ตอนที่ 182 คนไม่รู้เรื่องรู้ราวสองคน
ตอนที่ 182 คนไม่รู้เรื่องรู้ราวสองคน
แต่ว่า ชีวิตช่วงนี้ของเขาช่างลำบากยิ่งนัก พี่สี่เขี่ยกองเอกสารที่สูงกว่าคนมาให้เขาอ่านให้เสร็จภายในสามวัน และยังต้องสรุปจัดเรียงข้อมูลสำคัญออกมาด้วย หากอ่านไม่เสร็จ ก็ให้เขารักษาผิวหนังของตัวเองให้ดี
เขากังวลมากจริงๆ พี่สี่เป็นคนพูดจริงทำจริง หากเขาอ่านไม่เสร็จ สภาพผิวหนังของเขาจะต้องดูอนาถมากแน่ๆ
เขาเปิดตะเกียงต่อสู้กับงานในยามราตรี อ่านจนขอบตาทั้งสองดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า
การเป็นท่านอ๋องเทพสงครามที่คนเคารพนับถือมันไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่เพียงแต่ต้องมีวรยุทธิ์ล้ำเลิศหาได้ยากในโลกหล้านี้เท่านั้น แต่ยังต้องมีสามหัวหกแขน คนอื่นทำได้เรื่องเดียว แต่เขากลับสามารถทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน
“พี่สี่ ท่านรีบกลับมาเร็วๆ เถิด ไม่มีท่านแล้ว ข้าทนไม่ไหวจริงๆ !”
มู่เวินเหยียนนอนคร่ำครวญขณะฟุบลงบนโต๊ะ สองสามวันมานี้เขาไม่ได้ออกจากค่ายทหารเลย อยู่อ่านเอกสารในกระโจมทำงานของมู่ฉินเจินมาตลอด หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายเฉียบพลันแล้ว!
มู่ฉินเจินยังไม่ทันเข้ากระโจมไปก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญของเด็กบ้านั่น มุมปากพลันกระตุกขึ้นทันใด
ดูเหมือนจะสุขุมไม่พอ ต้องฝึกให้หนักกว่านี้แล้ว
มู่เวินเหยียนยังคงคร่ำครวญอยู่บนโต๊ะ เมื่อเห็นพี่สี่เข้ามา ก็รีบเด้งตัวขึ้นเหมือนศพกระตุกทันที จากนั้นก็ห้อยอยู่บนตัวพี่สี่เหมือนลูกลิง กอดเขาไว้ทั้งน้ำตานองหน้า
“พี่สี่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว หากท่านยังไม่มาอีกล่ะก็ น้องชายผู้นี้คงไม่อยู่แล้ว!”
สีหน้าเคร่งขรึมของมู่ฉินเจินค่อยๆ เผยออกทีละน้อย ไอรังสีทั่วร่างค่อยๆ เย็นลงดุจน้ำแข็ง ขณะระงับความต้องการที่จะเหวี่ยงเจ้าคนติงต๊องนี้ลงกับพื้น ก่อนแค่นตำหนิอย่างเย็นชา “ลงไปเดี๋ยวนี้!”
“ก็ได้!”
เมื่อมู่เหวินเหยียนได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าแย่แล้ว เมื่อรู้ว่าพี่สี่กำลังจะอารมณ์เสีย ก็รีบไปยืนอยู่ด้านข้างดีๆ สายตานิ่งสงบไม่หลุกหลิกไปไหน ดูเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง
มู่ฉินเจินพลิกดูบันทึกที่เขาทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถือว่าไม่เลวเลย แต่ก็ไม่ถึงมาตรฐานที่เขาต้องการ
เขาชี้ให้เห็นถึงปัญหาสองสามข้อ มู่เวินเหยียนฟังจนตัวสั่นสะท้าน ภาวนาในใจว่าอย่าให้มีข้อผิดพลาดร้ายแรงเลย เขาไม่อยากกลับไปทำงานใหม่นะ!
หลังจากมู่ฉินเจินพูดจบและเห็นท่าทางตัวสั่นงันงกเหมือนนกกระทาของเขา ก็ทั้งโกรธทั้งขบขัน แต่ก็ไม่ได้จับเขาจนไม่ปล่อย หลังจากขังเขามาหลายวัน ก็จำต้องปล่อยให้เขาไปผ่อนคลายสักหน่อย
เขาวางสมุดเล่มเล็กในมือลง ปรับอารมณ์ตัวเอง ก่อนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
เมื่อมู่เวินเหยียนได้ยินเช่นนี้ หูเขาก็ตั้งผึ่งขึ้นมา ในใจก็ร้องเตือน
ไม่หรอกมั้ง! ลาลากหินโม่แป้งยังไม่โดนเรียกใช้งานหนักเช่นนี้เลยนะ!
ในใจเขายังคงพร่ำบ่นพี่สี่ที่ไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะมนุษย์ไม่หยุด แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่พี่สี่พูดแล้วเขาก็ประหลาดใจ
“ให้เวลาเจ้าสองวัน รวบรวมวิธีการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ให้ทำเป็นสมุดออกมาให้ข้า”
ท่านอ๋องซู่เอ่ยคำพูดนี้ด้วยใบหน้านิ่งสงบไม่แดงไม่หอบหายใจ ทำให้มู่เวินเหยียนตกใจกลายเป็นคนโง่งมทันที
ความจริงแล้วมู่ฉินเจินก็รู้สึกอายอยู่ในใจ แต่เขาปิดบังตัวเองเก่ง ทำให้คนอื่นดูความคิดเขาไม่ออก
เขาหันไปมองมู่เวินเหยียนและขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไม ไม่เข้าใจหรือ?”
มู่เวินเหยียนรีบส่ายหน้าอย่างใจลอย ทว่าก็พยักหน้าอีกครั้งทันใด เขาไม่เข้าใจจริงๆ
เขาลองถามอย่างระแวดระวัง “พี่สี่ ท่านทะเลาะกับพี่สะใภ้สี่ของข้าหรือ?”
มู่ฉินเจินส่ายศีรษะปฏิเสธเล็กน้อย พลันในหัวมู่เวินเหยียนก็แวบความเป็นไปได้ที่ไร้สาระขึ้นมาทันใด และเปิดปากกรีดร้องออกมา
“ท่านคงไม่ไปหยอกล้อเอาอกเอาใจหญิงอื่นหรอกใช่หรือไม่? ข้าขอบอกท่านเลยนะ ข้าไม่มีวันหักหลังพี่สะใภ้สี่ของข้าแน่นอน! หากท่านกล้าทำเรื่องที่ผิดต่อนาง ข้าจะทำให้ท่านโดดเดี่ยวเป็นที่ดูแคลนแน่นอน!”
เส้นเลือดบนหน้าผากของมู่ฉินเจินกระตุกอย่างรุนแรง และยื่นมือไปเขกศีรษะคนที่กำลังโวยวายผู้นี้ ก่อนพ่นคำพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไอ้คนไม่รู้เรื่องรู้ราว!”
มู่เวินเหยียนที่ถูกด่าว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เสียใจ เอามือทาบอกอย่างหวานอมขมกลืน
ฮึ่ม! ดีแต่รังแกเขา! รอเขาไปฟ้องพี่สะใภ้สี่เมื่อใด จะลงโทษให้อีกฝ่ายต้องไปนอนห้องหนังสือเลย!
เขากำลังเสียใจอยู่ ก็ได้ยินเสียงกระแอมไอแห้งของมู่ฉินเจิน ราวกับพยายามข่มความอับอายของตัวเอง
“เอาไปใช้กับพี่สะใภ้สี่เจ้า”
สิ้นเสียง เขาก็ไม่มองตาเบิกกว้างด้วยความตกใจของเจ้าเด็กบ้านั้นเลย ก่อนเอ่ยทึกทักเองว่า “อยากทำให้พี่สะใภ้สี่ของเจ้าประหลาดใจ”
มู่เวินเหยียนตกใจมากจนอ้าปากค้าง ตอนนี้เหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว พี่สี่กำลังยัดอาหารสุนัขให้เขา ไม่เพียงแต่ให้เขากินเท่านั้น แต่ยังให้เขาช่วยทำให้มันเกิดขึ้นด้วย!
ช่างไร้มนุษยธรรมจริงๆ !
แต่เมื่อรู้ว่านำไปใช้กับพี่สะใภ้สี่ เขาก็ไม่ถามอะไรให้มากความอีก ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกระหว่างสามีภรรยาก็ได้
เขายืนตัวตรง เชิดหน้ายืดอกขึ้น คำรามตอบกลับเหมือนตอนที่ฝึกมา “พี่สี่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าต้องช่วยท่านหาวิธีทำให้พี่สะใภ้สี่มีความสุขได้แน่นอน! ข้ารับปากจะทำงานให้สำเร็จ! ”
มู่ฉินเจินรู้สึกกังวล ขณะแก้วหูสั่นสะเทือนด้วยเสียงตะโกนของเจ้าคนไม่รู้ความ เขายกมือขึ้นจะมอบรางวัลเป็นมะเหงกให้ แต่มู่เวินเหยียนคาดเดาการกระทำของเขาไว้แล้ว จึงหมอบลงหลบการโจมตีของเขา
เขารีบยกเท้าวิ่งออกนอกกระโจมไปทันที หลังออกไปก็โผล่หัวเข้ามาอีกครั้ง และเอ่ยอย่างมีความสุข “พี่สี่ วันนี้ข้าจะไม่อยู่ในค่ายทหารนะ ไม่ต้องคิดถึงข้าเล่า!”
สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดเย็นชาของมู่ฉินเจิน “ไสหัวออกไป!”
มู่เวินเหยียนเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ก็มีอีกหัวหนึ่งโผล่เข้ามาจากนอกกระโจม
เกาจัวหยวนยิ้มอย่างมีเลศนัย และขยิบตาให้เจ้านายตัวเอง “นายท่าน ไม่เช่นนั้นให้ข้าน้อยไปรวบรวมมาให้ท่านด้วยดีหรือไม่?”
มู่ฉินเจินตกใจ เมื่อรู้ว่าบทสนทนาเมื่อครู่ถูกเจ้านี่ได้ยินหมดแล้ว เขาก็นวดหว่างคิ้วด้วยความปวดหัว ก่อนให้รางวัลเขาด้วยคำพูดเหมือนดังทอง “ไสหัวไป!”
ไอ้คนไม่รู้ความสองคนมาอยู่ด้วยกัน มันช่างวุ่นวายและเดือดร้อนเสียจริง!
ความจริงแล้วเหตุที่เขามีความคิดเช่นนี้ เพราะเมื่อคืนเขารับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเจ้าท่อนไม้ นางกำลังหวาดกลัว หวาดกลัวที่จะมีอะไรกับเขา
ในเมื่อนางหวาดกลัว จึงก้าวหน้าไปได้ช้า ดังนั้นเส้นทางที่เหลือเขาจะจัดการเอง นางแค่อยู่ที่เดิมรอเขาก็พอแล้ว
มู่เวินเหยียนที่ ‘ไสหัว’ ออกมาจากค่ายทหารอย่างมีความสุขก็ตรงไปยังร้านหนังสือกับสถานที่ที่พวกบัณฑิตพเนจรทั่วทุกที่ต่างไปกัน ว่ากันว่าชายเก่งคู่กับหญิงงาม ภายนอกบัณฑิตดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่มีเล่ห์เพทุบายเอาไว้เกี้ยวพาราสีหญิงอยู่ในใจมากมาย
เขาซื้อบทสนทนาเรื่องราวความรักอันเจ็บปวดระหว่างชายเก่งหญิงงามมากองใหญ่ และคุยกับบัณฑิตเหล่านั้นอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็กลับไปที่ค่ายทหารอย่างร่าเริง และเริ่มอ่านบทสนทนาเรื่องราวอย่างขมักเขม้น อ่านไปด้วยพลางจดสรุปให้พี่สี่ไปด้วย
นี่เป็นงานที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา ในที่สุดเขาก็สามารถอ่านบทละครอย่างเปิดเผยได้แล้ว!
แต่เกาจัวหยวนรวบรวมข้อมูลได้เรียบง่ายกว่า เขาไปสนทนากับกลุ่มทหารอันธพาล และเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาจากปากพวกเขา
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่เวินหยียนกับเกาจัวหยวนที่ ‘ลำบาก’มาสองวันก็ส่งมอบวิธีกระชับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่พวกเขาได้รวบรวมมาทั้งหมดให้มู่ฉินเจิน ในใจก็รู้สึกดีอย่างมาก
พวกเขาเติบโตขึ้นแล้ว!
ไม่เพียงแต่ทำงานสำเร็จ แต่ยังเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเองอีกด้วย ต่อไปพวกเขาก็มีวิธีเกี้ยวพาว่าที่ภรรยาแล้ว
มู่ฉินเจินพลิกดูสิ่งที่ทั้งสองคนมอบให้ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งโมโห เป็นไปตามคาด การมอบหมายงานสำคัญให้คนไม่รู้ความสองคนไปทำ คำตอบที่ได้จึงไม่ได้ความเข้าไปใหญ่
สิ่งที่มู่เวินเหยียนสรุปมาจากบนสนทนาละครล้วนเป็นเรื่องรักใคร่ของพวกบัณฑิตยากจนคร่ำครึกับคุณหนูผู้มั่งคั่ง กับสัตว์ประหลาดในภูเขา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนิยายประโลมโลกที่มีแต่เรื่องไร้สาระ ช่างน่าโมโหนัก!
ส่วนหนังสือที่เกาจัวหยวนรวบรวมมาจากพวกทหารอันธพาล ทั้งหมดล้วนเป็นภาพชุนกง(1)ทั้งสิ้น
เนื้อหาทั้งหมดมีเพียงวัตถุประสงค์เดียวคือ ‘พูดให้น้อยทำให้มาก!’
มู่ฉินเจินลอบกลอกตา หากเขาทำได้เช่นนั้น แล้วจะมาถามความคิดเห็นของพวกเขาไปทำไมกัน?
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1)春宫图 – ภาพวาดแนวอีโรติกสมัยโบราณ เน้นไปในด้านลีลาท่าทางการเสพสังวาส
สารจากผู้แปล
ควรแก้ที่ท่านอ๋องค่ะ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวท่านเอง
ว่าแต่ท่านอ๋องไม่ลองเอาไปศึกษาหน่อยเหรอคะเผื่อจะเวิร์ค
ไหหม่า(海馬)