ตอนที่ 359 ชุดสีแดงนี้เหมาะกับเจ้ามาก
“จวินไป๋หรัน เจ้าลงไป”
ถึงแม้เฟิงอู๋โยวจะหน้าด้าน แต่นางก็ยังเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน
เมื่อนางเห็นสีหน้าขำขันของทุกคน ใบหน้าของนางร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“ท่านพี่ ข้าชอบเรือนร่างของท่าน”
จวินไป๋หรันพูดอย่างจริงจัง
มือทั้งสองข้างเฟิงอู๋โยวจับเอวของจวินไป๋หรันและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นรอบที่สอง”
จวินไป๋หรันตอบกลับ “ท่านพี่ ข้าอายุแค่สามขวบเองนะ’’
ทันทีที่พูดจบ จวินไป๋หรันก็มุดหน้าเข้าไปที่อกของนางพร้อมพูดเสียงออดอ้อนว่า “ท่านพี่ ขอข้าชิมแค่คำเดียว”
เมื่อทุกคนเห็นภาพเช่นนั้น ก็แข็งทื่อเหมือนก้อนหิน ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับ
จุยเฟิงที่ตั้งสติได้ก่อนรีบใช้มือปิดหน้า แต่ก็แอบมองจวินไป๋หรันที่ลวนลามเฟิงอู๋โยวผ่านซอกนิ้วอย่างไม่ละสายตา
“ขอบรรพบุรุษคุ้มครอง ตระกูลจวินจะมีผู้สืบทายาทเร็วๆ นี้แล้ว”
จุยเฟิงดีใจมาก ตอนแรกเขากังวลว่าจวินมั่วหรันจะทำตัวสุภาพกับเฟิงอู๋โยวมากเกินไป และอาจเปิดโอกาสให้กับฟู่เย่เฉินและคนอื่นๆ
ดูเหมือนว่า ‘อาการป่วยทางจิต’ ของจวินมั่วหรันจะกลายเป็นตัวช่วยของเขาไปแล้ว
ดังคำกล่าวที่ว่าสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนก่อเกิดและเกี่ยวเนื่องกันไม่สิ้นสุด หากมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นก็ย่อมมีอีกสิ่งหนึ่งมาปราบ
จวินมั่วหรันผู้โดดเดี่ยวและเย่อหยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงอู๋โยว กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน กลายเป็นเชื่อฟังนางทุกเรื่อง
ส่วนคนที่รักอิสระอย่างเฟิงอู๋โยวกลับถูกจวินไป๋หรันแกล้งจนหน้าแดงหูแดง แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
เฟิงอู๋โยวได้ยินเสียงหายใจเข้าออกวนเวียนชิดใกล้ นางเขินอายจนอยากจะซ่อนตัวเข้าไปในโลงศพสักพัก
ทันใดนั้น จวินไป๋หรันรู้สึกถึงเจตนาอันรุนแรงที่พยายามผลักดันเขากลับลงไปอยู่ในหนองน้ำอันมืดมิดเปล่าเปลี่ยว ขณะที่เขากำลังจะขัดขืนก็หมดสติไปในทันที
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง จวินมั่วหรันจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังมองเขาอยู่อย่างงุนงง จากนั้นก็เหลือบมองไปที่มือของตัวเองที่วางอยู่บนหน้าอกของนาง
เขาดึงมือกลับทันที แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยื่นมือออกไปอีกครั้ง
เจ้าจวินไป๋หรันสมควรตาย บังอาจลวนลามสตรีของเขา
“จวินไป๋หรัน เบาๆ หน่อย พี่เจ็บ”
“อื้ม”
จวินมั่วหรันตอบกลับด้วยเสียงทุ้ม
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห หากเขามีความทรงจำของจวินไป๋หรันอยู่ด้วยก็ดี
แต่เขาจำไม่ได้เลยว่าจวินไป๋หรันทำอะไรกับเฟิงอู๋โยวไปบ้าง
ดังคำกล่าวที่ว่า ต่อให้เฝ้าระวังทั้งกลางวันและกลางคืนก็มิอาจป้องกันโจรในบ้านได้
ทุกคนทำตัวไม่ถูกไปตามๆ กัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจวินมั่วหรันผู้เคร่งขรึมเมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงอู๋โยวจะทะลึ่งได้ถึงขนาดนี้
ขณะที่จวินมั่วหรันและเฟิงอู๋โย่กำลังคลอเคลียกันอย่างยากที่จะแยกออกจากกัน ซือมิ่งก็ควบม้าเข้ามาอย่างเร็ว
เขายังไม่ทันยืนอย่างมั่นคง ก็รีบขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ ฃท่านใต้เท้าขอรับ เกิดเรื่องประหลาดที่คุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ ประมาณหนึ่งชั่วยามที่แล้ว หยุนเฟยไป๋เดินล่อนจ้อนออกจากคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเขาได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง สีหน้าม่วงแกมแดง ดูเหมือนถูกปีศาจเข้าสิง”
อู๋ฉิงตกใจมาก จึงรีบถามขึ้น “หรือว่าหยุนเฟยไป๋สำเร็จวิชานอกรีตแล้ว”
“หากสำเร็จวิชานอกรีตแล้วจะเป็นเยี่ยงไร”
ก่อนหน้านี้เฟิงอู๋โยวเคยได้ยินฟู่เย่เฉินพูดถึงเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง แต่นางรู้เรื่องเกี่ยวกับวิชานอกรีตที่หยุนเฟยไป๋ฝึกน้อยมาก
อู๋ฉิงพูดอย่างเคร่งเครียด “วิชานอกรีตที่หยุนเฟยไป๋ฝึกนั้นพิศวงมาก หากฝึกสำเร็จ จะมีร่างกายอยู่ยงคงกระพันและฝ่ามือแปรกระดูกต่อเนื่อง[1]”
เฟิงอู๋โยวถอนหายใจด้วยใจหาย “เกือบฆ่าเขาได้แล้ว ต้องโทษที่ข้าไม่เด็ดขาดเอง_”
“เกิดอะไรขึ้น”
จวินไป๋หรันขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่เฟิงอู๋โยว หลังจากแน่ใจว่านางปลอดภัยแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เฟิงอู๋โยวอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงสภาพพ่ายแพ้ของหยุนเฟยไป๋
นางกระแอมปรับน้ำเสียงและอธิบายถึงเรื่องในตอนนั้นด้วยสีหน้าระรื่น “หยุนเฟยไป๋ปลอมตัวเป็นเจ้า เข้าไปในคุกสวรรค์และคิดจะทำมิดีมิร้ายกับข้า ดีที่ข้าไหวตัวทัน พกโอสถขับเหงื่อติดตัวไว้เพื่อป้องกันตัว ทำให้ป้องกันตัวจากหยุนเฟยไป๋และทำให้เขาวิงเวียน ขณะที่กำลังคิดว่าจะเชือดคอเขาหรือตอนเขา ไม่คิดว่าเขาจะเกิดคลุ้มคลั่งและหนีไปได้”
เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินว่าหยุนเฟยไป๋ปลอมตัวเป็นเขาและแฝงตัวเข้าคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ ก็ถึงกับตกใจจนลืมหายใจ
มือทั้งสองของเขาโอบเอวของเฟิงอู๋โยว แต่เนื่องจากในใจไม่สงบ จึงเรียกร้องเพิ่มเติมอย่างอดไม่ได้
ทุกคนก้มหัวลดสายตามองที่เท้าของตัวเอง
เฟิงอู๋โยวส่งเสียงร้องขึ้นมา นางตระหนักได้ว่า ‘มืออันไร้มารยาท’ บนร่างกายนางไม่ใช่มือของเด็กอายุสามขวบ แต่เป็น ‘ชายหนุ่ม’ อย่างจวินมั่วหรัน ‘’
“จวินมั่วหรัน คิดว่าข้าไร้ยางอายนักหรือ”
นางผลักเขาออกอย่างโกรธและอาย มือข้างหนึ่งปิดหน้าที่ร้อนผ่าว จากนั้นก็วิ่งปิดหน้า อ้อมกลุ่มคนลงจากเขาไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อจวินมั่วหรันเห็นเช่นนั้นก็วิ่งตามหลังเฟิงอู๋โยวไปติดๆ โดยไม่สนใจคนอื่น
“ชุดสีแดงชุดนี้เหมาะกับเจ้ามาก ฟู่เย่เฉินเป็นคนตัดหรือ”
จวินมั่วหรันมองไปที่ตัวหนังสือคำว่า ‘ที่รักอู๋โยว’ ที่ปักด้วยดิ้นทองตรงคอเสื้อด้านหลัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหึงหวง
เฟิงอู๋โยวไม่รู้ว่ามีตัวหนังสือบนชุดสีแดงชุดนี้ นางคิดว่าจวินมั่วหรันคิดมากเกินไป จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
นางหยุดฝีเท้า หันกลับมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเรียวยาวทรงกลีบดอกท้อของนางฉายแววไม่พอใจ “จวินมั่วหรัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้า ข้าเกือบถูกหยุนเฟยไป๋ย่ำยี เจ้าไม่เคยถามข้าเป็นห่วงเลยสักคำ แถมยังมาสงสัยความสัมพันธ์ของข้าและฟู่เย่เฉินอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนั้นข้ากลัวขนาดไหน เจ้าไม่เคยเป็นห่วงข้าเลย”
[1] ฝ่ามือแปรกระดูกต่อเนื่อง คือหนึ่งในวิชานอกรีตที่ฝึกยากมาก โดยผู้ที่ถูกโจมตีจะไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วยาม กระดูกทั่วทั้งร่างกายจะอ่อนตัวเหมือนปุยนุ่นและแตกเป็นเสี่ยง อวัยวะภายในฉีกขาดอย่างรุนแรง