เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 334 ท่านใต้เท้าสุดหล่อแพ้ยับเยิน ตอนที่ 335 ข้าช

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 334 ท่านใต้เท้าสุดหล่อแพ้ยับเยิน / ตอนที่ 335 ข้าชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้า

ตอนที่ 334 ท่านใต้เท้าสุดหล่อแพ้ยับเยิน

จุยเฟิงหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “โบราณกล่าวไว้ว่า หากคิดมัดใจบุรุษ ต้องจับกระเพาะบุรุษก่อน[1] ลูกไม้นี้ของหลิ่วจ้าว ดูมีความเชี่ยวชาญสูงพอสมควร”

“ฆ่าทิ้ง!”

“ท่านใต้เท้า ถ้าท่านแม่ทัพเฟิงรู้ว่าท่านสังหารแขกคนพิเศษของเขา เกรงว่าเขาจะ…”

“จงไปที่สำนักหนึ่งอนันต์ เลือกมือสังหารที่เด็ดขาดฉับไวมาสองสามคน จงอย่าให้เขารู้”

จวินมั่วหรันพูดยังไม่ทันจบประโยค เฟิงอู๋โยวก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเขาเสียแล้ว

“จะหามือสังหารมาทำอะไร”

เฟิงอู๋โยวฟังไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามเขาอย่างสงสัย

“เฟิงอู๋โยว ถ้าเจ้าบังอาจแอบทำตัวเป็นดอกซิ่งแดงพ้นขอบกำแพง ข้าจะฆ่าชายชู้นั้นของเจ้า ฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ และเผากระดูกของมันให้มอดไหม้เป็นธุลี”

“ไฉนเจ้าต้องโหดร้ายขนาดนี้”

ในเวลาเดียวกัน หลิ่วจ้าวที่เดินบิดเอวไปมาคล้ายงูเลื้อย กำลังเยื้องย่างเข้ามา

เขาพูดปลอบโลมเฟิงอู๋โยวเสียงบางเบา “ท่านแม่ทัพเฟิง ท่านเขยเพียงแค่เป็นห่วงท่าน ความจริงใจของท่านเขยมีต่อท่าน แม้แต่สวรรค์ก็ยังซาบซึ้ง”

จวินมั่วหรัน “…”

ความจริงใจของข้า เกี่ยวกับอะไรกับเจ้า

จุยเฟิง “…”

ความเชี่ยวชาญของเขาสูงส่งยิ่งนัก ท่านใต้เท้าไม่ใช่คู่ปรับของเขาจริงๆ

เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าหลิ่วจ้าวประจบสอเก่งเกินไป

นางบ่นในใจ อาจจะเป็นเพราะหลิ่วจ้าวอาศัยคนอื่นอยู่ จึงทำให้ประสาทสัมผัสเฉียบคมเกินไป ทำให้ค่อนข้างระมัดระวังตัวขนาดนี้

“ในเรือนแพทย์ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังขนาดนั้น ขาดเหลืออะไรก็บอกชิงหลวน” เฟิงอู๋โยวคลี่ยิ้มพูดกับหลิ่วจ้าว

“ขอบพระคุณท่านแม่ทัพเฟิงสำหรับการดูแล”

หลิ่วจ้าวดูมีความสุข ขนตางอนยาวขยับเล็กน้อย แสดงทีท่าเขินอาย

จวินมั่วหรั่นรู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก เขาหันกลับและเดินจากไปทันที

เฟิงอู๋โยวผู้ไม่เคยอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิ่วจ้าวได้กลายเป็นเสี้ยนหนามในใจของจวินมั่วหรันไปเสียแล้ว

นางรีบเดินตามหลังจวินมั่วหรันไปติดๆ บ่นพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย “มั่วหรัน ไฉนเจ้าถึงกลายเป็นปลาปักเป้าเข้าไปทุกวัน อะไรนิดอะไรหน่อยก็โมโห”

จวินมั่วหรันรีบสาวเท้าก้าวเข้าราชรถม้าที่จอดรออยู่หน้าเรือนแพทย์ น้ำเสียงเย็นชาเปล่งขึ้น “ไปได้”

จุยเฟิงรู้สึกลังเลเล็กน้อย เขามองเฟิงอู๋โยวที่ถือเกี๊ยวนึ่งในมือกำลังสาวเท้าตามมา จึงพูดแนะนำเสียงแผ่ว “ท่านใต้เท้า แม่ทัพเฟิงขาสั้น ไม่รอเขาหน่อยหรือ”

“พูดจาพล่อยๆ ใต้หน้าอกของข้าลงไปคือเท้าทั้งหมด!”

