ตอนที่ 367 รสชาติหอมหวาน / ตอนที่ 368 ให้กระหม่อมดับไฟแทนท่านหรือไม่
ตอนที่ 367 รสชาติหอมหวาน
ดวงตาของจวินฝูสะท้อนแววเจ็บปวด นางไม่คิดเลยว่าชายที่นางรักมาสิบกว่าปีจะอยากให้นางตาย
เป่ยถางหลงถิงมองจวินมั่วหรันคล้ายคิดอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฟิงอู๋โยวถึงชอบจวินมั่วหรันขนาดนั้น
จวินมั่นหรันพึ่งพาได้ ปกป้องคนที่รัก คู่ควรแก่การเป็นที่พึ่งพิงตลอดชีวิต
หันกลับมามองตัวเอง ฟังความข้างเดียวจากเป่ยถางหลีอิน เข้าใจเฟิงอู๋โยวผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้นางได้รับความทรมานไม่จบสิ้น
ใบหน้าของเป่ยถางหลงถิงฉายแววเสียใจจนไม่กล้าสู้หน้านางตรงๆ
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนรู้สึกลำบากใจ ท่าทางของจวินมั่วหรันนักแน่น ยากที่จะโต้แย้งอย่างซึ่งๆ หน้า
หากหยุนเฟยไป๋ถูกคาดโทษขึ้นมา นางก็แค่สตรีสูงวัยในวังหลวงชั้นในคนหนึ่ง จะรับมือไหวได้เยี่ยงไร
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอะไรต่อไป ทหารองครักษ์พกดาบของหยุนเฟยไป๋ก็เข้ามาอย่ารีบเร่ง
“องค์รัชทายาทมีคำสั่ง ห้ามผู้ใดใครทำร้ายลูกในครรภ์ของพระสนมเอกเอกเป็นอันขาด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาที่ทุกคนต่างมองไปยังจวินฝูก็ดูมีนัยขึ้นมาหนึ่งส่วน
จวินฝูเห็นหยุนเฟยไป๋ปกป้องตัวเองแบบนี้ ความกังวลในใจก็หายไปสิ้น
นางยืดอกขึ้น หยิ่งผยองราวกับนกยูงและมองเฟิงอู๋โยวด้วยความได้ใจ
เฟิงอู๋โยวไม่ได้แยแสกับการท้าทายของจวินฝู เพราะคิดว่านางก็แค่ตั๊กแตนหลังสาทรฤดู กระโดดได้ไม่นาน[1]
หยุนเฟยไป๋เกังวลแค่ลูกในท้องของนางเท่านั้น หาใช่ตัวนางไม่
เขาเกลียดชังจวินมั่วหรันขนาดนั้น แล้วจะดีต่อน้องสาวของจวินมั่วหรันได้เยี่ยงไร
คิดไปคิดมา หากจวินฝูคลอดลูกที่อยู่ในท้องออกมาเมื่อใด จุดเริ่มต้นของฝันร้ายในชีวิตที่เหลือของนางก็เริ่มต้นเมื่อนั้น
แต่จวินฝูหาได้คาดการณ์ถึงจุดนี้ไม่ นางแค่ต้องการครองตำแหน่งพระสนมเอก ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายและภาคภูมิใจเท่านั้น
ไม่นานนัก จวินฝูก็ถูกนางกำนัลสองคนประครองออกนอกห้องโถงของศาลต้าหลี่ พระพันปีหลวงเห่อเหลียนเคลื่อนสายตามองเฟิงอู๋โยวอีกครั้ง
นางเข้าวังมาตั้งแต่อายุสิบสี่ ถึงวันนี้ก็ครบสามสิบปีแล้ว
สามสิบปีที่ผ่านนี้ มีศัตรูรูปแบบไหนบ้างที่นางไม่เคยพบเจอ
นางไม่เชื่อว่าประสบการณ์ของตัวเองในหลายสิบปีที่ผ่านจะสู้เด็กที่ยังอ่อนประสบการณ์คนหนึ่งไม่ได้
ไม่นานนัก นางก็หันกลับไปถามจี้มั่วอิ้นเหริน “ฮ่องเต้ เรื่องการวางพิษของเฟิงอู๋โยว ท่านเห็นว่าเยี่ยงไร”
จี้มั่วอิ้นเหรินรีบอธิบาย “ไม่มีเรื่องนี้อย่างแน่นอน โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ข้าเป็นคนแอบขโมยมาเอง หาได้เป็นเฟิงอู๋โยวที่ยื่นให้ด้วยตัวเองไม่”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนขมวดคิ้ว นางกดเสียงต่ำเค้นถามจี้มั่วอิ้นเหริน “ท่านเป็นถึงผู้ปกครองแคว้น จะพูดอะไรออกมาก็ควรมีเหตุมีผลบ้าง”
เพื่อปกป้องเฟิงอู๋โยว จี้มั่วอินเหรินไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จากนั้นก็เอ่ยเสียงขรึมต่อหน้าทุกคน “เฟิงอู๋โยวไม่ได้เป็นคนมอบโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ให้ข้า”
“ฮ่องเต้ ท่านยังเด็ก ยังไม่รู้ว่าจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงเพียงใด ถ้าเฟิงอู๋โยวไม่วางโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ไว้ในจุดที่สายตาท่านมองเห็น ท่านจะหยิบได้เยี่ยงไร จากความเห็นของข้า เฟิงอู๋โยวมีใจไม่ซื่อตั้งแต่ต้น” พระพันปีหลวงเห่อเหลียนโต้แย้งจี้มั่วอิ้นเหริน
จี้มั่วอิ้นเหรินร้อนรนใจ จึงเผลออ้างถึงจวินมั่วหรันออกมา “อันที่จริง โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ไม่ได้มีพิษร้ายแรงอะไร เซ่อเจิ้งหวางเป็นพยานได้ ไม่กี่วันก่อน ข้าบังเอิญเจอเซ่อเจิ้งหวางที่หน้าประตูวังหลวง เห็นเขากินทีเดียวเป็นสิบเม็ด ก็ไม่เห็นว่ามีพิษร้ายแรงอะไร ดังนั้นการที่โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์มีพิษร้ายแรงขนาดนี้ น่าจะมีคนในวังหลวงแอบเพิ่มส่วนผสมบางอย่างลงไป”
“ใช่ ข้ากินลงไปกินจริงๆ กินเป็นกำมือ รสชาติหอมหวาน พอกินลงไปแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติอะไร”
จวินมั่วหรันตอบด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ
เฟิงอู๋โยวยิ้มชื่น นางรู้ดีว่าเพื่อให้นางพ้นโทษ จวินมั่วหรันสามารถพูดอะไรออกไปได้ทั้งนั้น
แต่ว่าคำว่า ‘รสชาติหอมหวาน’ อันนี้ก็พูดเกินไป กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเขาโง่เง่ากินโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ลงไป อย่างออกรสออกชาติ
จี้มั่วจื่อเฉินหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างกลั้นไม่ไหว “อาหรัน หลังจากกินเข้าไปแล้ว แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”
ตอนที่ 368 ให้กระหม่อมดับไฟแทนท่านหรือไม่
เพื่อล้างมลทินให้กับเฟิงอู๋โยว จวินมั่วหรันได้แต่โต้แย้งแบบหัวชนฝา “ไม่ปกติ แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น”
ขุนนางจิ้นเคลื่อนสายตามองจุดสำคัญของจวินมั่วหรัน ก่อนถามอย่างสงสัย “แน่ใจหรือว่าไม่มีผลข้างเคียง”
ขุนนางหรงชินกลับพูดขึ้น “เซ่อเจิ้งหวางร่างกายยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่ตำหนักของท่านไม่มีแม้แต่เรือนนางบำเรอ ดังนั้นเซ่อเจิ้งหวางคงไม่รู้ว่าผลข้างเคียงของมันเป็นเยี่ยงไร”
“ไม่มี” จวินมั่วหรันตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ ทุกสายตาก็แอบมองมายังเฟิงอู๋โยวด้วยความสงสัย
คิดว่าจิวมั่วหรันกับเฟิงอู๋โยวน่าจะทดลองหลายครั้งแล้ว ถึงได้มั่นใจว่าโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ไม่มีผลข้างเคียง
เฟิงอู๋โยวไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเยี่ยงไร ใบหน้ายิ้มแย้มมองไปยังผู้คน นางต้องการทำการตลาดให้กับโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ “โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ไม่มีพิษภัย ซ้ำยังยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดราคะ หากกินโอสถนี้เป็นประจำ ยังช่วยเป็นโอสถอายุวรรณะได้อีกด้วย หากต้องการซื้อ เชิญทุกท่านไปยังเรือนแพทย์พยากรณ์ที่ถนนเถาหลี่ เป็นที่เดียวที่มีจำหน่าย ที่อื่นไม่มีแน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้นก็ต่างพากันงุนงง ทั้งที่เป็นโอสถคลายกำหนัดในบุรุษ แต่ถูกเฟิงอู๋โยวอ้างสรรพคุณไปมั่วซั่ว
ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่านั้นก็คือ มีบางคนในนั้นกลับเชื่อในสิ่งที่เฟิงอู๋โยวพูดและคิดจะไปที่เรือนแพทย์พยากรณ์และซื้อมากินจริงๆ เผื่อใช้ป้องกันในยามไม่พร้อม
อย่างเช่น สำหรับบ้านที่ต้องเอาอกเอาใจเหล่านางสนมนางบำเรอหมุนเวียนเปลี่ยนผลัด จนมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
ถึงเวลานั้น โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ขวดหนึ่งก็ชนะได้ยิ่งกว่าคำพูดเป็นพันหมื่น
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนเห็นขุนนางกระซิบกระซาบไม่หยุด ก็เริ่มปวดขมับตุบๆ
นางตวัดชี้ด้วยนิ้วที่เรียวยาวของนางพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เงียบ”
ทันใดนั้นทุกคนต่างพากันเงียบลง สายตานับร้อยคู่มองไปยังพระพักตร์อันเหลืออดของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนไม่คิดจะปล่อยเฟิงอู๋โยวไปง่ายขนาดนั้น แววตาของนางฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนเค้นถามเฟิงอู๋โยวด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฮ่องเต้อายุยังน้อย อยู่ดีๆ จะเสวยโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ไปได้เยี่ยงไร วันนี้ ถ้าไม่สามารถหาคำอธิบายให้ข้าได้ ข้าต้องเอาผิดเจ้าให้ได้”
เฟิงอู๋โยวยิ้มร่า ตอบอย่างคล่องแคล่ว “ฮ่องเต้ผู้สูงส่งทรงห่วงใยประชาราช มุ่งบริหารบ้านเมือง ไม่หมกมุ่นในราคะ เป็นบุญของแคว้นตงหลินเป็นล้นพ้น”
“เจ้าอย่าคิดจะหลอกข้า จงพูดออกมา เหตุใดบุตรชายของข้าถึงได้นอนสลบไป”
“พระพันปีหลวง เกรงว่าคำถามนี้จะทรงถามผิดคนเสียแล้ว โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์อยู่ในมือของเซ่อเจิ้งหวางไม่เห็นมีผลอะไร แต่พอถูกฮ่องเต้เอาเข้ามาในวังหลวงกลับเกิดปัญหาขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ว่านางกำนัลรับใช้ฮ่องเต้ส่วนพระองค์เป็นคนทำ”
ปึ่ง!
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนโกรธจัด ชี้หน้าไปยังเฟิงอู๋โยวพร้อมเปล่งเสียงดุดัน “บังอาจ นางกำนัลข้างกายของฮ่องเต้เป็นคนที่ข้าเลือกเองกับมือ จะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นได้เยี่ยงไร”
จวินมั่วหรันลุกขึ้น รีบก้าวเท้าไปยังหน้าห้องโถง แขนยาวๆ คว้าตัวเฟิงอู๋โยวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที
เขาแหงนหน้ามองพระพันปีหลวงเห่อเหลียนที่กำลังตะลึงงัน ริมฝีปากเรียวพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไฟในทรวงของพระพันปีหลวงกำลังลุกโชน ต้องการให้กระหม่อมช่วยดับไฟหรือไม่พะย่ะค่ะ”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นเยือกของจวินมั่วหรัน อยู่ๆ ก็รู้สึกหนาวสั่นและเปลือกตากระตุกขึ้นทันที
จงเซิ้งรีบประคองร่างที่กำลังสั่นของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน พร้อมเอ่ยเสียงขรึม “พระพันปีหลวง อาการปวดหัวกำเริบอีกแล้วหรือพ่ะยะค่ะ”
จี้มั่วอิ้นเหรินเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน จึงรีบพูดขึ้น “เสด็จแม่พักก่อนเถิด คดีนี้มอบให้ข้าเป็นคนจัดการดีหรือไม่”
“ก็ดี”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนไม่อยากจะต่อกรกับจวินมั่วหรัน จึงได้แต่ทำตามที่จี้มั่วอิ้นเหรินพูดขึ้นและลงจากแท่นประทับไป
เฟิงอู๋โยวมองพระพันปีหลวงเห่อเหลียนผู้เสแสร้ง ก็ยิ่งปวดหัว
คนที่มีธรรม ไฉนถึงได้ยังมีแต่ความเกลียดชังเช่นนี้
ดูเหมือนว่าการขลุกอยู่กับพระไตรปิฎกมาสิบกว่าปีคงเสียเปล่า
นางส่ายหัวไปมา ค่อยๆ เรียบเรียงสติใหม่ ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันแหลมคมมองไปยังชูชูที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังของจี้มั่วอิ้นเหริน “จะไม่แก้ต่างให้กับตัวเองหน่อยหรือ”
ชูชูกะพริบตาปริบๆ ยังคงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา “แม่ทัพเฟิง ท่านหมายความเยี่ยงงไร ชูชูโง่เขลา ฟังไม่เข้าใจ”
“จนถึงวันนี้ ยังคิดจะเสแสร้งแกล้งไร้เดียงสาอยู่อีกหรือ”
“ท่านแม่ทัพเฟิง ท่านจะปรักปรำข้าก็น่าจะทำให้แนบเนียนกว่านี้หน่อย ชูชูเป็นคนของฮ่องเต้ ตั้งแต่วันที่ก้าวเข้ามาในวังหลวง ชีวิตของชูชูก็ผูกไว้กับตำหนักนี้แล้ว หนึ่งร่วงล้วนร่วง หนึ่งโรจน์ล้วนโรจน์[2]”
ชูชูตอบมั่นอกมั่นใจ ไม่รีบเร่ง ไร้ทีท่าว่าสำนึกผิดแม้แต่น้อย
เฟิงอู๋โยวเคลื่อนสายตาไปยังขุนนางทุกคนที่อยู่ในห้องโถง จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างช้าๆ “ทุกท่าน ยังคงจำฉู่อีอีนางบำเรอมือหนึ่งแห่งหอนางโลมเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้หรือไม่”
“จำได้แน่นอน อย่างที่เขาบอกกัน รู้หน้าไม่รู้ใจ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าฉู่อีอีจะเป็นหญิงงามที่จิตใจโหดเหี้ยม นอกจากจะเป็นก่อคดีที่ศาลเจ้าหงเย่แล้ว ยังคิดการใหญ่ทำร้ายฮ่องเต้อีก” จี้มั่วจื่นเฉินพูดขึ้นอย่างฉะฉาน เสียงดังกังวานมากพอที่จะให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ยินอย่างชัดเจน
ดวงตาของขุนนางยู่ชินหมองลง มือหนึ่งลูบที่เครายาวของตัวเอง ก่อนพูดเสริม “ข้าจำได้ว่าฉู่อีอีเคยเป็นแขกพิเศษขององค์ชายห้า”
“ท่านจำผิดแล้ว”
ขุนนางหรงชินยิ้มบาง ดวงตาหยอกเย้ามองไปยังขุนนางจิ้นที่กำลังโมโหจนหน้ามืด เขาพูดออกมาเสียงเรียบนิ่ง “ฉู่อีอีไม่ใช่แค่เป็นแค่พิเศษขององค์ชายห้าเท่านั้น นางยังเป็นสนมเอกที่องค์ชายห้ารักที่สุดอีกด้วย”
[1]ตั๊กแตนหลังสาทรฤดู กระโดดได้ไม่นาน หมายถึงผู้ที่ทำผิดใกล้จะถูกสำเร็จโทษ
[2]หนึ่งร่วงล้วนร่วง หนึ่งโรจน์ล้วนโรจน์ หมายถึงเมื่อคนหนึ่งทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ เมื่อคนหนึ่งเจริญ อีกคนก็พลอยเจริญไปด้วย