พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 30

ตอนที่ 30

บทที่3ตอนจบ

ย่านการค้ายามค่ำคืน จากเดิมที่คึกคักมีความเงียบเข้าครอบงำ แต่ในย่านการค้าช่วงกลางดึกก็ยังมีคนจำนวนมากไหลเวียนจับจ่ายส่วนมากผู้คนที่จะพบเห็นในตอนกลางคืนก็เป็นพวกนักผจญภัย ไม่ก็สาวๆที่ใส่ชุดล่อตาล่อใจ

เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวพวกเขาเองจึงได้ออกมาโลดแล่นยามค่ำคืน

ที่ “เรือนร่างของโค”ก็มีชายหญิงมากมายเข้ามาทานอาหารและดิ่มเหล้ากันอย่างคึกคัก

「ว่าไง! ขอซุบเนื้อแกะและเครื่องเคียงด้วยนะ!」

ฮันนะวางซุปร้อนๆลงบนเคาน์เตอร์และพนักงานเสิร์ฟอิน่าเองก็นำไปเสิร์ฟตามปกติ

ผู้หญิงตัวน้อยๆถือจานนั่นอย่างมั่นคงและนำมันไปเสิร์ฟ

「ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ! ซุบเนื้อแกะได้แล้วค่ะ!!」

อิน่าวางของที่สั่งไว้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กลิ่นหอมของอาหารลอยอบอวลไปทั่วกระตุ้นความยากอาหารให้กับเหล่าแขกที่เข้ามาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้จนต้องกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียว

「โอ้ววว! กำลังรออยู่เลย!」「หิวแล้วล่ะนะ~。」「น่ากินมากๆเลยล่ะ!」

บางทีลูกค้าคงหิวมากๆรีบตักอาหารใส่เข้าปากทันที ในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาคุยกับอิน่า

「อิน่าจังดูเหมือนวันนี้จะอารมณ์ดีนะ วันนี้เกิดเรื่องอะไรดีๆขึ้นเหรอ?」

「เอ๊ะ ดูเป็นแบบนั้นงั้นเหรอคะ?」

「อืม ใช่แล้วล่ะ ปกติแล้วอิน่ามักจะหน้าตาตึงเครียดอยู่เสมอ แต่วันนี้ดูผ่อนคลายดีนะ。」

「อืม ที่จริงแล้ว「หนอยแน่! ลองพูดอีกครั้งสิ!!」อ้าว เอาอีกแล้วเหรอคะเนี่ย…………」

ขณะที่อิน่ากำลังคุยกับลูกค้าคนหนึ่งก็พบเจอลูกค้าอีกสองคนกำลังทะเลาะกันหน้าเคาน์เตอร์ ตัวฉันเองก็เริ่มโกรธแล้วที่มาขัดจังหวะกันแบบนี้

「เอ่อ จะดื่มก็ไม่ว่าหรอกนะคะ แต่ว่าช่วยอย่าทะเลาะกันด้วยค่ะ……」

「ยาเร่ยาเร่ดาเซ่ การสู้กันในร้านแบบนี้เดี๋ยวจะทำให้แดกข้าวไม่ได้อีกเลยโว้ย」

อย่างไรก็ตามทั้งสองคนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่สนใจอะไรแล้ว ดูเหมือนลูกค้าคนอื่นๆก็เริ่มส่งเสียงเชียร์

「พูดหลายรอบแล้วนะ!! ว่าให้เอาของที่ขโมยมาเอามาคืนได้แล้วน่ะ!!」

「หาาาา? เพราะแกมัวชักช้าเลยส่งของไม่ทันเวลาไม่ใช่เหรอไง!!」

ไม่รู้หรอกว่าทั้งสองคนคุยอะไรกันแต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องโดนขโมยของที่ถูกขนส่ง ยังไงก็ตามการมาส่งเสียงดังและใช้ความรุนแรงแบบนี้ไม่ชอบเลย

ถ้าเป็นร้านทั่วไปคงไม่ให้ทำเช่นนี้ ฉันเองก็รู้ดี ยิ่งทำเช่นนั้นก็ยิ่งหยุดไม่ได้

อิน่าพยายามไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกันระหว่างนั้นเองก็มีเสียงอันแสนคุ้นเคยแทรกเข้ามา

「เฮ้ย อย่าทำเป็นกร่างดิ」

เป็นมาร์เองที่เข้ามาหยุดทั้งสองที่กำลังทะเลาะกันอยู่ เสียงของเขาทุ้มต่ำลงและเตรียมเวทย์พร้อมไว้แล้ว ทั้งสองที่เห็นเช่นนั้นก็แข็งเป็นรูปปั้นเลย

「ก็รู้หรอกนะว่าเหล้ามันทำให้เมาจนเกิดการทะเลาะกันได้ แต่ว่ามีกฏอยู่ว่าห้ามมาสู้กันในร้าน ถ้าทำมากกว่านี้ละก็ข้าจะเอาเงินของพวกแกและร่างกายของพวกแกมาเป็นค่าทดแทนที่ทำให้ร้านของข้าเสียหายดีกว่ามั้ง?」

มาร์ขู่เช่นนั้นด้วยคำพูดและทั้งสองที่ทำตัวน่ารำคาญก็รีบยื่นเงินจ่ายค่าอาหารทันทีและรีบออกจากร้านไป เอ่อเงินที่ได้มามันเยอะกว่าที่คิดนะ

「ฮะฮะฮะ! ไอ้พวกใจเซาะเอ๋ย โชคดีแล้วนะที่พวกแกไม่เข้ามาหาเรื่องข้าเนี่ย ถ้าเข้ามามีหวังจบไม่สวยแน่ๆ มีหวังได้รีดไถได้มากกว่านี้อีก ถ้ารักชีวิตอย่าคิดมากร่างในร้านข้าสิโว้ย……」

ในความเป็นจริงแล้วมาร์เป็นคนที่คอยจัดการเหล่านักผจญภัยที่มาทะเลาะในร้านอยู่ตลอด ความวุ่นวายเหล่านั้นมาร์ที่ได้เงินเหล่านั้นมาก็เอามาแบ่งกันเลี้ยงคนในร้านด้วย

คู่ต่อสู้ของมาร์ในตอนนั้นเป็นนักผจญภัยแรงค์ D 5 คน แต่มาร์จัดการพวกนั้นจนเหลือ 3 คน ส่วนที่เหลือก็โดนจัดการซะจนขาหักแขนหักบ้าง แต่ว่าก็จำหน้าได้หมดแล้ว

ดังนั้นการมาทะเลาะวิวาทในร้านก็จะโดนจัดการโดยมาร์และเขาก็จะเอาเงินที่ได้จากพวกนั้นมาเลี้ยงคนในร้าน

อย่างที่มาร์กล่าวไปใครที่สร้างความรำคาญและสร้างเรื่องวุ่นวายภายในร้านจะต้องโดนเก็บค่าทำขวัญร้านและถูกโยนออกจากร้านไป

◇◆◇

「นั่นสินะคะ(แต่สำหรับฉันไม่คิดว่าเป็นความโชคดีเลยสักนิด……)」

อิน่าจำได้ว่าพี่ชายของเธอออกไปเที่ยวกับทุกคนในวันนี้ ตอนที่เห็นทิม่าและมาร์อยู่กันตามลำพังก็กังวลว่าพี่ชายจะทำตัวหยาบคายกับคุณทิม่า แม้ว่าโซเมียจะบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” อิน่าก็ได้แต่เฝ้ามองการกระทำของพี่ชายต่อไป

อย่างไรก็ตามพี่ชายดันกลายเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมาและมีท่าทีเหนียมอาย อิน่าแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยที่พี่ชายของเธอเปลี่ยนไป

(ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่ชายกับคุณทิม่ากันนะ?)

อิน่ามองไปทางพี่ชายของเธอ มาร์เองก็กำลังขับไล่ลูกค้าที่ทะเลาะกันออกจากร้านและกำลังจัดกระเป๋าอยู่ที่เคาน์เตอร์ท่าทางของเขาดูใจเย็นกว่าปกติ

พูดตามตรงอิน่าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่ชายกับคุณทิม่า เธอสามารถเปลี่ยนแปลงพี่ชายของฉันได้ในเวลาครึ่งวัน ฮันนะและเดลที่ใช้เวลาหลายปีเขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง อิน่าที่พยายามพูดกับพี่ชายของเธอ (จนบางครั้งก็เกิดแผลทางใจ) เธอต้องการให้พี่ชายเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป เธอดีใจอย่างมากที่พี่ชายของเธอเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็มีแอบผิดหวังหน่อยๆ

「……จริงๆเลยพี่ชายบ้านี่…………」

เธอพึมพำเช่นนั้นไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอโดนเสียงของมาร์และคนอื่นๆกลบไป

◇◆◇

เขตทางตะวันออกของเมืองอัลคาซัม เรียกว่าย่านที่อยู่อาศัยของประชาชน มีบ้านหลังหนึ่ง มีไข่ใบหนึ่ง บ้านที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของจอมเวทย์ในอนาคต เป็นบ้านที่อยู่อาศัยหลังหนึ่งเหมือนกับบ้านธรรมดาทั่วๆไป

◇◆◇

「นี่ พี่ทิม่า วันนี้มีอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ?」

「เอ๊ะ ทำไมคิดแบบนั้นละจ้ะ?」

「ก็แบบว่า วันนี้พี่ทิม่าดูสนุกสนานกว่าปกติเลยนะสิครับ เพราะปกติแล้วพี่ทิม่าน่ะไม่ค่อยหัวเราะเท่าไรเลยนะ?」

「เอ๊ะ นั่นสินะ……………」

ด้วยคำพูดของน้องชายทำให้ฉันนึกถึงชายคนนั้นขึ้นมา ในตอนแรกเขาคนนั้นดูน่ากลัวและเป็นคนหัวรุนแรง แต่ว่าหลังเหตการณ์นั่นฉันก็ไม่ค่อยถูกกับผู้ชายเสียเท่าไร

ฉันถูกเด็กผู้ชายคนหนึ่งในละแวกใกล้บ้านรังแกตั้งแต่ยังเด็กและฉันเองก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่สามารถพูดคุยกับใครได้จนกระทั่งฉันได้พบกับไอจัง

วันนี้ฉันตื่นเต้นมากๆที่ได้พูดคุยกับเขา แต่ก่อนนั้นฉันมักจะกลัวเวลาที่อยู่กับผู้ชายอยู่เสมอ

「เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่นะ…………」

ภายในใจของฉันมีความอบอุ่นอยู่ภายใน ความรู้สึกมันต่างจากตอนที่อยู่กับไอและโซเมีย ความร้อนนั่นมันยังคงระอุอยู่ภายในอกคู่นี้ ฉันรู้สึกเช่นนั้นตั้งแต่ตอนที่ได้เดินกับมาร์ในเมืองแล้ว

◇◆◇

ทางตอนเหนือของเมืองอาร์คาซัม ศูนย์กลางทางการเมือง ณ ห้องในคฤหาสน์ของตระกูลฟรานซิส ซึ่งเป็นคฤหาสน์ในย่านนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังแผ่ตัวลงนอนอยู่บนเตียงสุดหรู

หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนซีทรูสีม่วง แสนจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง ทำให้ผมสีดำยาวสลวยของเธอเปล่งประกายราวหิมะอันแสนสดใสยามค่ำคืนอันมืดมิด

ในตอนดึกและวันที่กำลังจะผ่านไปเธอคนนั้นกำลังคิดอยู่ตลอดเวลา

ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงและนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

เพื่อที่จะปล่อยให้ทิม่าและมาร์อยู่ด้วยกันตามลำพัง อิน่าถูกฉันและโซเมียแยกออกมา มันเป็นวิธีการบังคับที่ดูชั่วร้ายหน่อยๆ แต่ผลก็ดูเหมือนว่าเราสองคนจะทำออกมาได้อย่างดี ดังนั้นมันก็ดีสำหรับฉันแล้วล่ะ บางทียังคงมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดหลังจากมาร์และโนโซมุไม่อยู่ด้วยก็ได้ แต่ถ้าเริ่มดูจากเหตุการณ์ในวันนี้ละก็ทุกๆอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่….