เฟิงอู๋โยวเถียงกลับอย่างไม่ยอม นางกระโดดและมุดตัวเข้าไปในราชรถอย่างว่องไว

จวินมั่วหรันยังคงไม่สนใจนาง แต่นางหาได้มีความคิดอันใดกับหลิ่วจ้าวไม่ ควรเว้นระยะห่างถึงจะถูก

“มั่วหรัน เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากันแน่”

“เกี๊ยวนึ่งของหลิ่วจ้าวอร่อยมากขนาดนั้นเชียวหรือ” จวินมั่วหรันถามนางกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อร่อยจริงๆ เจ้าจะลองชิมดูหรือไม่ ข้าทำเองกับมือ”

“ไม่”

จวินมั่วหรันปัดถาดเกี๊ยวนึ่งในมือของนางไปอีกมุมนึงราชรถ

เขาโน้มตัวไปข้างหน้า มือนึงจับที่กรามของนางพลางพูดเน้นเสียงทีละคำ “อย่าให้ข้าเห็นเจ้ากับหลิ่วจ้าวคุยกันระริกระรี้”

“แล้วตาข้างไหนของเจ้าเห็นข้ากับเขาคุยกันระริกระรี้ไม่ทราบ”

“ยังจะมาแก้ตัว ในห้องเครื่องเสวย ข้าเห็นพวกเจ้าคุยกันสนุกสนาน”

“ข้ารู้ว่าท่านนอนแช่น้ำเย็นทั้งคืน ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก พอดีเห็นฝีมือทำอาหารของหลิ่วจ้าวไม่เลว ข้าจึงอยากจะเรียนจากเขา เพื่อทำอาหารเช้าให้เจ้าด้วยมือตัวเองสักมื้อเพื่อเป็นการไถ่โทษกับเจ้า”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเฟิงอู๋โยว จิตใจอันขุ่นมัวของจวินมั่นหรันก็หายไป

ตอนแรกเขากลัวจะเสียหน้า จึงยังคงปั้นสีหน้าเย็นชาเป็นเทือกเขาน้ำแข็งอยู่เช่นเดิม

แต่เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวหยิบเกี๊ยวนึ่งขึ้นมาป้อนเข้าปากเขา ในที่สุดก็ไม่อาจซ่อนความสุขในใจได้อีกต่อไป

ริมฝีปากเรียวบางของเขาขยับเล็กน้อย จับข้อมือของเฟิงขึ้นมาเบาๆ พร้อมประทับจูบลงบนมือเรียวงามของนาง

“จวินมั่วหรัน เจ้ากัดผิดที่แล้ว อันนี้มือของข้า ไม่ใช่เกี๊ยวนึ่ง”

“ข้าชอบของข้าแบบนี้”

เฟิงอู๋โยวเขินจนหน้าแดงก่ำจากการหยอกล้อของจวินมั่วหรัน “ไอ้หยา จุยเฟิงไม่เคยบอกท่านหรือว่ากัดมือคนอื่นมันแปลกพิลึก”

จวินมั่วหรันไม่สนใจคำพูดของเฟิงอู๋โยวแม้แต่น้อย สนใจเพียงแต่ ‘อาหารอันโอชะ’ ที่อยู่ตรงหน้า น่าคลั่งไคล้จนยากจะถอดถอน

ตอนที่ 335 ข้าชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้า

“จวินมั่วหรัน นี่ไม่ใช่เล็บมือนางแช่พริก เลิกแทะได้แล้ว”

แก้มทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวแดงก่ำ นางพยายามชักมือกลับหลายครั้ง

จวินมั่วหรันยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “นี่ไม่ใช่ ‘เล็บมือนาง’ จริงๆ แต่ข้าชอบมาก”

“ไอ้ตัณหากลับ ปล่อยเดี๋ยวนี้”

“‘เล็บมือนาง’ นี้มีแค่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเท่านั้น ข้าจะปล่อยไปง่ายๆ ได้เยี่ยงไร”

น้ำเสียงจวินมั่วหรันทุ้มต่ำน่าลุ่มหลง เต็มไปด้วยแรงดึงดูดยิ่งนัก

ดวงตาสีดำประกายทองของเขาค่อยๆเ คลื่อนจากนิ้วมือเรียวงามของนางไปยังเรือนร่าง “เล็บมือนางรสชาติหวานอ่อนกำลังดี เจ้าอย่างเพิ่งรีบร้อน ข้ายังอยากจะค่อยๆ ละเลียดลิ้มลองมัน”

เฟิงอู๋โยว “…”

กว่านางจะเรียกสติกลับมาได้ก็สายไปเสียแล้ว

นางได้แต่เงยหน้าแหงนมองม่านลายดอกโบตั๋นปักดิ้นทองบนฝ้าหลังคาราชรถ สมองมีเพียงความว่างเปล่า

นอกราชรถ จุยเฟิงยิ้มไม่หุบ พิงอยู่บนไหล่ของซือมิ่งพลางพูดเบาๆ “ไม่เสียทีที่เป็นท่านใต้เท้า”

ซือมือหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยเสียงต่ำ “ไฉนท่านท่านใต้เท้ายิ่งซุกซนขึ้นทุกวัน”

“เบาๆ หน่อย อย่าให้สองคนข้างในได้ยินเป็นอันขาด”

“พวกเขาจะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจเรา” ใบหน้าของซือมิ่งฉายแววแช่มชื่น

จุยเฟิงรู้สึกโล่งใจเป็นยิ่งนัก “ไม่คิดเลยว่าเรื่องของหลิ่วจ้าวจะทำให้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองยิ่งแนบชิดกันขึ้นอีก ดีแท้! ดีแท้!”

“เมื่อวาน ท่านใต้เท้าอยู่ที่เรือนแพทย์ไม่ใช่หรือ อย่าบอกนะว่า พวกเค้ายังไม่ได้…”

“อย่าพูดถึงมันเลย เมื่อคืนแม่ทัพเฟิงเป็นลมไปก่อน” จุยเฟิงสายหน้าไปมาอย่างปวดใจเป็นที่สุด

ซือมิ่งดูตกใจเล็กน้อย เบิกตากว้าง “ท่านแม่ทัพเฟิงดูเหมือนไม่ใช่คนใจเสาะ!”

จุยเฟิงจุ๊ปากก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “จะโทษท่านแม่ทัพเฟิงคนเดียวไม่ได้ ข้าเคยเห็นเรือนร่างของท่านใต้เท้ามาแล้ว”

ซือมิ่งอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทัน จึงรีบถามต่อ “เป็นเยี่ยงไรหรือ”

จุยเฟิงชี้มาที่ลำแขนของตัวเอง วาดแขนเปรียบเปรยไปมาอยู่หลายหน แต่ก็ยังกระดากที่จะพูดออกไป พยายามกดเสียงพูด “เจ้าไปจินตนาการเองแล้วกัน”

ซือมิ่งอิจฉาขึ้นในใจ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย “น่าอิจฉาเจ้าเสียจริง ข้าก็อยากเห็น”

พูดจบ จุยเฟิงกับซือมิ่งก็แอบส่องเข้าไปในราชรถ

แต่น่าเสียดายที่ไม่ถูกมุม จวินมั่วหรันหันหลังให้มาทางพวกเขาทั้งสอง

แผ่นหลังอันหนากว้างของเขาปิดบังเฟิงอู๋โยวมิดชิด

ดวงตาของเขามองคนทั้งสองคนที่อยู่นอกราชรถจนเหลือกกว้างจนแทบจะถลนออกมา แต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไรเลยอยู่ดี

จวินมั่วหรันสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ด้านนอกราชรถ จึงรีบหันกลับมาถลึงตาใส่พร้อมพูดขึ้นเสียงเรียบเจือแววโกรธ “ออกไป”

“ท่านใต้เท้าอย่าได้โมโห พวกเราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

จุยเฟิงกับซือมิ่งตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง พวกเขาอุทานขึ้นพร้อมกันและปิดม่านลงอย่างระวัง

เฟิงอู๋โยวอับอายยิ่งนัก นางรีบผลักจิวมั่วหรันออก “นี่เจ้าจะกินทุกอย่างเลยหรือ”

“ไม่ได้หรือ”

จวินมั่วหรันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มืออันเรียวสวยเห็นข้อต่อชัดชัดน้ำลายใสๆ ที่มุมปาก แต่สายตาของเขายังคงไม่ถอนออกจากเรือนร่างของนาง

“แต่นี่อยู่บนราชรถ”

“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”

จวินมั่วหรันถามพลางยื่นมือไปช่วยนางจัดชายกระโปรงให้เรียบร้อย

เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่ากำลังถูกละเมิดสิทธิ์ส่วนตัว จึงปัดมือของเขาออกอย่างขุ่นเคือง “ครั้งหน้าห้ามทำแบบนี้อีก”

“เพราะเหตุใด เจ้าไม่ชอบหรือ”

“…”

“เจ้าตัวเล็ก ข้าก็แค่เก็บดอกเบี้ยจากเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อคืนที่เจ้าลงทัณฑ์ข้า หากเป็นบุรุษทั่วไปจะอดทนได้หรือ ให้ข้าได้ลิ้มลองของหวานนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้หรือกระนั้น”

“ไม่ได้ นี่กลางวันแสกๆเลย ข้าก็อายเป็น” เฟิงอู๋โยวพูดอย่างหนักแน่น

“ข้าชอบเวลาที่เจ้าเขินอาย”

แม้จะพูดเช่นนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ต้องรักษาหน้าตาของนาง

เมื่อเห็นแก้มสองข้างของนางแดงก่ำ เขาจึงรีบละสายตาออกและไปหยุดที่เกี๊ยวนึ่งที่เฟิ่งอู๋โยวตั้งใจทำเพื่อเขา

อาจเป็นเพราะลิ้มลอง ‘รสชาติหอมหวานที่สุดในโลกปุถุชน’ ไปก่อน รสชาติเกี๊ยวนึ่งจึงอร่อยเพิ่มขึ้นเป็นกอง

แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าเกี๊ยวนึ่งที่เย็นชืดจานนี้ไม่อร่อยเลยแม้แต่น้อย แต่เพื่อไว้หน้านาง เขาจึงกินไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว

“กินช้าๆ หน่อย เดี๋ยวได้ติดคอ”

“ข้าชอบ”

“ตลอดทั้งเช้า เจ้าพูดคำว่าชอบกี่ครั้งแล้ว เจ้าผีกะล่อน!”

“ข้าชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้า”

จวินมั่วหรันยิ้มกว้าง ความคับข้องหมองใจเมื่อคืนนี้พลันมลายหายไป เหลือเพียงความสดชื่นผ่อนคลาย

เฟิงอู๋โยวเอามือสองข้างเท้าคาง สายตามองไปที่ริมฝีปากมันวาวของจวินมั่วหรัน “มั่วหรัน เจ้ากินเกี๊ยวนึ่งไปเยอะขนาดนั้น ไม่สะอึกบ้างหรือ”

จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้นางรู้สึกหมดแรง ท้องร้องจ๊อกๆ ขึ้นมา

ยิ่งเห็นจวินมั่วหรันกินเกี๊ยวนึ่งทั้งจานจนหมด นางยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง

จวินมั่วหรันจนปัญญา ทั้งที่เขากำลังบอกความในใจกับนางอยู่

แต่เรื่องที่นางสนกลับมีแต่เรื่องแปลกๆ

ไม่นานนัก ก่อนที่ราชรถของจวินมั่วหรันจะถึงหน้าประตูวังหลวง

อยู่ๆ ก็มีนางกำนัลกลุ่มหนึ่งกรูกันออกมาจากวังหลวง สีหน้าหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหมองเศร้า สาวเท้าสั้นๆ ก้าวฉับๆ ตรงมายังจวินมั่วหรัน

“ท่านใต้เท้า วันนี้ตอนเช้าอยู่ๆ องค์ฮ่องเต้ก็ทรงมีอาการชัก ตอนนี้ยังประชวรอยู่ ไม่ได้สติ” นางกำนัลรีบกล่าวรายงานอย่างเร่งรีบ

“รีบพาข้าเข้าไป”

จวินมั่วหรันกำลังจะจับมือพาเฟิงอู๋โยวเดินไปด้วยกัน แต่นึกไม่ถึงงว่าเฟิงอู๋โยวจะถูกนางกำนัลดักเอาไว้

“ท่านแม่ทัพโปรดอย่าโกรธ นี่เป็นคำสั่งจากพระพันปีหลวง ห้ามคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ห้องบรรทมของฮ่องเต้เด็ดขาด” นางกำนัลมองเฟิงอู๋โยวอย่างระแวงและพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ตำหนักพระที่นั่งสูงสุด”

เฟิงอู๋โยวเอ่ยเสียงเรียบแต่ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจ

ถ้าเกิดว่า ค้นเจอโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ในตำหนักของจี้มั่วอิ้นเหริน นางคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้แน่นอน

“อย่าเดินเถลไถลไปทั่ว”

จวินมั่วหรันรู้สึกเป็นห่วงเฟิงอู๋โยว จึงสั่งให้จุยเฟิงกับซือมิงห้ามออกห่างจากนางเป็นอันขาด

เฟิงอู๋โยวทอดสายตามองส่งจวินมั่วหรันที่คล้อยหลังจากไป ภายในใจของนางรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักของจี้มั่วอิ้นเหรินน่าสงสัยขึ้นเรื่อยๆ

[1]หากคิดมัดใจบุรุษ ต้องจับกระเพาะบุรุษก่อน หมายถึงเสน่ห์ปลายจวักย่อมมัดใจผู้ชายได้

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท