ตอนที่ 336 จุยเฟิงได้สมใจอยาก / ตอนที่ 337 สวนกลับ
ตอนที่ 336 จุยเฟิงได้สมใจอยาก
“โอ้ย”
ขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังสับสนอยู่นั้น นางกำนัลฝ่ายซักล้างที่ถืออ่างไม้ชำระล้างด้วยมือข้างหนึ่ง ก็ชนนางอย่างจัง
“แม่ทัพเฟิง ขออภัยเจ้าค่ะ”
นางกำนัลฝ่ายซักล้างคุกเข่า ‘ผลุบ’ ลงพื้นและรีบขออภัย
เฟิงอู๋โยวหลุบตามองเสื้อที่เปียกเป็นดวงพลางขมวดคิ้ว
นางไม่คิดว่านางกำนัลในวังจะซุ่มซ่ามถึงขนาดนี้
จุยเฟิงเห็นเช่นนั้น จึงเค้นถามนางกำนัลฝ่ายซักล้างเสียงดุ “บอกมา ใครส่งเจ้ามา”
นางกำนัลฝ่ายซักล้างส่ายหน้าตอบกลับอย่างลนลาน “ทาสผู้ต้อยต่ำคือนางกำนัลฝ่ายซักล้างจากโรงซักล้าง เพิ่งเข้าวังมาได้สองวัน ต่อให้มีความกล้าเป็นพันร้อย ทาสผู้ต้อยต่ำเยี่ยงข้าก็มิอาจมีเรื่องกับแม้ทัพเฟิงหรอกเจ้าค่ะ”
“เข้าวังมาได้เพียงวัน ไฉนถึงรู้จักข้า”
เฟิงอู๋โยวส่ายหน้า เมื่อเห็นนางกำนัลฝ่ายซักล้างที่พูดไม่เป็นแม้แต่เรื่องโกหก ก็รู้สึกผิดหวังอย่างหนัก
ดูเหมือนว่า นางกำนัลผู้โง่เขลาคนนี้จะเป็นเพียงหมากเบี้ยที่ไม่สำคัญ ที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ต่อให้เค้นถามอย่างดุดันก็ไม่ได้เรื่องอะไรทั้งนั้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็ขี้เกียจจะเสียเวลากับนางต่อ
ตอนแรกนางคิดว่าจะมุ่งหน้าไปตำหนักพระที่นั่งสูงสุดและรอจวินมั่วหรันอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ
แต่ปัญหาก็คือผ้ารัดหน้าอกที่รัดแน่นๆ ก่อนหน้านี้ ถูกจวินมั่วหรันปลดออกจนหลวม รัดเยี่ยงไรก็ไม่แน่นเหมือนเดิม
และวันนี้ หลังจากที่โดนน้ำเย็นหกใส่ ทรวดทรงแต่กำเนิดก็ปรากฏขึ้นมา
จุยเฟิงแอบมองนางด้วยดวงตาทั้งสอง เขาตกใจเป็นที่สุด
หรือว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรี
เขาดึงที่แขนเสื้อของซือมิ่งอย่างเงียบๆ แต่เห็นใบหน้าของซือมิ่งแน่นิ่งไปเช่นกัน
ผ่านไปชั่วครู่ ซือมิ่งก็ตั้งสติกลับมาได้ ก่อนกดเสียงต่ำพูดขึ้น “ข้ามองไม่ผิดใช่หรือไม่”
จุยเฟิงไอกระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความกระดากอาย “อย่าเสียมารยาท ไม่รู้ไม่เห็น ถือว่าเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
เฟิงอู๋โยวยกมือข้างหนึ่งกุมอก จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างร้อนรน “พวกเจ้ารายงานที่ตำหนักพระที่นั่งสูงสุดให้ข้าก่อน ข้าต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อ”
“ท่านแม่ทัพเฟิง ไม่เช่นนั้น ท่านเปลี่ยนไปรอที่ตำหนักหลวนชินดีหรือไม่ ตำหนักหลวนชินเป็นตำหนักที่ฮ่องเต้องค์ก่อนประทานให้ท่านใต้เท้า ไม่มีใครพำนักอยู่ที่นั่นนานแล้ว สงบเงียบเป็นที่สุด อีกอย่าง ที่ตำหนักหลวนชินมีเสื้อผ้าของท่านใต้เท้าเหลืออยู่บ้าง ท่านแม่ทัพเฟิงสามารถใช้ได้” จุยเฟิงพูดขึ้นอย่างนอบน้อม
“ก็ดีเหมือนกัน”
เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดว่าสภาพตอนนี้ของนางไม่ควรเตร็ดเตร่ไปทั่ว ทำได้แค่เพียงเดินตามจุยเฟิงกับซือมิ่งไปยังตำหนักหลวนชิน
ตลอดทาง จุยเฟิงยิ้มไม่หุบ สายตาของเขาแอบชำเลืองมองรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของเฟิงอู๋โยวอยู่ตลอดเวลา ในใจรู้สึกปลื้มปริ่มยิ่งนัก
ไฉนก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยฉุกคิดว่าเฟิงอู๋โยวคือสตรีผู้งดงามปลอมกายมา
“คุณพระคุ้มครอง! คุณพระคุ้มครอง!”
จุยเฟิงพนมมือทั้งสองข้าง ดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เขากังวลก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงความกังวลของคนเขลาเท่านั้น
เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน เฟิงอู๋โยวต้องอุ้มท้องอย่างแน่นอน
ซือมิ่งดึงที่แขนเสื้อของเขา พูดเสียงต่ำออกไป “เจ้าเก็บอาการหน่อย”
“จริงด้วย ห้ามตีหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด ข้าต้องคิดแผนการบางอย่าง ต้องให้ท่านใต้เท้ารีบรวบรัดตัดตอน” จุยเฟิงพูดอย่างเป็นการเป็นงาน
เฟิงอู๋โยวจนปัญญา แต่หูของนางได้ยินเป็นอย่างดี จุยเฟิงกับซือหมิงคุยอะไรกันสองคนนางได้ยินชัดเจนทุกคำ
“พูดจากมั่วซั่ว ข้าได้ฉายาว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของแคว้นตงหลิน” เฟิงอู๋โยวไม่ยอมให้ภาพลักษณ์วีรบุรุษของนางถูกทำลายลง จำเป็นต้องหาวิธีเรียกคืนภาพลักษณ์นั้นกลับมาให้ได้
“ท่านแม่ทัพเฟิงพูดถูกขอรับ”
จุยเฟิงยิ้มตาหยี เขารู้สึกดีใจจนลืมทุกสิ่ง
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าสายตาของจุยเฟิงที่มองมาที่นางเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ทำเอานางรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
ครั้นมองเห็นป้ายสำริดมังกรบินคู่กับพญาหงส์ของตำหนักหลวนชินอยู่ไกลๆ เฟิงอู๋โยวจึงรีบสาวเท้าก้าวเข้าในตำหนักและปิดประตูตำหนักทันที
ซือมิ่งเห็นเช่นนั้นก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง “จุยเฟิง เจ้าอย่าทำให้แม่ทัพเฟิงตกใจ หากท่านใต้เท้ารู้เข้า เจ้าจะแก้ปัญหาเยี่ยงไร”
จุยเฟิงกลับตอบ “ท่านใต้เท้าทำเรื่องที่ให้ผลลัพธ์ต่ำเกินไป ถ้าข้ารู้ไวกว่านี้ว่าแม่ทัพเฟิงเป็นสตรี ข้าจะแอบวางยาพวกเขาสองคนตั้งแต่เมื่อคืน”
ตอนที่ 337 สวนกลับ
ในตำหนักหลวนชิน เฟิงอู๋โยวรื้อค้นตู้เสื้อผ้าของจวินมั่วหรันที่ทิ้งไว้นานปี
กึกกึก!
ด้านหลังผนังกั้นกันลม มีเสียงเครื่องหยกตกลงบนพื้นดังขึ้น
เฟิงอู๋โยวตกใจแน่นิ่งไปชั่วขณะ รีบคว้าเสื้อผ้าชุดนึงคลุมเรือนร่างด้านหน้าเอาไว้ ลุกขึ้นยืน เอาเท้าถีบหลังผนังกั้นกันลมฉลุลายดอกสาลี่ที่ทำด้วยไม้โบราณจนแตก
หลังหลังผนังกั้น จวินฝูที่มือสองข้างสอดอยู่ใต้แขนเสื้อ ส่งสายตาอาฆาตมองมายังเฟิงอู๋โยว
“เฟิงอู๋โยว เจ้าแอบมาทำลับๆ ล่อๆ ในตำหนักหลวนชิน เจ้ามีแผนการอะไร” จวินฝูวางมาดเป็นใหญ่ เค้นถามเฟิงอู๋โยวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ข้ารู้ว่าสมองของเจ้าใช้การไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างน้อยเจ้าควรรู้จักปกป้องท่านพี่ของเจ้าบ้าง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโง่เขลาถึงขนาดร่วมมือกับคนนอกทำร้ายท่านพี่ของตัวเอง”
“อย่าได้ใส่ร้ายข้า! ข้าร่วมกับคนนอกทำร้ายท่านพี่ของข้าตั้งแต่เมื่อใด”
เฟิงอู๋โยวถามกลับอย่างเย็นชา “เจ้ากล้าที่จะสาบานกับฟ้าดินหรือไม่ว่าเจ้าไม่เคยคิดทรยศท่านพี่ตัวเอง จวินฝู เจ้าคิดว่าหยุนเฟยไป๋แต่งงานกับเจ้าเพราะอะไร เพราะลูกในท้องของเจ้าเป็นลูกของเขาอย่างนั้นหรือ”
“เรื่องของข้า ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่เจ้าจะมาชี้นิ้วสั่ง”
“โง่เง่า! เจ้าจงจำไว้ให้ดี หยุนเฟยไป๋ไม่ใช่ที่พึ่งของเจ้า ท่านพี่ของเจ้าต่างหากที่ใช่”
จวินฝูสะกดอารมณ์ไม่ได้ นางทนต่อการหลอกล่อของเฟิงอู๋โยวไม่ไหว สมองตื้นๆ ของนางจึงเล่าความจริงออกมาเสียหมดเปลือก “มองออกไปรอบๆ สุดลูกหูลูกตา จะมีใครที่รักท่านพี่ไปมากกว่าข้า เจ้าวางใจเถิด คนที่ข้าคิดจะทำร้ายมาตั้งแต่แรกเป็นเจ้าเท่านั้น
“ดังนั้น เป็นเจ้าที่ให้นางกำนัลฝ่ายซักล้างหลอกล่อข้าเข้ามาที่ตำหนักหลวนชินกระนั้นหรือ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” จวินฝูกรอกตาอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์และยังคงวางท่าอวดเบ่งอยู่เหมือนเดิม
เพี้ยะๆ!
เฟิงอู๋โยวง้างมือตบไปที่ใบหน้าของจวินฝูสองที
“วันนี้ ในนามว่าที่พี่สะใภ้ของพี่เจ้า ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนท่านพี่ของเจ้าเอง”
เฟิงอู๋โยวแสยะยิ้มมุมปากพร้อมพุ่งตัวไปหาจวินฝู กระชากข้อมือนางและเหวี่ยงนางไปด้านหลัง
จวินฝูถลึงตาใส่เฟิงอู๋โยวและกัดฟันกรอดอย่างโมโห “หน้าไม่อาย! คนเยี่ยงเจ้า ยังกล้าจะคิดเป็นสนมเอกของเซ่อเจิ้งหวาง? คนเขลาพูดจาเพ้อฝัน ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะอวดดีไปได้นานเท่าไหร่”
“วันนี้ ไฉนเจ้าถึงดื้อรั้นยิ่งนัก”
เฟิงอู๋โยวจับจวินฝูมัดไว้กับเสากลางตำหนัก ก่อนพูดขึ้นอย่างไม่เร่งรีบ “ต้องการให้ข้าวิเคราะห์ให้ฟังหรือไม่ว่าเหตุใดหยุนเฟยไป๋ถึงให้เจ้าคิดแผนการณ์เพื่อให้ร้ายข้า”
“คิดว่าตัวเองฉลาดนักหรือ เจ้าคงคิดว่าเจ้าอยู่ในสายตาของรัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินกระนั้นหรือ” จวินฝูกรอกตาใส่อีกครั้ง นางคิดราวกับว่าตัวเองเป็นสนมเอกของรัชทายาทแคว้นหยุนฉินไปแล้ว ทุกครั้งที่พูดถึงหยุนเฟยไป๋ สีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความผยองจงหอง
“ไม่ใช่ว่าข้าเข้าตาหยุนเฟยไป๋หรอกหรือ ถึงได้ให้เจ้ามาสืบเสาะถึงที่นี่ ถ้าเป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ หรงชุ่ยน่าจะถูกเจ้าทำร้ายจนแล้วกระมัง ทั้งหมดก็เพื่อให้ร้ายข้า เจ้าช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน”
จวินฝูได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจเป็นที่สุด
นางพูดอย่างตะกุกตะกัก “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวยิ้มบาง “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้ารู้ได้เยี่ยงไร ตอนนี้ข้าจะบอกกับเจ้าไว้อย่าง หยุนเฟยไป๋ยังทำอะไรอีกบางอย่าง เขาโยนความผิดให้ข้าอย่างแนบเนียน และขณะเดียวกันเขายังทำร้ายองค์ฮ่องเต้อย่างเหี้ยมโหดด้วย”
ใบหน้าของจวินฝูฉายแววสับสน แม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกดีกับจี้มั่วอิ้นเหรินเท่าไหร่ แต่นางก็รู้ดีว่าจวินมั่วหรันปกป้องทะนุถนอมจี้มั่วอิ้นเหรินด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ดังนั้น นางไม่คิดให้จี้มั่วอิ้นเหรินมีอันเป็นไป ไม่กล้าแม้แต่จะคิด
“ถ้าเกิดว่าสิ่งที่หยุนเฟยไป๋ทำเป็นไปตามที่คาดหวัง ข้าจะกลายเป็นคนร้ายที่ทำร้ายฮ่องเต้ และท่านพี่ของเจ้าก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนบงการให้ข้ากระทำเช่นนี้”
“เจ้าก็คือเจ้า ท่านพี่ก็คือท่านพี่ เฟิงอู๋โยว เจ้าปิดทองบนหน้าตัวเองให้มันน้อยๆ หน่อย”
เฟิงอู๋โยวพูดต่อเสียงเรียบ “สิ่งที่หยุนเฟยไป๋ต้องการไม่ใช่เพียงเท่านี้ เป้าหมายของเขาคงไม่ใช่เพียงแค่ส่งข้าเข้าคุกสวรรค์แห่งศาลเล้าต้าหลี่ เจ้ารู้หรือไม่ท่านพี่ของข้าก็ถูกขังอยู่ที่ศาลเล้าต้าหลี่เช่นกัน โทษหนักที่เขาได้รับคือโทษขโมยตราพยัคฆ์แห่งแคว้นหยุนฉิน เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงพวกนี้ ถ้าเดือดร้อนถึงท่านพี่ของเจ้า จะนำมาซึ่งหายนะอะไรกับเขาบ้าง”
จวินฝูจุกจนพูดไม่ออก ตอนแรกนางแค่คิดว่าแผนการของหยุนเฟยไป๋แค่ต้องการทำร้ายนางคนเดียวเท่านั้น
ไม่เคยคิดเลยว่าหยุนเฟยไป๋จะทำตัวเป็นขี้เมาไม่สนสุรา[1] เขาเพ่งเล็งมาที่จวินมั่วหรันอย่างเห็นได้ชัด!
