ตอนที่ 366 ควรเฉือนเนื้อประหารชีวิต
“เป็นไปได้เยี่ยงไร ข้าเห็นเจ้ากินยาพิษลงไปด้วยตาของข้า…”
จวินฝูรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนั่ง นางจ้องมองดวงตาเคลือบพิษของหรงชุ่ย สภาพเหมือนถูกตะปูตอกคาไว้ที่แท่นประทับ นางกลัวจนแข้งขาอ่อนแรง ขยับก็ไม่ได้
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนยิ่งสับสน จงเซิ้งจึงนวดคลึงที่ขมับของนางเบาๆ นางตรัสอย่างสุขุม “ที่นั่งอยู่ด้านล่างคือผู้ใด”
“พระอาญามิพ้นเกล้า หม่อมฉันคือสาวรับใช้ข้างกายท่านหญิงจวินฝูนามว่าหรงชุ่ยเพคะ”
หรงชุ่ยคุกเข่าลงตอบอย่างนอบน้อม
“เอ๊ะ?”
สีหน้าของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนฉายแววไม่เข้าใจ สายตาแหลมคมมองมายังจวินฝูที่นั่งกลัวจนตัวสั่นอยู่
มือทั้งสองข้างของจวินฝูประสานกันไว้แน่น นางกลัวจนไม่กล้าจะหายใจ
“เจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอันใด จงเล่าความจริงมา” ใบหน้าของจี้มั่วอิ้นเหรินเผยแววดีใจ หรงชุ่ยยังไม่ตาย แสดงว่าข่าวลือที่ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นฆาตกรก็ไม่จำเป็นต้องแก้ต่างแล้ว
หรงชุ่ยก้มหน้าก้มตาเลิกคิ้วเอ่ยขึ้นอย่างซื่อๆ “ไม่กี่วันก่อน รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินลอบเข้าเรือนฟางฮว๋าในตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง เพื่อขอร้องให้ท่านหญิงจวินฝูลอบทำร้ายแม่ทัพเฟิง ตอนแรกทาสผู้ต้อยต่ำอย่างหม่อมฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเพราะเป็นเรื่องของนายท่าน จึงไม่กล้าก้าวก่าย แต่ไม่คิดว่าเมื่อวานตอนเช้า ท่านหญิงจวินฝูจะใส่ยาพิษลงในน้ำชาที่มอบให้ทาสผู้ต้อยต่ำ”
จี้มั่วอิ้นเหรินรีบถามหรงชุ่ยต่อ “เจ้าพูดจริงหรือ”
หรงชุ่ยพนักหน้าอย่างหนักแน่น น้ำตาเท่าเม็ดถั่วเริ่มพรั่งพรูออกมาจากดวงตา “เมื่อแม่นมหวางทราบเรื่องว่าท่านหญิงต้องการจะให้ร้ายแม่ทัพเฟิงจนถึงขั้นสละชีวิต ทาสผู้ต้อยต่ำอย่างหม่อมฉันอีกนาง ยอมกรีดใบหน้าของตัวเองแล้วก็ดื่มน้ำชาผสมยาพิษ จากนั้นก็กระโดดลงในบ่อ เพื่อตายแทนทาสผู้ต้อยต่ำเยี่ยงผู้มีจิตใจยุติธรรมสูงส่ง”
“แม่นมหวาง?”
จวินฝูไม่คาดคิดเลยว่าศพที่ใบหน้าเหวอะหวะที่ทหารยกมาจะเป็นแม่นมหวาง
แม่นมหวางเลี้ยงดูนางเสมือนลูกในท้อง ปกป้องดูแลนางอย่างดีมาตลอดสิบเจ็ดปี
ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาลงเอยกลายเป็นศพบวมอืดใต้บ่อแบบนี้
นางคุกเข่าแล้วมองมายังศพแม่นมหวางอย่างไม่ละสายตา น้ำตาร้อนผ่าวไหลออกมาจากดวงตาทันที
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนกลัดกลุ่มยิ่งนัก นางไม่คิดว่าจวินฝูจะโง่เง่าได้ถึงเพียงนี้ แค่เรื่องการใส่ร้ายป้ายสีคนแค่นี้ก็ยังทำได้ไม่ดี
“จวินฝู เจ้ายอมรับผิดหรือไม่”
“ขอพระพันปีหลวงทรงพิจารณา จวินฝูเป็นสตรีมีครรภ์ จิตใจดีงามมาตลอด จะกล้าฆ่าคนได้เยี่ยงไร ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นหรงชุ่ยกับเฟิงอู๋โยวสมคบคิดเตรียมการกันมาก่อนเป็นแน่เพคะ”
เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นเสียงเยือกเย็น “ท่านหญิง ก่อนจะพูดอะไรออกมา ขอให้ผ่านสมองบ้าง ตอนแรกก็บอกว่าเห็นกับตาว่าข้าเป็นคนฆ่าหรงชุ่ยตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วต่อมาก็บอกว่าข้ากับหรงชุ่ยสมคบคิดกัน ประโยคก่อนและหลังขัดแย้งกันเช่นนี้ จะให้คนเชื่อได้เยี่ยงไร”
ขณะที่จวินฝูกำลังเค้นสมองหาข้อแก้ตัวโต้กลับ อยู่ๆ ก็มีเสียงรายงานของทหารดังกังวานมาจากด้านนอกห้องโถง
ไม่นาน มู่ลั่วเหยียนก็ถูกทหารนำตัวขึ้นมา
ใบหน้าของนางเคร่งขรึมและพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “พระอาญามิพ้นเกล้า หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลเพคะ”
จากการร่ายร่ำอันเป็นที่ตื่นตาในงานเลี้ยงบัณฑิตคืนนั้น ทำให้มู่ลั่วเหยียนมีชื่อเสียงขึ้นมา เพียงข้ามวันก็กลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นตงหลิน
เวลานี้ทุกคนต่างสงสัยกับคำพูดของมู่ลั่วเหยียน
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนมีความทรงจำที่ไม่เลวกับมู่ลั่วเหยียน จึงตอบไปอย่างเชื่องช้า “พูดมา”
มู่ลั่วเหยียนพยักหน้าเบาๆ แล้วค่อยๆ หันกลับไป นางชี้นิ้วไปที่จวินฝูพร้อมพูดอย่างฉะฉาน “คืนก่อนงานเลี้ยงบัณฑิต หม่อมฉันทำตัวซุ่มซ่ามจนทำให้น้ำชาหกเลอะเสื้อผ้า แล้วท้าวนางในวังได้นำพาหม่อมฉันไปยังตำหนักหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้ยินท่านหญิงจวินฝูกับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ หม่อมฉันกำลังจะหลบหลีก แต่ก็พลันได้ยินท่านหญิงจวินฝูบอกว่าจะฆ่าสาวรับใช้และโยนความผิดให้กับแม่ทัพเฟิง”
“เจ้าพูดจริงหรือ”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อย หากว่าคำให้การของมู่ลั่วเหยียนเป็นจริง จวินฝูคงโดนโทษฐานให้ร้ายขุนนางเป็นแน่
การตายของจวินฝูก็ไม่เกี่ยวกับนางแม้แต่น้อย
เพียงแต่พระพันปีหลวงเห่อเหลียนรู้ดีว่าแคว้นหยุนฉินแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าอย่างไร นางไม่คิดจะเป็นศัตรูกับหยุนเฟยไป๋แน่นอน
“พระอาญามิพ้นเกล้า หม่อมฉันเอาศีรษะของตัวเองเป็นประกันว่าสิ่งที่หม่อมฉันพูดเป็นจริงทุกประการ”
ตอนแรกมหาปราชญ์มู่ไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องนี้ การที่เขายอมคุกเข่าลงไปอีกคนก็เพื่อมู่ลั่วเหยียนบุตรีเพียงคนเดียวของเขา
ถ้าคนนอกบอกว่านางไม่ดีแม้นิดเดียวก็ไม่ต่างจากการพรากชีวิตของเขา
จวินฝูพูดไม่ออก ได้แต่กัดริมฝีปากแน่น ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้ามั่นใจของมู่ลั่วเหยียน
นางไม่เข้าใจจริงๆ ตัวเองไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับมู่ลั่วเหยียนแท้ๆ ไฉนมู่ลั่วเหยียนต้องมาร่วมวงกับเรื่องนี้ด้วย
สีหน้าของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนดูเคร่งขรึมลง เฟิงอู๋โยวก่อเรื่องที่ตำหนักคุนหนิงสร้างความไม่พอใจให้กับนาง มีหรือจะยอมปล่อยเฟิงอู๋โยวไปง่ายๆ
หลังนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ พระพันปีหลวงเห่อเหลียนจึงตรัสขึ้นอย่างลวกๆ เพื่อตัดสินโทษของจวินฝู “เนื่องจากจวินฝูตั้งครรภ์อยู่ จึงละเว้นโทษ แต่งดจ่ายเบี้ยหนึ่งปีเพื่อเป็นอุทาหรณ์”
“ขอบพระทัยพระพันปีหลวงที่ทรงโปรดเมตตาเพคะ”
จวินฝูรีบโขกหัวหนึ่งครั้งอย่างนอบน้อมให้กับพระพันปีหลวงเห่อเหลียน แล้วนางกำนัลสองคนก็เข้ามาประคองนางขึ้นไปนั่งยังแท่นประทับเหมือนเดิม
จงเซิ้งทราบดีว่าความแค้นในใจของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนยังไม่หมดสิ้น จึงพูดประโยคหนึ่งออกมา “เรื่องเมื่อวาน ที่ท่านหญิงจวินฝูถูกแม่ทัพเฟิงผูกตรึงไว้กับเสาที่ตำหนักหลวนชินพร้อมด่าทอ ทหารองครักษ์ล้วนเห็นกันหมด”
จวินฝูได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้า “เรื่องนี้เป็นความจริง ขอพระพันปีหลวงให้ความเป็นธรรมกับฝูเอ๋อร์ด้วยเพคะ”
จวิมั่วหรันกลับพูดขึ้น “อู๋โยวอบรมสั่งสอนน้องสาวแทนกระหม่อม มันผิดตรงไหนหรือ”
“ท่านพี่ ไฉนถึงจิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้”
“กษัตริย์ทำผิดก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับราษฎร จวินฝูฆ่าสาวรับใช้ในตำหนักที่ตั้งอยู่ในแคว้นตงหลิน ก็ควรใช้กฎของแคว้นตงหลิน ควรเฉือนเนื้อประหารชีวิต” จวินมั่วหรันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ไม่สำคัญอยู่