พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 31

ตอนที่ 31

บทที่4ตอนที่1

 

 

「อะไรกัน!」

 

 

「อึก!」

 

 

ณ ชานเมืองของเมืองอาร์คาซัม ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังแลกดาบกันในพื้นที่เขตด้านนอกเมือง

 

 

คนหนึ่งคือไอริสดิน่า ・ฟรานซิส สาวสวยผมยาวสีดำ ร่ายรำขับขานเพลงดาบของเธอออกมาได้อย่างงดงาม ดาบที่ฟาดฟันคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา ดาบที่แม้แต่คนธรรมดายังมองไม่เห็น

 

 

อีกคนหนึ่งคือ โนโซมุ・เบลาตี้ ชายหนุ่มที่มีตาเฉียบแหลมถือดาบคาตานะ ดาบที่ฟาดฟันประกายแสงวาบหลังจากที่ขยับได้เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการฟาดฟันของเขานั้นก็ห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยเป็น

 

 

การโจมตีของไอริสค่อยๆทำลายการป้องกันของโนโซมุอย่างช้าๆ โนโซมุเองก็เริ่มรับดาบของเธอไม่ได้พยายามจะหลบ แต่ไอริสที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น

 

 

(อึก!เร็วมาก!! กันได้ไม่หมดเลย!!)

 

 

(อย่างที่คิด สุดยอดไปเลยนะ! เขาสามารถรับดาบของฉันที่ใส่พลังเต็มที่ได้เนี่ยนะ…………)

 

 

โนโซมุกระโดดถอยหลังและใช้แขนทั้งสองข้างกันการโจมตีของเธอเอาไว้

 

 

ด้วยความสามารถของไอริสที่ถูกเสริมด้วยพลังเวทย์มันทำให้เป็นเรื่องยากที่โนโซมุจะรับการโจมตีตรงๆได้

 

 

ความสามารถทางกายภาพของเธออาจจะไม่เด่นเท่ามาร์ แต่ถึงยังงั้นเธอยังเอาเวทย์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง แถมโนโซมุยังไม่รู้ไพ่ตายของฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าโนโซมุพยายามสร้างช่องว่างแม้เพียงเล็กน้อยจากการโจมตีของเธอก็ยังดี

 

 

ถ้าหากสู้กันในที่แคบโนโซมุคงทำแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังสู้กันแถวๆชานเมือง โนโซมุจึงใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้ถึงที่สุด

 

 

(แต่ว่านะ ดาบน่ะไม่ใช่อาวุธเพียงอย่างเดียวของฉันสักหน่อย! โนโซมุ!)

 

 

ในเวลานั้นเองพื้นที่เท้าของโนโซมุก็ลอยขึ้น โนโซมุถูกยกขึ้นจากพื้นดิน แต่ว่าไอริสเองไม่ได้ทำการร่ายเวทย์เลยแม้แต่น้อยบางทีอาจจะเป็นผลของความสามารถ “ปรับใช้ทันที”

 

 

「อึก!」

 

 

โนโซมุที่สูญเสียการทรงตัวก็รีบกลิ้งลงบนพื้นทันที เขาหลบดาบของไอริสได้ หากตัดสินใจช้ากว่านี้แม้แต่นิดเดียวโดนฟันแหงๆ

 

 

(ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันตัดสินใจได้แล้วละ แม้แต่การตัดสินใจของเขาก็ยังไม่ธรรมดา……)

 

 

(บ้าบออะไรกันเนี่ย ความสามารถแสนขี้โกงนั่นมันอะไรกันเปิดใช้งานเวทย์โดยไม่ต้องร่ายเป็นปัญหาซะจริง……)

 

 

ไอริสยังคงไล่ตามโนโซมุไป ดาบของโนโซมุปลิวไป โนโซมุจับดาบขึ้นมาขณะที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าเธออยู่นั้น เขาใช้ดาบคาตานะที่มีลักษณะโค้งนิดหน่อยนั่นในการฟันเสยขึ้นเพื่อปัดการโจมตี

 

 

(คราวนี้ละตาผมบ้าง!!)

 

 

「อะไรกัน!」

 

 

ในขณะที่โนโซมุปัดดาบของเธอนั้น เขาก็ลุกขึ้นและก้าวเข้าประชิดไอริสทันทีและฟันดาบมาที่เธอ ดาบที่เข้าไปหานั้นโดนขัดจากไอริส แต่โนโซมุยังผลักดันมันเข้าไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจอะไร

 

 

ต่างจากก่อนหน้านี้โนโซมุใช้การบิดเอว ข้อเท้าและหัวเข่าในการเป็นแรงหนุนเพื่อฟาดดาบออกไปด้วยแรงทั้งหมด ด้วยการเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้เขาใช้แรงมากกว่าปกติจนเจ็บร่างกายเล็กน้อย

 

 

เสียงสะท้อนแหลมสูงของประกายดาบที่ฟาดฟันกัน การฟันของโนโซมุนั้นเถรตรงและไร้ซึ่งความปราณี แต่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ดาบของโนโซมุถูกเบนวิถีออกด้านข้างและก็โดนสวนกลับ

 

 

「ตรงนั้น!」

 

 

「อึก!」

 

 

การโต้กลับของไอริสเริ่มขึ้นแล้วไอริสที่ฟาดดาบออกไป จนโนโซมุต้องก้าวถอยหลัง แต่ถัดมานั้นก็มีกระสุนเวทย์ตามหลังเขามา

 

 

โนโซมุรีบหยิบฝักดาบออกมาและป้องกันเวทย์ แต่ว่าฝักดาบก็กระเด็นหายไปและทำให้เขาสูญเสียการทรงตัว

 

 

เวทย์ของไอริสที่ไล่ตามโนโซมุมันเป็นลูกศรน้ำแข็งขนาดเท่าแขนของผู้ใหญ่ จำนวนหนึ่งสร้างขึ้นมากลางอากาศ

 

 

เวทย์ที่ไอริสเปิดใช้คือ“การร่ายรำของหอกน้ำแข็ง”

 

 

สร้างหอกน้ำแข็งหลายๆอันแล้วยิงไปใส่คู่ต่อสู้

 

 

หอกน้ำแข็งที่ถูกสร้างขึ้นรอบๆพุ่งเข้าหาโนโซมุตามคำสั่งของไอริส

 

 

โนโซมุขยับขาด้วยแรงทั้งหมดที่มีเมื่อ หอกน้ำแข็งพุ่งชนเข้าไปที่พื้นมันก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

 

แน่นอนว่าเป็นการต่อสู้จำลองเฉยๆปลายหอกนั่นไม่ได้มีความแหลมอะไรมากนัก แต่ถ้าโดนเข้าไปเต็มๆก็มีลงไปดิ้นบ้างละ

 

 

「ยังไม่หมดหรอกนะ โนโซมุ!」

 

 

(แย่แล้ว! ถ้าอยู่ระยะนี้กลายเป็นเป้าดีๆให้ซ้อมแหงๆ!!)

 

 

คราวนี้วงเวทย์ปรากฏขึ้นปลายเท้าของโนโซมุและมีโซ่สีดำที่พันธนาการเท้าทั้งสองข้างของเขา มันเป็น “โซ่สีดำพันธนาการ”ที่ใช้กับรูกาโต้นั่นเอง

 

 

「อึก ขาผม!」

 

 

นอกจากนี้ไอริสยังอัดมวลลมทั้งหมดไว้ด้านหน้าของเธอ

 

 

กระแสลมสีเขียวที่กลมกลืนไปกับพื้นที่รอบๆและส่งเสียงดังก้องกังวานดั่งสัตว์ผู้หิวโหย กำลังลอยอยู่ตรงหน้าโนโซมุพร้อมที่จะเข้าปะทะทุกเมื่อ

 

 

โนโซมุที่ติดอยู่กับโซ่มแห่งความมืดและดูเหมือนว่าเวทย์ตรงหน้าเองก็ระดับสูงพอๆกันทั้งสองเวทย์นี่มาจากพลังของแรงค์ A

 

 

สำหรับโนโซมุที่ใช้เวทย์ไม่ได้ไม่มีทางทำลายโซ่นี่ได้

 

 

 

「ลุยล่ะนะ!」

 

 

มวลแห่งสายลมรูปสัตว์พุ่งเข้าหาโนโซมุพร้อมเสียงตะโกนของไอริส เกลียวลมที่พัดผ่านก็ชวนน้ำตาไหลพราก มันพุ่งเข้าหาโนโซมุราวกับได้รับชัยชนะแล้ว

 

 

“อุโมงค์ลมแห่งความกระหาย”

 

 

เวทย์ที่ปล่อยเป็นเกลียวคลื่นเพื่อพุ่งไปหาศัตรูและเวทย์นี่ได้ชื่อว่าเป็นเวทย์ที่ถูกบีบอัดและหมุนวนจนเป็นเกลียวขนาดใหญ่จนส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้าย

 

 

ตราบใดที่เท้าทั้งสองยังเคลื่อนไหวไม่ได้ไม่มีทางที่จะหลบได้พ้น โนโซมุที่ไม่สามารถใช้เวทย์ได้ก็ไม่สามารถสร้างอะไรมาขวางกั้นได้เลย

 

 

(แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าจะป้องกันการโจมตีนั่นไม่ได้!)

 

 

ต่อหน้าสัตว์อสูรรูปร่างลมนี่พุ่งเข้าโนโซมุเก็บดาบเข้าฝักและฟาดมันไปที่โซ่สีดำที่พันขาเอาไว้

 

 

คิ“ขาดสะบั้น”

 

 

เดิมทีเป็นเทคนิคที่ใช้ทำลายอวัยวะที่ใช้ปล่อยเข้าไปยังอวัยวะภายในของฝั่งตรงข้ามและมันจะทำให้อวัยวะภายในของฝ่ายตรงข้ามแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ เขาใช้เทคนิคนี้เพื่อทำลายโซ่

 

 

วงเวทย์แหลกสลาย เกิดเสียงสั่นทะเทือนแหลมสูงจนโซ่นั้น “แตก”กระจาย

 

 

โนโซมุใช้ก้าวพริบตาเพื่อหลบการโจมตีทันที เขาส่งพลังลงไปที่ดาบเต็มที่พร้อมกับฟาดฟันมันออกไป

 

 

โนโซมุเปิดใช้ “ก้าวพริบตา”และต่อด้วย”ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ”เพื่อฟาดฟันเหล่ามวลลมตรงหน้า

 

 

เขาไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย โนโซมุตัดผ่านเวทย์ของไอริสและพุ่งเข้าหาไอริสเหมือนเดิม

 

 

แต่ว่าก็อย่างที่คิดเธอถือดาบรอไว้อยู่แล้วและพร้อมที่จะสวนกลับ โนโซมุดึงดาบที่อัดพลังไว้แน่นฟาดฟันลงไป………。

 

 

「อึก!」

 

 

รอยฟันสีแดงวาบเกิดขึ้นตรงหน้าผมและลงก็ลังเลที่จะชักดาบออกมา ไม่มีชัยชนะสำหรับผู้ที่แพ้เกมส์นี้ ก่อนที่โนโซมุจะรู้ตัวดาบของไอริสก็จ่อหน้าเขาแล้ว

 

 

◇◆◇

 

 

การต่อสู้จำลองจบลงด้วยชัยชนะของไอริส หลังจากการต่อสู้มาร์ ทิม่า และโซเมียที่ดูอยู่ก็ต่างตะลึง

 

 

วันนี้พวกเราทุกคนมาพูดคุยเกี่ยวกับการฝึกรอบเช้า พวกเราออกมาเขตด้านนอก เพื่อมาฝึกเพราะไม่มีปัญหารบกวนเรื่องเสียงดังด้วย

 

 

「เป็นเกมส์ที่ดีเลยะครับ」

 

「ฮ่ะฮะฮะฮะ….จะเป็นงั้นแน่เหรอคะ?」

 

สำหรับไอริสแล้วความสามารถเพียวๆของโนโซมุนั่นสุดยอดมาก แต่ว่าโนโซมุไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าความสามารถของเขาอยู่ในระดับสูงแค่ไหน ฉันเลยทำได้แค่ตอบแบบกำกวม

 

 

โนโซมุที่โดนกดดันอยู่ตลอดเวลาและสวนกลับได้เสมอสำหรับฉันแล้วไม่คิดว่านั่นเป็นการแข่งที่ดีเลยสักนิด

 

「เอ่อนั่นสินะ แปลกเกินไปแล้วล่ะโนโซมุเองก็ยังไม่ได้ปลดพันธนาการเลยใช่ไหม แต่ว่าสามารถสู้ได้ถึงขนาดนี้」

 

มาร์เห็นด้วยกับคำพูดของไอริส เขาที่กำลังนั่งอยู่บนทุ่งหญ้าพร้อมกับอ่านหนังสือเวทย์

 

 

ท่าทางแบบนั้นก็ยิ่งแปลกเข้าไปอีกใครที่ไหนจะเอาเวลาว่างมานั่งอ่านหนังสือเวทย์ แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็ติดใจกับการต่อสู้กับรูกาโต้ในตอนนั้น

 

ทิม่า โซเมียและมาร์ที่นั่งดูการต่อสู้จำลองระหว่างไอริสกับโนโซมุ

 

 

คุโระเองก็เกาะติดโซเมียแน่นเลยทิม่าเองก็ลูบหัวของคุโระ

 

 

คุโระหลับลงด้วยท่าทางสบายๆ

 

「อืม แต่ว่าคนที่สู้กับไอจังได้ขนาดนี้มีให้เห็นได้น้อยมากเลยล่ะ……」

 

「ใช่แล้วล่ะคะ! พี่สาวของหนูน่ะเป็นถึงระดับอัศวินของฟอร์ซิน่า ดังนั้นมั่นใจได้เลยค่ะ」

 

คำพูดของมาร์ตามด้วยทิม่าและโซเมีย

 

แรงค์ของไอริส คือ A นั่นคืออันดับของเหล่านักผจญภัยชั้นยอดเลยนะ ถ้าเป็นอัศวินก็เทียบเท่ากับอัศวินองค์รักษ์ของราชวงศ์ โนโซมุเองที่เห็นความสามารถของไอริสแล้ว พอเทียบกับรูกาโต้ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

 

「้หืมมมมมมม นั่นสินะ?」

 

อย่างไรก็ตามความคิดที่ว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปมันฝังรากลึกลงไปในตัวเขาแล้วล่ะ

 

 

ความจริงแล้วโนโซมุไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น พูดให้ถูกต้องความแข็งแกร่งของเขามันแข็งแกร่งแบบว่าไม่สม่ำเสมอ เอาง่ายๆมันแกว่งไปตามอารมณ์ของเขานั่นละ

 

ในความเป็นจริงมันก็แปลกมากอยู่แล้วกับการที่เขาสามารถต่อกรกับมาร์และไอริสได้ทั้งๆที่โดนกดความสามารถให้ต่ำลง และทักษะดาบของเขาไกลเกินกว่าคนธรรมดาหรือนักเรียนทั่วไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะมีความสามารถที่แกร่งแค่ไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้า “พันธนาการ” มันก็เหมือนกับการที่เอามังกรมาสู้กับเซียนดาบ เซียนดาบโดนตบร่วงง่ายๆแบบนั้นไงล่ะ ความสามารถที่แท้จริงมันจำเป็นต่อการต่อสู้จริง

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของโนโซมุไม่ใช่พลังทางกายภาพที่โดนจำกัด พลังเวทย์และคิก็โดนด้วย

