ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 205 เป่าหูข้างเขนย

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 205 เป่าหูข้างเขนย

ตอนที่ 205 เป่าหูข้างเขนย

หลังจากเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างผ่านไปก็ใกล้จะถึงกลางเดือนห้าแล้ว ซึ่งวันที่สิบแปดเดือนห้านี่เองเป็นวันพระราชสมภพครบหกสิบปีของฮ่องเต้เฒ่าพอดี

ฮ่องเต้เฒ่าให้ความสำคัญกับการประหยัด งานวันเกิดปีก่อนๆ ก็เฉลิมฉลองกันอย่างเรียบง่าย ทว่าปีนี้เขามีพระชันษาครบหกสิบปี ฮองเฮาจึงไตร่ตรองว่าจะจัดงานเฉลิมฉลองดีๆ ให้เขาสักครั้งหนึ่ง

ปีแห่งฮวาเจี่ย(1) ในสมัยโบราณนับว่าอายุยืน ชายชราที่คิดว่าอีกไม่กี่ปีตัวเองต้องมอบบัลลังก์ให้พระราชโอรสแล้ว จึงตอบตกลง

ถือโอกาสเพลิดเพลินเสวยสุขในตอนนี้ ไม่แน่วันไหนที่ตาปิดลง คงจากไปอย่างหมดห่วงแล้ว

งานเลี้ยงทั้งหมดล้วนมอบให้ฮองเฮาเป็นผู้จัดการ ฮองเฮาจัดแจงหน้าที่ให้เหล่าสนมคนอื่นๆ มีทั้งรับผิดชอบการแสดง จัดแจงคนทำงาน หลังจากแบ่งหน้าที่ทุกอย่าง สุดท้ายก็เหลือแค่ด้านอาหารการกินที่ยังไม่ได้จัดแจงคน

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องของกิน พระสุณิสาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่ ดังนั้นนางจึงเรียกเฉียวเยี่ยนเข้าวัง เพื่อฟังความเห็นของนาง

ครั้นรู้ว่าชายชราจะจัดงานเลี้ยง เฉียวเยี่ยนก็จริงจังขึ้นมา

งานเฉลิมฉลองบิดาของแผ่นดิน เมื่อถึงครานั้นต้องมีทูตจากเมืองต่างๆ มาร่วมอวยพรด้วยเป็นแน่ และนี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับหน้าตาของบ้านเมือง จะทำแบบขอไปทีสักนิดไม่ได้

งานใหญ่เช่นนี้ แม้อาหารที่นางทำจะอร่อย แต่การจัดแต่งจานยังห่างชั้นกว่าพ่อครัวมืออาชีพมาก ดังนั้นการทำอาหารคงต้องยกให้พวกวิเสทหลวงทำ

ทว่านางทำของที่แปลกใหม่อย่างอื่นได้ อย่างเช่น เค้กวันเกิดกับของหวาน หากในงานเลี้ยงมีของหวานด้วยต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนแน่

ฮองเฮาฟังความเห็นของนางแล้ว พระเนตรก็พลันเปล่งประกาย ขนมเค้ก ขนมอบที่เฉียวเยี่ยนทำเหล่านั้นนางเคยเสวยมาแล้ว รสชาติอัศจรรย์มาก

ถึงครานั้นคงนำมาจัดวางไว้บนงานเลี้ยงของประเทศได้ จะต้องสั่นสะเทือนไปถึงทูตต่างเมืองแน่

หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จ นางจึงมอบการทำของหวานกับเค้กวันเกิดฮ่องเต้เฒ่าในงานเลี้ยงให้เฉียวเยี่ยนเป็นคนรับผิดชอบ

คนในงานเลี้ยงมีจำนวนมาก ของหวานที่ต้องการก็ต้องมากเช่นกัน แค่นางเพียงคนเดียวคงทำไม่เสร็จแน่ ด้วยเหตุนี้นางจึงลากมู่ฉินเจินมาเป็นลูกมือ

วัตถุดิบมากมายที่ใช้ทำของหวานล้วนไม่มีในสมัยนี้ หากมีคนนอกอยู่ด้วย นางคงแสดงฝีมือออกมาไม่ได้ ให้ผู้ชายของตัวเองมาช่วยน่าจะดีกว่ามาก

มู่ฉินเจินดีใจสุดขีด เพราะจะได้มีเหตุผลที่ไม่ต้องไปว่าราชกิจพอดี และจะได้อยู่ในห้องครัวกับเฉียวเยี่ยนทุกวัน

มีเวลาเพียงสามวัน สามวันเท่านั้นที่พวกเขาสองคนต้องเตรียมของหวานสำหรับคนหลายร้อยคน

ตอนนี้อากาศร้อนมาก ขนมหวานที่ทำเสร็จแล้วจะเอาออกวางไว้ด้านนอกได้ไม่นานนัก การจะรักษาความสดใหม่ไว้ได้อย่างไรนั้นก็กลายเป็นปัญหาหลักที่กวนใจเฉียวเยี่ยน

แม้ในพระราชวังจะมีโรงเก็บน้ำแข็ง แต่การลำเลียงน้ำแข็งออกมานั้นยุ่งยากมาก ทิ้งไว้ไม่นานก็ละลายแล้ว นางจึงจำต้องหาวิธีทำน้ำแข็งออกมา

