ตอนที่ 15 ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ กับความแค้นของอี้จื่อจิ้น (รีไรท์)
ตอนที่ 15 ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ กับความแค้นของอี้จื่อจิ้น (รีไรท์)
คำว่า ‘ท่านพ่อ’ ทำให้ฝูงชนแตกฮือ แต่ละคนตกใจเหมือนกลุ่มคนโง่
ท่านพ่อ?
อ๋องซู่มีลูกแล้ว! แล้วที่บอกว่าเขาเป็นพวกตัดแขนเสื้อเล่า?
ครั้นอี้จื่อจิ้นได้ยินคำว่าท่านพ่อ ร่างกายพลันซวนเซทันที สมองถึงกับขาวโพลนและรู้สึกมึนงง
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีลูกแล้ว! หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่!
นางจ้องมองเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ผ่านช่องผ้าคลุมหน้า และพยายามสงบสติอารมณ์
ไม่เป็นไร แค่ลูกสาวคนเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รอนางเข้าตำหนักอ๋องซู่เมื่อใด ค่อยสบโอกาสกำจัดออกไป!
ทว่าไม่รอให้นางได้ปลอบโยนตัวเองเสร็จสิ้น สายฟ้าระลอกต่อไปก็ปรากฏออกมา
หลังจากส่งเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนท่านลุงฉูแล้ว มู่ฉินเจินก็กลับไปรับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ไม่ได้มีสีหน้ายินดีเหมือนอย่างเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เขาตีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกับมู่ฉินเจิน แต่หากมองดูดี ๆ จะเห็นดวงตากลมโตเป็นประกาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสนใจสิ่งรอบข้างอย่างมาก
ผู้คนยังไม่ทันได้หายตกใจจากเมื่อครู่ เวลานี้อ๋องซู่ก็อุ้มเด็กชายออกมาอีกคน คราวนี้พวกเขาตกใจจนอ้าปากค้างทันที!
สิ่งสำคัญคือเด็กชายคนนั้นมีหน้าตาเหมือนอ๋องซู่ราวกับแกะ ต่อให้คนตาบอดเห็นก็ยังบอกว่าเป็นลูกแท้ ๆ เลย!
ครั้นลุงฉูเห็นเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ น้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งไปหลังจากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ปลอบก็ไหลออกมาอีกครั้ง
ฮือ ๆ หวางเฟยของเราเก่งจริง ๆ ! ครั้งเดียวก็ได้ลูกสองแล้ว!
เมื่ออี้จื่อจิ้นเห็นใบหน้าของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ นางก็รู้สึกคล้ายกับเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างนางถูกดูดหายไป ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร! มันเป็นไปได้อย่างไร!
มู่ฉินเจินไม่สนใจผู้คนที่ตกใจอยู่รอบข้าง หลังจากส่งเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ให้เกาจัวหยวนอุ้มแล้ว เขาก็กลับไปรับเฉียวเยี่ยนต่อ
เขายื่นมือไปหาเฉียวเยี่ยนที่อยู่ในรถม้า แต่เห็นได้ชัดว่าหญิงที่อยู่ข้างในไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา
เฉียวเยี่ยนเลี่ยงมืออันเรียวงามนั้นพลางโน้มตัวออกมา และกระโดดลงจากรถม้าอย่างปราดเปรียว
มู่ฉินเจินยิ้มอ่อนพลางถอนมือกลับ นี่ก็นับว่าเป็นสถานการณ์ที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว
เฉียวเยี่ยนยืนได้อย่างมั่นคง เงยหน้าสำรวจเรือนที่นางทั้งแปลกตาและคุ้นเคย แววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
บ้านหลังใหญ่เช่นนี้หากใช้ประโยชน์ให้ดีหน่อย น่าจะปลูกผักได้ไม่น้อยเลยสินะ
ระบบตัวน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่ในทะเลแห่งจิตสำนึกด้วยความตื่นเต้น
[ว้าว! ท่านโฮสต์ ที่นี่ใหญ่จังเลย!]
เฉียวเยี่ยนพยักหน้า ใช่ มันใหญ่มากจริง ๆ แม้จะมีความทรงจำเกี่ยวกับตำหนักอ๋องอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นชัด ๆ ในยามนี้ นางก็ยังคงตกใจ
เมื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นแม่ตัวเองลงมาแล้วก็แทบอยากกางมือน้อยออกให้แม่กอดไม่ไหว คุณปู่คนนี้ร้องไห้อีกครั้ง เด็กน้อยปลอบก็ไม่ได้แล้ว!
เฉียวเยี่ยนรับเด็กน้อยกลับมาด้วยรอยยิ้ม มู่ฉินเจินเองก็รับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์มาเช่นกัน พวกเขาเข้าไปในตำหนักพร้อมคนรับใช้กลุ่มหนึ่งที่ตามหลังไป
ตัวเอกจากไปแล้ว แต่ผู้คนยังคงยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งค้าง ในตอนที่อี้จื่อจิ้นเห็นใบหน้าของเฉียวเยี่ยน ความเคียดแค้นชิงชังก็ไหลบ่าท่วมท้นไปทั่วร่าง ใบหน้าอันงดงามบิดเบี้ยวขึ้นมาทันใด
เหตุใดถึงเป็นนางนั่นอีกแล้ว! เห็นได้ชัดว่าเป็นคนอ่อนหัดโง่เขลามิใช่หรือ!
แต่เพราะคนอ่อนหัดผู้นี้ ไม่เพียงสวยกว่านางเท่านั้น แต่ยังได้อภิเษกสมรสกับชายที่นางรักมากที่สุด และยามนี้ยังให้กำเนิดลูกสองคนอีก!
ไยนางไม่โชคดีเช่นนี้บ้าง!
นางขบกรามแน่นด้วยความชิงชัง ก่อนจะออกไปจากฝูงชนด้วยการพยุงของชิงเหลียน
จากนั้นกลุ่มคนที่รอดูอยู่ก็มองเหล่าคนในตำหนักขนของอีกครั้ง
ไอ้ที่เป็นขวด ๆ เป็นกระป๋องเหล่านั้นคือสิ่งใดกัน?
ไยจึงเหมือนไหผักดอง ไหเครื่องปรุงเลยล่ะ?
มีแม้กระทั่งหัวถุ่ยกับเนื้อรมควันด้วย!
หรือซู่หวางเฟยอยู่ในบ้านไร่สี่ปี พอกลับมายังนำไหผักดอง เครื่องปรุง หัวถุ่ย และเนื้อรมควันกลับมาด้วย?
เฉียวเยี่ยนที่เข้ามาในตำหนักไม่รู้ว่าทุกคนคิดกับตัวเองอย่างไร ในยามนี้นางกำลังสำรวจเค้าโครงตำหนักอ๋องด้วยแววตาแพรวพราว และมีแผนปลูกผักคร่าว ๆ อยู่ในหัวแล้ว
สวนดอกไม้ผืนนี้?
ไถทิ้งแล้วปลูกหัวไชเท้าดีกว่า ใกล้ฤดูหว่านพอดีเลย
บ่อปลาหลีฮื้อนี้?
เปลี่ยนเป็นปลาหลี ปลาเฉาดีกว่า หากเลี้ยงตอนนี้ พอถึงตอนปีใหม่ก็ขึ้นโต๊ะได้แล้ว
ว้าว! ที่นี่ยังมีสระบัวด้วย!
ต้องจัดการให้ดีแล้ว ปีต่อ ๆ ไปจะได้มีรากบัวกิน!
…..
มู่ฉินเจินชำเลืองเห็นความตื่นเต้นบนใบหน้าของหญิงผู้นี้ก็ไม่รู้เหตุใดถึงเสียวสันหลังวาบ ครั้นนึกถึงแปลงผักเล็กที่มีการจัดระเบียบอย่างดีในบ้านไร่ เขาก็รู้สึกว่าไม่นานตำหนักอ๋องของเขาจะพัฒนาไปในทิศทางนั้น
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่คุ้นชินกับการปลูกผักอันชำนาญของเฉียวเยี่ยนมาตั้งแต่เด็กในตอนนี้ชี้ไปที่สวนดอกไม้หลังตำหนักอ๋องอย่างตื่นเต้น
“ท่านแม่ ผืนดินใหญ่มาก ปลูกผักได้เยอะแยะเลย!”
เฉียวเยี่ยนส่งสายตาชื่นชมให้กับลูกน้อยของตัวเอง ไม่เลวเลย! สมกับเป็นลูกนาง มีสายตาเฉียบแหลม!
ปลูกดอกโบตั๋น ดอกชาสวย ๆ เหล่านี้ไม่คุ้มทุนเท่ากับการปลูกผักกาดขาว ซึ่งทั้งสวยทั้งอร่อยกว่า
ดอกชาสิบแปดชนิดที่ถูกรังเกียจพากันคิดในใจว่า ‘ข้าไม่ดีเท่าผักกาดขาวหรือ?’
ครั้นมู่ฉินเจินได้ยินคำพูดของลูกสาวก็กุมหน้าผากอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าแม่ของพวกเขาจะออกจากเส้นทางการเพาะปลูกไม่ได้แล้ว
ครั้นเหล่าคนรับใช้ที่ตามหลังมาได้ยินคำพูดของหวางเฟยเหนียงเหนียงแล้วต่างก็มองหน้ากัน
ปลูกผัก? เอาสวนดอกไม้ใหญ่แห่งจวนอ๋องมาปลูกผัก?
ไม่รอให้พวกเขาได้เข้าใจ จวิ้นจู่น้อยของพวกเขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวอวี๋เอ่อร์ที่เห็นปลาหลีฮื้อครั้งแรกเบิกตากว้างเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านแม่ นั่นคือปลาอะไรรึ มันอร่อยหรือไม่?”
เฉียวเยี่ยนบีบจมูกเล็ก ๆ ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เบา ๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กจอมตะกละ นั่นคือปลาหลีฮื้อ มีไว้ให้ดูเท่านั้น กินไม่ได้”
เมื่อได้ยินว่ากินไม่ได้ ใบหน้าอวบอ้วนของคนตัวเล็กก็บิดเบี้ยวอย่างรังเกียจทันใด ปลาที่กินไม่ได้ หาใช่ปลาที่ดี!
มู่ฉินเจินมองลูกสาวอย่างหลงใหล และจดจำความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางไว้
จวนอ๋องมีขนาดใหญ่มาก หลังจากผ่านสวนดอกไม้ไปหลายแห่ง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง เรือนจิ่งเสวียน ที่พำนักของมู่ฉินเจิน
เรือนนี้มีเค้าโครงเรียบง่ายมาก เมื่อผ่านประตูโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยวเข้าไป สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกคือลานแผ่นหินดำกว้างขวางสะอาดตา ซึ่งใช้เป็นที่ออกกำลังกายตอนเช้าของมู่ฉินเจิน
ด้านข้างลานแผ่นหินดำมีศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ในศาลาเล็กนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้หินตั้งอยู่
พืชพรรณที่ปลูกในลานนอกจากกอไผ่สีม่วงสองสามกอแล้วก็ไม่เห็นสิ่งอื่นเลย ทั่วทั้งลานบ้านสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย และเต็มไปด้วยกลิ่นอายเที่ยงตรง ดูแล้วเหมือนกับองค์ชายอย่างมู่ฉินเจินยิ่งนัก
เมื่อเข้ามาในลานบ้าน ลุงฉูก็ก้าวขึ้นมาเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หวางเฟยเหนียงเหนียง ข้าน้อยได้จัดเตรียมทุกอย่างในลานบ้าน รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับนายน้อยทั้งสองเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อเฉียวเยี่ยนฟังจบก็เลิกคิ้วขึ้น นี่นางต้องอยู่กับมู่ฉินเจินรึ?
นางเอ่ยขัดลุงฉู “ลุงฉู ข้าขอพักที่เรือนหนิงเซียงเหมือนเดิมดีกว่า”
เรือนหนิงเซียงเป็นเรือนเดิมที่นางอาศัยอยู่หลังจากแต่งเข้ามาในตำหนักอ๋อง พื้นที่ลานบ้านกว้างใหญ่แต่อยู่ไกล และเป็นลานบ้านที่ห่างจากลานจิ่งเสวียนของมู่ฉินเจินที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ชอบเจ้าของร่างเดิมมากแค่ไหน
และตอนนี้จะให้นางอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขา ลืมมันไปเสียเถิด! ไม่หาเรื่องให้ลำบากใจจะดีกว่า
ลุงฉูมองหวางเฟยอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนหวางเฟยอยากใกล้ชิดกับท่านอ๋องมิใช่รึ? ไฉนตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันแล้วกลับไม่ชอบเสียล่ะ?
ไม่ใช่ว่าอยู่ข้างนอกสี่ปี หวางเฟยเปลี่ยนใจไปแล้วหรอกนะ!
ไม่ได้การแล้ว! เพื่อเจ้านายตัวน้อยของเขา เขาต้องปกป้องความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องกับหวางเฟย!
เขาคิดคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโค้งตัวตอบกลับ “หวางเฟยเหนียงเหนียง เรือนหนิงเซียงไม่ได้ซ่อมแซมมาหลายปี ทั้งยังอยู่ห่างไกล ไม่เหมาะให้ท่านกับเจ้านายตัวน้อยอาศัยอยู่หรอกขอรับ”
เฉียวเยี่ยนปฏิเสธทันที “ไม่เป็นไร ข้าก็เคยอยู่บ้านทรุดโทรมมาสี่ปีแล้ว เจ้าไปเตรียมการเถิด”
มู่ฉินเจินรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย มองเฉียวเยี่ยนอย่างลึกซึ้ง หญิงคนนี้ไม่ชอบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า คงเป็นเพราะไม่พอใจที่เขาเคยขับไล่นางออกจากเมืองหลวงในตอนนั้น
แสงประกายในดวงตาเย็นชาของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาก้มหน้าเอ่ยกับพวกลูก ๆ ว่า “พวกลูกอยากพักอยู่กับพ่อหรือไม่? ที่นี่มีหนังสือที่ยังไม่เคยได้เผยแพร่และอาวุธล้ำค่ามากมาย…”
เสียงของมู่ฉินเจินทุ้มต่ำนุ่มนวล จับจุดอ่อนของลูกทั้งสอง เพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างเต็มที่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงสารบุตรีท่านเสนาฯ นะคะ โดนช็อตฟีลไปสามรอบเต็ม ๆ
แน่นอนท่านอ๋อง ต่อไปตำหนักของท่านได้กลายเป็นสวนผักแน่แล้ว
ไหหม่า(海馬)