ตอนที่ 370 ตายก็ไม่ยอมรับ / ตอนที่ 371 เอาใจ
ตอนที่ 370 ตายก็ไม่ยอมรับ
ต่อให้คำวิจารณ์จะค่อนมาทางสนับสนุนเฟิงอู๋โยว แต่ชูชูก็ยังคงไม่ลดละ
“แพทย์หลวงชู ท่านรักตัวกลัวตาย กลัวว่าแม่ทัพเฟิงจะคาดโทษท่าน ถึงได้เห็นเห็นพ้องตามเขา ไฉนถึงได้ข้อสรุปมั่วซั่วเช่นนี้”
ชูชูพูดอย่างมาดมั่นต่อหน้าทุกคน พร้อมกับถกแขนเสื้อขึ้น เปิดแขนขาวงามดั่งรากบัวให้เห็น
ที่แขนขาวของนางมีรอยสักสลักสีแดง สัญลักษณ์พรหมจรรย์ของนางในวังหลวง
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นก็พากันตกอยู่ในภวังค์ความคิด
แพทย์หลวงซูผู้มีประสบการณ์แพทย์มายาวนาน ถูกชูชูถามนั้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบเยี่ยงไร
เฟิงอู๋โยวกลับตอบ “ถ้าอยากจะพิสูจน์ว่ารอยสักนี้ของจริงหรือของปลอม ไม่ยากเลย ข้าเคยได้ยินว่ามีสตรีบางกลุ่มใช้ดักแด้ไหมเพื่อแก้ไขร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม โดยทั่วไปแล้ว ดักแด้ไหมจะออกจากรังก็ต่อเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่าอุณภูมิร่างกาย แค่เอานางไปแช่ในน้ำเย็นไม่กี่ชั่วยาม ถ้าโชคดี ดักแด้ไหมก็จะออกจากฝัก และสลักพรหมจรรย์ที่แขนของนางก็จะเลือนหายไปเอง
“แม่ทัพเฟิง ข้าไม่เคยล่วงเกินท่าน ไฉนท่านถึงไม่ยอมปล่อยข้า”
“แย่งบุรุษของข้าต่อหน้าต่อหน้า เจ้ายังบอกไม่ล่วงเกินข้าอีกหรือ” เฟิงอู๋โยวกดเสียงต่ำพูดขึ้นข้างหูของชูชู
ถ้าไม่ใช่เพราะชูชูมองมายังจวินมั่วหรันอยู่หลายครั้ง เฟิงอู๋โยวก็ไม่คิดจะเพ่งเล็งนาง
และไม่คิดจะเอานางกับฉู่อีอีที่หายสาบสูญไปเมื่อเดือนเศษก่อนหน้ามาผูกโยงกัน
หลังจากเห็นทหารหลายนายช่วยแบกน้ำเย็นมาอ่างหนึ่งอย่างเปลืองแรง เฟิงอู๋โยวก็ใช้มือหนึ่งลากหัวนางด้านหลังและโยนนางลงไปในอ่างน้ำ
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของเฟิงอู๋โยวไร้สาระยิ่งนัก จึงตรัสขึ้นเสียงต่ำ สีหน้าขุ่นเคือง “เฟิงอู๋โยว ศาลต้าหลี่หาใช่โรงละครไม่”
“กระหม่อมทราบดีพะย่ะค่ะ แต่ท่านผู้ดูแลสูงสุดแห่งตำหนักคุนหนิงข้างพระวรกายของพระพันปีหลวงในชุดแดงฉาน แขนเสื้อไหวพลิ้วผู้นี้ ดูเหมาะกับการร้องละครยิ่งนัก”
เฟิงอู๋โยวตอบกลับอย่างประชด นางไม่ได้ต้องการประชันฝีปากกับใคร นางแค่อยากจะดูปฏิกิริยาของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนว่าจะเป็นเยี่ยงไร
ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างพระพันปีหลวงเห่อเหลียนกับจงเซิ้งไม่ธรรมดาจริงๆ
ซ้ำยังตอนนี้ยังสวมใส่ชุดสีแดงเหมือนกัน พระพันปีหลวงเห่อเหลียนที่ดูเหมาะสมกับจงเซิ้งจะต้องใจหวิวและ ไม่กล้าโต้แย้งกับนางแน่นอน
เป็นอย่างที่คิด พระพันปีหลวงเห่อเหลียนเปลี่ยนกิริยาทันที ไม่เอ่ยถึงจิงเซิ้งแม้แต่คำเดียว และรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ข้าเห็นว่า แม้ว่าชูชูจะนอนแช่น้ำเจ็ดวันเจ็ดคืน รอยสักนั้นก็ไม่อาจเลือนหาย”
เฟิงอู๋โยว ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร รีบหันกลับไปยังชูชูที่หดตัวหนาวสั่นอยู่ในอ่าง
