ตอนที่ 113 ทำเค้ก
ตอนที่ 113 ทำเค้ก
นอกจากการผลิตแป้งมันเทศแล้ว โรงงานผลิตแห่งนี้ยังผลิตเครื่องปรุงและของหมักดองรสเผ็ดต่างๆ เช่น ซอสพริก ซอสเนื้อ เต้าเจี้ยวเผ็ด พริกดอง และผักดองเผ็ด
ห้องที่ใช้ทำผักดองและซอสรสเผ็ดเหล่านี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองห้อง ซอสพริก ซอสเนื้อและอื่นๆ จะต้องเคี่ยวในน้ำมัน ส่วนผักดองเผ็ดและพริกดองต้องแยกหมักโดยปราศจากน้ำมัน มิฉะนั้นจะขึ้นรา
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างห้องหมักพิเศษเพื่อรักษาความสะอาดให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ปนเปื้อนน้ำมันและแบคทีเรีย
โชคดีที่พื้นที่ของบ้านรกร้างหลังนี้กว้างขวางพอและมีลานบ้านอยู่อีก 2-3 แห่ง หลังรื้อผนังกั้นแล้วก็จะกลายเป็นโถงทำงานขนาดใหญ่
นอกจากเตรียมสร้างโรงงานแล้วยังต้องเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกชนิด ซึ่งต้องมีหม้อเหล็กขนาดใหญ่อยู่ด้วย แต่เหล็กโบราณมีราคาแพงและความบริสุทธิ์ไม่สูง ดังนั้นคุณภาพหม้อเหล็กที่ผลิตได้จึงไม่ค่อยดีนัก
เฉียวเยี่ยนจำเป็นต้องซื้อหม้อเหล็กหลายสิบใบในครั้งนี้ ซึ่งใช้เงินเป็นจำนวนมาก หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว นางก็ตัดสินใจซื้อจากระบบ แม้ว่าราคาจะสูงกว่า แต่อย่างน้อยก็มีคุณภาพดีกว่าและมีอายุการใช้งานยืนยาวมากกว่า
นอกจากหม้อแล้วยังต้องเตรียมถังไม้ อ่างไม้ และกระชอนทุกชนิด รวมถึงโถดองจำนวนมากสำหรับดองผักดอง
ในโถงทำงานต้องเตรียมการมากมายและซับซ้อนเหลือเกิน และทุกอย่างน่าจะพร้อมใช้งานเมื่อเวลาล่วงเข้าเดือนสิบเอ็ดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าสู่เดือนสิบเอ็ด วันสำคัญก็มาถึง คือวันยี่สิบสี่เดือนสิบ ซึ่งเป็นวันเกิดครบสี่ขวบของลูกทั้งสอง
ในวันเกิดของเด็กๆ เมื่อปีก่อนๆ เฉียวเยี่ยนปรุงบะหมี่ ให้ของขวัญ และเตรียมของว่างอื่นๆ แต่ในปีนี้นางต้องการทำสิ่งที่แตกต่างออกไป
นางอยากลองทำเค้กวันเกิดให้ลูก ๆ ของนาง แม้ของพรรค์นี้จะซื้อจากระบบได้ แต่นางก็ยังอยากลองทำด้วยตัวเอง
การทำเค้กวันเกิดในสมัยโบราณนับว่าค่อนข้างยาก ปัญหาใหญ่อย่างแรกก็คือการไม่มีเตาอบ
เฉียวเยี่ยนจำได้ว่าในชาติที่แล้วตนเคยเห็นวิดิโอสั้นเกี่ยวกับการสร้างเตาเผาของบล็อกเกอร์นักชิมชาวชนบทคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงต้องการสร้างมันขึ้นมาเอง
แต่นางไม่รู้เรื่องนั้นมากนัก จึงต้องพึ่งพาผู้รู้ตัวน้อยในการค้นหาข้อมูลและร่างภาพไว้คร่าวๆ ตามคำพูดต่างๆบนอินเทอร์เน็ต
หลังจากวาดภาพร่างแล้วนางก็ไปพบอาจารย์สองคนที่เชี่ยวชาญในการสร้างเตา ซึ่งเตาและเตาอบขนมปังมีโครงสร้างเกือบจะเป็นแบบเดียวกัน หลังจากฟังคำอธิบายของนาง อาจารย์ทั้งสองก็เข้าใจในความคิดนี้
เตาอบขนมปังใช้เวลาสร้างสองวัน หลังจากโคลนแห้ง เฉียวเยี่ยนก็แทบรอไม่ไหวที่จะทดลองทำ
นางลองใส่ก้อนแป้งไว้ข้างในเพื่อทดสอบอุณหภูมิ แต่ความร้อนที่ได้ยังไม่เหมาะสม ก้อนแป้งนั้นจึงออกมาไหม้ดำและแข็งราวกับหินก้อนหนึ่ง
ลูกทั้งสองมองไปยังก้อนสีดำที่แม่ของพวกเขาอบอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำทั้งสองคู่นั้นทำให้เฉียวเยี่ยนรู้สึกอายเล็กน้อย
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หยิบก้อนแป้งไหม้แข็งนั้นกลิ้งไปมาบนพื้นเพื่อแกล้งลูกแมวสีส้ม
เจ้าส้มเติบโตขึ้นมากแล้ว ทั้งยังมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง มันชอบไล่จับผีเสื้อและผึ้งที่แปลงผักเป็นประจำ
หลังความพยายามครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ เฉียวเยี่ยนก็ไม่ยอมแพ้และทดลองซ้ำหลายครั้ง หลังจากสั่งสมประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็สามารถหาทางออกได้
เช้าวันที่ยี่สิบสี่เดือนสิบสอง เด็กน้อยทั้งสองผู้เป็นเจ้าภาพวันเกิดก็ตื่นแต่เช้า เพราะแม่บอกว่าจะทำเค้กวันเกิดให้
แม้จะไม่รู้ว่าเค้กวันเกิดคืออะไร แต่พวกเขาก็ยังตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงมัน ตราบใดที่มารดาของพวกเขาเป็นคนทำ พวกเขาล้วนชอบทั้งสิ้น!
งานเลี้ยงวันเกิดถูกจัดขึ้นในตอนเย็น เฉียวเยี่ยนขอให้ลูกทั้งสองเชิญเหล่าสหายตัวน้อยที่ผูกมิตรด้วยมาร่วมงาน และช่วยส่งเทียบเชิญไปยังจวนเหล่านั้น
เมื่อรู้ว่าเด็ก ๆ กำลังจะฉลองวันเกิด ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เสด็จออกจากวังไปร่วมงานด้วย แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำ แต่พวกเขาก็มาแต่หัววัน และบอกว่ามาเพื่อร่วมฉลองงานเลี้ยงของเด็กๆ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อรับประทานอาหารเย็นเสียมากกว่า
หลังจากที่ซูเนี่ยนหว่านได้พบกับฮ่องเต้เป็นครั้งแรก นางก็ค่อนข้างสงวนท่าที แต่โชคดีที่ฮองเฮากระตือรือร้นมาก พระนางรั้งนางไว้และตรัสเรียกว่าแม่ยายอย่างสนิทสนม จนนางคลายความตื่นเต้นและร่วมเก็บผักด้วยกันกับฮองเฮา
ฮองเฮาพาซูเนี่ยนหว่านออกไป ในขณะที่เฉียวจิ่นพบฮ่องเต้ที่โถงหน้า ฮ่องเต้ลองหารือประเด็นทางวิชาการกับเขา และพบว่าเฉียวจิ่นมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จึงอดไม่ได้ที่จะพอพระทัย และตรัสสนับสนุนให้เขาเข้าร่วมการสอบบัณฑิตในฤดูวสันต์ปีหน้า
เฉียวเยี่ยนเห็นว่าแม่และพี่ชายเข้ากันได้ดีกับฮ่องเต้และฮองเฮา จึงผละจากไปลงมือทำขนมเค้ก
โดยปกติแล้วผู้ช่วยส่วนตัวอันดับหนึ่งอย่างมู่ฉินเจินจะติดตามนางไปทุกที่ และวันนี้เฉียวเยี่ยนก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริงๆ จึงจัดการงานยากสองอย่างให้เขา
ในการทำเค้กต้องตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู ซึ่งในยุคปัจจุบันขั้นตอนนี้ง่ายมาก เพียงเปิดสวิตช์ตะกร้อตีไข่ไฟฟ้าก็สามารถทำได้ภายในสองนาที แต่ในสมัยโบราณกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากกำลังมือไม่เพียงพอ ต่อให้ตีไข่ขาวจนเจ็บมือก็ตีมันให้ขึ้นฟูฟ่องไม่ได้
ตอกไข่สองสามฟองในอ่างกระเบื้อง แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว เติมน้ำมะนาวสองสามหยดลงในไข่ขาว จากนั้นเทน้ำตาลทรายขาวลงไปและตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู
เฉียวเยี่ยนทำตะกร้อมือตีไข่ขาวขึ้นจากไม้ไผ่ ซึ่งดูคล้ายกับแปรงสำหรับล้างหม้อเล็กน้อย แต่ใช้งานง่ายกว่าตะกร้อมือตีไข่สมัยใหม่มาก
หลังจากที่มู่ฉินเจินได้เรียนรู้วิธีตีไข่ขาว เขาก็ควงข้อมือตีไม่หยุดเหมือนหุ่นยนต์จนกระทั่งตีไข่ขาวขึ้นเป็นฟองขาว
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของไข่ขาวในมือ ท่านอ๋องก็คิดว่ามันน่าทึ่งมาก หลังจากตีไข่ขาวเสร็จก็ยังรู้สึกไม่หนำใจ
เฉียวเยี่ยนหยิบชามไข่ขาวไป ก่อนกดเขาลงนั่งบนเก้าอี้ให้พักผ่อน แล้วป้อนผลสตรอเบอรี่ให้เขา
“ขอบคุณนะที่รัก!”
มู่ฉินเจินที่คาบสตรอเบอรี่ค้างอยู่ในปากได้ยินเฉียวเยี่ยนเรียกเขาว่า “ที่รัก” สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจ และจากนั้นใบหูของเขาก็แดงขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเรียกเขาแบบนั้น แม้จะฟังดูน่าอายเล็กน้อย แต่เขาก็ชอบมันมาก!
เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับท่าทางเหม่อลอยของเขา ก่อนจะบีบหูของเขาและผสมแป้งเค้กต่อไป
ใส่นมและเนยละลายลงในไข่แดงแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นร่อนแป้งในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทำเป็นแป้งเหลว สุดท้ายตักส่วนผสมไข่ขาวที่ขึ้นฟูแล้วลงไปก่อนตะล่อมให้เข้ากัน
การทำขนมมักใช้เนยเป็นหลัก หากไม่มีเนยก็ใช้น้ำมันข้าวโพดได้ แต่ในยุคนี้นิยมกินน้ำมันงากับน้ำมันหมู ซึ่งน้ำมันทั้ง 2 ชนิดนี้มีกลิ่นรสเข้มข้น ไม่เหมาะที่จะทำขนม ดังนั้นนางจึงซื้อเนยหนึ่งแท่งมาจากระบบ
หลังจากเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง มู่ฉินเจินก็เคี้ยวผลสตรอเบอรี่ในปาก มันมีหวานอมเปรี้ยวฉ่ำน้ำ และเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกินมาก่อน
“นี่คือผลไม้อะไร?”
เฉียวเยี่ยนตอบขณะกำลังตะล่อมแป้ง “นี่คือเฉ่าเหมย ข้าเก็บเมล็ดไว้บางส่วน เมื่อต้นอ่อนโตขึ้น ข้าจะเพาะมันในเรือนกระจก ปีหน้าเราก็จะได้กินเฉ่าเหมย”
นางซื้อสตรอเบอรี่มาจากในระบบเช่นกัน อีกประเดี๋ยวนางก็จะทำเป็นแยมสตรอเบอรี่ไว้ทาตกแต่งบนหน้าเค้ก
หลังตะล่อมแป้งจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็เทแป้งผสมลงบนถาดอบ ซึ่งถาดอบนี้ทำมาจากกระเบื้อง ข้อดีคือทนความร้อนสูง แต่ข้อเสียคือน้ำหนักมากและเปราะบางไปหน่อย
ใส่ถาดอบลงในเตาเผาขนมปังที่อุ่นไว้ ก่อนปิดปากเตา และอบอย่างช้าๆ
ประมาณสามในสี่ของหนึ่งชั่วยามต่อมา เค้กก็อบเสร็จ เนื่องจากเตาอบขนมปังให้ความร้อนได้ไม่สม่ำเสมอ ผิวหน้าเค้กบางส่วนจึงสุกมากเกินไปและมีกลิ่นไหม้
แต่โดยรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ เนื้อเค้กฟู และไม่แตกหรือยุบ
เฉียวเยี่ยนแบ่งเค้กไข่ที่อบแล้วออกเป็นชิ้น ๆ และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ฮุ่ยเซียงส่งมอบให้กับคนที่รอรับประทาน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้กินเค้ก และพวกเขาก็ประทับใจกับเนื้อสัมผัสนุ่มฟูแตกต่างจากขนมอบทั่วไปมาก ตรงที่เค้กมีความนุ่มและมีกลิ่นหอมของน้ำนม
เมื่อพิจารณาจากเด็ก ๆ แล้ว เฉียวเยี่ยนก็ลดปริมาณน้ำตาลลง ดังนั้นเค้กที่ออกมาจึงไม่หวานเลี่ยนเกินไป ผู้ใหญ่หลายคนกินครั้งละหลายชิ้น ในขณะที่เด็กๆ ทั้งสองกินจนแก้มป่องนูน หากไม่ใช่เพราะเฉียวเยี่ยนบอกพวกเขาว่าคืนนี้ยังมีอะไรอร่อยๆ อีก พวกเขาคงได้กินกันพุงกางแน่ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ช่างพยายามเหลือเกินกับการทำขนมยุคใหม่ในยุคโบราณจนสำเร็จ ถ้าทำเค้กแต่งหน้าด้วยครีมด้วยนี่ทุกคนคงตะลึงกว่านี้แน่
ไหหม่า(海馬)