「……กังวลเกี่ยวกับโนโซมุเหรอ…………」

การที่ได้พบเจอกับเขายังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉัน

ผู้มีพระคุณผู้ช่วยชีวิตน้องสาวของฉัน ในเวลานั้นที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียน้องสาวแสนรักตัวฉันที่พยายามจะขอร้องอ้อนวอนสุดชีวิต ตัวฉันที่ว่าตัวเองแกร่งแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้เลย

ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กฉันมุ่งเป้าไว้ว่าฉันจะปกป้องน้องสาวของฉันด้วยตัวคนเดียวเสมอมาและฉันได้ศึกษาทุกอย่างไม่ใช่แค่วิชาดาบและเวทย์มนต์ ฉันคิดว่าการฝึกหนักก็เป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับสูงมากจากสถาบันโซลมินาติ

อย่างไรก็ตามทุกอย่างที่ฝึกมาสู้รูกาโต้ไม่ได้เลยสักนิด ฉันไม่แม้แต่จะต่อกรกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย ตัวรูกาโต้ที่พยายามพรากน้องสาวไปจากฉัน ฉันทำได้แค่ดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย

โซเมียและฉันที่กำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวังเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ตอนนั้นก็มีเขาคนนั้นที่เข้ามาช่วยพวกเราไว้

ดาบที่กวัดแกว่งไปมาซึ่งตัดผ่านห้วงนรกแห่งความสิ้นหวังและยื่นมือมาทางฉันที่ขอความช่วยเหลือ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เริ่มคิดถึงแต่เขามาโดยตลอด

เมื่อมองไปที่มือแล้ว มือข้างนี้ที่จูงมือเขาเดินไปทั่วทั้งเมือง

มือของเขาที่ใหญ่กว่าที่คิดและมือที่ผ่านการฝึกดาบมาอย่างหนักทำให้มือของเขาค่อนข้างแข็งและหยาบกร้าน

ตัวเขาที่โกรธชายแก่ที่เข้ามาจับมือฉันเขาแสดงอารมณ์ออกมาด้วยความโกรธ แม้ว่าเขาจะบอกว่าชายแก่คนนั้นจะเหมือนคนที่เขารู้จัก แต่ฉันก็รู้สึกดีใจที่เขาเป็นห่วงฉันคนนี้

「ฉันสงสัยว่า……」

ฝ่ามือของฉันที่เขาจับมือมานั้น รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย มันทำให้ฉันนึกย้อนกลับไปตอนที่ได้จับมือกับเขา

ฉันจำได้ดีเลยล่ะ ใบหน้าของเขาตอนที่พยายามทำขนมอย่างเต็มที่ ใบหน้าจริงจังตอนที่ทะเลาะกับตาแก่ลามกนั่นและใบหน้าของเขาที่มองมาที่ฉันยามมีปัญหา

ฉันนึกถึงใบหน้าของเขาและเอามือที่เคยจับมือของเขามาทาบอก ทุกอย่างเหมือนเชื่อมต่อกัน ฉันคิดว่าไม่ควรจะปล่อยสิ่งมีค่าเช่นนี้ให้หลุดมือไป

「ฟุฟุ! อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปสิ…………」

◇◆◇

โนโซมุและไอริสต่างแยกกันที่”เรือนร่างของโค” และโนโซมุเองก็กลับหอพัก ท้องฟ้าระหว่างทางต่างมืดแล้ว

อาจเป็นเพราะวันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น โนโซมุมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย

(เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างเลยนะวันนี้。)

โนโซมุที่กำลังขึ้นบันไดไปที่ห้องของเขาจำได้ว่าจู่ๆไอริสก็โผล่มาที่ห้องเรียนและชวนเขาไปทานอาหารกลางวันและความโกลาหลภายในห้องเรียน

「ก็นะ ถ้าทั้งสองคนมาแบบนั้นก็ต้องตกใจอยู่แล้วล่ะ…………」

ไอริสและทิม่าที่เป็นคนดังของสถาบันและเป็นที่หมายตาของหลายๆคน

ความวุ่นวายเกิดขึ้นไปทั่วทั้งโรงเรียนจากการกระทำของทั้งสองคน เพื่อนร่วมชั้นต่างไม่พอใจที่พบรู้จักกับไอริสและพยายามมารุบกระทืบ

โนโซมุเองก็ต่อต้านก็ความอยุติธรรมนั่นแต่ว่าจำนวนคนมันต่างกันเกินไป แถมพวกนั้นเองก็เริ่มใช้เวทย์ทั้งๆที่ไม่ใช่สนามฝึกเลยแท้ๆ ในตอนนั้นโนโซมุที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับการช่วยเหลือจากซีน่า

ซีน่าไล่พวกนั้นออกไปโนโซมุจ้องมองและขอบคุณเธอ แต่กลับโดนเธอดูถูก และเธอก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน”และก็หันหลังกลับไป บางทีเธอคงจะไม่ชอบโนโซมุ จากท่าทีของเธอเองก็แสดงออกมันอย่างชัดเจนแล้วล่ะ

(โอ้ เวรล่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้…………อย่างน้อยผมก็ควรจะแก้ไขความเข้าใจผิด……)

ผู้คนในโรงเรียนส่วนใหญ่ก็รู้สึกเช่นเดียวกับซีน่า

ไอ้เศษสวะไม่ได้เรื่องที่ไม่เหมาะกับสถาบัน ไอ้คนที่เล่นกับจิตใจของผู้หญิง นั่นเป็นสิ่งที่คนรอบข้างคิดกับเขา

โนโซมุไม่สงสัยเลยที่เขาจะโดนเช่นนั้น

แน่นอนตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปและในขณะนั้นตัวเขาที่เจ็บปวดไปเรื่อยๆก็ได้แต่ยอมรับว่านั่นคือความจริงไปโดยไม่รู้ตัว

◇◆◇

ต้อบขอบคุณชิโนะที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองหนีความจริงมาตลอด

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว แม้ชิโนะจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมก็มีเพื่อนบ้างแล้ว

ยามใดที่เจ็บปวดเขาก็จะนึกใบหน้าของคนรอบข้างที่เข้าหาเขาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้น

“ตึบ”

「อะ!!」

ทันใดนั้นโนโซมุก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองภายในหูของตัวเขาจากทางหน้าอกของเขาเอง การเต้นของหัวใจเริ่มค่อยๆที่จะสงบลงแล้วหลังจากผ่านไปสักพัก

(บางทีตอนนี้…………)

การเต้นของหัวใจของโนโซมุนั้นปกติแต่การเต้นของหัวใจเมื่อกี่มันคือของ “เทียแมท”ที่มีปฏิกิริยากับบางสิ่ง

(เกิดอะไรขึ้นกันแน่………)

โนโซมุไม่รู้หรอกเทียแมทที่อยู่ในตัวเขาเป็นยังไงในตอนนี้ อย่างไรก็ตามการเต้นของหัวใจนั่นเป็นเหมือนการเตือนอะไรบางอย่าง มันทำให้โนโซมุนึกถึงฝันร้ายที่เพลิงสีแดงเผาผลาญทุกสิ่งก่อนที่จะปลดปล่อย “พันธนาการ”

ในที่สุดโนโซมุก็เริ่มก้าวเดินแล้วแต่เส้นทางก็ยังคงเต็มไปด้วยความมืดมิด

「………………………」

มีเงาของคนๆหนึ่งกำลังจ้องมองโนโซมุที่อยู่ในห้อง แสงไฟของบ้านรอบๆดับลงแล้วและเมีเพียงแสงดาวเท่านั้นที่สะท้อนร่างนั้นให้เห็น

อารมณ์มากมายต่างผสมปนเปกันไปอยู่ในดวงตาคู่นั้น ความโกรธ เกลียดชังและความเสียใจ แต่ถึงแม้จะอ่านอารมณ์ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือต้นตอที่ทำให้เกิดอารมณ์เช่นนั้น เงานั่นไม่ได้ทำอะไรเอาแต่คอยจับจ้องโนโซมุที่อยู่ในหอพัก

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท