พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 24

ตอนที่ 24

บทที่ 3 ตอนที่ 1

เช้าตรู่ ณ ถนนของเมืองอาร์คาซัม

นักเรียนหลายคนกำลังมุ่งหน้าไปที่สถาบันโซลมินาติ

ในบรรดานักเรียนจำนวนมากมีชายสองคน

คนหนึ่งคือ โนโซมุ・เบลาตี้ ชายหนุ่มที่คาดดาบคาตานะไว้ที่เอว นักเรียนที่มีผลการเรียนต่ำสุดในปี 3 ของสถาบันโซลมินาติ

อีกคนคือ มาร์ ・ดิกเกนส์ ชายร่างใหญ่ผู้สะพายดาบใหญ่ไว้กลางหลัง เช่นเดียวกับโนโซมุเป็นนักเรียนปี 3 และแม้เขาจะมีความสามารถมากมายแต่ว่าพฤติกรรมแย่ๆเลยมาลงห้อง 10 นี่ละ

ขณะที่เดินไปยังสถาบันก็ได้ยินข่าวลือของเหล่านักเรียน

◇◆◇

「นี่ได้ยินหรือเปล่า? ข่าวลือที่ว่ามีเครื่องมือเวทย์ที่ควบคุมไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ของไอริสดิน่าน่ะ」

「อ่า ได้ยินมาแล้วล่ะ เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ แต่ก็ดีใจมากเลยนะที่ไม่มีใครบาดเจ็บเหรือเสียชีวิตเลย」

ไม่กี่วันหลังจากความวุ่นวายในตระกูลฟรานซิส เพราะความวุ่นวายดังกล่าวนั้นโด่งดังไปทั่วจนทำให้เกิดข่าวลือต่างๆในสถาบันโซลมินาติและทั่วเมืองอาร์คาซัม

เครื่องมือเวทย์ของตระกูลฟรานซิสที่ควบคุมไม่ได้ คฤหาสน์ที่ถูกเวทย์บาเรียขวางกั้นอย่างสมบูรณ์และมีเหล่ามนุษย์โดนขังอยู่ภายใน

อย่างไรก็ตามไอริสดิน่าก็จัดการกับเครื่องมือเวทย์นั่นได้จนสถานการณ์สงบลง……。

「โนโซมุเหตุการณ์นั่นมันก็แปลกจริงๆล่ะนะ…………แต่ว่าแกคิดว่าตระกูลฟรานซิสปิดข่าวนี้ไปเหมือนกันปะ?」

มาร์กระซิบข้างๆหูข้า

「ไม่รู้สิ ไอริสเองก็ดูท่าทางไม่สนใจด้วยว่าเรื่องนี้จะเปิดเผยออกไปรึเปล่า แต่สำหรับข้าแล้วคนรอบๆก็คงมีบ่นอุบบ้างแหละเกี่ยวกับตระกูลฟรานซิส」

กรณีเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นทางตระกูลฟรานซิสเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน บางทีเพราะสั่งให้บอกความจริงออกไปสถานการณ์ก็เลยเป็นแบบนี้ละมั้ง

「…………แต่ว่าก็ดีไม่ใช่เหรอไงกันล่ะ ตอนนี้โซเมียจังเองก็ปลอดภัยแล้วนะ」

「อ่า นั่นสินะ」

มาร์ตอบกลับคำพูดของข้า

ข้าไม่เข้าใจหรอกว่าตระกูลฟรานซิสเป็นอะไรไปจะเป็นขุนนางหรืออะไรก็ช่าง ตอนนั้นข้าก็แค่สู้เพียงเพราะอยากจะปกป้องเพื่อนคนสำคัญ

ข้าคิดแบบนั้นอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ

แต่ว่า…………。

「โซเมียจังหวังว่าจะไม่เป็นไรนะ………หวังว่าคงจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อตัวเธอนะ」

แม้ว่าเธอจะกลับสู่สภาพปกติแล้ว แต่เธอที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปครั้งหนึ่ง เพราะเครื่องมือเวทย์นั่นที่หลอมรวมกับตัวของเธอ ทำให้โนโซมุกลัวผลกระทบที่ตามมา

「จากที่หมอดูอาการแล้วไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง」

「……อืม ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นไว้ครั้งหน้าค่อยถามละกัน」

◇◆◇

แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นแต่สถาบันโซลมินาติก็ยังเปิดสอนตามปกติ

คาบเรียนตอนเช้าเป็นคาบเรียนเวทมนตร์กับ อาจารย์นอร์น

เนื้อหาก็เป็นเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เวทย์ในวิธีต่างๆ โนโซมุเองก็ไม่พลาดที่จะจดโน้ตเอาไว้แม้ว่าจะใช้เวทย์ไม่ได้แต่มันทำให้เขาสอบข้อเขียนได้

ยังไงสำหรับมาร์ที่เก่งด้านปฏิบัติอยู่แล้ว ก็ไม่ค่อยสนใจคาบเรียนสักเท่าไร

มาร์เองก็เป็นคนที่มีพลังเวทย์เยอะพอตัว แต่มันก็ยากสำหรับมาร์ที่จะเรียนเทคนิคใหม่ๆเพราะเขาเป็นพวกสมองกล้ามดังนั้นก็เลยใช้ได้แค่เวทย์บางประเภทเท่านั้น

ในห้องเรียนตอนเที่ยงหลังจากจบคาบเช้าแล้ว เพื่อนร่วมชั้นก็เริ่มออกไปทานอาหารกลางวัน

ตั้งแต่ที่พวกเราเริ่มมีที่ตั้งในการทานอาหารกลางวันมาร์และข้าก็กินด้วยกันบ่อยๆยกเว้นมีเรื่องบางอย่างจะไปทำ

「โนโซมุ มื้อกลางวันนี่กินไรดี?」

「ก็ว่าจะหาซื้อแถวนี้ละนะ แล้วมาร์ล่ะ?」

「ข้าน่ะมีข้าวกล่องมาจากบ้านแล้วล่ะ」

พูดเช่นนั้นมาร์ก็โชว์ข้าวกล่องให้โนโซมุดู

โนโซมุนึกถึงสเต็กเนื้อกระต่ายที่เคยกินก่อนหน้านี้ ข้าวกล่องที่ทำโดยเจ้าของโรงแรมของ “เรือนร่างของโค”ก็น่าจะอร่อยแน่ๆล่ะ

(ตอนนี้เองก็ไปหาที่ๆจะไปทานกันดีกว่านะ……)

「มาร์ไปกินข้าวที่ไหนกันดี「ขอโทษด้วยนะคะ โนโซมุ・เบลาตี้?」……เอะ」

ทันใดนั้นเองข้าก็ได้ยินเสียงของสาวสวยสองคนที่ได้ยินบ่อยๆอยู่ตรงนั้น

คนหนึ่งเป็นไอริสดิน่า・ฟรานซิส หญิงสาวผู้มีผมสีดำขลับ ร่างกายที่งดงามได้รูปและมีออร่าของความเป็นผู้ดี

อีกคนก็ทิม่า・ไลม์ หญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวถึงไหล่ หน้าตาดีพอๆกับไอริส

「「「「………………………………」」」」

ทั่วทั้งห้องนี้ต่างเต็มไปด้วยความเงียบ

การที่สาวสวยมากความสามารถบุกมายังห้อง 10 ที่เป็นห้องของนักเรียนชั้นต่ำเช่นนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง

เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เพื่อนทั้งห้องต่างสับสน…………。

「อะ อะ เฮ้ย ไม่ใช่ว่าเธอเรียกชื่อหมอนั่นเหรอ?」「อะ อ่า ข้าเองก็ได้ยินแบบนั้น」「ทำไมมันถึงได้รู้จักกับเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬได้ละเว้ย……」

