ตอนที่ 357 จวินสามขวบหายตัวไป / ตอนที่ 358 จวินสามขวบจอมออดอ้อน
ตอนที่ 357 จวินสามขวบหายตัวไป
อ๋าว วู้ว!
ทันใดนั้น เรื่องหมาป่าก็เห่าหอนดังขึ้น
จวินไป๋หรัน ตกใจจนสั่นไปทั้งตัว เขากอดเฟิงอู๋โยวแน่น กลัวมากจนไม่กล้าหายใจ
เฟิงอู๋โยวกระโดดขึ้นไปบนเนินหลุมฝังศพ ยืนบนจุดสูงสุดของหลุม จ้องมองดวงตาเหลือบเขียวหลายสิบคู่ที่เชิงเขา
“ฝูงหมาป่า?’’
ตามหลักแล้ว สุสานแห่งนี้ไม่ไกลหมู่บ้านเท่าไร ไม่มีทางที่จะมีฝูงหมามาป่าปิดกั้นทางแบบนี้แน่นอน
หรือว่าจะมีคนจงใจล่อฝูงหมาป่ามา?
สุดท้ายเฟิงอู๋โยวก็ต้องวางจวินไป๋หรันบนกอหญ้าหลังหลุมฝังศพและเอาหญ้าแห้งมาบังตัวเขา
นางทำท่าปิดปากและพูดเสียงบางแผ่ว “รอข้าจัดการฝูงหมาป่าให้เรียบร้อยก่อน แล้วเจ้าค่อยออกมา อย่างมากก็ครึ่งชั่วยาม”
จวินไป๋หรันกำลังจะพูดแต่ก็หยุด นัยน์ตาสีดำน้ำหมึกของเขาฉายความทรงจำที่เขาสูญเสียไปเป็นเวลานาน
ในความทรงจำ เขาเมื่อตอนยังเด็ก ถูกซ่อนตัวไว้บนเกวียนขนเสบียง
หูของเขาได้ยินแต่เสียงร้องของม้าศึก เสียงกลองศึกอันดังกึกก้องและเสียงร่ำไห้อันน่าสลดใจ…
จวินไป๋หรันเริ่มสับสน แท้จริงแล้วตัวเองเป็นใครกันแน่?
เหตุใดถึงมักได้ยินเสียงอันอ่อนโยนเรียกเขาว่า ‘หยุนหรัน’ อยู่ในหัวตลอด
เฟิงอู๋โยวไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของจวินไป๋หรัน นางลุกขึ้นและจุดไฟเผาหญ้าแล กิ่งไม้แห้งรอบหลุมฝังศพด้วยหินไฟที่นางพกติดตัว
นางยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเนินหลุมฝังศพ จ้องฝูงหมาป่าที่ไกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วย สายตาเรียบเย็น
เพียงไม่นาน ฝูงหมาป่าจากทุกสารทิศก็จู่โจมเข้ามาที่หลุมฝังศพที่เฟิงอู๋โยวยืนอยู่
หมาป่าที่ถูกกันไว้ด้วยวงล้อมของไฟ ถอยขาหลังเล็กน้อยเพื่อเตรียมพุ่งกระโจมเข้ามาในวงล้อมไฟ
พวกมันมีแววตาที่ดุร้าย มีหางดั่งไม้กวาด สะท้อนความดุร้ายออกมาให้เห็น
หมาป่ากลัวไฟ ตอนแรกก็แค่ลองยื่นขาหน้าแหย่มาหยั่งเชิง
เมื่อมั่นใจว่าไฟไม่ได้ร้อนมาก พวกมันก็กล้ากระโดดข้ามแนวเปลวไฟเข้าใส่ยังเฟิงอู๋โยว
ด้วยความกระหายเลือดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาเรียวยาวทรงกลีบดอกท้อของเฟิงอู๋โยว นางใช้ท่อนไม้จุดไฟเป็นอาวุธในการต่อสู้กับฝูงหมาป่า ท่อนไม้ไฟนับสิบที่ดูเหมือนไม่สามารถเข่นฆ่าเอาชีวิตได้กลับจัดการฝูงหมาป่าได้เป็นอย่างดี
ไม่นานเสียงคำรามและเสียงโหยหวนของฝูงหมาป่าก็ดังขึ้นระคนกัน
เลือดกระจายไปทั่วเหมือนเกล็ดหิมะ ใบหน้าสวยใสของเฟิงอู๋โยวเติมไปด้วยคราบเลือด
หลังจากจัดการหมาป่าในวงล้อมไฟนับสิบเรียบร้อย หมาป่าที่อยู่ด้านนอกวงล้อมไฟเริ่มหวาดกลัวและค่อยๆ ถอยห่าง
บางตัวถึงกับวิ่งหนีไปทางอื่น ค่ำคืนกลับสู่ความืดสงบอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเฟิงอู๋โยวก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น
นางรู้ดีว่าพวกหมาป่าไม่กลัวตาย การที่พวกมันหนีไป ไม่ได้หมายความว่าพวกมันยอมแพ้
พวกมันแค่ปั่นประสาทของเฟิงอู๋โยว ด้วยวิธีถอยเพื่อรุก แล้วค่อยหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อจู่โจมใหม่
เป็นไปอย่างที่คิด เพียงไม่นาน ฝูงหมาป่าก็กลับมาใหม่อีกครั้ง
ครั้นกวาดสายตาเห็นดวงตาประกายเขียวเป็นร้อยเป็นพันบนภูเขา เฟิงอู๋โยวก็ตกใจเป็นที่สุด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนนางจะฝ่าวงล้อมออกไปได้ยาก ยิ่งมีจวินไป๋หรันด้วย ยิ่งทำให้นางเสียเปรียบ
อ๋าว วู้ว!
ฝูงหมาป่าชูคอร้องเห่าหอน เขี้ยวอันแหลมคม ลิ้นสีแดงเลือด แค่พริบตาก็กระโดดมาอยู่ตรงหน้าเฟิงอู๋โยวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเจอที่ซ่อนตัวของจวินไป๋หรันแล้ว และกำลังเขี่ยกองหญ้าที่บังอยู่ข้างๆ จวินมั่วหรันออก
เมื่อเห็นเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวจึงรีบถีบหมาป่าที่อยู่รอบๆ ออก เสียงเข็มบิน “ฉึบๆ’’ ไม่กี่ครั้ง พวกหมาป่าที่ขวางทางอยู่ก็ล้มตาย
ครั้นนางยื่นมือทั้งสองข้างไปหาจวินไป๋หรัน ถึงพบว่าจวินไป๋หรันที่ซ่อนตัวอยู่ในกองหญ้าได้หายตัวไปแล้ว
เวลานี้นางตกใจยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่
หากจวินไป๋หรันโชคร้ายโดนหมาป่ากินล่ะ…
นางกระวนกระวายใจ ปากสั่นอย่างรุนแรง “ไม่ เขาต้องไม่เป็นอะไร”
ตอนที่ 358 จวินสามขวบจอมออดอ้อน
ระหว่างเฟิงอู๋โยวเหม่อลอยอยู่นั้น หมาป่าหลายตัวอาศัยจังหวะที่นางไม่ทันตั้งตัวง้างกรงเล็บอันแหลมคมเข้าใส่ด้านหลังต้นคอของนาง
นางสัมผัสได้ถึงกระแสลมที่กระทบด้านหลังต้นคอของนาง ขณะเตรียมกำลังจะหลบ ก็ถูกหมาป่าตัวอื่นขวางทางหนี
ในช่วงเวลาคับขัน จวินไป๋หรันได้ปรากฏตัวขึ้นจากท้องฟ้าและคว้านางเข้าไปไว้ในอ้อมแขน
เขาถือกระดูกสัตว์ไว้ในมือ และเจาะรูมากมายบนกระดูกสัตว์ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
จากนั้น ใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบเอวอันเรียวเล็กของเฟิงอู๋โยว กระโดดขึ้นไปบนเนินหลุมฝังศพอย่างว่องไว แล้วเป่าขลุ่ยกระดูก
เสียงขลุ่ยเบามาก แต่เมื่อถูกกระตุ้นพลังภายในอันกล้าแกร่งของจวินไป๋หรัน อานุภาพของมันก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
เสียงขลุ่ยทำให้เฟิงอู๋โยวได้รับบาดเจ็บไปด้วย เลือดไหลออกจากจมูกทั้งสอง
จวินไป๋หรันยกแขนเสื้อปากกว้างขึ้น ค่อยๆ เช็ดเลือดบนใบหน้าของนางและกระซิบเสียงอย่างแผ่ว “ท่านพี่ ปิดหูให้แน่น”
หลังจากเฟิงอู๋โยวทำตามที่บอก เขาใด้เป่าขลุ่ยโดยเสริมพลังภายในอันรุนแรงอีกครั้ง
เมื่อฝูงหมาป่าได้ยินเสียงขลุ่ย กำลังในการโจมตีได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งกว่านั้น พวกมันมีเลือดไหลออกตามทวารทั้งเจ็ด ขาทั้งสี่แข็งทื่อ ก่อนล้มลงพื้นและตายทันที
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา แสงเรืองสีเขียวทั่วทั้งภูเขาก็หายไป เหลือเพียงซากของหมาป่าเกลื่อนพื้นไปทั่ว
พวกมันตายอย่างอนาถเหมือนถูกทรมานอย่างหนักก่อนตาย
เฟิงอู๋โยวมองไปที่ซากศพของหมาป่าที่อยู่ใต้เท้าของนาง ก่อนอุทานขึ้น “อายุแค่สามขวบ เจ้าไปเรียนรู้วิชาป้องกันหมาป่ามาจากไหน มันทรงพลังมาก!”
จวินไป๋หรันเก็บขลุ่ยกระดูกแล้วยิ้มเหยเก “อาจารย์เป็นคนสอนข้า”
“อาจารย์?”
เฟิงอู๋โยวงุนงง ไฉนนางไม่เคยได้ยินจวินไป๋หรันพูดถึงอาจารย์ของเขาเลยมาก่อน
หรือว่าอาจารย์ที่จวินไป๋หรันพูดถึง แม้แต่จวินมั่วหรันก็ไม่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่
เฟิงอู๋โยวยิ่งรู้สึกว่าจวินไป๋หรันมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในตัว
เขาแตกต่างจากบุคคลิคย่อยอย่างจวินหลานหรันและจวินหงหรัน และความทรงจำของเขาแทบไม่ทับซ้อนกับของจวินมั่วหรัน
หรือว่าบุคลิกย่อยอย่างจวินไป๋หรัน จะไม่ได้มาจากการสังหารหมู่ตระกูลจวินเมื่อเก้าปีก่อน
“อาจารย์ดีกับข้ามาก”
ดูเหมือนจวินไป๋หรันจะจำเรื่องเศร้าบางอย่างได้ ระหว่างคิ้วจึงสะท้อนแววเศร้าหมอง
เฟิงอู๋โยวคิดอยากถามจวินไป๋หรันเกี่ยวกับเรื่องของอาจารย์ของเขา แต่เขากลับเอียงตัวพิงแขนของเฟิงอู๋โยวอีกครั้ง มือเรียวยาวได้รูปเคลื่อนเข้าจับเรือนร่างอันอ่อนนุ่มของเฟิงอู๋โยวอีกครั้ง
“ท่านใต้เท้า กระหม่อมมาช่วยเหลือล่าช้า!”
ในเวลานั้น จุยเฟิง อู๋ฉิงและคนอื่นๆ พร้อมคบเพลิงได้นำกลุ่มนักฆ่าจากสำนักหนึ่งอนันต์มุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็ว
จวินไป๋รันมองผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนลูบไล้อยู่ในอ้อมกอดของเฟิงอู๋โยว “ท่านพี่ ข้ากลัว”
เฟิงอู๋โยวเม้มปาก ถึงแม้จวินไป๋หรันมีความคิดเหมือนเด็กอายุสามขวบ แต่เวลาฆ่าคนก็ยากที่จะมีใครขวางได้
เมื่อเผชิญหน้ากับหมาป่าทั้งภูเขา เขาสามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างสงบและเยือกเย็น
นางไม่เชื่อว่าจวินไป๋หรันจะกลัวเป็น
นางคิดว่าจวินไป๋หรันใช้ข้ออ้างเรื่องความกลัวเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
เฟิงอู๋โยวหน้าแดงเรื่อ ผลักมือจวินมั่วหรันออกอย่างเขินอายและอธิบายกับจุยเฟิง “อาการทางจิตของท่านใต้เท้ากำเริบ ทำให้พฤติกรรมของเขาค่อนข้างผิดปกติ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ”
อู๋ฉิงพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อแอบเห็นจวินไป๋หรันที่ทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กอยู่ในอ้อมแขนของเฟิงอู๋โยว
นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าราชานรกผู้เย็นชาจะกลายเป็นคนขี้อ้อนเมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงอู๋โยว
นักฆ่าที่อยู่หลังอู๋ฉิงล้วนแต่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ก่อนหน้านี้พวกเขาศรัทธาในตัวจวินไป๋หรันมาโดยตลอด ในฐานะตำนานผู้ไม่เคยพ่ายแพ้แห่งตงหลิน
แต่เขาในตอนนี้ดูอ่อนโยนน่ารักเหมือนดอกไม้บอบบาง ไม่เหลือเค้าผู้นำที่สง่างามและน่าเกรงขามแม้แต่น้อย
จุยเฟิงกลั้นหัวเราะไม่ไหว เขาคิดในใจว่าขนาดในตอนที่อาการทางจิตกำเริบในภาวะคับขันเช่นนี้ จวินมั่วหรันยังพึ่งพาเฟิงอู๋โยวขนาดนี้ คิดว่าพวกเขาน่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้แน่นอน
เฟิงอู๋โยวจนปัญญา นางรู้ดีว่าจุยเฟิงเป็นคนช่างจิตนาการ จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีโดยการถามเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“จุยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านใต้เท้าจึงมาที่ภูเขาหลังสุสานเพียงลำพัง”
“ท่านใต้เท้าได้รับสารลับว่าท่านพี่ของแม่ทัพเฟิงได้นำตราพยัคฆ์แห่งแคว้นหยุนฉินมาซ่อนไว้ภูเขาหลังสุสาน จึงได้นำพวกข้าออกค้นหา เมื่อพวกข้ามาถึงหลังเขาก็ได้ยินเสียงกลองศึกดังขึ้นอย่างน่าประหลาด ทันทีที่ท่านใต้เท้าได้ยินเสียงกลองศึก สีหน้าของท่านก็เปลี่ยนไปแลลนลาน ก่อนจากไปโดยทิ้งพวกข้าไว้ด้านหลัง จนพลาดจากกัน ค้นหาจนทั่วภูเขาก็ไม่พบคนตีกลองและไม่เจอร่องรอยของท่านใต้เท้า จนสุดท้ายพวกข้าต้องลงจากเขา และตามหาท่านใต้เท้าจนทั่วเมือง”
“เสียงกลองศึก?”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกประหลาดใจ ถ้าจวินมั่วหรันฟังเสียงกลองศึกไม่ได้ แล้วจะนำทัพออกศึกได้เยี่ยงไร
จุยเฟิงพยักหน้าและพูดอย่างมั่นใจ “มันเป็นเสียงกลองศึกจริงๆ แต่ไม่ใช่เสียงกลองศึกธรรมดา เสียงกลองมีจังหวะพิเศษ ข้าออกสู้ศึกกับท่านใต้เท้าทั่วสารทิศมาหลายปี ไม่เคยได้ยินเสียงกลองศึกที่ไร้พลังฮึกเหิมแบบนี้มาก่อน”
“ดูท่าหยุนเฟยไป๋น่าจะเตรียมการมาอย่างดี”
เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจ ในเมื่อหยุนเฟยไป๋เกลียดจวินมั่วหรันขนาดนี้ ไฉนถึงไม่ฉวยโอกาสตอนอาการทางจิตของจวินมั่วหรันกำเริบมาสังหารเขาที่นี่
แต่หลังจากได้ยินที่จุยเฟิงพูด เฟิงอู๋โยวก็เข้าใจทันที
หยุนเฟยไป๋รู้ดีว่าจวินมั่วหรันมี ‘อาการทางจิต’ ดังนั้นจึงใช้เสียงกลองกระตุ้น ‘อาการทางจิต’ ของเขาให้กำเริบ จากนั้นจึงส่งมือสังหารนับสิบคนมาสังหารเขา
เมื่อมือสังหารทำงานล้มเหลว หยุนเฟยไป๋ก็ใช้วิชาลับเรียกหมาป่ามาสังหารจวินมั่วหรันต่อ
สาเหตุที่หยุนเฟยไป๋ไม่ลงมือสังหารจวินมั่วหรันด้วยตัวเองก็เพราะรู้ว่าหมาป่าจะต้องสังหารจวินมั่วหรันที่ “อาการทางจิต” กำเริบได้สำเร็จ
ในความคิดของคนทั่วไป บุคลิกย่อยเหล่านี้เป็นจุดอ่อนของจวินมั่วหรันอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือบุคลิกย่อยๆ ของจวินมั่วหรัน แข็งแกร่งพอๆ กับบุคลิกหลัก
“ท่านพี่ กอดข้าหน่อยได้หรือไม่”
จวินไป๋หรันแสดงอาการหึงหวงขึ้นทันทีเมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวคุยกับจุยเฟิงอย่างสนิทและลืมเขาไป
เขาจ้องจุยเฟิงที่กำลังหัวเราะ จงใจไปยืนตรงหน้าเฟิงอู๋โย่ว แขนล่ำสันของเขาโอบรอบคออันเรียวยาวของนาง และขาเรียวยาวของเขาก็ยกขึ้นเกี่ยวเอวนางทันที