ตอนที่ 376 ความไม่เข้ากัน
“หมายความว่าเยี่ยงไร”
“ชิวหรูสุ่ยเป็นหญิงที่ท่านเบื่อหน่ายแล้ว ท่านก็วางแผนส่งนางเข้ามาทัพทหาร ท่านทราบหรือไม่ ก่อนที่จะแต่งงาน นางตั้งท้องอยู่แล้ว ท่านรู้หรือไม่เฟิงอู๋โยวเป็นลูกที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดของท่านกับชิวหรูสุ่ย”
เป่ยถางหลงถิงขมวดคิ้ว ตอบกลับน้ำเสียงสุขุม “ข้าไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวแม่นางชิว”
เฟิงอู๋โยวได้ยินคำพูดของเฟิ่งจือหลินก็ยิ่งสับสน
หรือว่า นางไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเป่ยถางหลิงถิง แต่เป็นลูกที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดของชิวหรูสุ่ยกับชายอื่น
ไม่
เป็นไปไม่ได้
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ไฉนเป่ยถางหลีอินถึงได้เกลียดนางเช่นนี้
ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
“เป่ยถางหลงถิง เรื่องก็มาถึงวันนี้แล้ว เหตุใดถึงยังทำไขสืออยู่ ถ้าหากท่านไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวชิวซื่อแล้วนางจะตั้งท้องได้เยี่ยงไร ในหวังหลังก็มีบุรุษคนเดียวคือท่าน มีหรือจะเป็นชายอื่นได้”
“ข้าคนจริง ทำอะไรข้ารู้ตัวดีอยู่แล้ว”
เป่ยถางหลงถิงไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวสตรีอื่นนอกจากหลิงซูซู ยิ่งได้ยินเฟิ่งจือหลินพูดเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกว่า เฟิงอู๋โยวถึงจะเป็นลูกที่แท้จริงของเขา
เมื่อคิดได้ดังนี้ ชิวหรูสุ่ยน่าจะตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นวางแผนยั่วยวนเฟิ่งจือหลิน บังคับให้เขาแต่งงานรับนางเข้าบ้าน
เฟิ่งจือหลินเข้าใจผิดนึกว่าเป็นแผนการของเป่ยถางหลิงถิง ภายใต้การบังคับนั้นถึงได้ยอมแต่งกับชิวหรูสุ่ย
อีกประเด็น ชิวหรูสุ่ยกับหลิงซูซูสองคนคลอดบุตรต่างกันแค่วันเดียว
ท้าวนางหลิ่วเคยบอกว่า ในคืนนั้นที่หลิงซูซูคลอด ชิวหรูสุ่ยยังหอบร่างที่อิดโรยเข้ามาเยี่ยมหลิงซูซูถึงในวัง
ตอนนั้นเขารู้เพียงว่านายบ่าวความรู้สึกผูกพันลึกซึ้ง กลับไม่คาดคิดเลยว่าชิวหรูสุ่ยเข้าวังเพื่อหวังสับเปลี่ยนเด็กทารกแบเบาะเท่านั้น
แต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่เป่ยถังหลงถิงยังข้องใจอยู่
หรือว่าสิ่งที่เขาคาดเดาผิดกระนั้นหรือ?
หรืออีกอย่างคือ เฟิงอู๋โยวไม่ใช่ผู้ชาย?
คิดได้ดังนั้น เป่ยถางหลงถิงมองไปยังเฟิงอู๋โยวด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ แล้วก็ลอบมองที่บริเวณหน้าอกของนางอยู่หลายครั้ง
เฟิงอู๋โยวรู้สึกขนลุกขนพอง นางแค่คิดว่าเป่ยถางหลงถิงรู้สึกใคร่ในความงดงามของใบหน้านางเท่านั้น ถึงได้มองนางด้วยสายตาลุ่มหลงเช่นนี้
“ไอ้เฒ่าลามก”
เฟิงอู๋โยวรีบเอามือสองข้างปิดบังบริเวณหน้าอกของตัวเองแล้วรีบหันตัวหนี
เป่ยถางหลงถิงมีสีหน้าเคอะเขิน รู้สึกตัวว่ากำลังทำตัวไม่ถูกไม่ควร
ไม่ว่าเฟิงอู๋โยวจะเป็นชายหรือหญิง เขาก็อายุมากกว่านางเกือบค่อน มองนางอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ก็หาได้สมควรไม่
ไม่เช่นนั้นก็หาเวลาไปสอบถามจวินมั่วหรัน?
เป่ยถางหลงถิงแค่นึกถึงนิสัยความแข็งกร้าวของจวินมั่นหรันก็รู้สึกเป็นห่วงเฟิงอู๋โยวขึ้นมาว่าจะโดนรังแก หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบคั้น ปวดใจยิ่งนัก
เฟิ่งจือหลินเห็นเป่ยถางหลงถิงทำตัวเหมือนคนสำนึกผิดเช่น สอบถามเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ข้าแพ้ ข้าก็ยอมรับ จะฆ่าจะแกงกันก็ได้”
“เหตุใดถึงต้องฆ่าเจ้า”
แม้ว่าเป่ยถางหลงถิงอาจจะเกลียดชังเฟิ่งจือหลินที่ไม่เคยไยดีกับเฟิงอู๋โยว แต่เฟิ่งจือหลินก็คือคนที่เลี้ยงดูเฟิงอู๋โยวมาตั้งแต่เล็ก ในใจเขารู้สึกขอบคุณ อีกทั้งทราบดีว่าเฟิ่งจือหลินมีโอกาสเป็นร้อยเป็นพันครั้งในการที่จะลงมือกับเฟิงอู๋โยวตั้งแต่เมื่อครั้งนางยังเป็นเด็ก
ยังดีที่เฟิงอู๋โยวไม่เคยถูกทำร้ายจนบาดเจ็บอย่างหนัก
เฟิ่งจือหลินพูดไม่ออก เขาเดาใจเป่ยถางหลงถิงไม่ถูกเลยจริงว่าคิดอะไรอยู่
เขากลับรู้สึกว่าเป่ยถางหลิงถิงดูท่าเหมือนจะดีใจเสียด้วยซ้ำ
อ๋าวเช่อเห็นเป่ยถางหลงถิงมองเฟิงอู๋โยวแล้วยิ้มไม่หุบ คอยกระตุกที่แขนเสื้อของแล้วกล่าวกับเขาเบาๆว่า “ท่านอ๋อง มุมปาก…..”
“ไม่เป็นไร”
เป่ยถางหลงถิงยกมือขึ้นเช็ดที่มุมปากของตัวเอง หันไปมองเฟิ่งจือหลินที่สีหน้าเคร่งขรึม “เฟิ่งจือหลินคิดการกบฏ มีโทษประหารชีวิต แต่เห็นแก่เจ้าที่เคยรับใช้แคว้นเป่ยหลีมา ละเว้นโทษประหาร มอบหมายให้อ๋าวเช่อรักษาตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเป่ยหลี”
อ๋าวเช่อหวังว่าจะเป็นเฟิงอู๋โยวมากกว่าที่จะรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่มากกว่า แต่การได้เห็นเธอได้ดิบได้ดีที่แคว้นตงหลิน สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวในสิ่งที่ใจคิดออกมา
เดิมทีเฟิงจือหลินคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่นอน ไม่คิดเลยว่าเป่ยถางหลิงถิงยังละเว้นชีวิตเขาไว้
เขาเริ่มคิดทบทวนว่าตัวเองเข้าใจผิดเป่ยถางหลงถิงหรือไม่
หรือว่าจะเป็นชิวหรูสุ่ยที่โกหกเขา
หรือว่าเฟิงอู๋โยวไม่ใช่ลูกที่เกิดจากเป่ยถางหลงถิงกับชิวหรูสุ่ย…
จะว่าไป นิสัยรักอิสระของเฟิงอู๋โยวก็มีความคล้ายคลึงกับเป่ยถางหลงถิงอยู่เช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นัยน์ตาของเฟิ่งจือหลินก็มีแววความนัยลึกซึ้งเกิดขึ้นแวบหนึ่ง
เขาครุ่นคิดว่าเรื่องนี้จะต้องเริ่มสืบจากชิวหรูสุ่ย
อย่างไรเสีย เป่ยถางหลงถิงก็ไม่เอาชีวิตเขาอยู่แล้วตอนนี้ เขามีเวลาถมเถในการสืบหาความจริง
ถ้าเกิดว่าเป็นชิวหรูสุ่ยที่โกหกเขาจริงๆ แม้นเขาจะกลายเป็นผีก็จะลากนางเป็นผีด้วย
หลังจากเฟิ่งจือหลินถูกองครักษ์คุมตัวออกจากห้องโถงศาลต้าหลี่ไป หยุนเฟยไป๋เมื่อเห็นเหตุการณ์เริ่มกระจ่างขึ้นเช่นนั้นก็รู้สึกเคอะเขิน
เขาโบกไม้โบกมือพร้อมกับกล่าวเสียงเย็นเยือกกับองครักษ์ที่มีดาบข้างกายว่า “ส่งข้ากลับเรือนพัก”
“ช้าก่อน”
เฟิงอู๋โยวเรียกให้เขาหยุดไว้ได้ทันเวลา
หยุนเฟยไป๋เริ่มโมโห กล่าวแบบหาเรื่องตอบกลับนางไปว่า “ข้าร่างกายไม่ปกติดีนัก มีกิจอันใดค่อยคุยกันวันหลัง”
“ไม่ปกติตรงไหน”
เฟิงอู๋โยวถามด้วยความเจ้าเล่ห์ สายตามองไปที่เป้าของเขา พูดทีละคำ ทีละประโยค “ความไม่เข้ากัน แน่นอนว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบต่อต้านเกิดขึ้น ได้ข่าวว่าที่เรือนพำนักมีม้าเหงื่อโลหิตตัวหนึ่งถูกตอนแล้ว?”
สีหน้าของหยุนเฟยไป๋เดี๋ยวแดง เดี๋ยวซีดขาว อัปยศอดสูยิ่ง
เขาเป็นคนสั่งให้ตอนม้าเหงื่อโลหิตตัวนั้นจริง แต่แพทย์หลวงบอกว่าไม่เหมาะสม เขาถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ณ เวลานี้ บริเวณบาดแผลของเขาถูกแพทย์หลวงค่อยๆ บรรจงเย็บไปหลายร้อยเข็ม ไม่ว่าจะใช้การได้หรือไม่ได้ รอยไหมที่เย็บถี่ยิบนั้นก็น่าอับอายขายขี้หน้าคนอื่นยิ่งนัก
“ทำอะไรก็ตามควรมีพื้นที่เหลือไว้บ้าง หากพบเจอกันในวันหน้า เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่กลัวว่าสิ่งที่ข้าเป็นในวันนี้ จะเกิดกับเจ้าในวันพรุ่งนี้บ้างหรือ?”