นางเอามือไพล่หลัง ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าชูชู สายตามองไปยังผิวน้ำที่มีกระเพื่อมอยู่เล็กน้อยอย่างใจจดใจจ่อ
จวินมั่วหรันก็แอบมองเฟิงอู๋โยวไม่ละสายตา เขารู้สึกว่าในตัวของเฟิงอู๋โยวแอบซ่อนความน่าอัศจรรย์ไว้มากมาย มักทำให้เขาตื่นเต้นได้อยู่ตลอด
ไม่นานนัก บนผิวน้ำก็มีปีกของแมลงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
บนปีกนั้นยังคงมีคราบเส้นเลือดติดอยู่
เฟิงอู๋โยวเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มขึ้นมา แล้วก็ลากชูชูออกมาจากอ่างน้ำ
นางชี้มายังแขนอันไร้ที่ติของชูชูพร้อมพูดขึ้น “ทุกคนดู รอยสักสลักพรหมจรรย์หรือไม่ มันหายไปแล้ว”
ทุกคนต่างตกใจยิ่งนัก พวกเขาพากันเอ่ยชมความรู้ความสามารถอันหลากหลายของเฟิงอู๋โยวที่นำมาใช้กับสถานการณ์ของชูชู
“ไฉนถึงไม่เถียงต่อ”
เฟิงอู๋โยวมองชูชูที่สีหน้าซีดเซียวอย่างผิดหวัง น้ำเสียงแฝงแววนึกสนุก
“ให้ร้ายผู้อื่น ไม่คิดว่าผู้อื่นจะทำร้ายตัวเองกลับบ้างหรือ”
ชูชูสะบัดหน้าหนี นางยังคงหัวรั้นอยู่เหมือนเดิม
ตอนที่ 371 เอาใจ
ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา
เฟิงอู๋โยวเอาตัวที่เปียกชุ่มของชูชูลากมาด้านหน้านางกำนัลคนหนึ่งพร้อมพูดขึ้นเสียงขรึม “เอาตัวนางไปยังห้องข้างๆ ตรวจดูที่หน้าท้องของนางว่ามีรอยบาดแผลของดาบหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
นางกำนัลตอบรับอย่างว่าง่าย ภายใต้การควบคุมตัวของทหาร ใบหน้าของชูชูเต็มไปความคับแค้นใจ จากนั้นก็ออกจากห้องโถงไป
ประมาณหนึ่งเค่อต่อมา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบกำลังบึ่งมาจากด้านนอกของห้องโถง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เห็นนางกำนัลในชุดกระโปรงผ้าแพรปิดบังใบหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าบางเบา โดยเดินตรงดิ่งมายังเฟิงอู๋โยว
เฟิงอู๋โยวเหลือบเห็นกริชแวววาวใต้แขนเสื้อ นางจึงเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับถอยหลังออกมาครึ่งก้าว
“ถ้าสิ่งที่ข้าไม่ได้ เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้ไป จะตายก็ต้องตายด้วยกัน”
ชูชูเอาดึงผ้าบดบังหน้าออก สีหน้าดุดันและตวัดกริชในมือ
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เฟิงอู๋โยวยังไม่ทันได้โต้กลับ เป่ยถางหลงถิงก็พุ่งมาด้วยความเร็วสายฟ้าและขวางด้านหน้าเฟิงอู๋โยว
มืออันใหญ่กว้างของเขาจับข้อมือบอบบางของชูชูไว้ได้ เสียง ‘กรุบ’ ดังขึ้น เขาบิดข้อมือของชูชูจนชา
“หากผู้ใดริอาจทำร้ายเฟิงอู๋โยวแม้แต่ปลายเส้นผม ถือว่าเป็นปรปักษ์กับข้า”
เป่ยถางหลงถิงรูปร่างงดงาม วาจาก็น่าฟัง เขาแสดงพลังอันไร้ผู้ต้านทานออกมา
เฟิงอู๋โยวเหมือนกำลังดูละครฉากหนึ่งอยู่ มองเป่ยถางหลงถิงผู้เกรี้ยวกราดที่ขวางอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น
“ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี คนที่ทำร้ายข้ามาตลอด ไม่ใช่ท่านหรอกหรือ”
“ให้โอกาสข้าแก้ตัวสักครั้ง” เป่ยถางหลงถิงมองแบบไม่สู้หน้า เขาลดทีท่าของตัวเองลงและขอร้องเฟิงอู๋โยวอย่างจริงใจ
“ท่านจะแก้ตัวเยี่ยงไร ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนดวงแข็ง ป่านนี้คงตายที่จค่ายศึกของแคว้นเป่ยหลีแล้ว”
เฟิงอู๋โยวหลับตาลง นางไม่อยากเห็นความเสแสร้งของเป่ยถางหลงถิง
ตอนที่เขาบังคับนางให้คุกเข่าลง แล้วลงมือทุบตีนางกับมือ เขาเคยคิดหรือไม่ว่านางจะทนได้แค่ไหน
เป่ยถางหลงถิงมองร่างกายที่เสมือนเต็มไปด้วยหนามของเฟิงอู๋โยว คำพูดติดอยู่ที่ปาก แต่กลับพูดไม่ออก
“ที่ผ่านมาทั้งหมด ข้าทำผิดต่อเจ้าจริง”
แค่ประโยคว่าขอโทษเพียงคำเดียวหรือ แล้วสิ่งที่เป่ยถางหลีอินติดค้างข้า ท่านจะชดใช้แทนนางหรือไม่”
“ได้”
เป่ยถางหลงถิงรับปาก เขารู้ในสิ่งที่เป่ยถางหลีอินกระทำไว้เป็นอย่างดี ทั้งหมดล้วนเป็นการกระทำที่ยากเกินกว่าจะอธิบายและยอมรับได้
ถ้าเกิดว่าเป็นหลุมพรางที่เป่ยถางหลียินวางไว้ หากนางใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำร้ายเฟิงอู๋โยว เป่ยถางหลงถิงจะไม่ปกป้องเป่ยถางหลีอินแบบหลับหูหลับตาแน่นอน
เขาอยากคืนความเป็นธรรมกับเฟิงอู๋โยวเช่นกัน
เฟิงอู๋โยวหวังจะได้ความรับความเมตตาจากเขานานแล้ว นางเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านแน่ใจว่าท่านชดใช้ไหว?”
“หากเจ้าอยากได้เดือนดาวบนท้องฟ้า ข้าก็จะหามาให้ได้” เป่ยถางหลงถิงให้คำสัญญาขึ้นอย่างหนักแน่น เขาพูดเน้นขึ้นทีละคำ
“ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้น”
สิ่งที่เฟิงอู๋โยวต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่หามาได้อย่างยากลำบากเยี่ยงเดือนดาว
สิ่งที่นางต้องการ ก็แค่ความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาเท่านั้น
แต่น่าเสียดาย เขาไม่เคยให้ความน่าเชื่อถืออะไรกับนางเลย
เป่ยถางหลงถิงขมวดคิ้วหนัก เขารู้สึกปวดใจเป็นที่สุด
เฟิงอู๋โยวมองเขาอย่างไม่ละสายตา ทำท่าราวกับว่าห้ามคนแปลกหน้าเข้าใกล้
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่ลงรอยระหว่างเป่ยถางหลงถิงกับเฟิงอู๋โยว ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็พากันมึนงง
พวกเขาคิดว่าเป่ยถางหลงถิงกับเฟิงอู๋โยวเป็นเหมือนน้ำกับไฟ เข้ากันไม่ได้ ดูเกลียดชังซึ่งกันและกัน
ไม่คิดเลยว่า เขาจะยอมลดความยโสโอหังเปลี่ยนสีหน้าเพื่อเอาใจเฟิ่งอู๋โยว
“หรือว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีถูกแม่ทัพเฟิงกุมความลับอะไรอยู่หรือ”
“ดูจากอายุ ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีน่าจะอายุมากกว่าแม่ทัพเฟิงถึงสองรอบ ตามหลักการแล้ว เขาไม่ควรอ่อนข้อคุกเข่าให้กับคนรุ่นหลาน”
“พวกท่านไม่รู้สึกบ้างหรือ ว่าหน้าตาของเป่ยถางหลงถิงกับแม่ทัพเฟิงมีความคล้ายคลึงกัน เป็นไปได้หรือไม่ ว่าแม่ทัพเฟิงเป็นบุตรของฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี”