ตอนที่ 120 ปีใหม่
ตอนที่ 120 ปีใหม่
ไม่กี่วันหลังจากลงนามสัญญา กลุ่มพ่อค้าของร้านสกุลอู๋ก็มารับสินค้าถึงที่ ครั้งนี้พวกเขาจะขนส่งสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ทางตอนใต้
แป้งมันเทศกับฮั่วกัวตี่เลี่ยวนั้นขนส่งค่อนข้างง่ายและมีความเสียหายไม่มากนัก แต่การขนส่งไหผักดองนั้นค่อนข้างลำบากเล็กน้อยเพราะถนนเป็นหลุมเป็นบ่อและเต็มไปด้วยโคลน หากจะลดความเสียหายของไหดินเผาก็ต้องใช้ความพยายามอยู่พอสมควร
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเฉียวเยี่ยนก็พบวิธีแก้ปัญหาที่ใช้ได้จริง โดยใช้ฟางข้าวมาสานเป็นวงกลมคล้ายรังนกคลุมไหดินเผาไว้ จากนั้นกรุฟางข้าวไว้ในกล่องเป็นชั้นหนาแล้วเรียงไหดินเผาไว้ในกล่องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เช่นนี้จะได้ลดช่องว่างระหว่างไหดินเผากับกล่อง และป้องกันการเสียดสีระหว่างไหดินเผาด้วย
หลังจากมีความคิดเช่นนี้ นางจึงให้คนนำไหดินเผาสองกล่องใส่ไว้ในรถม้า และเดินทางบนเส้นทางขรุขระไปมาสองรอบ ในที่สุดก็พบว่าไหดินเผาไม่ได้รับความเสียหายเลย
เมื่อแน่ใจว่าวิธีนี้ใช้ได้ พวกคนงานในโรงงานก็ยุ่งอยู่กับการบรรจุหีบห่อ เหลืออีกสิบกว่าวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จำต้องส่งสินค้าชุดแรกไปถึงเมืองต่างๆ ทางตอนใต้ก่อนวันปีใหม่ เมื่อถึงวันปีใหม่แล้วทุกครัวเรือนมาซื้อของเพื่อรอข้ามปี ปริมาณการขายต้องดีกว่าวันธรรมดามากแน่
……
วันเวลาผ่านไป พริบตาเดียวก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ตำหนักอ๋องซู่ยามปีใหม่ปีนี้คึกคักมาก เฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านไม่เพียงแต่ถูกเฉียวเยี่ยนรับกลับมา แม้แต่ผู้เฒ่าทั้งสองในวังยังแอบออกมาโดยไม่สนธรรมเนียมปฏิบัติ
เด็กทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ กำลังสร้างตุ๊กตาหิมะและเล่นปาหิมะกับพวกบ่าว สาวรับใช้อยู่ในลานบ้าน โดยมีฮ่องเต้ ฮองเฮา และซูเนี่ยนหว่านดูพวกเขาเล่นสนุกกันอยู่ด้านข้าง
แม้ลูกทั้งสองที่มีอายุสี่ขวบจะตัวเล็ก แต่กลับเคลื่อนไหวแคล่วคล่องว่องไวมาก ขาสั้นๆ วิ่งได้รวดเร็ว ทั้งมีความแม่นยำเป็นเลิศ ก้อนหิมะสิบก้อนเขวี้ยงโดนไปแล้วแปดเก้าก้อน
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รู้ว่าตัวเองมีกำลังมาก ทุกครั้งที่ขว้างก้อนหิมะก็จะผ่อนแรงลง ด้วยกลัวว่าพวกพี่ๆ จะล้มลง
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เล่นปาหิมะอยู่ครู่หนึ่งก็ไปปั้นมนุษย์หิมะเงียบๆ ปั้นก้อนหิมะเป็นก้อนกลมๆ แล้วเกลาให้มันเป็นรูปร่างอย่างระมัดระวัง สุดท้ายก็ปั้นโคมไฟยักษ์ออกมา
เมื่อเจ้าปลาอ้วนเห็นพี่ชายปั้นโคมไฟยักษ์ ก็อ้าปากตะโกนพลางปรบมืออย่างประหลาดใจ และรบเร้าให้พี่ชายปั้นแมวน้อยให้นาง
เฉียวเยี่ยนกำลังเตรียมอาหารค่ำในวันส่งท้ายปีเก่าอยู่ในครัว เดิมทีมู่ฉินเจินจะตามนางไป แต่ก็ถูกนางส่งไปเล่นหมากรุกกับเฉียวจิ่น ทว่าไม่นานนักท่านอ๋องไม่เพียงแต่กลับมาคนเดียว แต่ยังพาลากผู้ช่วยคนหนึ่งกลับมาให้นางด้วย
เฉียวจิ่นถูกมู่ฉินเจินลากไปที่ห้องเครื่องด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ชายร่างใหญ่สองคนจึงพับแขนเสื้อขึ้น และล้างผักก่อไฟให้เฉียวเยี่ยน
มู่ฉินเจินขลุกตัวอยู่กับห้องเครื่องมาหนึ่งปีแล้ว และชำนาญงานหลายอย่างมากแล้ว แต่เฉียวจิ่นยังเป็นเหมือนสาวน้อยขึ้นเกี้ยวแต่งงานเป็นครั้งแรก ทำอะไรก็ดูเงอะงะ
ท่านอ๋องเห็นแล้วก็มีความรู้สึกว่าตนเหนือกว่าอยู่ท่วมท้น ชี้แนะพี่ชายภรรยาอย่างย่ามใจเล็กน้อย ในขณะที่เฉียวจิ่นก็เรียนรู้อย่างตั้งใจ ไม่อยากให้น้องสาวตัวเองคิดว่าตนไร้ความสามารถ
เฉียวเยี่ยนรู้สึกจนใจกับเด็กตัวโตสองคนนี้มาก ท่าจะอายุสามขวบกันไม่เกินจริง
ตั้งแต่กินยาที่เฉียวเยี่ยนให้มา สุขภาพร่างกายของเฉียวจิ่นก็ดีขึ้นมาก ท่านหมอที่ตรวจชีพจรให้เขาบ่อยๆ ยังบอกว่าร่างกายของเขาค่อยๆ ดีขึ้น พักรักษาตัวมาไม่กี่เดือนเขาก็ไม่ผอมแห้งแรงน้อยเหมือนตอนที่อยู่ในจวนเสนาบดีแล้ว
แม้สภาพร่างกายเขาจะย่ำแย่มาโดยตลอด ความรู้ของเขากลับไม่เลวเลย อายุเพียงสิบแปดปีก็สอบซิ่วไฉได้แล้ว แต่ต่อมาร่างกายของเขายิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เขาจึงไม่ได้เดินบนเส้นทางการสอบขุนนางต่อ
แต่ตอนนี้ร่างกายของเขามีหวังที่จะดีขึ้น ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงตั้งใจศึกษาหาความรู้เพื่อเตรียมเข้าร่วมการสอบขุนนางช่วงฤดูวสันต์ในต้นปีหน้า
น้องสาวปฏิบัติต่อเขากับมารดาเป็นอย่างดีก็จริง แต่เขานับว่าเป็นบุรุษคนหนึ่งที่อยากต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง เพื่อในอนาคตจะได้ปกป้องนางกับมารดาได้
ปีนี้คนงานทุกคนภายใต้บังคับบัญชาของเฉียวเยี่ยนต่างก็มีวันสิ้นปีที่ดี นางให้คนงานหยุดประจำปีห้าวัน ทั้งยังให้ของขวัญส่งท้ายปีใหม่แก่พวกเขา คือเนื้อสัตว์หนึ่งชั่ง ข้าวสองชั่ง และยังมีผักสดอื่นๆ ด้วย
พวกคนงานเรียกได้ว่าเป็นคนประสบความสำเร็จและกลับไปช่วยเหลือญาติมิตร พวกเขากัดฟันซื้อผ้าใหม่กลับไปให้ผู้สูงอายุและเด็กๆ ในครอบครัว แถมยังซื้อขนมอบ ลูกอมที่ไม่เคยกินมาก่อนไปให้ด้วย
ทหารปลดประจำการบางคนไม่มีคนในครอบครัวแล้ว และไม่มีบ้านให้กลับ เฉียวเยี่ยนจึงให้พวกเขาอาศัยอยู่ในโรงงานและให้ฉลองปีใหม่อยู่ในโรงงาน
เฉียวเยี่ยนยังให้คนส่งของขวัญบางส่วนไปให้พวกทหารปลดประจำการในป่าดอกท้อที่หมู่บ้านจิ่วหลีพัว พวกเขาอาศัยอยู่บนยอดเขา ย่อมมีปัจจัยที่ลำบากกว่าในเมือง ดังนั้นให้ของพวกเขามากหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ราตรีย่างกรายมาถึง ทุกครัวเรือนต่างนั่งล้อมโต๊ะรับประทานมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่า เช่นเดียวกับตำหนักอ๋องซู่ พวกบ่าว สาวใช้ กับองครักษ์พากันไปรับประทานในห้องเครื่องใหญ่ คนกลุ่มหนึ่งต้มหม้อไฟหม้อหนึ่ง นำผักต่างๆ กับเนื้อลงไปลวกในน้ำร้อน แล้วนำมาจิ้มน้ำจิ้ม รับประทานกันจนเหงื่อผุดขึ้นมา แม้จะเป็นวันหิมะตกหนักก็ไม่รู้สึกว่าหนาวเย็นอะไร
ตอนนี้ในตำหนักอ๋องซู่มีฮั่วกัวตี่เลี่ยวกับผักดองต่างๆ ไม่ขาด ซึ่งเฉียวเยี่ยนนำกลับมาจากโรงงานมากมาย
นอกจากหม้อไฟหมาล่าเริ่มแรกสุดแล้ว นางยังพัฒนาน้ำแกงแบบอื่นออกมาเช่นกัน คือหม้อไฟน้ำแกงไก่ และหม้อไฟน้ำแกงมะเขือเทศ น่าเสียดายที่ไม่มีเห็ด ไม่เช่นนั้นนางคงทำน้ำแกงเห็ดได้
ช่วงนี้ฮ่องเต้เฒ่าตกหลุมรักน้ำพริกหมูสับที่สุด ผัดพริกสับกับกระเทียมสับจนหอม จากนั้นใส่หมูสับจนละเอียดลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วเติมเต้าเจี้ยวปรุงรสเล็กน้อย น้ำพริกที่ผัดออกมาจึงมีทั้งหอมทั้งเผ็ด และมีกลิ่นเนื้อ
ในคืนส่งท้ายปีเก่านี้มีเกี๊ยว ฮ่องเต้เฒ่าจึงนำน้ำพริกหมูสับมาเป็นน้ำจิ้มแทนและจิ้มเกี๊ยวกิน
คืนส่งท้ายปีเก่าย่อมขาดสุราไปไม่ได้ มู่ฉินเจินไปที่โรงหมักเหล้าอวิ๋นหลายก่อนหน้านานแล้ว พร้อมกับสั่งคนงานหมักเหล้าให้หมักเหล้าผลไม้หนึ่งไหที่เหมาะกับคนที่ดื่มแก้วเดียวจอดอย่างเฉียวเยี่ยน
คนงานหมักเหล้ามีความเชี่ยวชาญในการหมักเหล้า และยังคิดสูตรออกมาจริงๆ โดยใช้ท้อมาหมัก ทันทีที่เปิดไห กลิ่นท้อหอมแรงก็โชยออกมา เฉียวเยี่ยนสูดดมอย่างเคลิบเคลิ้ม รู้สึกว่ากลิ่นนี้เหมือนคอกเทลในสมัยปัจจุบัน
หลังจากได้จิบไปหนึ่งอึก ก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนในกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของท้อมีกลิ่นเหล้าจางๆ เฉียวเยี่ยนดื่มไปหลายแก้วอย่างพึงพอใจ หากร่างกายนี้ของนางดื่มคอกเทลและยังเมาได้ นางก็สงสัยจริงๆ ว่าตัวเองแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่
เมื่อยามจื่อ*มาถึง เสียงระฆังในเมืองหลวงก็ดังขึ้น แต่ละจวนต่างก็จุดดอกไม้ไฟ ในสมัยโบราณดอกไม้ไฟเป็นของหรูหรา ผู้คนทั่วไปจะไม่ซื้อของสิ่งนี้ ในสายตาของพวกเขาแล้ว ของที่แตกกระจายระยิบระยับก่อนหายวับตาไปเหล่านั้นเทียบกับเนื้อสองชิ้นไม่ได้จริงๆ
(*23.00 น. – 01.00 น.)
แต่ตำหนักอ๋องซู่อยู่ในเขตเมืองชั้นในของเขตเมืองหลวง ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของผู้มีเกียรติทั้งหลาย ดังนั้นแต่ละจวนจึงล้วนจุดดอกไม้ไฟ เกิดเป็นภาพอันงดงามตระการตายิ่ง
……
หลังปีใหม่ผ่านไป อุณหภูมิค่อยๆ กลับมาสูงขึ้น น้ำแข็งหิมะเริ่มละลาย เมื่อถึงเดือนสาม พืชพรรณต่างๆ ก็แตกยอดเป็นสีเขียว การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิประจำปีใกล้จะเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว
พวกชาวบ้านในหมู่บ้านม่ายเซียงกับหมู่บ้านจิ่วหลีพัวล้วนเข้าใจทักษะการปลูกมันเทศชนิดไม่ต้องให้เฉียวเยี่ยนไปชี้แนะด้วยตัวเองอีกแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็ได้เริ่มต้นเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ
ผลผลิตมันเทศในปีที่แล้วมีปริมาณมาก และตอนนี้โรงงานก็ใช้ไปเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งน่าจะสามารถรองรับไปถึงการเจริญเติบโตของมันเทศในฤดูกาลนี้ได้
ส่วนยอดขายแป้งมันเทศก็ดีมาก ปีก่อนสินค้าที่ร้านสกุลอู๋ขนส่งไปยังเมืองต่างๆ ทางตอนใต้ล้วนถูกขายหมดแล้ว และไหผักดองต่างๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้คหบดีอู๋จึงส่งคนมารับสินค้าอีกครั้ง
หากพัฒนาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่เดือนร้านสกุลอู๋ของพวกเขาก็จะสามารถฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ได้ ส่วน ‘สหายเก่า’ ที่เห็นเขาตกทุกข์ได้ยากและไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเมื่อก่อนหน้า เขาก็จะถือโอกาสฉีกหน้าระรื่นของพวกเขากลับไปทันที
สหายที่หน้าไหว้หลังหลอก ประจบสอพลอ คบด้วยจะมีประโยชน์อะไร?
การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้นแล้ว แปลงผักแต่ละแปลงในตำหนักอ๋องซู่เริ่มปลูกกล้าผักชุดใหม่ ตอนนี้พวกบ่าวกับสาวใช้ในตำหนักต่างมีฝีมือในการปลูกผักดีขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องให้เฉียวเยี่ยนมาชี้แนะแล้ว ทว่าในวังยังคงต้องการให้นางคอยกำกับดูแลอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ปีใหม่แล้ว ขอให้กิจการและชีวิตต่อจากนี้ราบรื่นนะคะ
ไหหม่า(海馬)