ตอนที่ 416 ขอให้ชีวิตของเจ้าหมดทุกข์หมดโศก / ตอนที่ 417 ทดลองแต่งงาน
ตอนที่ 416 ขอให้ชีวิตของเจ้าหมดทุกข์หมดโศก
ฟู่เย่เฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาแน่น และมองเฟิงอู๋โยวอย่างไม่เข้าใจ
มันยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าสตรีที่ยังไม่ออกเรือนจะไม่สำรวมได้ถึงขั้นนี้!
หากเป็นสตรีทั่วไปคงรู้สึกอับอาย หากถูกจับได้ว่าแอบจุดโคมไฟอ่านบทละครไม่น่าดูเช่นนี้ในตอนกลางคืน
แต่นางกลับไม่มีสำนึกของความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย
“ฟู่เย่เฉิน เจ้าคิดว่าท่านี้ต้องทำเยี่ยงไร เจ้าลองสาธิตให้ดูหน่อย!”
เฟิงอู๋โยวชี้ไปที่ท่าบิดตัวในบทละคร พลางถามฟู่เย่เฉินอย่างจริงใจ
“…”
ฟู่เย่เฉินรู้สึกจนปัญญา แต่กระนั้นเขายังคงพยายามคลายข้อสงสัยของนาง
เฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็พูดชื่นชมไม่หยุด “ทักษะบนเตียงของคนยุคโบราณช่างสุดยอดจริงๆ !”
“อู๋โยว เจ้า…พูดจาเถรตรงเช่นนี้ เซ่อเจิ้งหวางไม่ว่าเจ้าหรือ”
“ในเมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ก็ต้องยอมรับทุกอย่างของอีกฝ่ายได้”
นางไม่รู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่เหมาะสม
เป็นเพราะนางไม่ค่อยเข้าใจ ถึงได้พยายามศึกษา ‘ทักษะบนเตียง’ เพิ่มเติม
“ที่พูดก็ถูก”
ฟู่เย่เฉินที่ได้ยินเฟิงอู๋โยวพูดกับปากตัวเองว่าอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับจวินมั่วหรัน ภายในใจของเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เงียบขรึมลงไปครู่หนึ่ง ฟู่เย่เฉินก็ค่อยๆ ถามเสียงเรียบ “หากข้ารู้จักเจ้าก่อน ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไปหรือไม่”
“ไม่”
“ไฉนถึงไร้เยื่อใยขนาดนี้ โกหกข้าสักหน่อยไม่ได้หรือ”
บนใบหน้าของฟู่เย่เฉินผุดรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง เขาเดาคำตอบของเฟิงอู๋โยวได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาก็ยังดึงดัน ไม่ยอมรับ
เฟิงอู๋โยววางบทละครลง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “โกหกเจ้าไปเพื่ออะไร ตอนนี้ข้ามีเงินมากมาย ขี้เกียจ หลอกลวงต้มตุ๋นแล้ว”
“…”
มุมปากของฟู่เย่เฉินเกร็งกระตุก เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เฟิงอู๋โยวไม่ยอมโกหกเขา
“อะไรกัน ไม่อยากฟังคำพูดจริงใจของข้าหรือ”
“ช่างเถิด การที่ข้ากับเจ้าได้พูดคุยความลึกซึ้งลึกลับของบนละครอย่างเป็นมิตร ก็ถือว่าเป็นบุญที่ข้าสะสมมาทั้งชีวิตแล้ว”
“หากเจ้าชอบ วันหลังก็จะเลือกบทละครและเอาไปให้เจ้าที่เรือน เจ้าจะได้อ่านให้พอ”
“ไม่จำเป็น ข้าทุบเรือนนางบำเรอทิ้งแล้ว ขืนอ่านของพรรค์นี้ก็ไม่ต่างจากทรมานตัวเอง”
ฟู่เย่เฉินส่ายหน้าและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา อย่างแยบยล “มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องเก็บกวาดแทนเซ่อเจิ้งหวาง การถูกสาดโคลนใส่อย่างไร้สาเหตุ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา”
“เรื่องอะไร”
“ล่าสุด ณ สุสานด้านหลังภูเขาอันรกร้าง ชูชูถูกวิชามายาควบคุม ทำให้เข้าใจผิดว่าคนที่นางมีอะไรด้วยในคืนนั้นคือเซ่อเจิ้งหวาง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เขา แต่เป็นคนแก่ที่ดูแลสุสาน”
เฟิงอู๋โยวคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในอยู่ ดังนั้นจึงไม่ระแคะระคายในคำพูดของจวินมั่วหรัน
นางแค่แปลกใจว่าเหตุใดฟู่เย่เฉินต้องมาพูดเรื่องนี้กับนาง
“เจ้าเคยบอกเองไม่ใช่หรือว่า มีความแค้นชนิดที่ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกับเขาได้”
“อย่าได้พูดถึงเรื่องในอดีต ตอนนั้นคนที่ทำร้ายคนในเรือนฟู่ไม่ใช่เซ่อเจิ้งหวาง แต่เป็นผู้นำตระกูลจวิน ตอนนี้ผู้นำตระกูลจวินเสียชีวิตไปนานแล้ว ไล่ตามเรื่องในอดีตไปก็เปล่าประโยชน์”
ฟู่เย่เฉินพูดอย่างใจหาย จากนั้นก็รินสุราให้ตัวเองหนึ่งจอกและเงยหน้ากระดกดื่ม “อู๋โยว ข้าขอให้ชีวิตของเจ้าหมดทุกข์หมดโศก”
“ขอให้เป็นดั่งคำอวยพรของเจ้า”
เฟิงอู๋โยวยกแก้วสุราขึ้นมาเช่นกัน ขณะกำลังจะกระดกดื่ม ชิงหลวนกับหรงชุ่ยก็เปิดประตูเข้ามา
พวกนางทั้งสองเข้ามาเกาะแขนซ้ายขวาของเฟิงอู๋โยวและรีบพูดขึ้น “ท่านหญิงเจ้าคะ ท่านคออ่อน คืนนี้ห้ามดื่มสุราเด็ดขาดนะเจ้าคะ”
“จิบสุราลิ้มรสเพื่อให้อารมณ์ดีเฉยๆ คงไม่เป็นไร”
“ดื่มไม่ได้ก็ไม่ต้องดื่ม เอาไว้วันหลังข้ามาใหม่ แล้วค่อยเลี้ยงต้อนรับข้าดีไหม”
ฟู่เย่เฉินแย่งจอกสุราในมือของเฟิงอู๋โยวมา สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความรู้สึก
เฟิงอู๋โยวมองฟู่เย่เฉินด้วยความสับสน “เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่มีสงครามในแคว้นตงหลิน ทั่วทั้งอาณาจักรก็สงบสุข เจ้าเตรียมตัวจะไปไหน ไฉนถึงดูเคร่งเครียดขนาดนี้”
ฟู่เย่เฉินยืนขึ้นพรวด เสื้อคลุมสีแดงของเขาพลิ้วไหว แขนเสื้อปากกว้างโบกสะบัดไปตามสายลม ดูมีเสน่ห์ไม่ธรรมดา
เขาออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไร ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกไม้ไฟในมุมมืดที่เฟิงอู๋โยวมองไม่เห็น
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าฟู่เย่เฉินแปลกไปเล็กน้อย แต่นางกลับมองไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ
ในเวลานั้น ชิงหลวนกับหรงชุ่ยได้ผลักเฟิงอู๋โยวที่กำลังเหม่อลอยลงไปในอ่างอาบน้ำ
ชิงหลวนถลกแขนเสื้อขึ้นและปลดกระดุมสาบเสื้อด้านหน้าของเฟิงอู๋โยวอย่างคล่องมือ “ท่านหญิง ในวันก่อนพิธีอภิเษกสมรส ท่านต้องแช่ตัวเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นเครื่องหอมชวนหลงใหลจะอบอวลตั้งแต่หัวจรดเท้า”
“พวกเจ้าออกมาก่อน ข้าจัดการเอง”
“ไม่ ไม่ได้เจ้าค่ะ”
ชิงหลวนพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ท่านหญิงกลัวน้ำ สภาพตอนอยู่ในอ่างอาบน้ำดูทรมานเหมือนทำสงคราม พรุ่งนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของท่านแล้ว ดังนั้นห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด”
“กลัวน้ำ?”
หรงชุ่ยพึมพำเสียงแผ่ว นางไม่คิดไม่ฝันว่าเฟิงอู๋โยวที่ห้าวหาญไม่ธรรมดาจะกลัวน้ำ!
เฟิงอู๋โยวไม่ทันสังเกตเห็นแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาของหรงชุ่ย นางยกมือกอดอกและพูดขึ้นอย่างไม่ยอม “ไม่ว่าพวกเจ้าจะเห็นอะไรก็ห้ามจำไปใส่ใจเด็ดขาด! พวกเจ้าจำไว้เพียงแค่ว่าตัวข้านั้นยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม!”
ชิงหลวนยิ้มเจื่อนและพูดขึ้นหยอกล้อ “เบาๆ หน่อยเจ้าค่ะ! ไม่มีของพรรค์นั้นตั้งแต่แรก แล้วจะยิ่งใหญ่ได้เยี่ยงไร”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็หดตัวลงไปในอ่างอาบน้ำและบ่นพึมพำกับตัวเอง “ทำตัวเป็นชายฉกรรจ์จนชิน ยังไม่ชินกลับการกลับไปเป็นสตรี”
ตอนที่ 417 ทดลองแต่งงาน
“เห็นๆ อยู่ว่าท่านหญิงงดงามและมีผิวพรรณนุ่มนวลบอบบาง!” หรงชุยชื่นชมอย่างจริงใจ
ชิงหลวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านหญิงงดงามตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่แปลกใจเลยที่เซ่อเจิ้งหวางรักมาก”
“เฮ้อ อย่าพูดถึงมันเลย! จวินมั่วหรันเย็นชามาก”
เฟิงอู๋โยวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นางยอมใจจวินมั่วหรันจริงๆ ทั้งที่พยายามยั่วยวนเขาตลอดทั้งคืน แต่เขาก็ยังนั่งนิ่ง
หนังหน้าของชิงหลวนค่อนข้างบาง เมื่อเฟิงอู๋โยวพูดเรื่องส่วนตัวระหว่างนางกับจวินมั่วหรันออกมา ชิงหลวนก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
เพื่อซ่อนความอาย นางหันศีรษะไปถามหรงชุย “ไฉนพิธีอภิเษกสมรสของแคว้นตงหลินถึงเรียบง่ายเช่นนี้”
หรงชุ่ยแสยะยิ้ม “หรือว่าพี่ชิงหลวนต้องการแต่งงานเหมือนกัน”
“ไม่ใช่”
ชิงหลวนเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ จึงไม่ทันสังเกตเห็นน้ำเสียงที่ค่อนข้างหึงหวงของหรงชุ่ย นางเอาแต่เขี่ยเท้าอย่างขวยเขิน
“ผิวหน้าของพี่ชิงหลวนช่างบางนัก ทนต่อกันหยอกล้อไม่ได้ อันที่จริง แคว้นตงหลินมีกฎการอภิเษกสมรสอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น ในวันก่อนอภิเษกสมรส ครอบครัวของสามีมักจะส่งท้าวนางผู้รอบรู้มาตรวจสอบเจ้าสาว ด้วยเหตุผลบางประการ เซ่อเจิ้งหวางได้ยกเลิกเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ทั้งหมด และกำชับว่าไม่ให้ใครมาตรวจร่างกายของแม่ทัพเฟิง” หรงชุ่ยพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็คิดในใจว่าจวินมั่วหรันเป็นคนคิดรอบคอบยิ่งนัก
หากท้าวนางถูกส่งมาตรวจร่างกาย นางไม่มีทางผ่านขั้นตอนแรกไปได้ด้วยซ้ำ
ชิงหลวนพึมพำ “มันไม่ยุติธรรมเลยที่จะตรวจร่างกาย แล้วเจ้าบ่าวไม่จำเป็นต้องตรวจร่างกายหรือ”
หรงชุ่ยพูดขึ้น “แน่นอนว่าไม่ บ่าวสาวไม่เพียงไม่ต้องตรวจร่างกายเท่านั้น ฝ่ายเจ้าบ่าวยังมีสิทธิ์ ‘ทดลองแต่งงาน’ อีกด้วย”
“ไฉนต้องทดลองแต่งงาน”
เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย
“การทดลองแต่งงานที่ว่า หมายความว่าในวันก่อนงานพิธีอภิเษกสมสร จะมีการจัดสรรนางบำเรอร่วมห้องนอนให้ว่าที่เจ้าบ่าวและปล่อยให้เขาทดลองก่อน ด้วยวิธีนี้ ว่าที่เจ้าบ่าวจะได้มั่นใจว่าจะไม่ทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าว่าที่เจ้าสาวในคืนส่งตัวเข้าหอ”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
เฟิงอู๋โยวเพิ่งได้ยินคำพูดของหรงชุ่ย ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นในใจ
นางเชื่อมั่นในตัวจวินมั่วหรัน ทว่านางแค่รู้สึกเศร้าแทนสตรีส่วนใหญ่ในแคว้นตงหลิน
ธรรมเนียมอันเสื่อมทรามเช่น ‘การทดลองแต่งงาน’ ไม่ควรมีอยู่
ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงทำร้ายนางบำเรอเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำร้ายว่าที่เจ้าสาวอีกด้วย
มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องทนทุกข์กับเรื่องน่าหดหู่พวกนี้ก่อนที่จะเดินผ่านประตูเข้าเรือนหอไป
“ท่านหญิง อย่าโกรธเลย ชิงหลวนคิดว่าท่านพี่คงไม่ทำเรื่องมั่วๆ แบบนี้แน่นอน”
“วันนี้เขาได้มาที่เรือนแพทย์พยากรณ์หรือไม่”
ชิงหลวนส่ายหน้า “ยังไม่มาเจ้าค่ะ”
หรงชุ่ยกลับพูดขึ้น “ก่อนพิธีอภิเษกสมรสไม่ควรเจอหน้ากัน ถือว่าเป็นลางไม่ดี”
“ข้าจะไปแอบดูเขาที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง!”
เฟิงอู๋โยวลุกขึ้นพรวด ยังไม่ทันเช็ดตัวให้แห้งสนิทก็หยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่มาใส่และรีบมุ่งหน้าไปที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางอย่างรีบเร่ง
…
ณ เรือนมั่วหรันแห่งตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง
ภายในห้อง แสงไฟขยับไหว
บริเวณหน้าต่าง ปรากฏเงาร่างสูง ประเดี๋ยวก็นอน ประเดี๋ยวก็ลุกขึ้น วนเวียนซ้ำๆ ไปมาเป็นเวลาประมาณหนึ่งเค่อ
เดิมทีเฟิงอู๋โยวคิดจะมองดูเขาจากระยะไกลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นางคิดถึงเขามากหลังจากไม่ได้พบเขาเป็นเวลาหนึ่งวัน
ไม่คิดไม่ฝันว่า ทันทีที่นางเดินเข้าไปในเรือนมั่วหรันก็ได้ยินเสียงเล็กบางของสตรีหลายคนดังลอยมากระทบโสต
เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าจวินมั่วหรันจะยุ่งกับคนอื่นลับหลังนาง
แต่ในห้องด้านในของเขา มีเสียงเรียกอันระคายหูดังขึ้นเป็นระยะๆ
“ไอ้คนตัณหากลับ! สมควรตายจริงๆ!”
มือทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวยกขึ้นเท้าสะเอวและรีบไปที่ประตูที่เรือนมั่วหรัน ขณะกำลังจะถีบประตูเพื่อเข้าไป จวินมั่วหรันก็กระโดดออกมาข้างหลังนางเหมือนผี และเอามือปิดปากปิดจมูกของนางเอาไว้
“ชู่ว…”
เฟิงอู๋โยวกระพริบตาปริบๆ เหลือบมองไปด้านข้าง เห็นเป็นใบหน้าหล่อเหลาของจวินมั่วหรัน “เจ้าหมา! สตรีในห้องคือใคร”
จวินมั่วหรันไม่ตอบ แต่ทันใดนั้นก็โน้มตัวมาประกบริมฝีปากของนาง
นางในคืนนี้หอมหวานเป็นพิเศษ
ร่างกายอ่อนนุ่มส่งกลิ่นหอมรัญจวนชวนใคร่อยาก
แต่เฟิงอู๋โยวยังคงคิดถึงเรื่องสตรีในเรือน นางจึงเค้นแรงทั้งหมดเพื่อผลักจวินมั่วหรันออกไป
นางเดินไปที่ด้านหน้าประตูอย่างโมโห หรี่ตามองลอดในเรือนผ่านช่องของประตู
ในเรือนด้านใน แสงเทียนขยับไหว
หน้าเตียง ถ่านไฟร้อนระอุกำลังลุกโชน เพิ่มความน่าตื่นเต้นภายในเรือนได้เป็นอย่างมาก
จวินฝูที่อยู่บนเตียงกอดชุดวิวาห์ของจวินมั่วหรันอย่างลุ่มหลงและกระซิบเบาๆ “ท่านพี่…ฝูเอ๋อร์ชอบท่านพี่มาก”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงอู๋โยวก็มองค้อนใส่จวินมั่วหรันที่สีหน้าเรียบนิ่ง กัดฟันพูดขึ้น “วันนี้ ถ้าเจ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน ข้าจะจับเจ้าตอนทิ้งแน่”
“ข้าแค่ไปชำระล้างร่างกายที่บ่อน้ำเย็น แล้วจวินฝูก็ถือโอกาสแอบเข้ามาในเรือนมั่วหรัน”
“เตียงที่ข้าไม่เคยนอนมาก่อน แต่จวินฝูกลับหน้าด้านเหยียบขึ้นไปก่อน!”
จวินมั่วหรันหุบยิ้มและพูดเสียงทุ้ม “ก็แค่ทิ้งไปก็พอ ส่วนชุดวิวาห์ในมือของนาง ก็ทิ้งไปเช่นกัน”
“เจ้าทิ้งนางไปด้วยได้หรือไม่ ข้ารู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก”
เฟิงอู๋โยวรู้ว่าจวินฝูเป็นญาติคนเดียวของจวินมั่วหรัน แต่นางก็ทนการกระทำของจวินฝูไม่ได้จริงๆ
แม้ว่านางไม่ได้เป็นโรครักความสะอาด แต่การได้เห็นจวินฝูนอนบนเตียงของจวินมั่วหรันและสวมกอดชุดวิวาห์ของเขา ซ้ำยังพร่ำพรรณนาเรียกชื่อเขาก็ทำเอาเฟิงอู๋โยวรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมา
จวินมั่วหรันพยักหน้าเล็กน้อยและกระซิบข้างหูของนาง “ข้าได้ส่งคนไปแจ้งหยุนเฟ่ยไป๋แล้ว ให้เขามาแก้ปัญหานี้น่าจะเหมาะกว่า”