ตอนที่ 70 การนวด และน้ำเสียงน่าอาย
ตอนที่ 70 การนวด และน้ำเสียงน่าอาย
ทันใดนั้นนางก็ได้สติกลับมา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองมู่ฉินเจินอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ “บะหมี่นี่ท่านเป็นคนต้มหรือ?”
มู่ฉินเจินรู้สึกอายเล็กน้อย เขาพยักหน้าเบาๆ ปลายใบหูก็แดงเรื่อขึ้นมา
เฉียวเยี่ยนบอกไม่ถูกว่าเวลานี้ตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไร อาจจะเป็นความรู้สึกสุข รู้สึกประทับใจ และรู้สึกหวานซึ้งกระมัง?
นางรู้ว่าบุรุษโบราณมีความเย่อหยิ่งและยึดมั่นในความคิดของตัวเองสูง ทว่าเรื่องเหล่านี้เหมือนจะไม่เคยเห็นในตัวมู่ฉินเจินเลย นางรื้อไถดินตำหนักอ๋อง เขาก็ช่วยนาง นางอยากจะทำกิจการ เขาก็ออกเงินมาให้ก่อน นางออกบ้านมาเจรจากิจการ เขาก็ดูแลลูกอย่างเงียบ ๆ …
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เฉียวเยี่ยนพลันพบว่าท่านอ๋องเป็นคนดีที่หาได้ยากคนหนึ่งจริง ๆ
ระบบตัวน้อยได้ยินความคิดนางก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตันใจ ในที่สุดท่านโฮสต์ของนางก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างบ้างแล้ว!
ทันใดนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็พุ่งเข้ามาในห้อง ทำลายบรรยากาศหวานซึ้งกับความอบอุ่นภายในห้องเพียงชั่วพริบตา เจ้าปลาอ้วนซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนมารดา “ท่านแม่ ลูกกับท่านพี่ไปเล่นกับพวกน้องชายน้องสาวมา สนุกมากเลยเจ้าค่ะ…”
เฉียวเยี่ยนใจอ่อนระทวยไปกับลูกสาวนาง จึงละความคิดเมื่อครู่ทิ้งไปก่อน พลางลูบศีรษะเด็กน้อย และอ้าแขนให้กับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ “ลูกรักมานี่เร็ว มาให้แม่กอดหน่อย”
เด็กทั้งสองเข้าไปในอ้อมแขนมารดาอย่างเชื่อฟัง บนใบหน้าน้อยแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ทันใดนั้น เสียงตกใจของฮุ่ยเซียงก็ดังมาจากห้องครัว
“ว้าย! ห้องครัวถูกขโมยขึ้นรึ?”
“ไข่ไก่มากมายเพียงนี้ เหตุใดถึงได้ไหม้เสียหมดล่ะ!”
……
เสียงปวดใจและตกใจของฮุ่ยเซียงดังไปทั่วเรือนหลังเล็ก เฉียวเยี่ยนมองไปทางมู่ฉินเจินอย่างขบขัน เห็นเพียงขโมยอย่างท่านอ๋องที่มีสีหน้ามืดครึ้ม
แต่หลังจากยิ้มออกมา นางก็ชมเชยท่านอ๋องชนิดเค้นทุกรอยหยักในสมองออกมา
เวลาผู้ชายจะทำอาหารอะไรต้องสนับสนุนชื่นชม เมื่อเขาได้รับในสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็จะมีความกระตือรือร้นในการเข้าครัวต่อไป
เฉียวนักชมปรากฏตัวออกมา คล้ายกับกำลังชมลูกน้อยทั้งสองของตัวเอง จนท่านอ๋องฉีกยิ้มกว้างถึงดาวอังคาร
ความรู้สึกขุ่นเคืองเพราะอับอายเมื่อก่อนหน้านี้ของมู่ฉินเจินได้มลายหายไปสิ้น เวลานี้ดีใจอย่างมาก แทบอยากไปต้มบะหมี่ให้ภรรยาอีกชาม
ตกกลางดึก เด็กน้อยทั้งสองที่เล่นมาทั้งวันหลับไปนานแล้ว มือน้อยยกขึ้นข้างหู ท้องน้อยป่องนูนขยับขึ้นลงตามการหายใจ มู่ฉินเจินนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง บางครั้งก็ห่มผ้าให้เด็กทั้งสองที่ขาแขนโผล่ออกมา ส่วนเฉียวเยี่ยนก็เขียนแผนจัดการสวนท้อของนางอย่างครุ่นคิดพิจารณา
เฮ้อ! ตอนซื้อมานั้นมีความสุขจริง ๆ แต่พอคิดวางแผนกลับเหนื่อยใจแทบขาด!
แสงเทียนฉายสลัวราง อาจเป็นเพราะเขียนนานเกินไปจึงรู้สึกว่าดวงตาพร่ามัว นางจึงเผลอคลึงตรงหว่างตาโดยไม่รู้ตัว ทว่าในหัวก็ยังคิดเรื่องป่าท้อพันหมู่
มู่ฉินเจินเห็นก็วางหนังสือในมือลง และลุกขึ้นย่างไปด้านหลังนางด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ก่อนยกมือขึ้นกดตรงจุดไท่หยาง*ของนาง และนวดให้อย่างเบามือ
(*ไท่หยาง จุดตรงรอยบุ๋มข้างขมับ)
วินาทีที่ศีรษะถูกสัมผัส เฉียวเยี่ยนก็คล้ายกับโดนกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ร่างกายสั่นไหวจนแทบขนลุก นางอยากจะหลบออกทันที แต่มือใหญ่ที่กระดูกดั่งหยกคู่นั้นกลับครอบศีรษะนางและกดไว้อย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ไม่ยอมให้นางหลบหนีได้เลย
มู่ฉินเจินส่งเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดออกมาอยู่เหนือศีรษะนาง ทั้งอ่อนโยน ทั้งน่าหลงใหล
“ผ่อนคลาย ไม่ต้องกลัว ข้าจะนวดให้เจ้า”
เฉียวเยี่ยนรู้สึกราวกับต้องมนต์ หยุดการขัดขืนและหลับตารับการบริการของเขา สมองที่ทำงานหนักมาทั้งวันในเวลานี้ก็ได้ผ่อนคลายลง
มู่ฉินเจินมองศีรษะที่อยู่ในมือ และยิ้มออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ เมื่อก่อนเขาทำเป็นแค่หักคอคน และไม่เคยคิดนวดให้คนอื่นเลย
เฉียวเยี่ยนไม่รู้เลยว่าท่านอ๋องกำลังคิดถึงภาพนองเลือดยามหักคอคนอยู่ในขณะที่กำลังนวดศีรษะให้นาง ซึ่งตอนนี้นางก็กำลังหลับตารับความสุขอยู่
มันสบายจริง ๆ แรงที่กดช่างพอเหมาะ จังหวะเนิบช้า จนนางอดสงสัยไม่ได้ว่าท่านอ๋องเคยไปเรียนมาหรือไม่
ทันใดนั้นศีรษะพลันชาขึ้นมา ไม่รู้ว่ากดโดนจุดไท่หยางหรือไม่ ความรู้สึกมึนงงชาวาบนั้นช่างสบายจนทำให้เฉียวเยี่ยนครางออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อืม…”
เสียงแผ่วเบาคล้ายกับเจ็บปวดและสุขสมดังอย่างชัดเจนอยู่ภายในห้องอันเงียบสงัด พริบตาเดียวบรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นคลุมเครือขึ้นมา
เฉียวเยี่ยนอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นางคิดไม่ออกว่าเหตุใดตัวเองถึงได้ส่งเสียงน่าอายออกมา
มู่ฉินเจินได้ยินเสียงนั้นก็หายใจสะดุด ในหัวมึนงงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นปลายหูที่แดงก่ำของเจ้าท่อนไม้ ก็เกิดความคิดอยากแกล้งขึ้นมา
เขาเคลื่อนหน้ามาใกล้หูนาง ในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดขยับ เอ่ยอย่างแผ่วเบา “สบายดีไหม?”
ตู้ม!
เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนภูเขาไฟระเบิด ไอร้อนแผ่ออกมาบนหน้ากับบนศีรษะ ตกใจจนแทบสะดุ้งโหยง แต่กลับถูกมู่ฉินเจินกดไว้ตรงตำแหน่งเดิม
ในน้ำเสียงเขาเคลือบไปด้วยความขบขันแผ่วเบา “เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ตอนนี้ดึกแล้วเจ้าเข้านอนเถิด เรื่องใหญ่อะไรค่อยจัดการพรุ่งนี้”
เฉียวเยี่ยนกำลังอยู่ในความลำบากใจ เมื่อได้รับข้ออ้าง ก็รีบเข้าไปซุกในผ้าห่มซ่อนหน้าเอาไว้ทันที
ระบบจิ๊กโก๋ตัวน้อยเอนกายอยู่บนเตียง ทำท่าตามนางเอกในละคร แต่นางที่แขนเล็กขาเล็กทำออกมาได้น่ารักและตลกมาก
นางผิวปาก มองโฮสต์ตัวเองด้วยสีหน้านักเลงเจ้าชู้ขั้นสุด
[ท่านโฮสต์ สบายไหม?]
เฉียวเยี่ยน “…”
ระบบนี่เอาไว้ไม่ได้แล้ว!
นางกลอกตาใส่ระบบตัวน้อย พลางเอ่ยลอดไรฟัน “เดือนนี้ตัดของว่างให้หมด!”
ระบบตัวน้อยพลิกตัวนอนราบ ทำหน้าทะเล้นใส่โฮสต์ นางไม่กลัวหรอก ท่านพ่อกฏแห่งสวรรค์ของนางจะดูแลนางแน่นอน
ในฐานะปลาเค็มตัวน้อยที่มีความสุข จะไม่มีของว่างให้กินได้อย่างไร
ท้ายที่สุดความอับอายก็แพ้ให้กับความง่วงนอน หลังจากนอนลงบนเตียงได้ไม่นาน เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกง่วง ความอับอายเมื่อครู่ได้มลายหายไป และแทนที่ด้วยการหลับฝันหวาน
มู่ฉินเจินมองหญิงสาวตัวเล็กขดตัวขยุกขยิกอยู่ในผ้าห่มเหมือนหนอน และยิ้มออกมาเงียบ ๆ เขานั่งลงบนข้างโต๊ะ จัดเรียงโครงการสวนดอกท้อที่นางเขียนไว้หลายแผ่น และดูอย่างตั้งใจ
……
วันรุ่งขึ้น เมื่อเฉียวเยี่ยนตื่นขึ้นมาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างกายแล้ว ส่วนลูกทั้งสองตื่นไปเล่นกับเหล่าสหายตัวน้อยตั้งแต่เช้าแล้ว
นางลุกขึ้นเตรียมจะออกไปจากห้อง แต่กลับพบว่าแผนโครงการที่นางเขียนเมื่อคืนถูกจัดเก็บเป็นระเบียบแล้ว และดูเหมือนจะมีข้อความอยู่ด้านข้าง
นางหยิบขึ้นมาดู และยิ่งดูนางก็ยิ่งมีความสุข มู่ฉินเจินได้ไขข้อสงสัยเมื่อวานทั้งหมดของนางแล้ว!
หาคนไม่ได้รึ?
เขายังมีลูกน้องอยู่นะ! ทุกปีในค่ายทหารจะมีทหารปลดประจำการนับไม่ถ้วน ในนั้นไม่เพียงแต่มีคนฉลาด แต่ยังมีคนที่รู้หนังสืออยู่มากโข
สำหรับการทาบกิ่งต้นท้อ นางต้องเปิดหลักสูตรเร่งรัด และทางที่ดีที่สุดในนั้นควรเป็นศิษย์ที่รู้หนังสือ เช่นนี้นางจะได้ถ่ายทอดความรู้ได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้การทาบกิ่งไม่ได้เป็นเพียงงานทางด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูงอีกด้วย จำเป็นต้องทำให้รอยแผลของกิ่งพันธุ์กับต้นตอมีความเรียบเนียนสูง ซึ่งทางที่ดีควรออกแรงกรีดในครั้งเดียว หากออกแรงไม่พอจะทำให้แผลต้นตอกับแผลกิ่งพันธุ์ไม่เรียบทาบกันไม่สนิท ส่งผลให้กิ่งพันธุ์ที่นำมาทาบมีอัตราการรอดชีวิตต่ำ
ซึ่งทหารปลดประจำการนับว่าเหมาะสมนัก พวกเขาทุกคนล้วนชำนาญในอาวุธยุทโธปกรณ์ ส่วนพละกำลังก็ไม่ต้องเป็นห่วง หากพวกเขาได้รับการฝึกอบรมแล้ว ก็จะยิ่งเชื่อฟังคำสั่งมากขึ้น
เฉียวเยี่ยนกอดกระดาษแผนการสองสามแผ่นอย่างมีความสุข เมื่อออกมาจากห้องและเห็นมู่ฉินเจินกำลังออกกำลังกายตอนเช้า ก็เข้าไปกอดเขาอย่างทนไม่ไหว จากนั้นก็ดึงเขามาหารือเกี่ยวกับแผนการอย่างกระตือรือร้น
มู่ฉินเจินรู้สึกปั่นป่วนใจที่ถูกนางสวมกอด ในหัวเต็มไปด้วยสัมผัสนุ่มนวลเมื่อครู่ แต่น่าเสียดายที่เฉียวเยี่ยนผู้ยั่วยวนคนอื่นโดยไม่รู้ตัวในเวลานี้กำลังกระตือรือร้นเกี่ยวกับโครงการสวนท้อของนาง จึงไม่ได้สนใจท่าทางของท่านอ๋องเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หวิดโดนหยุมหัวแล้วไงอ๋องโบ้ ดีที่เสี่ยวเยี่ยนไม่ใช่คนไร้เหตุผล
แต่ท่านอ๋องก็ยังคงต้องโบ้ต่อไปแหละค่ะ ดีขึ้นมาหน่อยก็คือเจ้าท่อนไม้เริ่มมีใจแล้ว
ไหหม่า(海馬)