 

 

คิที่ใช้ได้ตามปกติก็ลดลงจำนวนการใช้ก็ได้น้อยลง ทุกๆอย่างถูกจำกัดไว้หมดเลยแถมโนโซมุที่ใช้เวทย์ไม่ได้ ก็ยังโดนกดให้ต่ำไปอีกจนสัมผัสเวทย์ไม่ได้

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็เหมือนกับการถ่วงน้ำหนักให้ตัวเองก่อนออกวิ่ง โนโซมุอยู่ในสภาพเช่นนั้นมาโดยตลอดตัวเองที่วิ่งเต็มที่แต่มีตัวถ่วงน้ำหนักมาถ่วงไว้ตลอดเวลาทำให้ก้าวได้ช้ากว่าคนทั่วๆไป ความสามารถในการประเมินของเขาจะอยู่ในระดับต่ำ เพราะไม่สามารถใช้จริงก็ทำให้เขากังวลมากไปอีก

 

 

「นอกจากนี้ตอนที่ฉันเอาชนะโนโซมุได้ โนโซมุเองก็ลังเลที่จะใช้เทคนิคนั้นใช่ไหมละจะเกิดอะไรขึ้นละหากปลดปล่อยมันออกมา」

 

「อืม นั่นสินะ」

 

 

มาร์เห็นด้วยกับคำพูดของไอริส

เทคนิคของเขาที่เขาเรียกว่า “แฟนธ่อม(คมดาบลวงตา)” ขอโนโซมุที่เคยเห็นก่อนหน้านี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

เทคนิคนั่นมีความเร็วและพลังในการฟันที่รุนแรงอย่างเหลือเชื่อ เมื่อปล่อยออกมามันจะตัดผ่านทุกสิ่ง ยากที่จะหลบได้ แน่นอนว่าไอริสก็พยายามกดดันให้เขาใช้มันออกมา แต่โนโซมุก็ไม่คิดจะใช้มันออกมาเลยสักนิด

 

 

「……อืมกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ แล้มาร์ทำอะไรละนั่น?」

 

โนโซมุหันไปและมองเพื่อนๆจากด้านหลัง

โนโซมุไม่เคยเห็นมาร์ที่ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจเรียนมานั่งอ่านหนังสือโน้ตด้วยตัวเองเลย พูดแล้วมันก็แปลกๆอยู่ แต่ว่าสายตาที่เขาจ้องไปในสมุดโน้ตนั่นเหมือนกับพ่อคนก็ไม่ปราน

 

 

「เอ่อก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ว่ามันไม่ได้ผลอย่างที่คิด」

 

「เวทย์นั่นอะเหรอ?」

 

「อืม」

 

 

จนถึงตอนนี้มาร์ใช้แค่คิในการฝึกซ้อมต่อสู้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ค่อยชอบเวทย์เท่าไรด้วย แต่ถึงยังงั้นเขาก็ยังสู้ได้อย่างสบายๆ

แม้ว่าความสามารถของเขาจะอยู่ในระดับสูง แต่ก็อยู่ในห้องระดับต่ำสุด ดังนั้นคู่ต่อสู้ของเขาก็อ่อนแอกว่าตัวเองเสมอ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่โดนโนโซมุเอาชนะได้และเจอเหตุการณ์รูกาโต้ ทำให้เขาเริ่มพิจารณาตัวเองใหม่

◇◆◇

「แล้วตอนนี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหน? ผลกระทบของภูมิประเทศและสภาพทางธรณีวิทยาของเวทมนตร์? …………ตัวเลขนี่คืออะไร?」

 

 

อย่างไรก็ตามสำหรับมาร์คงยังอีกยาวไกล

นอกเหนือจากสอบปฏิบัติข้อเขียนห่วยแตกสุดๆ

เขามีความปราถนาอย่างแรงกล้าว่าอยากแข็งแกร่งขึ้น เขารู้สึกว่าการที่เขาถือดาบเหมาะมากกว่าการมานั่งอ่านหนังสือแบบนี้และเขาจะแข็งแกร่งขึ้นจากการเรียนรู้เทคนิคและวิชาต่างๆ

อย่างไรก็ตามผลการเรียนของเขาค่อนข้างแย่ ตัวเขาที่อยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ย ขณะที่โนโซมุเองก็ต้องไปสอบเพิ่มเพราะสอบปฏิบัติตัวเองห่วยเช่นกัน เขาเองก็พึ่งได้แค่ข้อเขียน

 

 

 

「พอแค่นั้นแหละคะ! ให้ทิม่ามาข่วยสอนจะดีกว่าไหมค่ะ?ทิม่าน่ะรอบรู้เรื่องเวทมนตร์และมันก็ยังดีกว่ามาร์ที่ต้องมานั่งเรียนคนเดียวนะคะ?」

 

「เออออออออออออ๋ーーーーーーー!」

 

 

ฉันแนะนำมาร์ว่าให้ทิม่าสอนมาร์จะดีกว่า ทิม่าเองก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ แต่ใบหน้าของเธอก็แดงเล็กน้อยเพราะบางทีคงคิดอะไรอยู่

 

 

「พูดอะไรของเธอน่ะ คิดถึงใจคอของทิม่าบ้างสิ。」

 

 

มาร์เองตอบกลับไปเช่นนั้นกับไอริสแต่ใจจริงก็รอฟังคำตอบอยู่

 

 

「นี่ฉันก็พูดก่อนคิดแล้วนะคะ นอกจากนี้หากให้ทิม่าช่วยสอนคงจะดีกว่านี้ขึ้นเยอะเลยคะ……」

 

「อืมมมมมมม………โอ้ว」

 

 

เมื่อไอริสบอกเช่นนั้นทิม่าก็ตอบด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อกลายเป็นแดงแจ๋ไปแล้วและมองต่ำลง เพียงแค่มองแวบแรกก็ดูน่าอายแล้ว แต่มาร์ที่เป็นตัวต้นเหตุกลับกันเลย

 

 

「ดูใกล้ๆดิเนี่ย เห็นไหมว่าเธอไม่ชอบน่ะ」

 

 

มาร์เข้าไปใกล้และสังเกตสีหน้าของทิม่า ทิม่าเองก็รู้สึกว่ามาร์เรียนไม่ค่อยได้เรื่อง ทิม่าเลยพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด

 

 

「ไม่ใช่ว่าไม่ชอบสักหน่อย! แค่สงสัยว่าเป็นฉันจะดีเหรอ…………ถ้ามาร์คุงอยากให้ฉันสอนฉันจะสอนให้ก็ได้คะ?」

 

「เอ๊ะ ได้งั้นเหรอ?。」

 

「อะ คะ ถ้าเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ฉันสอนให้ได้คะ…………แน่นอนถ้ามาร์คุงทำตัวดีๆ…………」

 

「โอ้วข้าจะรอดแล้วสินะเนี่ย……?」

 

「อะอืม」

 

 

ท้ายที่สุดทิม่าก็ยอมสอนมาร์ซึ่งกำลังพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนตร์ กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างมาร์และทิม่านั้นหายไป หลังจากวันที่ไอริสและโซเมียโดนรูกาโต้เล่นงาน แต่ตอนนี้บรรยากาศมันดูวุ่นวายแบบแปลกๆ…………。

 

 

 

「สำหรับพี่สาวเองก็คงต้องใช้เวลาเหมือนกันสินะคะ?」

 

「หืมนั่นสินะคะ? ถ้างั้นก็รีบไปสถาบันกันเถอะคะ」

 

 

ไอริสตอบคำพูดของโซเมียจัง ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นเหนือขอบฟ้าแล้ว และแสงของมันก็เริ่มสาดส่องลงมาที่พื้น

โนโซมุก็เริ่มที่จะไปสถาบันและแล้ววันใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท