เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 380 ตระกูลหลิ่ว

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 380 ตระกูลหลิ่ว

“เฒ่าเป่ยหลี นี่ท่านทำอะไร”

เฟิงอู๋โยวรีบลุกขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง

ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมของนางมองที่กริชที่ปักอยู่บนอกของเป่ยถางหลงถิง จิตใจพลันหดหู่ยิ่งนัก

เป่ยถางหลงถิงเห็นเฟิงอู๋โยวฟื้นขึ้นมา จึงรีบเดินไปข้างหน้า แล้วใช้บั้นท้ายดันจวินมั่วหรันออกไป ก่อนนั่งลงข้างเตียงแทน “อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่”

“ถอยห่างข้าหน่อย ข้าไม่ชอบกลิ่นคาวเลือด”

เฟิงอู๋โยวหันหน้าหนี ไม่ใช่ว่านางทนดมกลิ่นเลือดไม่ได้ แต่นางทนเห็นเขาได้รับบาดเจ็บเพราะนางไม่ได้

กู่หนานเฟิงเห็นเขาสองคนเหมือนกำลังจะงัดข้อกัน ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นแก้ไขสถานการณ์ไ “เฟิงอู๋โยว ดูเจ้าไม่เลวเลย มีเลือดจากหัวใจของตาเฒ่านี่ อีกไม่นานเกินรอ อาการป่วยของเจ้าต้องหายเป็นปลิดทิ้งแน่นอน”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฟิงอู๋โยวก็ไร้ซึ่งแววดีใจแม้แต่น้อย กลับดูหดหู่มากกว่าเดิม

นางรีบผลักเป่ยถางหลงถิงที่นั่งเหมือนเขาลูกหนึ่งออกไป พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน เลือดของท่าน ช่วยข้าไม่ได้หรอก”

“แต่เจ้าเป็นบุตรชายของข้า”

เป่ยถางหลงถิงน้ำตาไหลรินมองเฟิงอู๋โยว เขาไม่สนใจว่านางจะมีท่าทางห่างเหินกับเขาแค่ไหน เขาพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง “หากสามารถแลกให้เจ้าไร้โรคภัยได้ ต่อให้เอาเลือดของข้าไปจนร่างแห้งเหือด ข้าก็ไม่เสียดาย”

เฟิงอู๋โยวสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา “ออกไป ข้าต้องการพักผ่อน”

เป่ยถางหลงถิงมองใบหน้าของเฟิงอู๋โยว ตอนนี้ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเฟิงอู๋โยวคล้ายตัวเองยิ่งนัก

ที่ผ่านมาสิบเจ็ดปี เขาช่างเลอะเลือน

“อู๋โยว หลายปีที่ผ่านมา ลำบากเจ้าแล้ว”

เป่ยถางหลงถิงพูดด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนใจ แค่นึกถึงตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาที่นางต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เขาแทบอยากจะแทงกริชลงไปที่หัวใจตัวเองอีกสักเล่ม

“เลิกร้องไห้ได้หรือไม่ ร้องห่มร้องไห้เหมือนสตรีไม่มีผิด”

หัวของเฟิงอู๋โยวแทบระเบิด นางไม่คิดเลยว่าเป่ยถางหลงถิงจะเจ้าน้ำตายิ่งกว่าชิงหลวน

ขี้แยเจ้าน้ำตาราวกับปั้นขึ้นมาจากน้ำ!

เป่ยถางหลงถิงเช็ดน้ำตา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่อยากเจอหน้าข้า เดี๋ยวข้าค่อยมาใหม่”

เขาออกแรงดึงกริชที่ปักที่อกออกมา ก่อนกำชับกู่หนานเฟิงเสียงขรึม “ถ้าหากไม่พอ บอกข้าได้”

“กลับไปพักผ่อนให้ดี อย่าออกแรงเยอะ เดี๋ยวกลายเป็นโรคแน่นหน้าอกติดตัว”

กู่หนานเฟิงพยักหน้าพร้อมกับแนะนำเป่ยถางหลงถิงเป็นพิเศษ

เฟิงอู๋โยวกวาดตามองคราบเลือดบริเวณหน้าอกของเป่ยถางหลงถิง ในใจยุ่งเหยิงหลากอารมณ์

เป่ยถางหลงถิงเพิ่งจะเดินจากไป หลิ่วจ้าวที่ยืนพิงบานประตูอยู่ด้านใน บิดผ้าเช็ดหน้าร้องไห้

เฟิงอู๋โยวมองจวินมั่วหรันที่บังสายตาของนางอยู่ด้านหน้าอย่างไม่เข้าใจ นางเอ่ยเสียงเบา “เจ้ารังแกหลิ่วจ้าวอีกแล้วหรือ”

“เหตุใดข้าถึงจะต้องรังแกเขา”

จวินมั่วหรันมองหลิ่วจ้าวที่น้ำตาคลอพลางถอนหายใจเบาๆ อยู่ๆ ความโกรธก็ปะทุขึ้นมา

ไม่พูดก็ไม่ได้ว่าหลิ่วจ้าวคือตัวอันตรายที่สุด

หน้าด้าน เล่นละครจนเคยชิน ซ้ำยังยังให้ร้ายเขาอยู่เรื่อย จนเขาพูดไม่ออก

บางทีคนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะอ่านสถานการณ์ไม่ออก เฟิงอู๋โยวอ่านใจหลิ่วจ้าวไม่ออกว่าเขาคิดเยี่ยงไรกับนางกันแน่ คิดแค่ว่าเพราะเขาอาศัยคนอื่นอยู่ เขาจึงไร้ความรู้สึกปลอดภัย จนต้องหาวิถีทางให้ทำนางยอมรับเขา

“เป็นอะไรหรือ”

เฟิงอู๋โยวถามหลิ่วจ้าวที่ร้องไห้ไม่หยุดอย่างอดทน

ได้ยินเช่นนั้น หลิ่วจ้าวจึงรีบใช้ชายแขนเสื้อบังหน้าแล้วเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าออก เดินเอวเรียวบางมาหน้าเตียง

เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก น้ำตาที่เพิ่งหยุดก็เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง

“แม่ทัพเฟิง พี่ชายของข้าถูกคนฆ่าตาย”

“เจ้าบอกว่าหลิ่วหยวนถูกฆ่าตาย”

“ขอรับ”

“เจ้าทราบหรือไม่ว่าใครเป็นผู้ลงมือ”

เฟิงอู๋โยวรู้เพียงว่าบางครั้งโชคชะตามักเล่นตลก จึงอดถอนหายใจออกไม่ได้

“ถ้าไม่ใช่ตระกูลชิว แต่เป็นเป่ยถางหลีอิน”

เฟิงอู๋โยวได้ยินหลิ่วจ้าวพูดเช่นนั้นก็ฉงนใจยิ่งนัก “หลิ่วจ้าว นี่เจ้าปิดบังอะไรไว้บ้าง”

“เรื่องมันยาว”

เดิมทีหลิ่วจ้าวไม่ได้คิดจะนำความที่หลิ่วหยวนฝากฝังถึงเฟิงอู๋โยวพูดออกมาทั้งหมด เขากลัวว่าถ้าเขาไม่มีประโยชน์แล้ว เฟิงอู๋โยวจะทิ้งขว้างเขา

แต่การตายของหลิ่วหยวนถือว่าเป็นสิ่งเตือนสติเขาอย่างหนึ่ง

หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่ช้าไม่นานเป่ยถางหลีอินคงสืบสาวมาถึงตัวเขาเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นเขาคงหนีไม่พ้นความตาย

เมื่อคิดอย่างรอบคอบดีแล้ว หลิ่วจ้าวจึงได้เล่าเหตุการณ์การฆ่าล้างตระกูลเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้วออกมาอย่างละเอียด

“ตระกูลหลิ่วของเราเป็นทาสรับใช้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ฐานะต่ำต้อย เป็นพวกจัณฑาลในสายตาของหลายคน แต่โชคชะตากลับพลิกผัน เมื่อยี่สิบปีก่อน ท่านป้าหลิ่วซื่อกลับได้กลายเป็นผู้ดูแลตำหนักในวังแคว้นเป่ยหลี เจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก”

“ตระกูลหลิ่วซื่อ”

เฟิงอู๋โยวมักจะได้ยินผู้คนกล่าวถึงหลิ่วซื่ออยู่บ่อยๆ

ได้ข่าวว่า หลังจากหลิงซู่ซู่สิ้นพระชนม์ หลิ่วซื่อก็วิ่งชนเสาเพื่อฆ่าตัวตายตาม

หลิ่วจ้าวสูดหายใจชั่วครู่แล้วเล่าต่อ “หลังจากพระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ไม่ถึงสิบสองชั่วยาม ข่าวจากในวังก็แพร่ออกมาว่าท่านป้านั้น เพราะเสียใจอย่างมากจนวิ่งชนเสาฆ่าตัวตายตาม หลังจากนั้น ไม่ถึงครึ่งเดือน ครอบครัวของท่านป้าก็ค่อยทยอยเสียชีวิต ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องสองคนที่เรียนหนังสืออยู่ ที่น่าอนาถยิ่งกว่านั้น คือพ่อกับแม่ของข้าที่กำลังเร่งมือจัดงานศพของครอบครัวท่านป้า ก็ประสบเคราะห์กรรมไปด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งครอบครัวก็เหลือข้ากับพี่ข้าแค่สองคน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อนบ้านรอบข้างสงสารเราสองพี่น้องที่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไร้ที่พึ่งพา จึงผลัดกันดูแลเราสองพี่น้อง”

“ท่านป้าของเจ้ามีความขัดแย้งกับผู้ใด”

หลิ่วจ้าวรีบส่งปิ่นหยกนิลโบราณรูปทรงแปลกประหลาดให้เฟิงอู๋โยว “ปิ่นอันนี้มีนางกำนัลในวังฝากให้คนเอามาให้เราสองพี่น้อง เห็นว่าก่อนที่ท่านป้าจะสิ้นใจ นางกำปิ่นหยกนิลชิ้นนี้ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ”

เฟิงอูโยวรับปิ่นหยกนิลมาถือเล่นไว้ในมือ มองผ่านๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกตา

ขณะที่นางกำลังกะน้ำหนักของปิ่นหยกนิลอยู่ จึงได้มองเห็นกลไกที่ซ่อนอยู่ที่ปิ่นหยกนิล

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท