พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 26

ตอนที่ 26

บทที่ 3 ตอนที่ 3

「ฉันจะขอถามอีกครั้ง พวกนายมาทำอะไรที่นี่กันแน่?」

หญิงสาวคนนั้นพูดเช่นนั้นพร้อมกับจ้องหน้าทุกคน เสียงนั่นแม้จะดูเรียบๆแต่ก็เป็นเหมือนความโกรธภายใต้ท่ามกลางพายุหิมะ

คันธนูของเธอมีลูกศรลูกถัดไปรออยู่แล้ว เธอพร้อมที่จะดึงสายของมันให้ตึงและยิงออกมาทันที

นอกจากนี้ลูกศรนั่นยังเปล่งแสงพลังเวทย์จางๆดูเหมือนว่าจะใช้เวทย์บางอย่างเข้าไปในลูกศรด้วย

ผมนึกถึงลูกศรที่วิ่งผ่านหน้าก่อนหน้านี้ ด้วยลูกศรเพียงลูกเดียวแต่ปัดการโจมตีของกระสุนเวทย์ได้ตั้งหลายนัด ซึ่งความแรงของลูกธนูที่ยิงมานั้นค่อนข้างแรงอย่างมาก

「อะเอ่ออก็ไม่ใช่อะไรหรอก…………ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย」

「ชะใช่พวกเราก็แค่หยอกล้อกันนิดหน่อย…………」

พวกนั้นคงรู้แหละว่าผมคิดอะไรอยู่เลยพยายามจะถอยหนีและหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยทีเดียว

「กฏขอแรก ห้ามทำการต่อสู้ภายในพื้นที่ของสถาบันนอกจากสถานที่ๆกำหนด ฉันล่ะอยากรู้จริงๆพวกนายอยากจะโดนไล่ออกยังงั้นเหรอ?」

เธอพูดเช่นนั้นพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานในทุ่งหญ้า แต่ก็มีความรู้สึกน่ากลัวหน่อยๆออกมาจากรอยยิ้มนั่น ราวกับว่ามันเป็นความสามารถส่วนตัวของเธอที่ทำท่าทางน่ารักไปพร้อมกับข่มศัตรูได้เนี่ย

「ปะไปกันเถอะ…………」「อะโอ้……」

พวกนั้นรีบออกไปทันที หญิงสาวที่เห็นเช่นนั้นก็ลดคันธนูลง

「ขอบคุณนะครับที่ช่วย รอดตายแล้วสิเนี่ยเฮ้อ。」

ผมเข้าไปหาเธอและขอบคุณเธอตรงๆ เธอที่เผชิญหน้ากับผมก็ทำหน้าตกใจ

เธอคนนั้นมีผมสีที่ยาวแต่ท่าทางจะไม่ได้ดูแลผมอย่างดีนัก มีดวงตาสีฟ้า ขายาว หุ่นค่อนข้างได้รูปและใบหน้าที่ขาวมน

จากภาพตรงหน้าแล้วเธอเป็นดั่งพืชพรรณที่เบ่งบานท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม

เธอสวยพอๆกับไอริสและลิซ่าเลย หูที่ยาวจนมองผ่านได้จากผมของเธอ หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในทวีปอาร์คมีล เอลฟ์นั่นเอง

“เอลฟ์”

ว่ากันว่าเป็นเผ่าที่ได้รับพรจากภูติมากที่สุดและเป็นที่รู้จักกันว่ามีอายุยืนยาวและรูปลักษณ์งดงาม(เปลี่ยนจาก จิตวิญญาณเป็น= ภูติ พลังวิญญาณ=พลังภูติ เพราะลืมว่ามีเอลฟ์=_=)

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นก็คือการพูดคุยกับภูติได้

ด้วยการตอบสนองของภูติที่อยู่รอบๆทำให้พวกเขาได้ยินและมองเห็นในระยะไกล

เดิมที่อาศัยอยู่ในประเทศ “เนบร้า” ซึ่งอยู่ที่ป่าฟอสซิลทางตอนเหนือของทวีป แต่ว่าโดนการรุกรานครั้งใหญ่จนประเทศพังทลาย

◇◆◇

「……ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันก็แค่เดินผ่านทางมาเอง」

เธอพูดว่าไม่ต้องกังวลไป ท่าทางของเธอดูเรียบๆมองเธอจากภายนอกแล้วดูแล้วเธอจะเป็นคนพูดน้อยมีท่าทางสุขุม ทำให้ผมค่อนข้างสับสนกับท่าทางของเธอ

「อะเอ่อ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ผม โนโซมุ เบลาตี้ ยินดีที่ได้รู้จัก……?」

「อืมคนในข่าวลือนี่น่ะ ไม่ว่าใครในสถาบันก็ต่างรู้จักนายทั้งนั้นแหละ」

…………ก็นั่นสินะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนเจอกับไอริสตอนกลางวันมันแพร่สะบัดไปไวมาก ไม่แปลกใจที่เธอจะรู้จักผม

「ฉันซีน่า・จูเรียล ปี 3 ห้อง 2 แต่ว่าฉันไม่ได้รู้จักนายจากข่าวลือเมื่อตอนกลางวันหรอกนะแต่เป็นข่าวลือเรื่องที่นายหักอกหญิงที่ชื่อลิซ่าต่างหาก」

ดวงตาของเธอที่พูดเช่นนั้นก็เห็นท่าทางโกรธอย่างเห็นได้ชัด

「ในตอนแรกถ้านายไม่หักอกลิซ่า เรื่องแบบนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ」

คำพูดนั่นทะลุเข้าไปในใจผม ตอนที่ผมคบกับลิซ่าก็โดนคนรอบข้างบอกเช่นนั้น แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกายใดๆ แต่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่เลิกกับลิซ่า

「ก็นั่น่ละนะพวกนั้นก็คงโกรธเพราะนายเป็นคนแบบนั้น เพราะฉะนั้นนายนั่นแหละที่เป็นคนผิด」

เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับหันหลังกลับไป หลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในอาคารเรียน

◇◆◇

ผมเริ่มมองเธอที่เดินกลับไป

(ผมรู้แล้ว รู้แต่แรกแล้วล่ะ)

ผมรู้อยู่แล้วว่าคนรอบตัวผมน่ะมันแย่แค่ไหน

แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอแล้ว แต่ตัวผมก็ยังได้รับผลกระทบเหล่านี้ ผมก็ทำได้แค่คิดถึงเธอเท่านั้นแหละ

ผมไม่ได้เป็นฝ่ายบอกเลิก ข่าวลือเรื่องชู้สาวก็ดันกลายเป็นข่าวจริงที่คนเขาเชื่อกันแบบนั้น

แม้ว่ามันจะเป็นข่าวลือแต่คนจำนวนมากก็ปรักใจเชื่อ และเชื่อว่ามันเป็นความจริงจนทำให้ผมต้องโดดเดี่ยว

เหตุผลอาจจะเป็นเพราะตัวผมเองที่หนีความจริงเหล่านั้นจนทำให้ข่าวลือมันเป็นเรื่องจริง ตัวผมที่เมินเฉยต่อข่าวลือเหล่านั้น ถ้าตอนนั้นตัวผมต่อต้านข่าวลือนั่นสักหน่อยเรื่องก็คงไม่น่าจะหนักแบบนี้

เป็นตัวผมที่ผิดเองที่ไม่ยอมแก้ไขความเข้าใจผิด

แต่ผมกลับวิ่งหนีไม่ยอมพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดเลยแม้แต่น้อย

…………และนี่ละผลลัพธ์ของการหนีความจริง……。

「………………เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะเอาแต่ “หนี”เพราะแบบนั้นตัวผมที่ไม่พยายามเผชิญหน้ากับคนอื่นๆต่างหากที่ผิดใช่ไหมล่ะ……」

มีเพียงแค่เสียงของผมที่ดังก้องไปทั่วอาคารเรียน

ตอนนั้นจู่ๆก็สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนกำลังมองมาทางนี้ แต่มันก็เป็นแค่สัมผัสอ่อนๆที่จับได้หลังจากนั้นสัญญาณนั่นก็หายไป

ตอนนั้นเองสายตาก็ไปจ้องไปทางด้านหลังอาคารเรียน มีพุ่มไม้อยู่เมื่อผมเข้าไปในนั้นก็พบเจอกับแผ่นกระดาษที่มีลวดลายแปลกๆ

「เฮ้ย โนโซมุ!ปลอดภัยรึเปล่า!」

เมื่อมองไปทางต้นเสียงก็พบกับมาร์ที่กำลังวิ่งมาทางนี้ เมื่อผมเห็นกระดาษนั่นก็นึกได้ทันที จากนั้นก็รีบไปหามาร์

◇◆◇

「……เห็นแล้วล่ะน้า~。ดูเหมือนว่าหมอนั่นน่ะ จะไม่ได้อ่อนแออย่างที่เขาลือกันนะ」

หลังอาคารเรียน เสียงระฆังที่ดังขึ้นมีชายหนุ่มผู้มีหูและหางสีทองอยู่ในสถานที่ๆไม่ควรจะมีใครอยู่ ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองโนโซมุจากระยะไกล

บางทีเพราะใช้เวทย์มองไกลบางอย่าง ที่เท้าปรากฏวงเวทย์และมีสัญลักษณ์อะไรลอยอยู่ตรงหน้าเขามันเป็นประกายสีทองเช่นเดียวกับขนของเขาเลย

โดยปกติแล้วหากอยู่หลังอาคารเรียนมันมักจะมืดและมองไม่ค่อยเห็น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นด้วยเพราะใช้วิชานี้

「อืม อืม นักเรียนห้อง 10 สิน้า ถึงแม้ว่าจะอยู่ห้อง 10 ชั้นเองก็จะทำให้ดีที่สุด ตัวตนที่ห่างชั้นอย่างห้อง 1 กับห้อง 10 มาอยู่ด้วยกันนี่นะ จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะถ้าชั้นเจ้าพวกเกเรนั่นยังต่อกรกับเขาอยู่แต่ผลลัพธ์ก็ดูน่าสนใจดี ไม่คิดเลยว่าซีน่าจะเข้ามาขวางกันแบบนี้แย่จริงๆ……」

เห็นได้ชัดชายคนนี้เป็นคนวางแผนให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เขาจ้องมองโนโซมุที่กำลังมองซีน่า

「ก็คนมันไม่รู้นี่น่า~。แน่นอนแผนของชั้นมันไม่ได้แย่ แต่ตัวชั้นเองก็ไม่มีความน่าสนใจพอที่จะลากเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬคนนั้นมาได้ด้วย……หืมมีอะไรต่ออีกงั้นเหรอ?」

เขามองเช่นนั้นพร้อมกับเกาหัวไปด้วย

「หืมมมม~ควรจับตาดูต่อไปอีกหน่อยดีไหมนะ」

พูดเช่นนั้นแล้วก็ปลดวิชาออกและกลับเข้าตึกเรียนไป แต่ว่าเขาไม่สังเกตเลยว่าวิชาที่ถูกคลายออกมันไปสะกิดใจโนโซมุเข้า โนโซมุสังเกตเห็นถึงวิชาของเขาและสิ่งที่เขาเหลือทิ้งไว้

◇◆◇

หลังจากจบคาบเรียนในวันนี้ มาร์กับผมก็อยู่ที่ร้านของ “เรือนร่างของโค” ไอริสกับทิม่าเองก็เป็นคนชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน ตอนนี้ก็มีเพียงแค่พวกเราและฮันนะที่อยู่ในร้าน ดูเหมือนร้านจะโดนเหมาแล้วล่ะ

ไอริสเอ่ยปากพูดคนแรก

「ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษท่านพ่อท่านแม่ของคุณมาร์ด้วยนะคะ ที่พาลูกชายและลูกสาวของคุณมาตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้」

ไอริสพูดเช่นนั้นและกล่าวขอโทษ

สำหรับไอริสแล้วการที่คนรู้เรื่องนี้เยอะเกินไปไม่ใช่เรื่องดี แต่ไอริสไม่สนใจ

“ถึงแม้ว่าจะต้องปิดเป็นความลับ แต่อย่างน้อยก็อยากให้ได้คุยเป็นการส่วนตัวหน่อยค่ะ”

เธอจึงอธิบายเหตุการณ์ต่างๆให้ฮันนะและเดลฟังรวมถึงข้อตกลงที่ตระกูลฟรานซิสทำไว้เมื่อ 300 ปี ก่อน

ในเวลาเช่นนี้เธอก็ยังดูสง่างามและมองไปที่ฮันนะ

ผมรู้สึกทึ่งกับท่าทางอันแสนงดงามและความสวยของเธอ หัวใจของผมที่ไม่มีภูมิต้านทานตรงนี้มันทำให้ใจเต้น…………。

ดูเหมือนว่าเธอจะเตรียมตัวที่จะรับโทษจากคุณฮันนะและเดลแล้ว……。

「แหม่ แหม่ ทำได้ดีเหมือนกันไม่ใช่รึไงมาร์ ในที่สุดแกก็ปกป้องผู้หญิงได้แล้วสินะ!」

ด้วยคำพูดเช่นนั้นฮันนะพูดพร้อมกับทุบหลังของมาร์ด้วยเสียอันดังและรอยยิ้ม ทิม่าที่อยู่ตรงนั้นเองก็หน้าแดงแจ๋และก้มหน้าลงทันที และพยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทางสดใส ซึ่งตรงและชัดเจนต่อตัวเองดีแหะ……。

「เจ็บนะเฟ้ย!ทำบ้าอะไรเนี่ย!!」

มาร์เองไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ทิม่าต้องเขินอายขนาดนั้นบ่นกับฮันนะบอกว่าเจ็บเนี่ยนะ แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงแดงเหมือนกัน ฮันนะเองก็ดูท่าจะอารมณ์ดี

「ก็นะ หวังว่าพี่ชายจะเป็นแบบนี้ไปตลอดละกัน ยังโล่งใจไม่ได้ เพราะก่อคดีเยอะไปล่ะนะ……」

อิน่ายังคงบ่นเช่นนั้นด้วยความไร้เมตตาต่อมาร์ แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็แอบอมยิ้มกับท่าทางของมาร์เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอก็ทำเรื่องดีๆเป็นเหมือนกัน……。

「อะเอ่อโนโซมุคุงยังพอมีเวลาไหมคะ? ออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันหน่อยได้ไหมคะ……」

「เอ่อไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นะครับ?」

「นี่ไม่ใช่ว่าโอกาสดีแล้วเหรอคะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อยทั้งสองไปเดินเล่นด้วยกันเถอะนะคะ ตัวฉันไม่เคยมาเดินเล่นแถวย่านการค้าเลยนะคะ」

「อืมมมมมมมม หนูเองก็เห็นด้วยน้า!」

「ฉะ-ฉันเองก็ด้วย」

โซเมียตอบข้อเสนอของพี่สาวเธออย่างร่าเริง ทิม่าเองก็เห็นด้วย

「เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจละก็ ข้าจะนำทางให้ก็ได้นะ……」

「ส่วนฉันไม่ว่างล่ะต้องเตรียมงานสำหรับตอนกลางคืนซะด้วยสิ……」

มาร์ยื่นข้อเสนอ แต่อิน่าบอกว่าไปไม่ได้จริงๆ เพราะเธอยังต้องช่วยงานตอนกลางคืน

◇◆◇

「เอาล่ะ อิน่า เองก็ไปด้วยเถอะนะ」

ฮันนะบอกเช่นนั้นว่าให้อิน่าไปด้วยกับกับพวกเรา

「เอะ แต่ว่าฉันต้องเตรียมตัวสำหรับงาน……」

ไม่เหมือนมาร์เธอเป็นคนที่จริงจัง บางทีเธอคงจะสับสนระหว่างช่วยงานที่บ้านหรือออกไปเที่ยวเล่น เธอพูดด้วยเสียงอันค่อย

「น่าสำหรับพวกเราสองคนก็พอแล้วละจ้ะ ดังนั้นเพื่อนอุตสาห์ชวนทั้งทีก็ไปด้วยกันเถอะนะ」

「……คะ ค่า!」

ฮันนะบอกอิน่าเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนอิน่าจะยอมแพ้

「เพราะฉะนั้นแล้วฉันจะคอยไปจับตาดูพี่ชายว่าทำอะไรแปลกๆรึเปล่า! ดังนั้นขอฉันไปด้วยนะคะ」

「อือ ฝากตัวด้วยนะ」「ฝากตัวด้วยนะคะ」「อืม ฝากตัวด้วยนะ」「แล้วทำไมต้องมาเฝ้าจับตาดูข้าด้วยเนี่ย……」「โอเคคค………ฝากตัวด้วยอิน่าจัง」

◇◆◇

พวกเราหกคนเดินเคียงข้างกันไปในย่านการค้า การปรากฏตัวของเหล่าสาวสวยทั้งสี่ที่เดินด้วยกันนั้นทำให้เป็นที่ดึงดูดของคนรอบข้าง

ปฏิกิริยาของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป

ไอริสนั้นไม่แคร์สายตาคนอื่นและยังทำท่าทีอันสง่างามตามเดิม

บางทีเพราะโดนจ้องมองอยู่ตลอดทิม่าเลยหน้าแดงอยู่ตลอดเวลาเลย

โซเมียจังเองก็ยิ้มแย้มตอบรับคนที่มาจ้องมองของคนรอบข้าง เธอรู้สึกสนุกที่ได้ออกมาเที่ยวกับทุกคน

อิน่าเองก็ท่าทางเป็นปกติเหมือนกับโซเมียจัง

มาร์เองก็จ้องเขม็งมองฝ่ายตรงข้าม

「ฮะฮะฮะ……จะว่าไป…ก็มืดแล้วนะ……」

รอยยิ้มของคนที่ผ่านไปมายิ้มแบบขมขื่นเพราะท่าทีของมาร์

ย่านการค้าที่ส่องสว่างและมีสินค้าหลากหลาย งานฝีมือและเครื่องปั้นมากมาย เครื่องชงชาและเสื้อผ้าของทางฝั่งตะวันออกเองก็มี มีเครื่องเทศที่บรรจุอยู่ในขวดและผลไม้อบแห้งจากภาคใต้

นอกจากนี้ย่านการค้าค่อนข้างคึกคัก พ่อค้าหลายคนต่างพยายามขายสินค้ากันอย่างแข็งขัน ภายในย่านการค้าดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก

ไอริสและเพื่อนๆต่างเดินชมแผงลอยและร้านค้าต่างๆ เปรียบเสมือนดอกไม้บานที่มีผึ้งมาตรอมตรม ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าตัวเองจะได้มาเดินเที่ยวเล่นกับสาวสวยอย่างเธอเช่นนี้

เท่าที่จำได้ตั้งแต่มาเมืองนี้ก็ไม่เคยเดินเที่ยวเล่นเลยสักครั้ง เอาแต่ฝึกหนักมาตลอดตั้งแต่โดนลิซ่าทิ้ง

ตัวผมเองก็อยู่ที่นี่มานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่รู้…ไม่สิผมไม่ได้พยายามจะเรียนรู้มันเลย………。

เมื่อเดินไปได้สักพักก็โดนไอริสลากมาที่ตรอกทางด้านหลัง

「อะไรกันเนี่ย「ชู่วววว」」

ทันใดนั้นผมเองก็รีบปิดปากทันที เธอทำท่าทางชูนิ้วชี้ไปอีกทางด้านหนึ่งของถนนเมื่อมองไปทางนั้นก็พบอิน่าและโซเมียจังอยู่ที่นั่น

เห็นได้ชัดว่าอิน่าจังก็ถูกลากเข้ามาเอี่ยวโดยไม่รู้เรื่อง

「…………เอ่อ คิดจะทำอะไรยังงั้นเหรอ?」

ดังนั้นผมเลยถามไอริสออกไปด้วยการกระซิบ

「นี่ คุณไม่อยากให้ทิม่ากับมาร์ได้อยู่กันตามลำพังเหรอคะ」

「เอ๋ ทำไมต้องทำแบบนั้นละครับ?」

「ทิม่าไม่ค่อยถูกกับผู้ชายตัวฉันเองก็อยากให้เธอชินกับการอยู่กับผู้ชายค่ะ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่กับมาร์แล้วไม่เป็นไรด้วยและเธอคิดว่ามาร์ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ…………ทิม่าอยากจะขอบคุณมาร์เป็นการส่วนตัว แม้เธอจะอายแต่เธอก็อยากจะบอกด้วยตัวของเธอเองค่ะ」

ดูเหมือนว่าโซเมียจะเป็นตัวต้นคิดสินะ ดูจากท่าทางก็รู้แล้วเธอมองมาทางนี้พร้อมกับโบกมือและยิ้มให้

「……เข้าใจแล้วครับ แล้วจะเอายังไงกันต่อดี?」

ก็คิดว่าคงปล่อยมาร์ไว้กับคนอื่นไม่ได้ด้วยละนะ แต่อย่างน้อยก็หวังว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆตอนอยู่ด้วยกันสองต่อสองหรอกนะ ทันใดนั้นเองไอริสก็พูดอะไรบางอย่างที่ผมคิดเช่นนั้น

「ถ้างั้นไปเดทด้วยกันสองคนกันเถอะคะ」

「……………หาา?」

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท