ตอนที่ 397 ไร้วาสนาเสพสุข
เมื่อพลบค่ำ เฟิงอู๋โยวสวมชุดลาดตระเวนตอนกลางคืนแอบเข้าไปในเขตเรือนพำนักกับจุยเฟิงอย่างเงียบๆ
นางมองไปที่เรือนของหยุนเฟยไป๋พลางเอ่ยอย่างมั่นใจ “ท่ามกลางเรือนพำนักขนาดใหญ่ มีเพียงแค่หยุนเฟยไป๋เท่านั้นที่สามารถลงมือกระทำการชั่วร้ายได้”
จุยเฟิงกลับพูดขึ้น “แม่ทัพเฟิง พวกเรากลับไปวางแผนในระยะยาวกันก่อนดีหรือไม่ ท่านใต้เท้ากำลังยุ่งเรื่องพิธีอภิเษกสมรสอยู่ช่วงนี้คงตามมาได้ไม่ทันเวลา หากวิชานอกรีตของหยุนเฟยไป๋สำแดงฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่อยู่ในคุกสวรรค์ของศาลต้าหลี่ นางเคยเห็นสภาพเหี้ยมโหดของหยุนเฟยไป๋มาแล้ว
ครั้งนั้นโชคดีที่พกโอสถขับเหงื่อติดตัวจนสามารถรอดชีวิตมาได้
แต่พูดถึงเรื่องพลังยุทธิ์ เฟิงอู๋โยวเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ต่อให้วิชาต่อสู้ระยะประชิดของนางจะไร้เทียมทานเพียงใด แต่ในเมื่อร่างกายไม่มีพลังภายในก็เป็นจุดอ่อนถึงขั้นชีวิตอยู่ดี
นางเงียบไม่พูดจา พร้อมกับเดินมาที่ชายคาเรือนพำนักของหยุนเฟยไป๋อย่างหนักใจ
ท่ามกลางเรือนพำนัก หยุนเฟยไป๋นอนตะแคงอยู่บนแคร่ ดวงตาสีม่วงส่องประกายแววแปลกประหลาด
เขากวาดมองมู่ลั่วเหยียนที่ถูกจับมัดอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “เจ้าคิดว่าเฟิงอู๋โยวจะมาช่วยเจ้าหรือไม่”
“กฎแห่งสวรรค์ย่อมชัดเจน ผลกรรมที่ก่อจักต้องไม่ดีแน่นอน”
มู่ลั่วเหยียนยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าหยุนเฟยไป๋ ใบหน้าไร้แววหวาดกลัวแม้แต่น้อย
หยุนเฟยไป๋รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ดวงตาซ่อนแววใคร่อยาก มองพินิจใบหน้าสวยใสอ่อนนวลของมู่ลั่วเหยียน
“เป็นแค่เด็กไร้เดียงสา! เชื่อเรื่องกฎแห่งสวรรค์กระนั้นหรือ ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นราชา ข้าผู้นี้ก็คือกฎแห่งสวรรค์”
“เจ้าไม่ใช่”
“นับว่ามีความกล้าไม่น้อย!”
หยุนเฟยไป๋แค่นเสียงเย็น หากไม่ใช่เพราะมู่ลั่วเหยียนยังมีประโยชน์อยู่ เขาจะควักหัวใจนางออกมาอย่างไม่ลังเล ชิมเลือดสดของสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงแคว้นตงหลิน
บนชายหลังคา เฟิงอู๋โยวเห็นมู่ลั่วเหยียนอยู่ที่ลานเรือนพำนักของหยุนเฟยไป๋จริงๆ ภายในใจเริ่มว้าวุ่นขึ้นเรื่อยๆ “จุยเฟิง เจ้ารีบไปตามกองกำลังเสริม ลำพังแค่พลังของเจ้ากับข้าไม่มีทางช่วยมู่ลั่วเหยียนได้แน่นอน”
“แม่ทัพเฟิง มิสู้ลองไปสำนักหนึ่งอนันต์ดู เนื่องจากท่านใต้เท้ากังวลว่าจะเกิดเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ในพิธีอภิเษกสมรส ตอนนี้กำลังกำลังหารือถึงรายละเอียดเรื่องการป้องกันกับอู๋ฉิงอยู่ที่นั่น”
“ปัญหาก็คือ ข้าไม่มีว่าสำนักหนึ่งอนันต์อยู่ที่ไหน”
สีหน้าของจุยเฟิงดูแย่ เพราะจวินมั่วหรันสั่งให้เขาคอยปกป้องเฟิงอู๋โยวให้ดี ดังนั้นเขาไม่ควรออกห่างจากนางแม้แต่ก้าวเดียว
ทว่าสถานการณ์บีบบังคับ
หากเขาไม่รีบตามจวินมั่วหรันมา เกรงว่าคงไม่อาจช่วยชีวิตสั้นๆ ของมู่ลั่วเหยียนเอาไว้ได้
ขณะที่เขาลังเลคิดไม่ตกอยู่นั้น เฟิงอู๋โยวก็ตบอกรับประกัน “รีบไปรีบมา ข้ารับประกันว่าก่อนที่เจ้าจะกลับมาถึง ข้าจะรออยู่บนชายคาไม่ไปไหน”
“แม่ทัพเฟิง หน้าที่ของข้าคือปกป้องดูแลเจ้า ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะออกห่างจากไป”
“เจ้าวางใจเถิด ข้าดูแลตัวเองได้”
ได้ยินเช่นนั้น จุยเฟิงก็ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป รีบหายไปในความมืดและมุ่งหน้าไปที่สำนักหนึ่งอนันต์
วิชายุทธิ์ของหยุนเฟยไป๋กล้าแกร่ง เขาสัมผัสได้ที่ร่องรอยของคนสองคนบนชายคาเรือนพำนักได้ตั้งแต่แล้ว
ครั้นจุยเฟิงจากไป มุมปากของเขาก็ผุดยิ้มลึกลับเกินหยั่งขึ้นทันที
ชั่ว พริบตา เขาลุกขึ้นพรวด มือข้างหนึ่งกระชากแขนของมู่ลั่วเหยียนและจับนางกดลงบนโต๊ะ ส่วนอีกข้างก็ชักกริชที่เอวออกมาและลูบไล้ไปมาที่ลำคอของมู่ลั่วเหยียน “หากเฟิงอู๋โยวไม่ยอมมาช่วยเจ้า ข้าจะรีดเลือดของเจ้า และปล่อยให้เจ้าเสียเลือดจนแห้งเหือดตายไป”
“องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน เจ้าล้มเลิกความคิดเสียเถิด! แม่ทัพเฟิงไม่มีทางหลงกับดักเจ้าแน่นอน อยากฆ่าหรืออยากเฉือดก็ทำไป”
ท่าทางของมู่ลั่วเหยียนไร้ความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แม้ดวงตาทั้งสองข้างจะแสบร้อน แต่ก็ยังคงข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาและต่อต้านหยุนเฟยไป๋อย่างถึงที่สุด
“ไม่รู้จักที่เป็นที่ตาย!”
ไฟโทสะของหยุนเฟยไป๋ลุกโหม ง้างมือขึ้น กริชอันแวววาวในมือของเขาหมายพุ่งเข้าไปแทงคอของมู่ลั่วเหยียน
เฟิงอู๋โยวกระวนกระวาย ภายใต้สถานการณ์คับขัน นางจำเป็นต้องปาเข็มเงินหลายเล่มโจมตีที่ข้อมือของหยุนเฟยไป๋
การได้ยินของหยุนเฟยไป๋เฉียบคมเป็นที่สุด เพียงได้ยินเสียงพุ่งแหวกอากาศของเข็มเงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถระบุตำแหน่งของเฟิงอู๋โยวได้อย่างแม่นยำ
ติ๊ง!
ในเวลาเดียวกับที่เข็มเงินแทงเข้ากระดูก มืออีกข้างหนึ่งของหยุนเฟยไป๋ก็ควบแน่นพลังภายในอันเข้มข้นเป็นดวงแสงสีขาว จากนั้นก็โจมตีมาทางเฟิงอู๋โยว
เฟิงอู๋โยวหลบฝ่ามือวายุอันรุนแรงของหยุนเฟยไป๋ที่โจมตีมายังจุดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง นางอาศัยจังหวะช่วงที่หยุนเฟยไป๋ยังไม่ทันตั้งสติกลับมาโปรยผงโอสถขับเหงื่อใส่หน้าของเขา
“กลั้นหายใจ!”
เฟิงอู๋โยวพุ่งเข้าไปหามู่ลั่วเหยียนพร้อมกดเสียงพูด จากนั้นก็ใช้กริชที่เหน็บอยู่ที่รองเท้าตัดเชือกที่มัดมือมัดเท้ามู่ลั่วเหยียนออกอย่างว่องไว ก่อนเข้ามาขว้างด้านหน้านางไว้ทันที
“สมควรตาย! เป็นโอสถขับเหงื่ออีกแล้ว”
หยุนเฟยไป๋หน้าเขียวปัด เขาไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวจะใช้กลยุทธิ์เดิมอีกครั้ง
เฟิงอู๋โยวมองหยุนเฟยไป๋ที่ใช่ผ้าเช็ดหน้าเช็ดผงโอสถขับเหงื่อบนใบหน้าออกด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมกับถ่วงเวลาด้วยการเค้นถาม “ช่วงนี้ คดีสตรีในเมืองหลวงแคว้นตงหลินที่หายตัวไปล้วนเป็นฝีมือเจ้าทั้งหมดใช่หรือไม่”
“ถ้าเป็นฝีมือข้า แล้วจะทำไม”
หยุนเฟยไป๋ขี้เกียจปิดบัง ก้าวเท้ามาด้านหน้าเฟิงอู๋โยวและมู่ลั่วเหยียน
“ดินแดนแห่งแคว้นตงหลินอนุญาตให้เจ้าละเมิดกฎหมายเช่นนี้หรือ ผู้ที่ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ต่อให้เจ้าจะสูงศักดิ์เป็นถึงองค์รัชทายาทก็จำเป็นต้องถูกสอบสวนตามประมวลกฎหมาย”
“ผู้ที่ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิตกระนั้นหรือ นี่น่าจะเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาแล้ว เฟิงอู๋โยว ข้าจะบอกเจ้าตามตรง ข้าไม่จำเป็นต้องชดใช้สิ่งใดให้กับมือที่ย้อมเลือดของตัวเองอีกทั้งคืนนี้ ข้าจะปลิดชีพเจ้าด้วยมือของข้าเองอีกด้วย!”
“ในเมื่อเป้าหมายของเจ้าคือข้า ไฉนถึงไม่ปล่อยท่านหญิงมู่ไปก่อน”
หยุนเฟยไป๋คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนพูดเน้นย้ำทีละคำ “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาหารือเงื่อนไขกับข้า พวกเจ้าทั้งสอง ขาดใครไปไม่ได้ทั้งนั้น ข้าต้องการหมด”
มู่ลั่วเหยียนเห็นเช่นนั้นก็พูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน โปรดปล่อยแม่ทัพเฟิงไป! หากต้องการให้ข้าทำอะไร ข้าจะยอมทำตามทั้งหมด”
“นางโง่ จนกระทั่งวันนี้ ยังไม่รู้ตัวอีกว่าแม่ทัพเฟิงที่เจ้าพร่ำเพ้อคำนึงหาเป็นสตรี!”
ดวงตาฉายแววอาฆาตของหยุนเฟยไป๋จ้องมองเฟิงอู๋โยว อันที่จริง ภายในใจเขาก็ไม่แน่ใจว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีจริงๆ หรือไม่
เห็นได้ชัดว่ามู่ลั่วเหยียนไม่เชื่อคำพูดของหยุนเฟยไป๋ นางพูดปลอบเฟิงอู๋โยวอย่างเป็นห่วง “แม่ทัพเฟิงเกิดมามีรูปร่างบอบบางผิวพรรณนุ่มนวลไม่ใช่ความผิดของท่าน ภายในใจของข้า ท่านคือบุรุษผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งตลอดกาล”
เฟิงอู๋โยวไม่รู้จะตอบกลับไปเยี่ยงไร จึงได้แต่สงวนความเงียบเอาไว้
นางเล็งหาโอกาสใช้ก้าวไร้เงาไปโผล่ด้านหน้าหยุนเฟยไป๋ มือซ้ายพลันตวัด เข็มเงินพลันพุ่งออกจากซอกนิ้วไปยังลำคอของเขาทันที
หยุนเฟยไป๋มีการตั้งรับ มือหนึ่งคว้าจับข้อมือเล็กบางของเฟิงอู๋โยวแน่น “เจ้าเป็นสตรีที่พิเศษที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา”
“น่าเสียด้ายที่เจ้าไร้วาสนาเสพสุข”
เฟิงอู๋โยวพูดจาล้อเล่น ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมเหลือบไปเห็นบาดแผลที่มีผ้าพันอยู่หลายชั้นของหยุนเฟยไป๋