ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 13 เดินทางกลับเมืองหลวง (รีไรท์)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 13 เดินทางกลับเมืองหลวง (รีไรท์)

ตอนที่ 13 เดินทางกลับเมืองหลวง (รีไรท์)

ในระหว่างที่เฉียวเยี่ยนคิดว่าตัวเองหลอกลูกสาวได้สำเร็จ เด็กน้อยก็สะกิดมือแล้วเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “แต่ลูกคิดว่าท่านพ่อไม่ใช่คนไม่ดีนะ”

เฉียวเยี่ยนทุบหน้าอกกระทืบเท้า และยังไม่ทันคลายโมโหลง เสียงน่ารักเย็นชาของลูกชายสุดที่รักของนางก็ดังออกมา “เขาเขียนตัวอักษรได้ไม่เลวเลย”

เฉียวเยี่ยน “…”

ใจเย็น ๆ นางต้องเงียบ ๆ ไว้!

เวลาเพียงแค่ครึ่งวัน ลูกสุดที่รักทั้งสองของนางก็ถูกซื้อไปแล้ว นางจะพูดอะไรได้อีก!

ก๊าก!

ระบบตัวน้อยในทะเลจิตสำนึกหัวเราะงอหงายไปกับพื้น เสียงหัวเราะนั้นดังก้องอยู่ในหัวเฉียวเยี่ยน

มุมปากเฉียวเยี่ยนกระตุก พลางส่งสายตาแสดงความเจ็บปวดให้กับระบบตัวเอง “ข้ากำลังเจ็บปวดเสียใจอยู่ แต่เจ้ากลับหัวเราะอย่างมีความสุข เจ้ายังเป็นระบบแสนดีของข้าอยู่หรือเปล่า?”

ระบบตัวน้อยได้ยินเช่นนี้ก็รีบปิดปากน้อยๆ ทันที

กลั้นขำรึ? นางเป็นมืออาชีพพอ! เว้นเสียแต่ว่าจะกลั้นไว้ไม่ไหว!

มู่ฉินเจินที่อยู่อีกฝั่งกำแพงยกยิ้มขึ้น แววตาแฝงรอยยิ้ม ทว่าสีหน้ากลับเย่อหยิ่ง

ฮึ! หญิงคนนี้ ริอาจยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกทั้งสองหรือ! ลูกทั้งสองของเขาเก่งมาก!

…..

เช้าตรู่วันที่สอง เฉียวเยี่ยนตื่นเช้าตามปกติ ก่อนจะหอมแก้มลูกน้อยทั้งสองที่หลับสนิท แล้วออกไปข้างนอกอย่างอารมณ์ดี

ทว่าทันทีที่ออกไปก็เห็นชายเลวคนนั้นกำลังออกกำลังกายยามเช้า ครั้นนึกถึงความสนิทสนมของลูกทั้งสองที่มีต่อนางเมื่อคืนก็ชักสีหน้าทันที แถมยังลอบกลอกตาใส่เขา

มู่ฉินเจินที่กำลังฝึกมวยคิดจะทักทายหญิงคนนี้ในตอนแรก ทว่ายังไม่ทันได้กล่าวออกมาก็ได้รับการกลอกตาใส่ เขาหุบปากฉับทันที แสร้งทำเป็นไม่เห็น และฝึกมวยต่อไป

เฉียวเยี่ยนล้างหน้าล้างตาเสร็จก็แบกจอบเตรียมไปขุดมันเทศ เกาจัวหยวนและคนอื่น ๆ ปรากฏตัวออกมาจากมุมหนึ่งราวกับผี ดูท่าทางกระตือรือร้นอยากไปช่วยเฉียวเยี่ยน

เฉียวเยี่ยนเองก็ไม่เกรงใจ ชี้ไปที่กองเครื่องมือทำไร่ตรงมุมกำแพง ให้ทุกคนถือจอบคนละด้าม และสอนให้พวกเขาขุดมันเทศ

มู่ฉินเจินอยากรู้มากว่ามันเทศมีหน้าตาเป็นอย่างไร จึงก้าวเท้าเดินตามไป

อย่ามองว่าการขุดมันเทศเป็นเรื่องง่าย ต้องขุดอย่างไร ใช้แรงอย่างไรล้วนมีความสำคัญ ไม่เช่นนั้นมันเทศดี ๆ จะถูกขุดจนเละได้

เฉียวเยี่ยนแสดงออกด้วยตนเอง นางแกว่งจอบอย่างชำนาญ ออกแรงพอเหมาะ แม้แต่ในบรรดาองครักษ์ที่มีฝีมือดีในการทำไร่ทำสวนก็แอบชื่นชมว่าหวางเฟยมีฝีมือ!

เฉียวเยี่ยนขุดไปพลาง อธิบายไปพลาง เหล่าองครักษ์ที่เคยทำไร่ทำสวนเข้าใจแจ่มแจ้งในเวลาเพียงชั่วครู่ และแกว่งจอบทำงานอย่างขะมักเขม้น

เมื่อแกว่งจอบลงไปและขุดมันเทศสีแดงลูกใหญ่สองสามหัวออกมาได้ ทุกคนก็โห่ร้องด้วยความดีใจ มันหัวใหญ่แบบนี้ต้นเดียวก็พอให้ผู้ใหญ่อิ่มท้องได้!

คังฮวาจอมตะกละยังไม่เข็ดกับเรื่องแอบขโมยกินพริกเมื่อวานนี้ เขาใช้มือปัด ๆ มันเทศ ไม่ล้างไม่ปอกเปลือก เช็ดฝุ่นบนใบมันเทศสองสามครั้ง แล้วกัดกินทันที

รสชาติของมันเทศดิบและสุกนั้นแตกต่างกันมาก มันเทศที่สุกจะนิ่มหวาน ในขณะที่มันเทศดิบจะแข็งกรอบและมีรสหวาน สรุปแล้วก็ยังอร่อยมากอยู่ดี!

เกาจัวหยวนกับคนอื่น ๆ มองเขาเคี้ยวเสียงดังกร้วม ๆ และถามด้วยสายตาเปล่งประกาย “อร่อยหรือไม่?”

คังฮวาไม่ได้เปิดปากพูดอะไร เพียงพยักหน้า และกัดมันเทศเข้าไปในปากคำโตอีกครั้ง

เกาจัวหยวนและคนอื่น ๆ เองก็เริ่มทำงาน และหยิบมันเทศขึ้นมากินตามในลักษณะเดียวกัน

เฉียวเยี่ยนมองคนสองสามคนที่ตะกละมากกว่าหมู ใบหน้าเผยรอยยิ้มแฝงออกมา มู่ฉินเจินเห็นแล้วก็รู้สึกขนลุก และคิดว่าหญิงคนนี้กำลังวางแผนไม่ดีอยู่แน่

จนกระทั่งทุกคนใกล้จะกินมันเทศกันหมดแล้ว เฉียวเยี่ยนก็หุบยิ้ม กระแอมไอออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อร่อยไหม?”

เหล่าองครักษ์พยักหน้าพร้อมกัน พลางยกนิ้วโป้งให้หวางเฟย สีหน้าเผยความประหลาดใจ

มุมปากมู่ฉินเจินกระตุกเล็กน้อย เผยความรังเกียจออกมาทางสีหน้า เขารู้สึกว่าการพากลุ่มคนโง่เหล่านี้มาคือการพามาให้ตัวเองขายหน้า

แต่รังเกียจก็ส่วนรังเกียจ ท่านอ๋องขยับนิ้วเล็กน้อย ลังเลว่าจะหยิบมันเทศมาชิมดีหรือไม่ ก่อนจะได้ยินเฉียวเยี่ยนเท้าเอวหัวเราะ “ข้าใช้ปุ๋ยคอกหว่านอย่างอุตสาหะเช่นนี้แล้วจะไม่อร่อยได้อย่างไร?”

ทุกคน “…”

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อจู่ ๆ ของในปากก็ไม่อร่อยขึ้นมา?

…..

ด้วยความช่วยเหลือจากคนงานที่ไม่ต้องจ่ายเงิน มันเทศจึงถูกเก็บเกี่ยวอย่างรวดเร็ว ภายในพื้นที่ประมาณสี่หมู่ก็ขุดมันเทศออกมาได้หลายลำเกวียน แม้แต่มู่ฉินเจินผู้สงบนิ่งมาตลอดยังประหลาดใจกับปริมาณของมันเทศ

ภายในเวลาห้าวัน เฉียวเยี่ยนก็จัดการบ้านหลังเล็กที่นางทำงานหนักมาสามปีเสร็จเรียบร้อย ผักทั้งหมดในแปลงผักถูกเก็บขายให้กับภัตตาคารที่ร่วมมือกัน มันเทศก็เหลือไว้ปลูกส่วนหนึ่ง ที่เหลือขายให้กับภัตตาคาร สูตรที่ทำแป้งมันเทศก็ขายด้วยเช่นกัน

แค่สูตรใบเดียวขายได้สามร้อยตำลึง หากมองในระยะยาวถือว่านางเสียเปรียบแล้ว แต่นางผิดสัญญาก่อน บวกกับเถ้าแก่ภัตตาคารนั้นเป็นคนดี นางจึงขายให้ในราคาต่ำ

แต่การขายไม่ใช่สัญญาที่ตายตัว รอนางไปถึงเมืองหลวงเมื่อใดก็ยังสามารถทำกิจการแป้งมันเทศได้

……

เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่ห้า

ในตอนเช้าตรู่ บ้านไร่เล็กในที่ห่างไกลก็ครึกครื้นขึ้นมา รถม้าหลายคันจอดรอเรียงกันอยู่นอกบ้านไร่เพื่อรอบรรทุกสินค้า

มีตะกร้ามันเทศ ไหหมักขนาดใหญ่สองสามไห ขวดผักดอง ถุงผักแห้งที่เก็บไว้ในกระสอบสะอาดสะอ้าน และยังมีหัวถุ่ย(แฮมจีน) เนื้อรมควัน และเนื้อสัตว์แดดเดียว

ในบ้านกระเบื้องหลังเล็กสามห้องมีของมากมายเสียจนบรรทุกได้เต็มรถม้าหลายคัน ทว่าเหล่าองครักษ์ที่เหงื่อแตกพลั่กกลับหัวเราะจนเห็นฟัน แทบอยากจะนำของทุกอย่างในบ้านกลับไปยังเมืองหลวง

ทำไมกัน? คนในเมืองหลวงยังไม่เคยกินผักดอง เนื้อรมควันรึ?

นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือดูว่าใครเป็นคนทำของเหล่านี้ต่างหาก!

พวกเขาตามท่านอ๋องมาหลายปี แม้แต่ภัตตาคารที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงก็เคยไปกินมาแล้ว แต่อาหารรสเลิศเหล่านั้นเมื่อเทียบกับอาหารบ้าน ๆ ที่หวางเฟยทำแล้วก็รู้สึกว่าขาดรสชาติไปหน่อย

ยกตัวอย่างเช่นเนื้อรมควัน เนื้อที่พวกเขาเคยกินถ้าไม่เค็มเกินไปก็จะเค็มออกเปรี้ยว ที่ย่ำแย่ถึงขีดสุดก็มีสีสันไม่น่ากิน รสชาติจืดชืด แต่เนื้อรมควันของหวางเฟยนั้นหั่นออกมาเป็นสีแดงก่ำ รสชาติเผ็ดเค็ม อร่อยจนพวกเขาแทบจะเอาน้ำมันที่ได้มาจากการผัดเนื้อไปคลุกข้าวกิน!

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ เฉียวเยี่ยนและพวกเด็ก ๆ นั่งอยู่ในรถม้ากว้างขวางหรูหรา เปิดม่านมองบ้านกระเบื้องหลังเล็กที่ค่อย ๆ ห่างออกไป และรู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างมาก

สองสามวันมานี้ลูกทั้งสองคลั่งไคล้พ่อของพวกเขาจนจะบ้าแล้ว หากไม่รบเร้าให้เขาเล่านิทานก็ดูเขารำดาบ เพียงระยะเวลาสั้น ๆ แค่ห้าวันเท่านั้น สามพ่อลูกก็ดูเหมือนจะแยกจากกันไม่ได้ ทำให้เฉียวเยี่ยนอิจฉาอย่างยิ่ง

เมื่อรู้ว่าจะได้กลับไปเมืองหลวงกับท่านพ่อ เด็กทั้งสองก็ตื่นเต้นมาก แต่ยามนี้เมื่อต้องจากบ้านหลังเล็กของพวกเขาไปก็รู้สึกตัดใจไม่ได้

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อุ้มสุนัขสีดำไว้ในอ้อมแขน เบะปากน้อย ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ย้ายร่างน้อยไปพิงร่างของแม่ “ท่านแม่ เราจะได้กลับมาอีกหรือเปล่าเจ้าคะ?”

แม้แต่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ตีหน้าขรึมก็เผยความเศร้าออกมาเล็กน้อย คิ้วน้อยขมวดเข้าหากันแน่น

เฉียวเยี่ยนถอนหายใจ กอดลูกทั้งสองไว้ในอ้อมแขน พลางตบหลังพวกเขาเบา ๆ โดยไม่พูดอะไร

นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่

…..

สี่วันต่อมา คนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาจากที่ไกลก็มาถึงเมืองหลวง

มู่ฉินเจินสวมเสื้อคลุมดำ ใบหน้าเคร่งขรึม รูปร่างสูงใหญ่ เขาควบอยู่บนหลังม้านำขบวนอยู่หน้าสุด และข้างหลังเขามีรถม้าหรูหราที่มีสัญลักษณ์ของตำหนักอ๋องซู่ตามมาด้วย

เหล่าองครักษ์ขี่ม้าตามหลังรถม้ามา และมีหน้าที่ขับรถม้าเคลื่อนย้ายสิ่งของ

กลุ่มคนเดินผ่านถนนอันพลุกพล่าน ผู้คนที่เดินบนถนนหยุดยืนมองทั้งสองฝั่งข้างทาง

สตรีหลายคนที่เห็นอ๋องซู่พลันมีใบหน้าแดงเรื่อ ปิดหน้ายิ้มอย่างเขินอาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนขยิบตาให้อ๋องซู่อย่างคิดว่าตัวเองดูดี แต่มู่ฉินเจินกลับไม่เหลียวแลแม้หางตา ใบหน้าฉายแววน่าเกรงขามเต็มเปี่ยม ไม่สนใจคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ได้เข้าเมืองหลวงแล้ว จะมีเรื่องวุ่นวายขบขันอะไรบ้างนะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท