ตอนที่ 342 นางเหมือนหลิงซู่ซู่ยิ่งนัก / ตอนที่ 343 ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีทำตัวแปลก
ตอนที่ 342 นางเหมือนหลิงซู่ซู่ยิ่งนัก
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนสังเกตเห็นสายตาของเฟิงอู๋โยว จึงกำผ้าเช็ดหน้าแน่นอย่างเงียบๆ “หอแพทย์หลวงตรวจพบว่าองค์ฮ่องเต้ติดพิษขั้นรายแรง”
ท้าวนางกุ้ยกลัวว่าเฟิงอู๋โยวจะไม่พอใจกับคำตอบของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน นางจึงรีบพูดเสริม “แพทย์หลวงซูบอกว่า สาเหตุของอาการหมดสติไม่ฟื้นตื่นขององค์ฮ่องเต้มาจากโอสถลึกลับในห้องบรรทม หัวหน้าขันทีมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าโอสถลึกลับขวดนั้นเป็นสิ่งที่แม่ทัพเฟิงถวายให้องค์ฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว”
เป็นไปอย่างที่คิด! ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจงใจใช้โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์สร้างสถานการณ์
เพื่อโยนความผิดให้นาง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลับกล้าดีลงมือกับจี้มั่วอิ้นเหรินได้ลงคอ
“พระพันปีหลวงทรงคิดว่าเยี่ยงไรพะย่ะค่ะ”
อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็ยัดถ้วยชาใส่มือของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย นางคลี่ยิ้มแต่รอยยิ้มไปไม่ถึงหางตา
ขณะนี้ ในรูม่านตาของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนสะท้อนภาพเงาของบุรุษในชุดขันทีคนหนึ่ง ถือแจกันลายคราม
เฟิงอู๋โยวคิดในใจว่า บุรุษด้านหลังมีทักษะการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ มิฉะนั้น นางคงไม่มีทางสัมผัสการมีอยู่ของเขาไม่ได้แน่นอน
จะว่าช้าก็ข้า จะว่าเร็วก็เร็ว
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนคิดว่าเป็นผู้ช่วยชีวิต แต่ในขณะที่นางรวบรวมกล้าและกำลังง้างมือตบหน้าเฟิงอู๋โยวอยู่นั้น เฟิงอู๋โยวก็โยกตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดไปทางขวาของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เพี้ยะ!
บูม
เสี้ยวพริบตาต่อมา พระหัตถ์พระพันปีหลวงเห่อเหลียนก็ตบเข้าไปที่ใบหน้าของบุรุษในชุดขันทีอย่างเต็มกำลัง
และขวดลายครามขนาดเท่าท่อนแขนผู้ใหญ่ในมือของบุรุษผู้นี้ก็ฟาดลงบนหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนอย่างตรงเผง
ทันใดนั้น ขวดลายครามแตกกระจายราวกับเกล็ดหิมะ หน้าผากของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนถูกกระแทกจนแตกเป็นรูขนาดเท่ากำปั้น เลือดไหลออกมาอย่างพรั่งพรู
“บังอาจต่อต้าน ใช้ความรุนแรงในตำหนักคุนหนิงอย่างเปิดเผย สมควรตายหมื่นครั้ง!”
เฟิงอู๋โยวตวาดใส่บุรุษที่กำลังตกตะลึงเป็นไก่ตาแตกอย่างชอบธรรม จากนั้นก็ชี้ไปที่ทหารองครักษ์พกดาบที่อยู่หน้าตำหนักทันที “ยังไม่รีบนำตัวกบฏเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกหรือ”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนมองดูบุรุษด้านหน้าด้วยดวงตาน้ำตาคลอ นางพยายามระงับโทสะในใจลงและตรัสขึ้นเสียงเย็น “จงเซิ้งเป็นหัวหน้าผู้ดูแลตำหนักคุนหนิง เขาไม่มีวันลงมือทำร้ายข้าอย่างแน่นอน”
เฟิงอู๋โยวผายมือออกและพูดอย่างจนปัญญา “ผู้คนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเห็นกับตา เขาฟาดขวดลายครามลงบนหน้าผากของพระพันปีหลวงอย่างรุนแรง หากพระพันปีหลวงทรงปกป้องคนสนิท กระหม่อมคงทำได้เพียงปิดตาข้างหนึ่ง ลืมตาข้างหนึ่ง ทำเป็นมองไม่เห็น”
จงเซิ้งจ้องเขม็ง ดวงตาคมดุจเหยี่ยวจับจ้องเฟิงอู๋โยว สองมือใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่น
“บังอาจดูหมิ่นพระพันปีหลวง ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเสีย”
ปีกจมูกของจงเซิ้งกระพือเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของเขาพุ่งเข้าหาใบหน้าของเฟิงอู๋โยว พร้อมกับฝ่ามือวายุอันทรงพลังหลายลูก
ตอนนี้ จุยเฟิงที่ถูกจงเซิ้งสกัดจุดลมปราณตั้งแต่ตอนแรก ทำได้แค่หยุดนิ่งอยู่กับที่
พลังงานภายในของเฟิงอู๋โยวถูกผนึกตั้งแต่แรก บวกกับไม่คุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้ยุคโบราณมากนัก ดังนั้นนางจึงเสี่ยงต่อการถูกฝ่ามือวายุที่อัดแน่นด้วยจิตสังหารของจงเซิ้งโจมตีจนบาดเจ็บ
โชคดีที่เฟิงอู๋โยวมีสัญชาตญาณการระวังตัวสูงมาก
เมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา นางจึงรีบหันศีรษะกลับมาและพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีอันรุนแรงที่สะเปะสะปะของจงเซิ้ง
เคล้ง!
เธอหลบเลี่ยงการโจมตีที่อันตรายของจงเซิ้งได้อย่างหวุดหวิด เครื่องหัวประดับหินหยกถูกฝ่ามือวายุอันใส่จนแตกกระจาย
เพียงชั่วขณะ เส้นผมสีดำของเฟิงอู๋โยวพลันร่วงลงมาราวกับน้ำตก
เกือบทุกคนทั่วทั้งตำหนักคุนหนิงต่างตกตะลึงตาค้าง
ท่าทางของเฟิงอู๋โยวในตอนนี้เหมือนเซียนสวรรค์ หรือไม่ก็สูงส่งกว่าเซียนสวรรค์
รูม่านตาของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนหดเกร็งลงฉับพลัน นางทรงยืนขึ้นพรวดโดยไม่สนใจแผลขนาดใหญ่บนหน้าผาก จ้องมองใบหน้าอันหงุดหงิดของเฟิงอู๋โยวอย่างไม่ละสายตา
คิ้วของนางคมเข้มดั่งภาพวาดน้ำหมึก มนตร์เสน่ห์เหมือนดั่งสายน้ำแห่งสารทฤดู ราศีเซียนและจิตวิญญาณแฝงรวม
ลักษณะท่าทางทางเสน่ห์น่าพิสมัยเยี่ยงนี้ ช่างเหมือนกับหลิงซู่ซู่เป็นที่สุด!
ตอนที่ 343 ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีทำตัวแปลก
ดวงตาทรงเม็ดบ๊วยของจวินฝูเบิกกว้าง จ้องมองเฟิงอู๋โยวที่สวยงามพร่างพราวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ไม่น่าแปลกใจที่หยุนเฟยไป๋สงสัยว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรี แค่มองจากรูปลักษณ์ของนางในตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อว่านางเป็นบุรุษแล้ว!
เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคน ขณะกำลังจะรวบมัดผมขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเอะอะลอยมาจากด้านนอกพระตำหนักคุนหนิง
หลังจากนั้นไม่นาน จวินมั่วหรันพร้อมด้วยขุขนางเจ้าหน้าก็รีบเข้ามาในพระตำหนักคุนหนิง
เขาเป็นเหมือนพายุหมุน เพียงพริบตาก็เข้ามาถึงด้านหน้าเฟิงอู๋โยว “ข้ามาสายแล้ว”
เฟิงอู๋โยวสูดจมูก พึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย “แคว้นตงหลินของพวกเจ้า ไม่ใช่แค่อสรพิษแมงป่องอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ในวังหลวงกลับเลวร้ายยิ่งกว่า มีแต่มีจิ้งจอก หมาป่า เสือสิงโตและเสือดาวอยู่ทุกที่เช่นกัน”
“ท่านพี่ อย่าไปฟังเขา! เขาเป็นคนยุยงให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้”
นางกำนัลสองคนช่วยกันพยุงจวินฝูขึ้นมา เข่าของนางอาบด้วยเลือด
แววหงุดหงิดฉายขึ้นในดวงตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรัน เสียงเย็นชาของเขาเปล่งขึ้น “จวินฝู ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้วว่าอย่าแตะต้องเขา แต่เจ้ากลับเพิกเฉยเหมือนลมผ่านหู”
“ท่านพี่ เฟิงอู๋โยวทำร้ายหรงชุ่ยจนตาย ไฉนท่านพี่ถึงลำเอียงเอาแต่ปกป้องเฟิงอู๋โยว และมองชีวิตคนอื่นเหมือนรากหญ้า”
“ท่านหญิงจวินฝูมีหลักฐานเอาผิดแม่ทัพเฟิงหรือไม่ คดีฆาตกรรมในวังหลวงควรส่งไปยังศาลต้าหลี่เพื่อพิจารณา ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ โปรดระมัดระวังคำพูดและการกระทำของท่านด้วย จงอย่าคิดเองเออเองกล่าวหาให้โทษแม่ทัพเฟิง” เมื่อเห็นความก้าวร้าวของจวินฝู ฟู่เย่เฉินก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
แผนโยนความความผิดให้ผู้อื่นที่โง่เขลาเช่นนี้ จวินฝูกลับมั่นอกมั่นใจและคิดว่าแนบเนียนเหมือนดั่งภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ
อันที่จริง ก่อนที่จะก้าวเข้ามาในพระตำหนักคุนหนิง ฟู่เย่เฉินได้สังเกตเห็นศพผู้หญิงนอนอยู่นอกพระตำหนักแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเป็นท้าวนางอาวุโสที่เสียชีวิตในพระตำหนักคุนหนิง
แต่นึกไม่ถึงว่าผู้ตายที่นางกำนัลพูดถึงจะเป็นสาวรับใช้ข้างกายของจวินฝู
แค่ดูจากรูปร่างก็รู้แล้วว่าผู้ตายไม่ใช่สาวรับใช้วัยเยาว์ร่างผอมบางของจวินฝูอย่างแน่นอน
หยุนเฟยไป๋กับเป่ยถางหลงถิงที่มาถึงทีหลังเคลื่อนสายตาไปมองเฟิงอู๋โยวทันที
ดวงตาของหยุนเฟยไป๋ฉายแววประหลาดใจ เขาคิดในใจ ด้วยความงามเช่นนี้ของเฟิงอู๋โยว ต่อให้นางจะเป็นบุรุษ เขาก็ยอมรับได้
เป่ยถางหลงถิงรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ เขาจ้องมองเฟิงอู๋โยวในสภาพดวงตาใสวาวเป็นประกาย ผมดำยาวคลุมไหล่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
โครงหน้าของเฟิงอู๋โยวไม่ค่อยเหมือนกับหลิงซู่ซู่เท่าไรนัก แต่เมื่อนางปลดผมสามพันเส้นลง มนตร์เสน่ห์ที่ฉายสะท้อนขึ้นบนใบหน้าของนางกลับเหมือนกับหลิงซู่ซู่ยิ่งนัก
ขอบตาของเขาพลันแดงเรื่อขึ้นมา เขามองเฟิงอู๋โยวอย่างแน่นิ่ง อยู่ๆ ภายในใจก็รู้สึกสงสารจับใจ
ดูเหมือนอายุของเฟิงอู๋โยวจะพอๆ กับเป่ยถางหลีอิน แต่นางกลับใช้ชีวิตอย่างยากลำบากยิ่งนัก
คิดคำนวณดูแล้วก็เพิ่งจะสิบเจ็ดปี
แม้ว่านางจะเป็นบุรุษ แต่กลับเคลื่อนขบวนทัพออกรบอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตั้งแต่วัยเยาว์ นางคงเหนื่อยน่าดู
สายตาเย็นชาของจวินมั่วหรันเหลือบเป่ยถางหลงถิงในสภาพดวงตาเปียกชุ่ม จากนั้นก็ช่วยเฟิงอู๋โยวรวบมัดผมขึ้นราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
แขนเสื้อของเขาปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของเฟิงอู๋โยวเอาไว้ แต่จากมุมมองของเป่ยถางหลงถิงกลับดูเหมือนมีผ้าคลุมสีเข้มปิดหน้านางอยู่
เรือนร่างแบบนี้เหมือนกับสตรีผู้ชนะในการแสดงของสภาบุหงาไม่มีผิด!
เมื่อเห็นเช่นนี้ เป่ยถางหลงถิงก็ตกใจเป็นที่สุด
หากเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีขึ้นมาจริงๆ แล้วนางกับหลิงซู่ซู่จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้างกันแบบใด
เหตุใดเฟิ่งจือหลินกับชิวหรูสุ่ยถึงปกปิดตัวตนของเฟิงอู๋โยว และบังคับสตรีผู้บอบบางเข้าสู่สนามรบอย่างโหดร้าย
“เฟิงอู๋โยว ข้าขอถามเจ้าสักสองสามประโยค” เป่ยถางหลงถิงเดินจ้ำอ้าวมาด้านหน้าเฟิงอู๋โยวอย่างร้อนรนใจ อยากพูดแต่พูดไม่ออก
“มีอะไร หรือว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีเห็นความสง่างามดั่งต้นไม้หยกของข้าจึงคิดอยากทาบทามข้าเป็นนางสนมคนโปรดในวังหลวงแห่งแคว้นเป่ยหลีกระนั้นหรือ”
เฟิงอู๋โยวยังจำได้ดีว่าเป่ยถางหลงถิงโหดร้ายทารุณกับนางเยี่ยงไร ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะไว้หน้าโดยปริยาย
ไม่คิดไม่ฝันว่าคำพูดที่อกตัญญูผิดศีลธรรมของนางไม่ทำให้เป่ยถางหลงถิงโกรธแม้แต่น้อย ทว่ากับนำมาซึ่งอัสนีบาตร
เปรี้ยง!
เปรี้ยงๆๆ!
แสงอัสนีฟาดลงมาจากฟ้าโปร่งพร้อมกับเสียงอัสนีบาตรสะเทือนโสต กระหน่ำดุดัน
ภายในใจของเฟิงอู๋โยวเกิดประหวั่นเล็กน้อย นางรู้แค่ว่าสวรรค์มีตา
แต่เป่ยถางหลงถิงกลับตาบอดใจดับ มีตาหามีแววไม่! แบบนี้คู่ควรจะถูกเรียกว่าพ่อแล้วกระนั้นหรือ