ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 43 ลูก ๆ เข้าเรียน (รีไรท์)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 43 ลูก ๆ เข้าเรียน (รีไรท์)

ตอนที่ 43 ลูก ๆ เข้าเรียน (รีไรท์)

ขณะฟังนางอธิบายวิธีปรุงปลาไนแบบต่าง ๆ ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เกิดน้ำลายสอ ส่วนมู่ฉินเจินมองหญิงสาวที่เหมือนพระเผยแพร่คำสอนอยู่ในวัดชักนำผู้เฒ่าทั้งสองจนตะลึงงัน ก็รู้สึกว่ามันดูน่ารัก ใบหน้าล้วนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

พระทัยของฝ่าบาทสั่นไหวไปแล้ว จึงมองไปยังพระโอรสตัวเอง และถามความเห็นของเขา

มู่ฉินเจินจะกล่าวสิ่งใดได้? แน่นอนว่าต้องยกมือยกเท้าสนับสนุนภรรยา อีกอย่างเขาก็รู้สึกว่าดอกไม้ในพระราชวังเหล่านั้นล้วนสวยแต่รูปจูบไม่หอม มิสู้ปลูกสิ่งที่เป็นประโยชน์แถมยังชดเชยค่าใช้จ่ายในพระราชวังได้จะดีกว่า

เมื่อได้รับการสนับสนุนจากพระโอรส ฝ่าบาทก็ตัดสินใจได้อย่างสบายพระทัย และลงลิขิตข้อความไม่หยุด ตัดสินใจขุดไถอุทยานดอกไม้ในพระราชวัง และมอบหมายหน้าที่ปรับแก้ให้กับเฉียวเยี่ยนตามแต่สิ่งที่นางจะทำ

นอกจากนี้ ฮ่องเต้ยังพระราชทานป้ายคำสั่งให้นาง เพื่อให้สามารถเรียกเสนาบดีการคลังมาช่วยงานได้

เมื่อเฉียวเยี่ยนได้รับผืนดินมาปลูกผักอีกหนึ่งผืน นางก็ยิ้มจนตาหยี พลางตบอกรับรองว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ

หลังจากฮ่องเต้และฮองเฮาได้เสวยอาหารแสนอร่อยในตำหนักอ๋องซู่ ในตอนที่กลับยังนำหัวไชเท้าใหญ่สองสามหัวและน้ำพริกที่เฉียวเยี่ยนทำกลับไปด้วย

วันต่อมา เฉียวเยี่ยนยังคงยุ่งอยู่เช่นเดิม นางต้องไปตรวจดูสถานการณ์การเจริญเติบโตของผักที่หมู่บ้านลวี่หลัว

สภาพอากาศตอนนี้เริ่มจะมีหิมะตกแล้ว เฉียวเยี่ยนสวมอาภรณ์กันหนาวอย่างแน่นหนา นั่งรถเดินทางไปยังหมู่บ้านลวี่หลัวตั้งแต่เช้าตรู่

ด้านบนเรือนกระจกมีหิมะสะสมอยู่ไม่น้อย นางจึงกำชับเหล่าคนงานว่าต้องจัดการกวาดหิมะในทันที ไม่เช่นนั้นเรือนกระจกอาจจะทรุดตัวลงได้

พวกต้นกล้าต่างเติบโตได้ดี กล้าพริกเหล่านั้นมีความสูงสิบกว่ากงเฟินแล้ว ลำต้นอวบอิ่ม รากก็งอกออกมาแน่นขนัด

ส่วนกล้ามันเทศได้นำลงไปปลูกแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงสั่งให้คนเอาหญ้าฟางไปคลุมบนแปลงเพื่อรักษาความอุ่นให้กับมันเทศ และตอนนี้ก็ผลิใบใหม่ออกมาเป็นที่เรียบร้อย

ในตอนแรกเหล่าคนงานรู้สึกว่าคงปลูกผักในบ้านและในน้ำไม่ได้แน่ ทว่าหลายวันมานี้เห็นเหล่าต้นกล้าเติบโตมาทีละนิดกับตา จึงได้รู้ว่าหวางเฟยเหนียงเหนียงไม่ได้คิดเพ้อฝันจริง ๆ

พวกผักกาดขาวปวยเล้งเหล่านั้นยังเติบโตได้ดีกว่าผักที่พวกเขารดน้ำทุกวันเสียอีก มันดูอิ่มน้ำ เพียงแค่บีบก็เต็มไปด้วยน้ำ แค่มองดูก็รู้สึกว่ามันดูน่าอร่อย

ในเรือนเพาะกล้ายังเพาะกล้าอย่างไม่ขาดสาย ต้นกล้าที่งอกออกมาสามารถเคลื่อนย้ายไปยังเรือนกระจกใหม่ได้ และตอนนี้เรือนกระจกทั้งหมดก็ปลูกผักไว้เต็มโรงเรือน

……

ตั้งแต่รู้ว่าเด็กทั้งสองอยากไปเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยน มู่ฉินเจินจึงได้เข้าวังไปติดต่อกับอาจารย์แห่งกั๋วจื่อเจี้ยนไว้เรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งสองได้อยู่ในห้องเรียนเดียวกันในห้องเตรียมอนุบาล ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าองค์ชายองค์หญิงอายุห้าถึงแปดขวบ และยังมีลูกหลานของเหล่าขุนนางในราชสำนักด้วย

วันที่ยี่สิบเดือนสิบเอ็ดเป็นวันที่เด็กทั้งสองเข้าไปเรียน มู่ฉินเจินได้ขอหยุดไปว่าราชกิจในตอนเช้าเป็นพิเศษ และไปส่งลูก ๆ ที่กั๋วจื่อเจี้ยนพร้อมกับเฉียวเยี่ยน

เฉียวเยี่ยนตื่นแต่เช้าไปเตรียมอาหารเล็กน้อยในห้องเครื่อง นอกจากนี้ยังทำข้าวกล่องเล็ก ๆ ให้กับเด็ก ๆ เป็นพิเศษด้วย

เด็กนักเรียนในกั๋วจื่อเจี้ยนไม่กลับตำหนักไปกินข้าวกลางวัน ถ้าไม่กินอาหารที่ในวังเตรียมไว้ ก็จะมีสาวใช้ในบ้านตัวเองนำอาหารกล่องมาให้

และเพื่อให้เด็กทั้งสองไปสำนักศึกษา เฉียวเยี่ยนจึงใช้คะแนนซื้อของกับระบบไปไม่น้อย นางซื้อกระเป๋าหนังสือสองใบ กล่องข้าวสองกล่อง ชุดชั้นในรักษาความอุ่น และรองเท้ากันฝน

นางเลือกกระเป๋าหนังสือที่ไม่สะดุดตาไม่มีลวดลาย สีฟ้าหนึ่งใบ ชมพูหนึ่งใบ นำอาหารที่ทำเสร็จแล้วใส่ลงในกล่องข้าวเล็ก จากนั้นก็ใส่ลงในกระเป๋าถือที่เย็บด้วยผ้าฝ้ายรักษาความอบอุ่น

มู่ฉินเจินส่งองครักษ์เฟิงหยางมาทำหน้าที่รับส่งเด็ก ๆ ปกติเขาก็มีหน้าที่ปกป้องคุ้มกันอยู่ข้างกายพวกเขาอยู่แล้ว เฉียวเยี่ยนจึงทำอาหารกลางวันให้เขาเป็นพิเศษ หากให้คนอื่นช่วยทำงานให้แล้วยังไม่ให้เขากินข้าวก็คงไม่สมควร

เด็กทั้งสองตื่นแล้ว และนั่งสวมเสื้อผ้าอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง ยามนี้อากาศหนาวมากแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงได้เตรียมชุดลองจอน[1]ให้กับพวกเขา ด้านนอกสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายทับอีกตัว เท้าน้อยขาวเนียนก็สวมถุงเท้าลายการ์ตูน แล้วใส่เสื้อกันฝนกันน้ำไปอีกชั้น

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์แต่งตัวเสร็วแล้ว จึงคลานเข้าไปช่วยน้องสาวที่กำลังต่อสู้กับเสื้อกันหนาว เฉียวเยี่ยนที่ผลักประตูเข้ามาก็เห็นภาพน่ารักของเด็กทั้งสองช่วยกันและกัน

นางเข้าไปกอดเด็กทั้งสองและหอมไปหลายฟอด หวีผมให้พวกเขาเรียบร้อย จากนั้นก็ล้างหน้าบ้วนปาก เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ให้พวกเขาสะพายกระเป๋า และจูงมือพวกเขาออกไปจากบ้าน

มู่ฉินเจินคอยสามแม่ลูกอยู่หน้าประตู พอประตูเปิดออกก็เห็นเฉียวเยี่ยนแต่งหน้าบางเบา สวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอก งดงามกว่าปกติมากโข ส่วนเด็กทั้งสองถูกห่อคลุมอย่างแน่นหนา ใบหน้าและมือน้อยดูอบอุ่น สายตาเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

นางดูแลลูก ๆ ได้ดีจริง ๆ

หนึ่งครอบครัวสี่คนนั่งอยู่บนรถม้า เฟิงหยางรับหน้าที่ขับรถ เดินทางไปยังพระราชวัง

เฉียวเยี่ยนกอดเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ ส่วนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ซบอยู่ในอ้อมแขนมู่ฉินเจิน ใช้ใบหน้าน้อย ๆ ถูไถไปกับไรหนวดบนหน้าเขา จั๊กจี้จนหัวเราะคิกคัก

เฉียวเยี่ยนกำชับเด็กน้อยทั้งสองอย่างไม่วางใจ “เด็ก ๆ หากพวกเจ้าถูกรังแก ให้จำไว้ว่าต้องบอกอาจารย์ หรือไปหาเสด็จปู่เสด็จย่าของพวกเจ้า ห้ามแข็งชนแข็ง เข้าใจหรือไม่?”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง มารดากำชับหลายครั้งจนเขาสามารถท่องจำคำพูดเหล่านี้ได้แล้ว

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์บีบกำปั้นน้อยของตนไว้แน่น พลางเอ่ยอย่างดุดันแบบเด็กเล็ก “หากบังอาจรังแกท่านพี่กับลูก ลูกจะทุบตีเข้าให้!”

มู่ฉินเจินลูบศีรษะน้อยของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และเอ่ยชม “อวี๋เอ๋อร์เก่งมาก จำเอาไว้ หากสู้ไม่ไหวให้วิ่งหนี และกลับมาบอกพ่อ พ่อจะช่วยเจ้าแก้แค้นเอง สรุปคือห้ามทำให้ตัวเองลำบาก”

เฉียวเยี่ยนหมดคำจะพูด และกลอกตาใส่เขา มีการสอนเด็กแบบนี้ด้วยรึ? ไม่กลัวสอนออกมาเป็นจอมอันธพาลหรือไร

ด้วยพละกำลังไร้ขอบเขตของลูกสาวนาง อาจจะทุบตีจนคนร้องไห้ไปกลุ่มหนึ่งก็ได้

ยามฤดูหนาวย่างกรายมาถึง ระบบตัวน้อยก็เริ่มใช้ชีวิตในฤดูหนาว ชุดกระโปรงน้อยบนตัวเปลี่ยนเป็นชุดจัมพ์สูทขนนุ่มลายการ์ตูนน่ารัก วันนี้นางสวมชุดไดโนเสาร์ตัวน้อยสีเขียว พิงอยู่บนเตียง กินไปด้วยดูวิดีโอไปด้วย

นางเห็นใจลูกทั้งสองที่ต้องไปเรียนท่ามกลางอากาศหนาวอย่างสุดซึ้ง ตอนนั้นนางถูกส่งไปโรงเรียนฝึกเด็กเล็กก็ต้องตื่นแต่เช้าทั้งที่ยังนอนไม่พอ ไปโรงเรียนก็ยังต้องฟังอาจารย์ผู้ดูแลเด็กเล็กคุยฉอด ๆ ทุกข์ทรมานแสนสาหัสนัก

ช่วงเวลานั้นล้วนเป็นความทรงจำอันดำมืดที่สุดในชีวิตนาง แต่โชคดีที่นางจบมาแล้ว ตอนนี้กิน ๆ ดื่ม ๆ ทุกวัน เป็นปลาเค็มตัวน้อย ช่างมีความสุขเหลือแสน

เมื่อถึงพระราชวัง เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินก็ส่งเด็กทั้งสองไปยังกั๋วจื่อเจี้ยน ซึ่งมีอาจารย์มารออยู่ตรงนั้นแล้ว

เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินเข้าไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงส่งลูกทั้งสองไปให้อาจารย์ต้อนรับ

อาจารย์ที่รับผิดชอบต้อนรับพวกเขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง มีความเป็นผู้ดี และน่าจะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน

ครั้นเห็นเด็กน้อยน่ารักทั้งสอง อาจารย์หนุ่มก็ยิ้มไม่หุบ หลังจากกล่าวลาเฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินก็จูงมือเด็กเข้าไปในสำนักศึกษา

เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์ มองแผ่นหลังพวกเด็ก ๆ ที่จากไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

เด็กน้อยทั้งสองหันหน้ากลับมา โบกมือลาบิดามารดาด้วยรอยยิ้ม เฉียวเยี่ยนยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ และขอบตาร้อนผ่าว

ตั้งแต่พวกเด็ก ๆ เกิดมาก็อยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด ตอนนี้ไปเข้าเรียนอย่างกะทันหัน ช่างอาลัยอาวรณ์นัก

มู่ฉินเจินสังเกตเห็นสตรีข้างกายขอบตาแดงก่ำก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือโอบไหล่นางเข้ามา ให้นางพิงอยู่บนบ่าตัวเอง

เขาไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ทว่ามือใหญ่กลับลูบไหล่เฉียวเยี่ยนเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมนางโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

เฉียวเยี่ยนที่พิงอยู่บนบ่าอุ่นกลั้นไม่ไหว น้ำตาไหลรินลงมา และไม่ได้ผลักเขาออกไป

หลังจากพิงอยู่พักหนึ่ง นางก็ยืดตัวตรง หันตัวกลับไปจัดแจงท่าทางของตัวเองด้วยความรู้สึกอายเล็กน้อย

นางก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตนเปลี่ยนไปเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด แต่พอเป็นเรื่องของเด็กทั้งสอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็สามารถดึงสติของนางไปได้

[1] ชุดลองจอน ( 秋衣秋裤 ) เปรียบเสมือนชุดชั้นใน สำหรับใช้ในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ขายโปรเจกต์สำเร็จนะคะ ฮ่องเต้เตรียมขุดรื้ออุทยานใหม่แล้ว

เลี้ยงลูกมาแต่อ้อนแต่ออก พอส่งลูกเข้าโรงเรียนมันก็ใจหายหน่อย ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน