ตอนที่ 171 รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว
ตอนที่ 171 รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว
ครั้นเกษตรกรที่ถูกจ้างมาได้ยินคำสั่งของคุณหนูผู้นี้ว่าให้โปรยเมล็ดพืชลงในน้ำ พวกเขาก็รู้สึกว่ามันไร้สาระ เมล็ดพืชจมน้ำจนเน่าตายเช่นนั้นแล้ว มันจะยังงอกออกมาได้อย่างไร
ทว่าพวกเขาเป็นเพียงคนรับใช้ มิอาจต่อต้านคำสั่งของเจ้านายได้ จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่ง เมื่อเห็นว่าเมล็ดพืชไม่งอกออกมาเสียที จึงใส่ดินบางส่วนลงไปในถังเพาะปลูก ด้วยการทำเช่นนี้นี่เอง เมล็ดพืชบางส่วนถึงอาศัยชั้นดินนั้นเติบโตในบ่อเพาะปลูกจนงอกออกมาได้
ถึงกระนั้นก็คงเติบโตอยู่ได้ไม่นาน เพราะถูกแช่น้ำแบบนี้ทุกวัน ผ่านไปไม่กี่วันรากคงจะเน่าเสีย
ท่านอัครเสนาบดีทราบเรื่องนี้แล้วก็กลัดกลุ้มจนผมเผ้าหนวดเคราหลุดร่วงเป็นจำนวนมาก เขาทุ่มทุนก่อสร้างเรือนกระจกสิบกว่าหลังนี้ไปสูงลิ่ว คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินในบ้าน ยามนี้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา จะไม่ให้เขากังวลได้อย่างไร?
ทว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก การออกแบบทุกอย่างในเรือนกระจกล้วนเป็นไปตามเรือนกระจกในพระราชวัง ฮ่องเต้มักให้พวกเขาเข้าออกเรือนกระจกบ่อยๆ เขาจึงจดจำโครงสร้างภายในทั้งหมดเอาไว้
แม้แต่บ่อเพาะปลูกก็ยังลอกแบบมาจากในวัง และไม่คิดว่ามีอะไรผิดพลาดตรงไหน ผักทั้งหมดในวังล้วนเติบโตในน้ำได้ แถมยังเติบโตได้ดีมากอีกด้วย?
ทางจวนอัครเสนาบดีจึงสร้างเรือนกระจกขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว แม้จะมีบางคนซุบซิบนินทาว่าพวกเขาสร้างไว้ไม่ได้มาตรฐาน ทว่าในใจกลับรู้สึกอิจฉาอย่างมาก
การปลูกผักในเรือนกระจกทำให้ซู่หวางเฟยมีรายได้มากมาย ดูได้จากสถานการณ์ปัจจุบัน นี่เป็นการซื้อขายที่มีกำไรมั่นคงไม่สูญเสีย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีกำลังทรัพย์ในการสร้างเรือนกระจก ไม่เช่นนั้นคงสร้างขึ้นมาแล้ว
และขุนนางคนอื่นที่มีแนวคิดเดียวกับอัครเสนาบดีก็แอบจำโครงสร้างเรือนกระจกด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นอัครเสนาบดีเป็นผู้นำในการสร้างเรือนกระจก พวกเขาก็แทบทำตามอย่างรั้งรอไม่ไหว
ขอแค่มีคนนำ คนข้างหลังก็ไม่กลัวอะไรแล้ว นี่เป็นความคิดของคนทั้งหมด ถึงอย่างไรคนที่ทำก็หาใช่เขาผู้เดียว ต่อให้ต้องรับผิดชอบ เขาก็ไม่ได้รับผิดชอบคนเดียว
ด้วยเหตุฉะนี้ กระแสสร้างเรือนกระจกก็แพร่หลายไปทั่วเมืองหลวง คนร่ำรวยไม่น้อยกำลังจ้างคนงานมาทำงาน มุ่งหวังที่จะได้รับเงินมหาศาลภายในสิ้นปีนี้
บางคนถึงขั้นขายพิมพ์เขียวเรือนกระจกในราคาสูง หลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงพระราชวังก็สามารถซื้อพิมพ์เขียวไปสร้างมันได้
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาเฉียวเยี่ยน นางเอาแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเองอย่างเงียบๆ ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ มาโดยตลอด เพื่อรอดูการแสดง
ดูเหมือนคนที่จะล้มละลายในปีนี้มีจำนวนไม่น้อยเลย!
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้นางตื่นตัวขึ้นเช่นกันว่าต้องเพิ่มการควบคุมคนงานให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นพยายามครูพักลักจำวีธีการดูแลในแต่ละวันของเรือนกระจกออกจากปากของพวกเขาได้
หลังจากกลับมาจากเยวี่ยโจว นางก็พักผ่อนแค่เพียงหนึ่งวัน จากนั้นจึงไปตรวจสอบกิจการต่างๆ อันดับแรกคือไปที่เรือนกระจกในหมู่บ้านลวี่หลัว
จำนวนเรือนกระจกได้ขยายจากเดิมห้าเรือนเป็นสิบแปดเรือนแล้ว ตอนนี้ผักที่ผลิตได้นอกจากส่งให้ภัตตาคารแล้ว ยังต้องส่งไปยังโรงงานแปรรูปอาหารทางด้านนั้นอีกด้วย
การจัดหาวัตถุดิบจะต้องไม่มีข้อผิดพลาด ไม่เช่นนั้นทุกขั้นตอนข้างหลังจะได้รับผลกระทบ
ทว่านางก็ไม่ต้องเป็นกังวลเลย ทุกอย่างในเรือนกระจกได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้ดูแล และพวกคนงานยังรักษาทัศนคติที่ดีต่อการทำงานอยู่
หงรุ่ยได้เปลี่ยนจากคนรับใช้ในตำหนักอ๋องมาเป็นผู้จัดการใหญ่ เขาใจเย็นขึ้นมากในการจัดการเรื่องต่างๆ แม้จะไม่ได้รับคำชี้แนะจากเฉียวเยี่ยน เขาก็สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดีได้
ทันทีที่เฉียวเยี่ยนเข้าไปในเรือนกระจก นางก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เด็กๆ จากครอบครัวชาวนาหลายครอบครัวกำลังเล่นอยู่ในที่โล่งข้างเรือนกระจก เมื่อพวกเขาเห็นนางมา ก็วิ่งเข้าไปรายงานในเรือนกระจกอย่างดีอกดีใจ
ปากก็ตะโกนเรียกว่า “นางฟ้าแม่ทูนหัวมาแล้ว! นางฟ้าแม่ทูนหัวมาแล้ว!”
ทุกคนล้วนเรียกเฉียวเยี่ยนว่านางฟ้าแม่ทูนหัว เพราะหนึ่งนางงามเกินไป งามจนพวกเขามิอาจพรรณนาได้ จึงทำได้เพียงนำคำว่านางฟ้ามาบรรยาย พวกเขาไม่เคยเห็นนางฟ้า แต่ก็รู้สึกว่านางฟ้าน่าจะงามมาก
นอกจากความสวยแล้ว ยังเป็นเพราะว่าเฉียวเยี่ยนซื้อลูกอมให้พวกเขาด้วย ทุกครั้งที่นางมาตรวจสอบที่หมู่บ้านลวี่หลัว ก็มักจะซื้อลูกอมมาหลายถุง และให้ลูกอมพวกเขาคนละหนึ่งกำมือใหญ่ สามารถกินได้ตั้งหลายวันทีเดียว
ครั้งนี้ก็ไม่เว้นเช่นกัน เฉียวเยี่ยนยังให้คนไปซื้อน้ำตาลข้าวงอกถุงใหญ่มา หลังจากลงจากรถนางก็แจกลูกอมให้กับเด็กน่ารักที่มารายล้อมนางด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวหู่จือ เจ้าสูงขึ้นมากเลยนะ”
“เสี่ยวชุนฮวาสวยขึ้นอีกแล้ว แม่เจ้าทำเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าแล้วหรือ?”
……
นางคุยกับหัวไชเท้าน้อยกลุ่มนี้ด้วยรอยยิ้ม พวกหัวไชเท้าน้อยก็ชอบนางมากเช่นกัน ต่างพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างนาง
ครั้งนี้ท่านอ๋องผู้เย็นชาไม่ตามมาด้วย พวกเด็กๆ จึงปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระ ล้อมรอบเฉียวเยี่ยนเป็นวงกลม
เมื่อคนงานได้ยินก็วางงานในมือลงแล้วออกมาหาหวางเฟยเหนียงเหนียง ทันทีที่ออกมาหน้าประตูก็เห็นลูกตัวเองล้อมหวางเฟยอยู่ พี่สะใภ้สองสามคนส่งเสียงคำราม พวกหัวไชเท้าน้อยก็แยกกระจายออกไปทันที
สิ่งที่พี่สะใภ้ตะโกนออกมาคือ “เจ้าพวกหอยทากน้อยทั้งหลาย อยู่ให้ห่างหวางเฟยเหนียงเหนียงหน่อย หากทำเสื้อผ้าหวางเฟยสกปรก กลับไปรอโดนลงโทษได้เลย!”
สถานการณ์เช่นนี้เฉียวเยี่ยนเห็นจนชินไปแล้ว และมันเกิดขึ้นเกือบทุกครั้งที่มาที่นี่
ทันทีที่พี่สะใภ้ทั้งหลายส่งเสียงออกมา พวกหัวไชเท้าน้อยก็วิ่งอย่างรวดเร็ว ปากก็ยังตะโกนว่า”แม่เสือจะกินลูกแล้ว! กินลูกแล้ว!”
แม้แต่ลูกชายทั้งสองของพี่สะใภ้เองก็ตะโกนตาม และเข้าร่วมสนุกด้วย ทำให้พี่สะใภ้โกรธจัดจนแทบอยากถอดรองเท้าเขวี้ยงออกไป
“เจ้าเด็กเวร! เย็นนี้กลับไปคุกเข่าที่ลานบ้านให้ข้าเลยนะ!”
หลังจากบทแทรกจบลง เฉียวเยี่ยนก็ทักทายกับคนงานครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบในเรือนกระจก พวกผักเติบโตได้ดีมาก ไม่เกิดโรคร้ายแรงใดๆ เมื่อพบเจอแมลงก็ถูกพวกคนงานจับไป
หลังจากตรวจสอบเรือนกระจกทั้งสิบแปดเรือนเสร็จ ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงให้ผู้ดูแลงานรวบรวมคนงานทั้งหมดมาเปิดประชุมง่ายๆ ให้พวกเขา
“ช่วงนี้มีหลายคนกำลังเลียนแบบการปลูกผักในเรือนกระจกของเรา หากมีใครต้องการใช้เงินเพื่อล้วงเอาข้อมูลจากปากพวกเจ้า สามารถมารายงานข้าได้ทันที ข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม แต่หากพวกเจ้าทนสิ่งล่อใจไม่ไหว เข้าร่วมกับคนอื่น ข้าไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด!”
คนงานได้ยินเช่นนั้นต่างก็พากันลงความเห็นว่าพวกเขาไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลใดๆ เด็ดขาด ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างมากที่มีคนกล้าทำตามการเพาะปลูกในเรือนกระจกของพวกเขา อยากจะรื้อเรือนกระจกพวกนั้นทิ้งเสียจริง!
เฉียวเยี่ยนเห็นทุกคนกระสับกระส่ายเช่นนั้น ก็เอ่ยเสียงดัง “ทุกคนไม่ต้องกังวล พวกเจ้าต้องมั่นใจในกลเม็ดการเพาะปลูกของเรา นี่หาใช่สิ่งที่หมาแมวสามารถเรียนรู้ได้ และต้องมีวันที่พวกเขาต้องสูญเสีย”
“ขอแค่ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อต้านสิ่งล่อใจ ตั้งใจทำงาน ไม่ว่าเมื่อไหร่ข้าก็ไม่มีวันปฏิบัติไม่ดีต่อพวกเจ้าแน่นอน”
พวกคนงานต่างเชื่อในคำพูดนี้ นับตั้งแต่เริ่มทำงานในเรือนกระจกมา ก็ได้รับเงินเดือนตรงเวลาทุกเดือน ไม่เคยจ่ายให้ช้าหรือให้น้อยเลย
ยิ่งไปกว่านั้นหวางเฟยเหนียงเหนียงยังปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างสนิทสนม ในช่วงที่เป็นเทศกาลต่างๆ ก็ยังให้ของขวัญพวกเขา เจ้านายดีเช่นนี้จะหาได้จากที่ไหน หากมีคนหักหลังจริง นั่นก็คือคนใจร้าย จิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่าแล้ว!
พวกคนงานมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สูง และร่วมแรงร่วมใจกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พวกคนนอกที่ต้องการข้อมูลจากเกษตรกรเหล่านี้ผิดหวังไปหลายต่อหลายครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวมั่งคั่งจำนวนมากที่สร้างเรือนกระจกเสร็จก็ปลูกผักออกมาได้ไม่สำเร็จ หากเลี้ยงไม่โตก็เจริญงอกงามได้ไม่ดี ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการขาย กระทั่งพวกเขาเองก็ยังไม่อยากจะกิน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เลียนแบบกันไปแบบไม่มีความรู้ ทุ่มทุนหนาแค่ไหนยังไงก็พังค่ะ สู้ต้นฉบับไม่ได้หรอก
ไหหม่า(海馬)