เธอที่เรียกชื่อเต็มของโนโซมุ ถ้าคิดตามปกติแล้วการที่ตัวตนสูงส่งอย่างเธอกลับจำชื่อของไอ้ชั้นต่ำเช่นนี้ได้มันก็ดูแหม่งๆใช่ไหมล่ะ

โนโซมุในตอนนี้อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เมื่อมองไปรอบๆห้อง ไอริสก็เจอกับโนโซมุและเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม เพื่อนทั้งห้องต่างมองกันตาค้างด้วยความตกตะลึงกับฉากตรงหน้า

ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่อว่าเธอจะทำอะไรนั่นเอง……。

「สวัสดีค่ะโนโซมุคุง ทานข้าวกลางวันกันรึยังเหรอคะ? ถ้ายังไม่ได้ทานละก็ไปทานข้าวกลางวันกับพวกเราเถอะค่ะ?」

ตอนนั้นเองระเบิดลูกใหญ่ก็ถูกโยนเข้ากลางห้องเรียน

「「「「「อะ อะไรกันวะเนี่ยยยยยยยยย ไอ้บ้านี่ーーーーーー!」」」」」」

ทันใดนั้นเอง ทั้งห้องเรียนก็ระเบิดตู้มเพราะความสับสน

◇◆◇

「……เอ่อกลายเป็นเรื่องวุ่นวายซะแล้วสิ……」

มาร์พึมพำด้วยความตกใจ

ด้วยความเอะอะเสียงดังไปทั่วห้องโนโซมุไม่มีทางเลือกนอกจากตอบรับคำเชิญและรีบพาไอริสออกจากห้องเรียนทันที นักเรียนในห้อง 10 รวมทั้งมาร์ทุกคนต่างระเบิดอารมณ์กันหมดเลย

คำพูดของเธอนั้นทำให้ทั้งห้องต้องตะลึงไปตามๆกัน

ไอริสดิน่าที่มีผู้ชายและผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาชื่นชอบ บุคคลผู้มีความสามารถอยู่ในระดับท็อปของสถาบัน ท่าทางอันจริงจังของเธอ ตัวเธอนั้นมักบอกปัดผู้ชายที่เข้าหาเธออยู่เสมอคนที่เปรียบเสมือนเจ้าหญิงผู้เย็นชาคนนั้น

ตัวเธอที่เป็นเหมือนดอกฟ้าที่ไม่มีใครเอื้อมมือไปแตะต้องได้นั้น

ตัวเธอที่เป็นตัวตนถึงระดับนั้นกลับมาชวนผู้ชายชั้นต่ำที่มีเกรดการเรียนยอดแย่แถมยังมีข่าวลือเสียๆหายๆมากมาย ทำให้หลายๆคนต่างมองเธอว่าเธอบ้าไปแล้วแน่ๆ

พวกเราสี่คนมาถึงมุมหนึ่งของลานกว้างและเริ่มทานอาหารกัน…………。

「เฮ้ย นั่นมันไอ้บ๊วยห้อง 10 ไม่ใช่เหรอ」「ทำไมไอ้หมอนั่นถึงสนิทกับเธอได้วะ?」

สายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างจับจ้องมาทางนี้ พวกนั้นต่างจ้องโนโซมุและมาร์กันตาเขม็งราวกับบอกว่า “ทำไมต้องเป็นไอพวกนี้ด้วย”

สายตาอาฆาตแค้นราวกับไปเหมือนไปฆ่าใครตายก็มิปานจับจ้องมา

สายตาที่จ้องมองมาที่โนโซมุนั่นแย่กว่าเกินจะจินตนาการได้

พอมาคิดดูแล้วไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือลานกว้างก็มีนักเรียนเยอะ

(แหวะ ไม่อร่อยสักนิด!)

「…………ชิ!」

แม้แต่ตัวโนโซมุที่เคยชินกับคนที่คิดลบกับเขายังต้องหวาดหวั่นกับสายตาทิ่มแทงของผู้คนที่จ้องมองมาทางนี้ ตอนนี้แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่สามารถรับรู้รสของสิ่งที่กินไปได้เลย มาร์เองก็เริ่มหงุดหงิดกับสายตาที่จับจ้องมาทางนี้

「……ขอโทษด้วยนะคะที่จู่ๆก็รีบไปหาที่ห้องเรียนเช่นนี้……」

「…………ขอโทษด้วยนะคะ พวกเราไปสร้างความน่ารำคาญใจให้รึเปล่า?」

ทั้งสองที่สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของโนโซมุและมาร์ก็ต่างขอโทษ

「ไม่หรอกครับ ก็แค่ตกใจที่จู่ๆก็มาโผล่ที่ห้องแบบนั้น」

「อ่าาา นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเธอหรอกนะ……」

ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แต่มาร์กับโนโซมุก็ต่างขอโทษไอริสและทิม่า

โนโซมุคิดว่าได้โอกาสดีเลยถามไอริสเพราะเธอตกเป็นที่สนใจตั้งแต่เช้า

「ยังไงก็ตามโซเมียจังเป็นยังไงบ้างครับ?」

「อ่าค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เธอไปสถาบันอีคอร์สตามปกติ」

โนโซมุพิจารณาภาพรวมและถามเธอออกไปเพราะเป็นห่วง แต่จากที่ฟังแล้วไม่น่าจะมีอะไรให้กังวล

เธอที่ถูกดึงวิญญาณออกมาแม้จะชั่วคราว แต่ว่าพอมาตอนเช้าเธอก็ปกติดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไปดังนั้นเลยถามเผื่อเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไรจริงๆ

ยังไงก็ตามยังหายกังวลไม่ได้เพราะเตาหลอมวิญญาณนั่นยังไม่ได้เอาออกจากร่างของโซเมียจัง แต่ว่าตอนนี้ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งจึงเริ่มทานอาหารกลางวันกันต่อ

หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ ไอริสก็ถามข้า

「……แล้วปกติพวกคุณสองคนทำอะไรหลังเลิกเรียนเหรอคะ?」

「เอ่อก็ไม่มีแผนว่าจะทำอะไรครับ คิดว่าน่าจะไปฝึกตามปกติ……」

โนโซมุไม่เคยละเลยการฝึก

เพราะว่าเขาฝึกหนักจนกลายเป็นนิสัยปกติไปแล้ว เพราะความสามารถพื้นฐานถูกกดให้ต่ำลงก็เลยต้องชดเชยด้วยการฝึกฝนเพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้น เขาเลยฝึกทุกวันเพื่อไม่ให้ฝีมือต้องตก

「วันนี้………ไม่ทราบว่าจะไปเที่ยวข้างนอกกับฉันจะได้ไหมคะ? พอดีว่าอยากจะขอบคุณสำหรับเรื่องในวันนั้นค่ะ……」

ไอริสขอให้โนโซมุมาด้วยกันหลังเลิกเรียน เพราะเธออยากจะขอบคุณโนโซมุ

ความจริงที่ว่าพ่อของเธอไปเคลียร์กับตระกูลวาเซียร์ตและทำให้คฤหาสน์ถูกปกคลุมไปด้วยความจริงนั่น ถูกบิดเบือนกลายเป็นข่าวปลอมไป

สำหรับเธอแล้วที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลฟรานซิสคนต่อไป เธออยากจะขอบคุณทั้งสองที่ช่วยเธอไว้

อย่างน้อยเธอก็อยากจะขอบคุณโนโซมุที่ช่วยน้องสาวของเธอด้วยตัวเธอเอง…………。

「ขอบคุณนะครับ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกครับ」

「ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะคะ สำหรับเธอที่ทำเพื่อฉันมากขนาดนี้แล้ว…ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็อยากจะขอบคุณเธออยากเป็นทางการค่ะ เพราะฉะนั้นจะช่วยยอมรับจะได้ไหมคะ?」

ไอริสพูดเช่นนั้นพร้อมกับมองหน้าโนโซมุ

(โนโซมุคุง……วันนี้เองก็ดูท่าทางจะสบายดี……)

ไอริสกังวลเกี่ยวกับตัวโนโซมุเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นได้ชัดตอนที่เขาต่อสู้กับรูกาโต้เขากลายเป็นเหมือนคนที่คลั่ง

“มันมีเหตุผลที่ทำให้เขาต้องคอยซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้”

พอตระหนักได้เช่นนั้น ไอริสก็ไม่สามารถบอกพ่อของเธอได้เกี่ยวกับเรื่องพลังของโนโซมุ

「…………เข้าใจแล้วครับ แล้วมาร์ล่ะครับ?」

「ถามข้าทำไมล่ะ? นี่เป็นสิ่งที่แกควรจะได้รับ?และก็ความจริงแกหยุดหมอนั่นด้วยตัวคนเดียวด้วยซ้ำ」

หลังจากตอบรับคำขอของไอริสแล้วถามมาร์ มาร์ก็ทำหน้าจะบอกว่า “ตรูไม่เกี่ยว”

สำหรับมาร์แล้ว โนโซมุเป็นคนเดียวที่หยุดรูกาโต้ได้ ดังนั้นสำหรับเขาไม่ควรจะได้รับคำขอบคุณหรอก…………。

「ไม่หรอกค่ะ ตอนนั้นเองนายก็ปกป้องทิม่าด้วยไม่ใช่หรือไง ก่อนที่โนโซมุคุงจะมา」

「ใช่แล้วล่ะคะ ถ้ามาร์คุงไม่เข้ามาช่วยในตอนนั้น ฉันเองก็คงโดนห่ากระสุนเวทย์มากมาย ถ้าเป็นแบบนั้นละก็โซเมียจังก็จะ…………」

ไอริสและทิม่าต่างปฏิเสธคำพูดของมาร์ แม้โนโซมุจะเป็นคนหยุดรูกาโต้ก็จริง แต่ว่ามาร์เองก็เป็นคนที่คอยซื้อเวลาให้

「…………เข้าใจแล้วล่ะน่า」

มาร์ยอมรับดังนั้นก็เลยนัดกันไว้แล้วหลังเลิกเรียน

ระฆังคาบพักดังขึ้น คาบพักหมดลงแล้วนักเรียนต่างเริ่มกลับเข้าห้องเรียนเพื่อเข้าเรียนช่วงบ่าย

โนโซมุเองก็กลับห้องเรียน แต่ว่ามีเงาหนึ่งตามหลังเขาอยู่

——————

「เฮฮฮดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นสินะ」

ชายคนนั้นโผล่ออกมาจากหลังสิ่งก่อสร้างของโรงเรียนพร้อมรอยยิ้ม

「ถ้ามองจากมุมมองนี้แล้ว ไม่ว่าใครต่างก็ต้องอิจฉาไอ้บ๊วยห้อง 10 นั่นแน่ๆที่ได้อยู่ด้วยกันกับ “เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬ”กับ”การสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่”เช่นนี้~」

ชายหนุ่มคนนั้นทำท่าเหมือนกับเจอของเล่นชิ้นใหม่กำลังจ้องมองโนโซมุที่กำลังกลับห้องเรียน

「เอาล่ะ เจอเรื่องน่าสนุกเข้าซะแล้วสิ ไม่อยากจะเชื่อเลยน้า เป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยจริงๆสถาบันนี้เนี่ยนะ ถ้างั้นก็ช่วยแสดงความบันเทิงจนถึงขีดสุดด้วยเถอะนะ」

ชายหนุ่มคนนั้นหันหลังกลับ เขามองไปทางโนโซมุกับมาร์อีกครั้ง เขาเดินไปคนละทางกับพวกนั้นหูและหางสีทองที่ขยับไปมาตามการเคลื่อนไหวของเขา

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท