พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

บทที่ 2 ตอนที่4

「อ่ะ พี่สาวคะ!」

โซเมียรีบวิ่งไปหาไอริสทันทีและเธอก็อุ้มโซลเมียด้วยความอบอุ่น ไอริสยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับน้องสาวแสนรักของเธอ เป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วชวนดึงดูดไม่ต่างตามปกติเลย

โซเมียคุยกับไอริสอย่างสนุกสนาน ไอริสที่ฟังน้องสาวพูดถึงเรื่องราวต่างๆก็พยักหน้าให้อย่างมีความสุข

(ไอริสดิน่า เป็นพี่สาวของโซเมียจังงั้นเหรอเนี่ย?)

แน่นอนทั้งสองคล้ายกันมาก ทั้งสีผม สีตา และท่าทางของพวกเธอบรรยากาศออร่าก็มีความคล้ายคลึงกัน

(บางทีสำหรับไอริสแล้วสิ่งนั้นคงจะ “ใหญ่” ตั้งแต่โซเมียยังเด็กเลยสินะ)

◇◆◇

โนโซมุอาจจะคิดว่าเป็นการรบกวนโซเมียจังเปล่าๆเพราะไหนๆ เขาก็คอยยืนอยู่เป็นเพื่อนโซเมียจังจนกระทั่งพี่สาวเธอมาแล้ว ดังนั้นเขาเลยพยายามจะกลับบ้าน แต่ว่าไอริสและโซเมียจังกลับดึงเขาไว้และพาไปด้วยกัน

「นี่ไงคะ พี่สาวคนที่คอยดูแลหนูมาโดยตอลด」

「เอะ อะอืม…………」

ไอริสมองมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้ม

โนโซมุตกใจมากที่ตัวเองไม่โดนทำท่าทางรังเกียจใส่ ปกติเขาจะโดนแบบนั้นอยู่เสมอ

เหนือสิ่งอื่นใดรอยยิ้มของเธอนั้นงดงามมาก ทำให้โนโซมุเผลอยิ้มตอบกลับไป หุ่นของเธอที่เหมือนกับรูปปั้น…………。

ไม่ใช่รอยยิ้มแสนสำคัญที่ลิซ่าเคยมอบให้กับข้า แต่โนโซมุก็ไม่สามารถตอบกลับรอยยิ้มอันแสนงดงามได้อย่างเต็มใจนัก

「……?เป็นอะไรไปงั้นเหรอคะ?」

「อะ ไม่หรอกครับ!ไม่มีอะไร!」

ไอริสที่พูดกับโนโซมุ โนโซมุบอกปัดไปด้วยท่าทางเกร็งๆ

「ฮันแน่ คุณโนโซมุตะลึงกับรอยยิ้มของท่านพี่แน่ๆเลยคะ」

(เอะ เดี๋ยว โซเมียจังเธอทำอะไรเนี่ย!!)

โนโซมุร้อนรนกับคำพูดของโซเมียจัง

(ก็เป็นเรื่องจริงหรอกที่ข้าหลงใหลรอยยิ้มนั่น แต่ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าตัวตรงๆก็ได้นี่หน่า ทำแบบนี้ก็อายเป็นเหมือนกันนะ!)

「ฟุฟุ งั้นเหรอคะ ถ้าอย่างงั้นก็เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ」

โนโซมุที่ตื่นตระหนกเพราะโซเฟียพูดอะไรแปลกๆออกมา แต่ไอริสกลับตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง

เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศของทั้งสองคนนั้นช่างอึดอัด แต่โซเมียจังที่เป็นตัวต้นเหตุก็ดันแลบลิ้นและแสดงท่าทางแสนเจ้าเล่ห์ ไอริสเองก็เอามือปิดปากหัวเราะกับท่าทางของข้า เอาเถอะเห็นพวกนั้นสนุกข้าก็ดีใจ

(……เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้เห็นรอยยิ้มอันแสนสวยงามของสองคนนี้…………)

◇◆◇

「วันนั้นคุณเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลตอนพักกลางวันด้วยนี่คะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยในตอนนั้น」

ไอริสคิดว่าโนโซมุเป็นมิตรกว่าที่เธอคิด เธอจึงขอบคุณเขาสำหรับเรื่องนี้ตอนนั้น

「เอะ ไม่หรอกครับข้าก็แค่เผลออยู่ในห้องนั้นก็เท่านั้นเอง…และก็เป็นอาจารย์นอร์นที่คอยดูอาการและรักษาให้นะครับ」

「ถึงอย่างงั้นคุณเองก็เอายามาพร้อมกับช่วยสนับสนุนการรักษาของอาจารย์นอร์นนี่คะ」

「เอ่อจะว่ายังไงดีละครับการที่เห็นคนเจ็บอยู่ตรงหน้าเนี่ยถ้าเราไม่ทำอะไรเลย……ข้าเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แต่ว่าการที่ไอริสสามารถพาคนเจ็บมาที่ห้องพยาบาลได้นั่นน่าทึ่งกว่านะครับ」

「เป็นเรื่องที่ดีค่ะ การที่คุณเห็นคนอื่นกำลังเดือดร้อนและเข้าไปช่วยเหลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนแต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ」

ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นคนที่นิสัยดีอย่างมาก มีจิตใจชอบช่วยเหลือผู้อื่นแม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันก็ตาม นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่เธอเป็น

“จงช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน”เธอรู้สึกเช่นนั้นและทำไปตามความรู้สึกของตัวเธอเอง

เธอคนนี้ช่างดูเปล่งประกายอันแสนสดใสต่อจิตใจของโนโซมุเป็นอย่างมาก

◇◆◇

ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับชายคนหนึ่งอยู่ค่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยแบบนั้นตามข่าวลือที่ได้ยินมาเลย

ฉันได้ยินข่าวมาว่ามีคนที่คอยช่วยเหลือน้องสาวฉันในสวนสาธารณะอยู่บ่อยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขาคนนี้

ชายคนนั้นที่เป็นคนในข่าวลือ กำลังคุยกับน้องสาวฉันด้วยท่าทางสนุกสนานเช่นนั้น มันช่างห่างไกลจากเรื่องแบบนั้นนัก

โนโซมุ・เบลาตี้

อย่างน้อยก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงด้านดีๆของเขาเลยแม้แต่น้อย เป็นอดีตคนรักของ ลิซ่า เฮาวน์ ซึ่งอยู่ชั้นปี 3 เหมือนกัน และเป็นคนที่นอกใจเธอ เมื่อฉันไปถามเพื่อนๆร่วมชั้นก็ต่างได้ยินข่าวคราวแบบนี้อยู่บ่อยๆ เพื่อนๆในห้องต่างโกรธเขามาก

ลิซ่า・เฮาวน์ เธอเป็นคนที่มีเส้นผมสีแดงดั่งเปลวเพลิงและมีรอยยิ้มอันสดใส ทั้งยังเป็นคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์สูงสุดในโรงเรียนนี้ อย่างไรก็ตามเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามและเป็นที่ดึงดูดผู้คนรอบกาย การที่ชายคนนั้นจะนอกใจสาวสวยมากความสามารถมันจะเป็นแบบนั้นได้จริงๆน่ะเหรอ

ในช่วงฤดูร้อนของปี 1 เธอโดนชายหนุ่มที่เป็นคนรักทิ้งเธอไป

ในตอนนั้นข่าวลือต่างแพร่สะบัด มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นหลายคนต่างกังวลที่เธอถูกทอดทิ้ง

ทุกคนต่างโกรธชายหนุ่มคนนั้นและเริ่มมีการรุมประชาทัณฑ์เกิดขึ้น

ในฐานะที่ฉันเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันฉันก็ไม่พอใจอยากมาก แต่เรื่องราวนั้นมันดูเวอร์เกินไปหน่อยไหม

เมื่อฉันจ้องมองชายหนุ่มในข่าวลือตรงหน้านี้แล้วนั้น เขาก็แค่ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่เห็นได้ทั่วทุกที่ หากอยู่ในฝูงชนอาจจะแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

ฉันเองก็แปลกใจอยู่หน่อยๆกับการที่เขาสามารถเล่นเป็นเพื่อนกับน้องสาวของฉันได้ และดูเหมือนว่าน้องสาวฉันเองก็ดูมีความสุขมากๆและพูดถึงเขาอยู่บ่อยๆ

ฉันเองก็ไม่อยากพูดเรื่องทางบ้านมากนัก แต่ก็บอกได้แค่ว่าเป็นที่ๆหรูหรา และเป็นตระกูลที่อยู่รับใช้ประเทศมาเป็นเวลานาน

นอกจากนั้นก็ยังมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่ยังส่งผลต่ออิทธิพลในสถาบันโซลมินาติ

แมลงวันหลายตัวต่างตรอมตมกับพลังอำนาจที่แสนหอมหวานและหวังจะหุบสมบัตินั่นไป

แน่นอนว่ามีพวกโรคจิตที่พุ่งเป้ามาที่น้องสาวของฉันด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงต้องคอยดูแลกันและกันอยู่เสมอ

ดังนั้นฉันที่เคยโดนแบบนั้นตั้งแต่ยังเด็กเหมือนกับน้องสาว ผู้ใหญ่ที่หลงใหลในอำนาจทำให้ตัวฉันเองก็มีสวิตซ์เตือนภัยที่เป็นตัวบ่งบอกว่าคนไหนประสงค์ดีหรือประสงค์ร้ายกับพวกเรา หากเป็นคนที่ประสงค์ร้ายฉันก็พยายามจะกีดกันพวกนั้นออกไปให้ห่างๆจากน้องสาว

ทั้งฉันและน้องสาวของฉันเองก็ต่างมีสัมผัสเฉกเช่นเดียวกัน แต่ตอนที่มองเขาเล่นกับน้องสาวของฉันแล้วสวิตซ์ที่เป็นตัวคอยเตือนภัยกลับไม่ทำงาน แถมตัวน้องสาวเองก็ดูค่อนข้างยอมรับในตัวเขามากกว่าใครมากๆเลยล่ะ แม้ว่าจะคุยกันต่อหน้าต่อตาขนาดนี้แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมสวิตซ์เตือนภัยกลับไม่ทำงานเลยแม้แต่น้อย

ฉันเองก็คิดว่าตัวเองไม่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถจะพูดออกมาได้เต็มปาก แต่ฉันน่ะเป็นคนที่มีรูปลักษณ์งดงามและหุ่นดี ผู้ชายในวัยเดียวกันก็ชอบมองหน้าอกและก้นของฉันอยู่บ่อยๆมันทำให้ฉันรู้สึกแย่มากๆ

แต่ตอนที่อยู่กับเขาคนนี้ เขาไม่มีท่าทางเป็นคนแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ฉันเองก็เห็นน้องสาวฉันหยอกล้อเล่นกับเขาด้วยความขบขัน แซวเขาแบบนั้น แต่เขาก็กลับไม่มีท่าทีแบบชายคนอื่นจริงๆนะ

ชายหนุ่มคนนี้ช่างแปลกประหลาดนัก นั่นคือความรู้สึกแรกที่ฉันมีต่อเขา

◇◆◇

จากนั้นเองพระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตกดินแล้ว โนโซมุจึงบอกลากับทั้งสองและกลับหอพัก

ระหว่างทางกลับบ้านโนโซมุรู้สึกมีความสุขที่ได้พูดคุยกับไอริส

เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับคนที่มีอายุพอๆกัน อย่างเป็นธรรมชาติ

(ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้คุยกับเธอคนนั้น หวังว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกันอีกนะ)

ทันทีที่กลับถึงหอพักแล้วก็เตรียมตัวออกจากหอพักทันที ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะเนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุด โนโซมุเลยตัดสินใจที่จะฝึกซ้อมกลางดึกและพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมของชิโนะอยู่ในป่านั่น แม้ว่าจะปลด “พันธนาการ” ก็คงไม่มีใครได้มาเห็นหรอก ยามใดที่เขาอยากจะปลด “พันธนาการ” เพื่อฝึกควบคุมก็มักไปที่นั่นบ่อยๆ

「…………?」

หลังจากออกจากหอพักได้ไม่นานโนโซมุก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนแอบสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากหอพัก

เขาคิดว่าน่าจะเป็นคนที่คิดจะจ้องทำร้ายเขา แต่ว่ากลับไม่ใช่สายตาที่ส่งมาทางนี้ไม่มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย

แม้จะออกจากนอกเมืองไปแล้วแต่ข้าก็ยังโดนสะกดรอยตามอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีคนเดียวที่ตามข้ามา

「สงสัยจะได้วิ่งเข้าป่าแหะ」

ยังไงก็ตามหากออกนอกเส้นทางมันจะลำบากในภายหลัง ดังนั้นโนโซมุเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่กระท่อมของชิโนะทันที

ข้าเดินอยู่ในป่าได้สักพัก แต่เมื่อยืนยันได้ว่าไม่มีสายตาคอยจับจ้องจึงหยุด

「อืม ดูเหมือนจะหายไปแล้ว แต่ว่าใครกันนะ」

โนโซมุนึกถึงสายตาที่คอยจับตามองเขา แต่ว่าก็ไม่ได้คำตอบอะไรแม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมถึงโดนสะกดรอยตามก็เถอะ แต่ว่าเดาไปก็เสียเวลาเปล่า

(บางทีเป็นเพราะว่าเรื่องที่ข้าจัดการมังกรได้จะความแตกแล้ว?)

แย่แน่หากมีคนรู้เรื่องนี้เข้าสำหรับโนโซมุ หากเป็นเช่นนั้นไม่รู้ว่าทางการจะทำอะไรกันแน่

(แต่ก็ไม่ได้ตามมาจุดถึงที่สุดนี่? ข้าคิดว่าคงไม่หยุดแค่การตามมาที่ป่าหรอกนะ)

ข้าเดาไปต่างๆนาๆแต่ก็ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะ

◇◆◇

「อย่างที่คิด ไปที่ป่ายังงั้นเหรอเนี่ย」

เป็นมาร์เองที่คอยไล่ตามโนโซมุ เขามั่นใจว่าโนโซมุเข้าไปในป่าจากนั้นก็ต้องปลีกตัวออกมา

อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายเข้าไปในป่ามันอันตรายดังนั้นเลยต้องออกมาจากป่า

「ข้าก็เคยเข้าป่าอยู่หรอก แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้วันหยุดพอดีไว้ถามเอาก็ได้」

แต่เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าป่าไปคนเดียวเพื่อจะให้สัตว์อสูรมันฆ่าเล่นหรอก

แค่ยืนยันว่าโนโซมุมันเข้าป่าไปจริงๆแล้ว ก็เป็นความจริงแล้วล่ะดังนั้นก็เลยหาวิถีทางจะถามเจ้าหมอนั่น…………。

หลังจากมาถึงกระท่อมของชิโนะแล้วเขาก็เข้าไปในกระท่อมและเริ่มทำความสะอาด

ขณะที่กำลังทำความสะอาดอยู่ก็เห็นดาบที่ชิโนะเคยใช้ตั้งวางไว้

หลังจากที่ชิโนะเสียชีวิตแล้วโนโซมุก็ทำหลุมฝังศพและที่สำหรับเคารพศพเอาไว้ ในกระท่อมยังมีจดหมายลาตายของเธอยู่ด้วย

มันเขียนไว้ว่า「ข้าขอมอบดาบเล่มนี้ให้กับเจ้า。」

ตั้งแต่แรกข้าไม่คิดจะเปิดอ่านเลยแม้แต่น้อย การมาเขียนจดหมายลาตายแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย

การที่เธอทำเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำอย่างเถรตรง

แต่โนโซมุก็ยังไม่คิดจะหยิบดาบนั่นมาใช้ มีดาบอีกเล่มอยู่ที่เอวของเขาอยู่แล้วซึ่งเป็นดาบสำรองที่ชิโนะเก็บไว้

โนโซมุที่คิดว่าตัวเองที่ยังหนีความจริงอยู่ยังไม่เหมาะกับการถือดาบของอาจารย์

ยังไงก็ตาม……。

(อาจารย์ครับ……จนถึงตอนนี้แม้ว่าข้าจะยังไม่สามารถหยิบมันมาใช้ได้ก็เถอะ แต่ว่าสักวันหนึ่งวันที่ข้าก้าวไปข้างหน้าได้ข้าจะหยิบมันมาใช้นะครับ………………)

หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยโนโซมุก็เริ่มฝึกดาบทันที ดึงดาบออกมาด้วยท่าทางอันนิ่งเงียบและฟันผ่านอากาศด้วยท่วงท่าอันรุนแรง และก็เก็บดาบทำแบบนี้ซ้ำเรื่อยไป

ฟันซ้ายบน ย้อนกลับ เข้าด้านข้าง………。

ด้วยแรงที่ใส่ลงไปในขาและลำตัวนั้นมันเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย

โนโซมุยังคงฝึกโจมตีอยู่เรื่อยไป

เสียงรอบข้างถูกตัดขาดเขากวัดแกว่งดาบอย่างสมบูรณ์แบบท่ามกลางดวงจันทร์

เขาปลดปล่อยพลังออกมาและใช้คิเสริมพลังไปยังดาบยังบรรจง และฟันออกไป ทันทีที่ฟันเกิดเป็น “คลื่นกระแทก”อันรุนแรงออกไป

การโจมตีด้วยหมัด เข่า ศอก และ เตะ นั้นก็ถูกฝึกไปในพร้อมๆกัน

การโจมตีของวิชาดาบผสานกับศิลปะการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ราวกับเขากำลังเต้นรำอยู่

สุดท้ายจบด้วยการฟันดาบ โนโซมุนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว ผมของเขาสะบัดเล็กน้อยท่ามกลางแสงจันทร์

โนโซมุปรับท่าทางและเก็บดาบเข้าฝัก จากนี้ไปหากไร้ซึ่งสมาธิแม้แต่วิเดียวเขาจะตายได้

โนโซมุนึกถึงโซ่ที่คอย “พันธนาการ” ร่างกายของเขาไว้ มันเป็นโซ่ที่ฉุดรั้งพลังกายและความสามารถของเขาจนตกต่ำลง จากนี้ไปเขาจะปลดปล่อยมันออกมาและเริ่มใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์

「…………ฟู่……」

กลั้นหายใจและเอามือคล้องโซ่เหล่านั้น

หากการควบคุมล้มเหลวราชันย์มังกรเทียแมทก็จะยึดร่างของเขาทันที

ถ้าข้าฝึกจนใช้พลังนี้ได้ไม่คล่องละก็ ทุกๆอย่างจะไม่สามารถแก้ไขได้ และจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เมื่อย้อนนึกถึงผู้คนเหล่านั้น อาจารย์อันริ,นอร์น,ไอริส และ โซเมีย !!

โนโซมุตัดสินใจพัง “พันธนาการ” ที่ผูกมัดเขาเอาไว้

ในขณะนั้นเองพลังที่ถูกปลดปล่อยก็ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของโนโซมุจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้

「อะอึกอ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

โนโซมุกัดฟันแน่นและพยายามอดทนเอาไว้ พลังที่รุนแรงมากๆจนแทบจะซัดวิญญาณของเขาหลุดออกจากร่าง เหงื่อเริ่มไหลไปทั่วร่างกาย

พลังที่มากเกินไปสำหรับมนุษย์ตัวเล็กๆเช่นเขาแล้วมันอาจจะทำลายจิตใจของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าสำหรับโนโซมุที่ก้าวผ่านเรื่องต่างๆมามากมายมันไม่เท่าไรนัก

ด้วยการที่เขากลายเป็นตัวตนในตำนานอย่างดราก้อนสเลเยอร์และได้รับพลังบางส่วนของเทียแมทมาสถิตย์ในกาย ทำให้โนโซมุมีพลังพอที่จะต่อต้านสิ่งเหล่านั้น

อย่างไรก็ตามมันยังคงมีขีดจำกัด โนโซมุพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้จนโซ่ที่เป็น “พันธนาการ”มันกลับมาพันรอบตัวเขาอีกครั้ง

「อั่ก! แฮ่กแฮ่กแฮ่กแฮ่ก…………」

เมื่อ “พันธนาการ” เข้ามาพันร่างกายของเขาเพื่อปิดผนึกพลังของเทียแมท โนโซมุก็ล้มฟุบไป

ร่างกายสั่นสะท้านไปทั่ว เหงื่อที่ไหลท่วมทั่วทั้งตัวและแรงที่ปลดปล่อยไปนั้นทำให้เขาไม่สามารถลุกได้ในทันที

「เฮ้อ ท้ายที่สุดแล้วพลังที่ข้าสามารถใช้ได้ก็แค่ 2นาที…………!」

โนโซมุยังคงนอนหงายอยู่ตรงที่แห่งนั้น

ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้อย่างที่หวัง ท้ายที่สุดแล้วขีดจำกัดก็คือ 2 นาทีและไม่มีวี่แววว่าจะควบคุมมันได้นานกว่านั้น

ผลลัพธ์ในตอนนี้แสดงให้เห็นว่าตัวเขาไม่เติบโตขึ้นเลย แม้พยายามฝึกควบคุมมันแค่ไหนก็ตาม

ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์วันนี้ก็เหมือนกับทุกที โนโซมุก็กลับไปที่หอพักในวันรุ่งขึ้น

เมื่อโนโซมุมาถึงหน้าห้องพักก็พบกับคนๆหนึ่งยืนรออยู่หน้าห้องของเขา

「อืม มาสายนะ」

เป็นมาร์เองที่ยืนพิงประตูห้องของโนโซมุ

「……มีอะไรยังงั้นเหรอ?」

「โฮ่ย อย่าทำหน้าตาแบบนั้นสิ」

มาร์บอกกับโนโซมุให้ใจเย็น

「เกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย ข้าเหนื่อยมากแล้วจากการทำงานอยากจะเข้าไปนอน」

ข้าไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ป่านั่น เกี่ยวกับที่ข้าฝึกพลังของดราก้อนสเลเยอร์

「หืมมม ทำงานงั้นเหรอ ทำงานที่ป่านะเหรอ? งานแบบไหนกันที่ทำให้เจ้าต้องเข้าไปในป่า เพราะแรงค์เจ้าก็ไม่พอแน่ๆในการเข้าไปในป่า เจ้าเข้าไปทำอะไรกัน?」

คำพูดของมาร์ทำให้โนโซมุเงียบไปชั่วครู่

(ไปรู้มาจากไหน? บางทีอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานนั่นเหรอ…………)

「หรือว่านายจะแอบตามข้ามา…………」

「ใช่ ข้าเองแหละ…แต่เจ้ารู้ตัวแต่แรกอยู่แล้วงั้นเหรอเนี่ย? ถ้างั้นข้ามีอะไรอยากจะถามเจ้า ตามข้ามาหน่อยสิ」

มาร์หันหลังกลับและเริ่มเดินออกไป โนโซมุไม่มีทางเลือกนอกจากตามเขาไป

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท