ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 172 เฉียวจิ่นสอบได้ทั่นฮวา

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 172 เฉียวจิ่นสอบได้ทั่นฮวา

ตอนที่ 172 เฉียวจิ่นสอบได้ทั่นฮวา

ในช่วงนี้คนที่สร้างเรือนกระจกตามกระแสต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทรัพย์สินกว่าครึ่งชีวิตล้วนนำมาลงทุนไปกับการสร้างเรือนกระจกหมดแล้ว เดิมทีคิดว่าสิ้นปีก็จะเฟื่องฟูเช่นเดิม ถึงขั้นทำเงินได้สองเท่า แต่สถานการณ์ปัจจุบันนี้ก็สามารถบอกได้ว่า หากสิ้นปีพวกเขาไม่ได้ไปขออาหาร นั่นก็นับว่าดีมากแล้ว

เมื่อปลูกผักแล้วไม่ได้ผลผลิต ก็ย่อมไม่มีเงินจ่ายคนงานที่จ้างมา คนงานหลายคนเดิมทีคิดว่าพวกเขาสามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้เหมือนชาวบ้านในหมู่บ้านลวี่หลัว ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินดื่มแล้ว แต่ที่ไหนได้พวกเขากลับทำงานโดยเปล่าประโยชน์มาหนึ่งสองเดือนแถมยังไม่ได้เงินสักอีแปะ จึงพร่ำบ่นกันอยู่พักหนึ่งและเริ่มคร้านที่จะดูแล สุดท้ายก็ปล่อยผักที่ปลูกไว้ให้เป็นไปตามยถากรรม

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ได้ยินในภายหลัง การปรากฏตัวของคู่แข่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกิจการของเฉียวเยี่ยนเลย นางยังคงทำเงินได้ทุกวัน ทำให้คนอื่นอิจฉาจนน้ำลายไหล

หลังตรวจสอบหมู่บ้านลวี่หลัวเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ไปที่ภัตตาคาร กิจการภัตตาคารยังคงเฟื่องฟูเช่นเดิม อาหารแปรรูปของโรงงานเฉียวจี้ตรงหน้าต่างขายผักกลายเป็นสินค้าขายดี มีลูกค้าจำนวนมากที่เดินทางไปทั่วทุกทิศมารับประทานอาหาร ตอนจะกลับก็พกไปกินระหว่างทางด้วยสองสามกระปุก แม้ระหว่างทางจะไม่มีโรงเตี๊ยมให้พัก แต่ก็ปิ้งแผ่นแป้งย่างกินกับน้ำพริกหมูสับได้อย่างสบาย

ส่วนหลายคนที่เตรียมจะเดินทางไกลก็เตรียมไว้ล่วงหน้าสองสามกระปุก เมื่อไปถึงที่อื่นแล้วไม่ชินกับอาหารท้องถิ่นเมื่อใด เพียงตักน้ำพริกหมูสับคลุกเคล้าข้าวกินก็ผ่านไปได้หนึ่งมื้อแล้ว

ขณะที่ไก่เลี้ยงปล่อยในสวนป่าท้อมีขนาดอวบอ้วนขึ้น พวกพ่อครัวของภัตตาคารที่ไม่มีอะไรทำก็ค้นคว้าอาหารใหม่ๆ จนถึงตอนนี้ได้เปิดตัวอาหารที่มีไก่เป็นส่วนประกอบหลักหลายรายการแล้ว และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ลูกค้า

วันที่สิบสองเดือนหก ยังไม่ทันที่เฉียวเยี่ยนจะตรวจสอบกิจการในมือเสร็จ ที่บ้านก็มีเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่เกิดขึ้น

รายชื่อเข้าสอบหน้าพระที่นั่งออกแล้ว เฉียวจิ่นทำคะแนนเอาไว้ดีมาก และสอบได้ตำแหน่งทั่นฮวา! (อันดับสาม)

ในตอนเช้าตรู่ที่นกกางเขนขานร้องเจื้อยแจ้วบนยอดไม้ของจวนสกุลเฉียว ซูเนี่ยนหว่านก็ตื่นแต่เช้าไปตุ๋นน้ำแกงในครัวให้ลูกชาย โดยมีสาวใช้ปากหวานสองสามคนคุยหยอกล้อกับหญิงชรา

“เช้านี้นกกางเขนร้องอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าที่จวนจะมีงานรื่นเริงใหญ่ เช่นนั้นพวกบ่าวขอแสดงความยินดีกับนายหญิงล่วงหน้านะเจ้าคะ”

ซูเนี่ยนหว่านถูกพวกสาวใช้เย้าแหย่จนยิ้มตาหยี นางจะไม่หวังให้มีเรื่องปิติยินดีได้อย่างไร ตอนนี้ก็ถึงเวลาประกาศรายชื่อแล้ว ไม่รู้ว่าคะแนนสอบของลูกชายจะเป็นอย่างไรบ้าง

ตั้งแต่สอบมา นางไม่เคยถามลูกชายว่าสอบเป็นอย่างไรบ้างเลย เพราะไม่อยากเพิ่มความกดดันให้เขา แต่ทุกครั้งลูกชายนางก็สอบได้ดีมาก ทำให้นางภูมิใจอย่างยิ่ง

เวลาบ่าย มีเสียงกลองและฆ้องดังขึ้นนอกจวน จากนั้นบ่าวเฝ้าประตูก็รีบวิ่งเข้ามาในจวนเพื่อรายงาน

“นายหญิง คุณชายใหญ่สอบผ่านแล้ว! ทั่นฮวา! คุณชายสอบได้ตำแหน่งทั่นฮวา! เจ้าหน้าที่มาประกาศข่าวดีแล้ว!”

บ่าวผู้น้อยยังไม่ทันได้เข้าไปในห้องโถงด้านหน้าก็ตะโกนขึ้นมา ซูเนี่ยนหว่านที่กำลังตัดเย็บเสื้อผ้าให้หลานทั้งสองได้ยินเช่นนี้ก็รีบผุดลุกขึ้นทันที หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ

นางก้าวไปมาสองรอบ และเอ่ยพึมพำ “สอบติดแล้ว จิ่นเอ๋อร์สอบติดแล้ว ดีจริงๆ ”

นางร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วย แต่ริมฝีปากกลับยิ้มไม่หุบ จนสาวใช้ที่ดูแลนางอยู่ข้างกายรีบเอ่ยออกมา “นายหญิง เราต้องต้อนรับเจ้าหน้าที่ที่มาประกาศข่าวดีเข้ามาในจวนก่อนนะเจ้าคะ บ่าวได้ยินคนอื่นพูดว่า เจ้าหน้าที่มาประกาศข่าวดี ล้วนมามอบรางวัลให้ เรามิควรเสียมารยาท”

ซูเนี่ยนหว่านเช็ดน้ำตาตัวเอง และรีบสั่งข้ารับใช้ “จริงด้วย! รีบไปเชิญเจ้าหน้าที่เข้ามาในจวน เสี่ยวอวิ๋น ไปเตรียมเงินมาให้มากหน่อย อีกเดี๋ยวเอามอบให้เจ้าหน้าที่”

“เจ้าค่ะ!”

สาวใช้นามเสี่ยวอวิ๋นกับบ่าวที่มารายงานออกจากห้องโถงด้านหน้าไปทำหน้าที่ให้สำเร็จพร้อมกัน และซูเนี่ยนหว่านก็ให้ข้ารับใช้อีกคนไปแจ้งให้เฉียวจิ่นทราบ

“ไปประกาศข่าวดีแก่นายน้อย แล้วจำไว้ว่าให้เขาสวมเสื้อผ้าเป็นมงคลหน่อย”

เฉียวจิ่นนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นแปะก๊วยอย่างเกียจคร้าน เมื่อได้ยินรายงานจากข้ารับใช้ เขาก็ยิ้มออกมา และค่อยๆ ลุกขึ้นกลับไปที่ผลัดอาภรณ์ในห้อง โดยที่ข้ารับใช้ผู้นั้นร้อนใจจะแย่ แทบจะผลักเขาเข้าห้องไปแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาด้วยตัวเอง

“นายท่านของข้า! นี่มันกี่ยามแล้ว? ท่านยังเชื่องช้าอยู่อีก ท่านสอบติดทั่นฮวาแล้วนะ ต่อไปก็เป็นใต้เท้าแล้ว ควรมีท่าทางปิติยินดีหน่อยได้หรือไม่?”

เฉียวจิ่นได้ยินเช่นนี้ก็ชะงักฝีเท้า แล้วหันไปแสร้งยิ้มมุมปากจนไม่รู้ว่าจะแสร้งยิ้มอย่างไรให้เขาแล้ว ก่อนเอ่ยเสียงใสดุจหยก”แบบนี้พอได้หรือไม่?”

ข้ารับใช้แทบจะอาเจียนเป็นเลือด ก่อนจะจับแขนนายน้อยตัวเองลากเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ออกห้องมา “ท่านรีบผลัดผ้าเถิด นายหญิงกำลังรอท่านอยู่โถงด้านหน้า”

หลังจากข้ารับใช้ออกไป เฉียวจิ่นก็หันหลังให้ประตู ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสดใสเป็นพิเศษออกมา ซึ่งรอยยิ้มนี้ไม่เข้ากับความอ่อนโยนเหมือนเคยของเขาเลย

การสอบติดนั้นอยู่ในการคาดเดาของเขาอยู่แล้ว แต่กลับไม่นึกเลยว่าจะอยู่ในสามอันดับแรก แล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร นับแต่นี้ต่อไป เขาก็มีศักยภาพในการดูแลปกป้องน้องสาวกับมารดาแล้ว

เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปที่ห้องโถงด้านหน้า ซูเนี่ยนหว่านกำลังดื่มชากับเจ้าหน้าที่แจ้งข่าวดีอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเฉียวจิ่น ก็รีบลุกขึ้นแสดงความยินดีทันที

ซูเนี่ยนหว่านให้รางวัลแก่พวกเจ้าหน้าที่คนละหนึ่งแท่งเงิน ทำให้พวกเขาตกใจระคนยินดีเป็นอย่างมาก ปกติยามพวกเขาไปแจ้งข่าวดี มากสุดก็ได้รับเศษเงินหนึ่งหรือสองตำลึง แต่ไม่นึกเลยว่าจวนสกุลเฉียวกลับให้คนละหนึ่งแท่งเงิน

แท่งเงินนี้มีค่าเท่ากับสิบสองตำลึง และเป็นเงินเท่ากับรายได้ต่อปีของพวกเขา!

ตามธรรมเนียมแล้ว บัณฑิตที่สอบผ่านต้องห้อยดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนตัว และขี่ม้าเดินขบวนไปตามท้องถนน เพื่อรับเกียรติยศอันสูงสุด

วันนี้เฉียวเยี่ยนกำลังจะไปโรงงาน เว่ยอวิ๋นซูก็มาเกาะติดนาง อยากจะไปกับนางด้วย ทั้งสองออกไปจากบ้านไม่นานและยังไปไม่ถึงโรงงาน บ่าวในตำหนักก็ไล่ตามไปรายงานว่าเฉียวจิ่นสอบได้ทั่นฮวาแล้ว

เฉียวเยี่ยนมีความสุขมาก และวางแผนจะไปหามารดากับพี่ชายที่จวนสกุลเฉียว ส่วนเรื่องของโรงงานไว้ค่อยมาจัดการทีหลัง ทว่าขณะที่นางกำลังจะไป ข้ารับใช้ก็เอ่ยขึ้น “นายน้อยเฉียวออกจากบ้านไปแล้ว วันนี้จะขี่ม้าท่องไปตามถนน”

พลันเฉียวเยี่ยนก็นึกถึงเค้าโครงเรื่องที่เคยดูในทีวีเมื่อก่อน ผู้สอบติดจอหงวนจะห้อยดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่บนหน้าอก และขี่ม้าตัวใหญ่เดินขบวนไปตามท้องถนน เหมือนดั่งในคำกลอนที่พรรณนาเอาไว้ว่า ‘ลมวสันต์เป็นใจเร่งรุดควบม้าไป ชมบุปผาฉางอันให้เต็มอิ่มในวันเดียว’

ครั้นเว่ยอวิ๋นซูได้ยินว่าพี่เฉียวจิ่นสอบติด นางก็มีความสุขมาก ลากเฉียวเยี่ยนไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นหอชมวิวหน้าประตูเมืองเหมาะกับการชมทิวทัศน์บนถนนมาก อีกทั้งสถานที่นั้นเป็นถนนที่ขบวนจวี่เหรินเดินผ่าน ซึ่งนางเคยเห็นภาพนี้ตอนที่ยังเด็กมากๆ

เฉียวเยี่ยนตามนางไปจนถึงหอ และพบว่ามีผู้คนจำนวนมากมารอดูความคึกคักอยู่ที่นี่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกคุณหนู

เสียงตีฆ้องร้องป่าวดังขึ้น ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ คนสามคนที่มีดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ห้อยบนหน้าอกก็ควบม้าใหญ่เคลื่อนผ่านถนนใต้หอ ฝูงชนที่เฝ้าดูต่างกระตือรือร้น มีหญิงสาวหลายคนกรีดร้องออกมาไม่น้อย

“ว้าว! ทั่นฮวาหล่อจังเลย! ไม่ทราบว่าแต่งงานหรือยังนะ?”

“ช่างดูดีจริงๆ บัณฑิตหน้าหยกที่เอ่ยถึงก็คือเขาสินะ!”

……

เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของสาวๆ ที่อยู่โดยรอบ ก็คร่ำครวญว่าพี่ชายตนช่างเสน่ห์แรงเสียจริง

แต่พี่ชายนางก็หล่อที่สุดในบรรดาสามคนนั้นจริงๆ จอหงวนคือชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ดูเคร่งขรึมจริงจัง อายุเท่านี้น่าจะแต่งงานมีกิจการแล้ว ปั๋งเหยี่ยนคือชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่มีรูปร่างอ้วนกลม ยิ้มทีก็ตาโค้งหยีจนดูเหมือนหมีเล่อฝอ (พระสังกัจจายน์) เล็กน้อย

การเปรียบเทียบดังกล่าว ทำให้เฉียวจิ่นที่หล่ออยู่แล้วยิ่งดูหล่อขึ้นไปอีก และทำให้หญิงสาวกลุ่มหนึ่งถึงกับหน้าแดง

พวกเฉียวจิ่นควบม้าผ่านถนนด้านล่าง เฉียวเยี่ยนกับเว่ยอวิ๋นซูโบกมือให้เขาอย่างเมามัน เฉียวจิ่นสังเกตเห็นคนสองคนบนหอ จึงเงยหน้ายิ้มให้พวกเขาอย่างอ่อนโยน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่เฉียวจิ่นฮอตในหมู่สาวๆ ขนาดนี้ จะมีคนกินน้ำส้มแถวนั้นหรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท