มีนักเรียนห้าคนก้าวเข้าสู่แรงค์ A แล้ว

แรงค์ A เป็นระดับของนักผจญภัยหัวกะทิและเหล่าอัศวินองค์รักษ์เลย การที่นักเรียนวัยรุ่นตอนปลายสามารถก้าวไปถึงแรงค์ A ได้ด้วยอายุเพียงน้อยนิดก็อยากได้จนตัวสั่นใช่ไหมล่ะ

◇◆◇

ระหว่างทางกลับบ้านก็เจอคนอันแสนคุ้นเคย เคน โนทิส กับ ลิซ่า เฮาวน์

อดีตคนรักและเพื่อนสมัยเด็กของข้า

ทั้งสองคนกำลังเดทกันอยู่ เคนที่หัวเราะอย่างสนุกสนานและดูเหมือนว่าลิซ่าจะยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุขมาก

เมื่อเคนสังเกตเห็นข้าเขาก็ยกมือขึ้นมา ลิซ่าที่สังเกตเห็นข้าเช่นกันก็ทำหน้ามุ่ย อารมณ์บูดในทันที

เห็นแบบนั้นหัวใจข้าก็ราวกับแตกสลาย

「ไงโนโซมุ ท่าทางดูแปลกๆนะ」

เคนพูดกับข้าด้วยท่าทางสนิทสนม แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่แสดงออกทางสีหน้าก็ตามแต่ข้าก็รับรู้ได้ เคนพูดกับข้าแม้ว่าเธอจะเป็นคนหักอกข้าก็ตาม นอกจากนั้นยังมาเดทกับลิซ่าอย่างสนิทสนม ถึงยังงั้นข้าก็รู้สึกโล่งอกที่เขาปฏิบัติกับข้าเหมือนแต่ก่อน

「อ่าาา นั่นสินะ แล้วเป็นยังไงกันบ้างละ」

「ก็เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วนะ คงจะผ่านเรื่องลำบากมามากเลยสินะ」

「ช่วยไม่ได้นี่ ก็เป็นเพราะว่าข้า มันมีอะไรต้องทำอีกมายเลยนี่น่า」

「ใช่ๆ ก่อนหน้านี้ผมเองก็ขอให้จิฮัดเป็นคนฝึกผมด้วย รู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาเลยล่ะ」

เคนพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น

ถ้าเป็นนักเรียนห้อง 1 และเกรดอยู่ในระดับสูงก็จะถูกปฏิบัติอย่างดี

นอกจากนี้เคนยังเป็นนักเรียนที่ไปถึงแรงค์ A ได้ ซึ่งมันหาตัวจับได้ยาก

การได้รับการฝึกแบบตัวต่อตัวก็เป็นผลดีต่อเขาเองเป็นเรื่องน่ายินดี

ระหว่างที่ผมกำลังพูดคุยกับเคนอยู่นั้นลิซ่าก็เข้ามาขัด

「เคน ไปกันเถอะ」

เธอจับมือของเคนและเริ่นเดินออกไป ไม่แม้แต่จะมองมาทางนี้ด้วยซ้ำ

「อ่าาา」

ข้าพยายามจะหยุดเธอเอาไว้ แต่ดูจากสีหน้าเธอปฏิเสธผมอย่างชัดเจน

ท้ายที่สุดข้าก็พูดอะไรไม่ออกเธอดึงมือของเคนและเดินจากไป ข้าไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ยืนมอง

เมื่อข้ากลับถึงบ้านหัวใจข้าก็เหมือนกับจะแหลกสลาย ทำไมเธอถึงทิ้งข้าไป? ข้าไม่เข้าใจถึงเหตุผลนั่นเลย ความรู้สึกของข้าก็ยิ่งดิ่งลงไปเรื่อยๆ

ปกติแล้วไม่รู้สึกมากขนาดนี้ แต่พอพบกับเธอแล้วมันทำให้ข้ารู้สึกว่าเหมือนตัวเองทำอะไรที่ผิดบาปต่อเธอมากเสียขนาดนั้นเลยเหรอ

ข้าจำได้ตอนที่เธอบอกเลิกกับข้า เธอมองข้ามาราวกับจะบอกว่า “ลาก่อน”

เธอจากไปโดยไม่อธิบายถึงเรื่องราวต่างๆ ปล่อยให้ข้ายังงงกับสถานการณ์นี้ต่อไป

ตั้งแต่นั้นมาข้าก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนถูกแช่แข็งพันธนาการไว้

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท