ตอนที่ 352 นางจัดการได้ / ตอนที่ 353 หลบหนี
ตอนที่ 352 นางจัดการได้
“ว่ามา เฟิ่งจือหลินสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์อะไรกับเจ้า”
เฟิงอู๋โยวครุ่นคิด หยุนเฟยไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่ไร้ผลประโยชน์ การที่เขายอมให้เฟิ่งจือหลินยืมพลทหารจะต้องได้ผลประโยชน์จากเฟิ่งจือหลินไม่น้อยแน่นอน
“บอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บัดนี้เจ้ากับข้าได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ท่านพ่อของเจ้ารับปากข้าว่าหลังจากเขายึดราชบัลลังก์สำเร็จ ก็จะเปิดทางให้ข้านำกองทัพทหารบุกเข้ามาทางชายแดนแคว้นเป่ยหลีและแคว้นตงหลิน” หยุนเฟยไป๋อธิบายอย่างอดทน เขาแค่ต้องการยื้อเวลาเพื่อรอให้โอสถหมดฤทธิ์ แล้วค่อยฆ่านางทิ้งให้สิ้นซาก
เฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้น อยู่ๆ ภายในใจก็ผุดความสงสารเป่ยถางหลงถิงขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่ว่าอย่างไร เป่ยถางหลงถิงก็นับว่าเคยเป็นสิงห์ร้าย[1]อยู่รุ่นหนึ่ง
น่าเสียดายกลับถูกขุนนางที่ตนไว้วางใจที่สุด และบุตรีสุดที่รักต้มจนเปื่อย
ชีวิตนี้ของเขา น่าเศร้าเสียจริง!
หยุนเฟยไป๋มองสีหน้าของเฟิงอู๋โยวอย่างระมัดระวัง พร้อมเกลี้ยกล่อมนางเสียงแผ่ว “เฟิงอู๋โยว วางมีดสั้นลงก่อน พวกเราคุยกันดีๆ ได้หรือไม่”
“สิ่งที่ควรพูด เจ้าก็พูดแล้ว ดูเหมือนว่าข้ากับเจ้าไม่มีหัวข้อสนทนาเดียวกันอีก”
เฟิงอู๋โยวเอ่ยเสียงเย็น เสี้ยวเวลาต่อมา นางง้างมีดปลายแหลมในมือและแทงเข้าไปบนแผ่นอกของหยุนเฟยไป๋เต็มแรง
หยุนเฟยไป๋เจ็บจนเหงื่อผุดท่วมกาย เส้นเลือดบริเวณลำคอเต้นตุบๆ
“เฟิงอู๋โยว เจ้าก่อกรรมเอง ไว้ชีวิตไม่ได้!”
“คำพูดประโยคนี้ ควรมอบให้ตัวเจ้าเอง”
เฟิงอู๋โยวดึงมีดปลายแหลมที่แทงลึกเข้าไปออกมาจากบริเวนแผ่นอกของเขา เลือดแดงฉานอุ่นผ่าพุ่งออกมาดัง “ซู่”
ตามหลักแล้ว หยุนเฟยไป๋ที่ถูกแทงโดนจุดสำคัญควรจะตายทันที
แต่ลมหายใจของเขากลับแปรปรวนเล็กน้อย ร่างกายไร้ซึ่งสัญญาณสิ้นชีพอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ นางเคยได้ยินฟู่เย่เฉินบอกว่า การหมกมุ่นในกามของหยุนเฟยไป๋ไม่เหมือนกับจี้มั่วจื่อเฉินที่มีนิสัยบ้ากามเสเพลมาแต่กำเนิด ทั้งหมดเกิดจากวิชานอกรีตที่เขาฝึก
บางทีการที่หยุนเฟยไป๋ทนมือทนเท้าขนาดนี้ คงเป็นเพราะผลจากวิชานอกรีต
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็แทงลงไปกลางกระหม่อมของเขาอีกครั้ง “ตายเสียเถิด! ต่อให้เจ้าจะมีสามเศียรหกกร[2]ข้าก็จะเฉือนเจ้าทิ้งเสีย!”
เฮือก!
สีหน้าของหยุนเฟยไป๋เย็นเยือกลงฉับพลัน เสียง ‘เฮือก’ ดังขึ้น เขาพยายามลุกขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำอย่างสุดกำลัง
สภาพของเขาราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรก ริมฝีปากม่วงคล้ำ เส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปน
“เฟิงอู๋โยว เจ้าคอยดูเถิด!”
พลังภายในทั่วทั้งตัวของหยุนเฟยไป๋พลุ่งพล่าน เขาตบฝ่ามือไปที่หน้าอกของเฟิงอู๋โยวหลายครั้ง เดิมทีตั้งใจจะฆ่านางให้สะใจ
แต่ ต่อให้เขามีวิชานอกรีตคอยปกป้องร่างกาย แต่ก็ไม่อาจทนกับบาดแผลมีดแทงยาวหนึ่งนิ้วบริเวณแผ่นอกของเขาได้
ครู่ต่อมา เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวหลบหลีกฝ่ามืออันรุนแรงของเขาได้อย่างว่องไว ก็ไม่คิดจะไล่ตาม แต่พังประตูหนีออกไป
เดิมทีเฟิงอู๋โยวอยากจะไล่ตามไป แต่ในตอนนี้นางยังมีความผิดติดตัว
ถ้าคนเห็นว่านางวิ่งออกจากคุกสวรรค์อย่างง่ายๆ ก็คงเป็นการยากที่จะไม่ให้เรื่องบานปลาย
ที่สุดทางเดินของคุกสวรรค์ ไป๋หลี่เหอเจ๋อกวาดมองหยุนเฟยไป๋ที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนแวบหนึ่ง
เขาได้รับข่าวว่าจวินมั่วหรันมีอาการโรคกำเริบ จึงรีบเดินทางมาที่คุกสวรรค์ของศาลต้าหลี่ทันที
มือข้างหนึ่งของเขากำขลุ่ยหยกลายบุหงาแน่น ขอแค่เฟิงอู๋โยวร้องขอความช่วยเหลือ เขาก็จะบุกเข้าไปในห้องขังเพื่อแสดงบทวีรบุรุษช่วยสาวงามทันที
คิดไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวที่ไม่มีพลังภายในแม้แต่น้อยจะสามารถทำร้ายหยุนเฟยไป๋จนบาดเจ็บสาหัสได้ อีกทั้งยังทำให้เขาตกใจกลัวจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ฟู่เย่เฉินที่ตามมาที่หลัง เมื่อเขาเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ยืนอยู่สุดทางเดิน จ้องมองเฟิงอู๋โยวที่อยู่ในห้องขังด้วยสายตาเย็นชาเหมือนดูละครสนุก ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นในใจทันที
“ต่อให้เจ้าไม่เก็บเอานางมาใส่ใจ แต่อย่างน้อยก็ควรไตร่ตรองแทนข้าบ้าง นางคือแสงจันทร์กระจ่างที่ข้าเฝ้าคำนึงหาทั้งวันทั้งคืน เจ้ายื่นมือเข้าช่วยนางหน่อยไม่ได้หรือ”
“นางจัดการได้”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อแค่นเสียงเย็น เขาหันหลังกลับ กลืนหายไปในราตรีอันมืดมิด สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป
ตอนที่ 353 หลบหนี
ฟู่เย่เฉินจ้องมองแผ่นหลังที่อ้างว้างโดดเดี่ยวของไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างเหม่อลอย ภายในใจพลันเย็นวาบขึ้นมา
ตลอดหกปีมานี้ เขาพยายามดูแลคุ้มครองอย่างสุดความสามารถ แต่ยังคงไม่อาจกอบกู้หัวใจอันดีงามของไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับมาได้เช่นเดิม
ระหว่างพวกเขาสองคน ราวกับยิ่งห่างเหินจากกันมากกว่าเดิม
แต่ว่า ขอเพียงไป๋หลี่เหอเจ๋อปลอดภัยไร้กังวล ต่อให้พวกเขาจะแยกย้ายกันไปก็ไม่เป็นไร
ฟู่เย่เฉินปรับความรู้สึกและเดินปล่อยอารมณ์มายังห้องขังที่เฟิงอู๋โยวอยู่
ในเวลานี้ เฟิงอู๋โยวกำลังจ้องมองห้องขังอันมืดมิดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ
ทันใดนั้น ภายในหัวของนางก็ได้ยินเสียงอันแหบแห้งของเฟิ่งอี้ดังขึ้นมา
เขตสุสานที่ภูเขาอี้จ้วงโห่ว?
หรือว่าเฟิ่งอี้จะนำตราพยัคฆ์แห้งแคว้นหยุนฉินซ่อนเอาไว้ในเขตสุสานรกร้าง?
ทันใดนั้น ดูเหมือนว่านางจะคิดได้แล้ว ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในสองวันที่ผ่านมาอย่างแจ่มแจ้งเสียที
ทั้งหมดเหมือนเกิดขึ้นเพราะหยุนเฟยไป๋
ก่อนอื่น หยุนเฟยไป๋ใช้ประโยชน์จากความอิจฉาริษยาของจวินฝู ยุยงให้นางสังหารหรงชุ่ยสาวรับใช้ข้างกาย แล้ววางแผนให้โยนความผิดมาให้เฟิงอู๋โยว
ในขณะเดียวกัน เขายังติดสินบนคนข้างกายของจี้มั่วอิ้นเหริน รบเร้าให้นางลงมือใส่ส่วนผสมอื่นลงในโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ที่มอบให้แก่จี้มั่วอิ้นเหริน เพื่อเพิ่มความผิดให้นางอีกกระทง
สำหรับที่ว่าหยุนเฟยไป๋ติดสินบนใครนั้น เฟิงอู๋โยวคิดใจใน นอกจากชูชูนางกำนัลร่วมห้องหลับนอนของจี้มั่วอิ้นเหริน ก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีกแล้ว
นับตั้งแต่เจอหน้าชูชูครั้งแรก เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกว่าในสายตาของชูชูที่มองจวินมั่วหรันเจือแววคลั่งไคล้และลุ่มหลง
เมื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน นางก็ได้พบเบาะแสบางอย่างเข้าแล้วจริงๆ
เพื่อเปลี่ยนรูปร่าง ชูชูจงใจเพิ่มพื้นรองเท้า แล้วก็เพิ่มที่เสริมไหล่
แต่ว่าชูชูกลับไม่ได้อำพรางเอวคอดเล็กที่โดดเด่นยั่วยวนใจของนาง
ทอดสายตามองไปทั่วเมืองหลวงแห่งแคว้นตงหลิน สตรีผู้เจริญหูเจริญตาที่มีเอวเล็กคอดแบบชูชู นอกจากชูชูแล้ว ก็มีแค่ฉู่อีอีที่หายสาบสูญไปหลายวันเท่านั้น
เดิมที เฟิงอู๋โยวก็เหมือนกับทุกคน คิดว่าฉู่อีอีเป็นหมากที่ไม่ได้มีความสำคัญตัวหนึ่งในมือของไป๋หลี่เหอเจ๋อเท่านั้น
จนกระทั่งหลังจากฉู่อีอีหมดประโยชน์ นางยังสามารถแกล้งตายและหลบหนีไปจากสายตาของทุกคนได้ เฟิงอู๋โยวจึงตระหนักได้ว่าเจ้านายของฉู่อีอีจะต้องมีอีกคน
เพราะเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อจะยื่นเข้าช่วยเหลือหมากที่ไร้ประโยชน์
เมื่อเป็นเช่นนี้ มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าเจ้านายของฉู่อีอีจะเป็นตามที่กู่หนานเฟิงคาดเดา ซึ่งคือหยุนเฟยไป๋ผู้ชั่วร้าย
จากการสันนิษฐานนี้ เจตนาที่แท้จริงของหยุนเฟยไป๋ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
มองจากภายนอก เขาพยายามสร้างสถานการณ์ที่ถึงแก่ชีวิตหลายครั้ง เพื่อต้องการทำให้นางเหมือนตายไปแล้ว
อันที่จริงนางเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ ในช่วงหนึ่งของแผนการทั้งหมดของเขาเท่านั้นเอง
ทุกอย่างที่หยุนเฟยไป๋ทำ ก็เพียงเพื่อส่งเฟิงอู๋โยวเข้ามาในคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ด้วยมือตนเองเท่านั้น
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา หลักๆ มีสองข้อ
ข้อแรก ใช้อันตรายที่มีต่อชีวิตนางเข้าขู่เข็ญเฟิ่งอี้ บีบบังคับเขาให้ยอมบอกแหล่งที่ซ่อนตราพยัคฆ์แห่งแคว้นหยุนฉิน
ข้อสอง เพื่อทำให้ข้อพิพาทคดีขโมยตราพยัคฆ์แห่งหยุนฉินของเฟิ่งอี้ที่อยู่ของห้องขังฝั่งตรงข้ามเชื่อมโยงกับนาง นอกจากนี้ ทุกคนล้วนรู้ถึงความสัมพันธ์อันดีของนางกับจวินมั่วหรัน เดิมทีคดีที่ตราพยัคฆ์ถูกขโมยไม่เกี่ยวข้องกับจวินมั่วหรันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมือนจวินมั่วหรันเป็นผู้ชักนำ
เมื่อเป็นเช่นนี้ หยุนเฟยไป๋จึงสามารถนำกองกำลังทหารเข้ามาที่ตงหลินได้อย่างสมเหตุสมผล
เมื่อเฟิงอู๋โยวไตร่ตรองอย่างละเอียดก็รู้สึกกลัวขึ้นมา นางไม่ได้กังวลเรื่องการตายของหรงชุ่ยและเรื่องที่จี้มั่วอิ้นเหรินถูกวางยาพิษจะทำให้นางเดือดร้อน
เพราะทั้งสองคดีนี้มีช่องโหว่มากมาย สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้
สิ่งที่นางกังวลคือ หยุนเฟยไป๋ตั้งใจทำให้ความขัดแย้งของแคว้นหยุนฉินและแคว้นตงหลินขยายใหญ่ขึ้น
เมื่อถึงเวลานั้น ทันทีที่ทำสงคราม ประชาชนจะต้องลำบากยากเข็ญ ทั่วใตหล้าจะต้องตกอยู่ในกลียุคเป็นแน่
อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็ตัวสั่นสะท้าน นางลุกขึ้นยืนเหม่ออยู่ที่ประตูห้องขัง หวังว่าจวินมั่วหรันจะสามารถตามมาถึงที่นี่ได้ภายในเร็ววัน
เดิมทีนางควรหลบหนีออกจากคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่โดยไม่สนใจอะไร และออกไปตามหาตราพยัคฆ์แคว้นหยุนฉิน
แต่ว่าชีวิตของคนในครอบครัวของตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายและมีผลประโยชน์ต่อหยุนเฟยไป๋ นอกจากนี้ยังมีขุนนางจิ้น ขุนนางยู่ชินที่กำลังจ้องตลบหลังนางอยู่เช่นกัน
หากนางก้าวขาออกจากคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่เพียงแค่ก้าวเดียว นางก็จะได้รับโทษฐานแหกคุกทันที
“ไม่รู้ว่าจวินมั่วหรันได้รับบาดเจ็บหรือไม่!”
เฟิงอู๋โยวถอนหายใจหนึ่งเฮือก ภายในใจกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อฟู่เย่เฉินเห็นเฟิงอู๋โยวยืนทื่อที่อยู่ที่ประตูห้องขังราวกับก้อนหิน ดวงตาทรงนการเวกกึ่งยิ้มก็ฉายแววอิจฉาขึ้นมาแวบหนึ่ง
นางกำลังรอจวินมั่วหรันกระมัง?
ฟู่เย่เฉินอิจฉาความโชคดีของจวินมั่วหรัน
ตามหลักแล้ว เห็นได้ชัดว่าจวินมั่วหรันเป็นบุรุษมุทะลุที่ไม่เข้าใจในความรัก
ไฉนอยู่ๆ ถึงเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างแตกฉาน?
ฟู่เย่เฉินนึกเสียใจขึ้นมา ตอนที่ตัวเองยังวัยรุ่น ไฉนต้องรับนางบำเรอเข้าเรือนถึงสองคน?
ถึงตอนนี้ เขาดู ‘ไม่สะอาด’ เมื่อเทียบกับจวินมั่วหรันผู้ไม่เข้าใกล้สตรีไม่ได้เลยสักนิด เสียเปรียบให้จวินมั่วหรันตั้งแต่เริ่มต้น
“ฟู่เย่เฉิน!”
เฟิงอู๋โยวขยี้ตามองเงาร่างสีแดงเพลิงที่ปรากฏกายอยู่ท่ามกลางความอย่างประหลาดใจ
“คุ้นชินกับห้องขังหรือไม่”
ฟู่เย่เฉินวีพัดเบาๆ ราวกับปีศาจจากโลกโลกีย์ที่ปรากฏขึ้นขึ้นท่ามกลางเมฆหมอกอันมืดมิด
เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ นาง หยุดยืนอยู่ที่ประตูห้องขัง ที่กั้นด้วยลูกกรงเหล็กและจ้องมองนางตาไม่กะพริบ
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวเปล่งประกาย เขย่าลูกกรงระรัวด้วยสีหน้าดีใจ “เจ้ามาได้จังหวะพอดี มาอยู่แทนข้าในห้องขังสักคืนได้หรือไม่ เมื่อฟ้าสาง ข้าจะกลับมา”
“ได้”
ฟู่เย่เฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด พร้อมตอบรับเสียงเบา
เขารู้ดีว่าฟิงอู๋โยวไม่วางใจเรื่องจวินมั่วหรัน ถึงได้รีบจะออกไปด้านนอก
ถึงแม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกหึง แต่กระนั้นก็ถอดเสื้อคลุมด้านนอกอย่างรวดเร็ว และยื่นไปให้เฟิงอู๋โยว “อาการทางจิตของเขากำเริบ สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ที่ภูเขาด้านหลังสุสาน”
“วันหลังข้าจะเลี้ยงสุราเจ้า”
เฟิงอู๋โยวประสานมือแสดงความขอบคุณอย่างองอาจ
“ได้”
ฟู่เย่เฉินตอบรับเสียงนุ่มนวล ดวงตาของเขาจ้องมองตามแผ่นหลังที่คล้อยจากไปของเฟิงอู๋โยว มุมปากพลันยกขึ้นเล็กน้อย
เสื้อที่ราวกับเปลวเพลิงบนร่างกายของนาง เป็นชุดที่เขาตัดเย็บขึ้นด้วยมือของตนเอง
แต่เฟิงอู๋โยวที่เอาแต่คิดถึงจวินมั่วหรันกลับไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดบนชุดแม้แต่น้อย
[1] สิงห์ร้าย หมายถึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่ เข็มแข็งทรงอำนาจ
[2] สามเศียรหกกร หมายถึงเก่งกาจและมีความสามารถโดดเด่นเหนือคนทั่วไป