เฟิงอู๋โยวแอบเห็นแววสำนึกผิดของจวินฝู จึงคลี่ยิ้มพูดต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงไม่ฆ่าเจ้า ข้ารอให้หยุนเฟยไป๋ค่อยๆ หลอกใช้เจ้าจนหมดประโยชน์ หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือของเจ้าก็จะตกอยู่บนกองทุกข์ไปตลอด”
ในระหว่างนั้นจวินฝูก็นึกถึงการกระทำอันรุนแรงที่หยุนเฟยไป๋ทำกับนางในช่วงที่ผ่าน แววตาผุดแววหวาดกลัวทันที
เฟิงอู๋โยวเห็นเหมือนมีคนเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกห้อง จึงใช้ผ้าปิดตาของจวินฝูไว้ แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดทันที
ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดจวินฝูก็เอ่ยปากถามเฟิงอู๋โยว “แล้วข้าควรทำเยี่ยงไรเพื่อไม่ให้ท่านพี่ของข้าได้รับผลกระทบ”
“แค่เจ้าไม่ทำอะไรวุ่นวายไปกว่านี้ก็ดีมากแล้ว ข้าไม่คาดหวังว่าสมองทื่อๆ ของเจ้าจะใช้การอะไรได้”
หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าเสร็จ นางก็ไม่อยากแยแสจวินฝูอีกต่อไป
ประโยคเมื่อครู่ นางไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้จวินฝูฟังคนเดียวเท่านั้น
ในความจริงแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งหมดของนางตอบสนองไวมาก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักก็รู้ได้ว่ามีคนสองคนซ่อนอยู่ข้างใน
นอกจากจวินฝูแล้ว มีอีกหนึ่งคนซ่อนตัวอยู่ภายใต้ฟูกนุ่มๆใต้เตียง
น่าจะเป็นองครักษ์ลับที่หยุนเฟยไป๋ส่งมาประกบจวินฝู
เฟิงอู๋โยวคิดในใจ หลังจากองครักษ์ลับผู้นั้นนำข้อมูลที่จวินฝูที่เป็นห่วงเป็นใยจวินมั่วหรันกลับไปรายงานหยุนเฟยไป๋ เขาจะต้องคงโมโหจนควันออกหู ตาเขียวปั๊ดแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้จวินฝูจะถูกหยุนเฟยไป๋อภิเษกสมรสเข้าเรือนอย่างเป็นทางการ นางก็คงไม่มีทางใช้ชีวิตได้อย่างผาสุก
“หึ! ทั้งที่อายุแค่สิบเจ็ด ไฉยถึงดูอับเฉาเหมือนหญิงแก่เช่นนี้ ข้าหวังจากใจจริงๆ ว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ในวันที่ข้าออกจากคุกมา” เฟิงอู๋โยวฉายแววหยอกเย้า ใช้นิ้วเดียวเกี่ยวไปที่คางบอบบางของจวินฝู
จวินฝูกัดฟันแน่น ก่อนพูดอย่างรุนแรง “เศษสวะจากแคว้นเป่ยหลี เจ้าจงเบิกตาอันไร้แววของเจ้าไว้ดูเสีย ข้าเป็นองค์หญิงผู้สูงส่งที่จะใช้ชีวิตสุขสบายตลอดชาติ”
เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมาถอดถุงเท้าของจวินฝูและยัดใส่ปากของนางอย่างไม่เกรงใจ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”
[1]ขี้เมาไม่สนสุรา หมายถึงเจตนาเดิมนั้นมิใช่อยู่ที่จุดนี้แต่อยู่ที่จุดอื่น