นางนึกถึงทักษะที่จำเป็นของวีรสตรีผู้เดินทางข้ามเวลามานับไม่ถ้วน และสะดุดใจเข้ากับการใช้ดินประสิวทำน้ำแข็ง ดินประสิวคือโปแตสเซียมไนเตรต และโปแตสเซียมไนเตรตจะดึงเอาความร้อนออกไปเป็นปริมาณมากเมื่อเจอกับน้ำ ทำให้อุณหภูมิลดลงถึงจุดเยือกแข็งได้

แต่ประสิทธิภาพการทำความเย็นของดินประสิวมีจำกัด อยากจะทำให้มันเป็นน้ำแข็ง ดินประสิวที่ต้องการใช้ก็ยิ่งมาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงความต้องการใช้น้ำแข็งในปริมาณมากเลย

ดินประสิวเป็นวัสดุในการทำดินปืนอย่างหนึ่ง ในราชวงศ์เทียนลี่ ดินประสิวล้วนอยู่ในความควบคุมดูแลของราชสำนัก คนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้เลย

ทว่านางมีท่านอ๋องของนาง นอกจากมู่ฉินเจินยังรับผิดชอบค่ายทหารเป็นกิจวัตรประจำวันแล้ว การผลิตสรรพาวุธก็อยู่ภายใต้เขตอำนาจของเขาเช่นกัน

ค่ายผลิตสรรพาวุธมีหน้าที่ผลิตดินปืน ดังนั้นจึงมีดินประสิวจำนวนมาก

ตกเย็น สองสามีภรรยานอนอยู่บนเตียงเตรียมเข้านอน เฉียวเยี่ยนนอนคว่ำอยู่บนอกมู่ฉินเจิน มือหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าลูบคลำกล้ามเนื้อหน้าท้องเขา

กล้ามเนื้อแต่ละลอนล้วนแข็งเป็นลูกเหมาะมือ ซึ่งบางครั้งนางก็นับกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาเล่น

มู่ฉินเจินลูบศีรษะน้อยของนางซ้ำๆ ประหนึ่งแมวน้อย ดวงหน้าเปี่ยมล้นด้วยความหลงใหล ปล่อยให้นางสัมผัสไป แม้การทำเช่นนี้จะยั่วให้เกิดอารมณ์เล็กน้อย

ในขณะที่เฉียวเยี่ยนลูบกล้ามหน้าท้อง ก็เอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน “ที่รัก ท่านช่วยนำดินประสิวออกมาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”

มู่ฉินเจินตอบตกลงทันทีอย่างไม่เคยคิดให้มากความ “ได้สิ”

เขาไม่ถามเลยสักนิดว่านางเอาดินประสิวไปทำอะไร เพียงตอบตกลงโดยไม่มีการลังเลเช่นนี้ จนเฉียวเยี่ยนเริ่มระอาใจกับเขาแล้ว

นางพลิกตัว ใช้นิ้วมือจิ้มแหย่อกเขา “ท่านไม่ถามข้าหน่อยหรือว่าจะเอาไปทำอะไร? มิกลัวว่าข้าจะเอาไปทำดินปืนรึ?”

มู่ฉินเจินเลิกคิ้ว ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำเช่นนี้กลับเป็นการเตือนข้า ดูท่าข้าต้องคิดให้ดีหน่อยแล้ว”

เฉียวเยี่ยน “…”

เดิมทีคิดว่าจะได้ยินคำพูดประเภท ‘ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็เชื่อเจ้า’ แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะยกหินขึ้นมาทับขาตัวเอง(2)

มู่ฉินเจินขบขันไปกับท่าทางชะงักอึ้งของนาง และจงใจตีหน้าขรึมเอ่ยขึ้น “อยากได้ดินประสิวใช่ว่าจะไม่ได้ เจ้าลองเป่าหูข้าดูสิ หากทำให้ข้าพอใจ ข้าก็จะให้เจ้า”

เฉียวเยี่ยนโน้มไปข้างหูเขาพร้อมยิ้มตาหยี แล้วเป่าลมอย่างแรงใส่หูเขา

“ฟู่!”

“เสร็จแล้ว เป่าหูเสร็จแล้ว! ท่านอ๋องพอใจหรือยัง?”

มู่ฉินเจินปากกระตุก การเป่าหูนี้ เขากลับมิอาจหักล้างได้

เขาเคาะหน้าผากน้อยของนางเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างจนใจ “ความจริงใจไม่มีเลยสักนิด ขอปฏิเสธ”

เฉียวเยี่ยนกุมหน้าผากตัวเอง จากนั้นแววเจ้าเล่ห์ก็ฉายในดวงตา พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง และเอ่ยกับมู่ฉินเจินอย่างไม่ยอมแพ้ “รอก่อนเถิด ข้าจะให้สิ่งที่ดุเดือดยิ่งกว่านี้กับท่าน”

พูดจบ นางก็เลิกผ้าห่มออกแล้วมุดตัวเข้าไปข้างใต้ ในขณะที่มู่ฉินเจินร่างกายแข็งทื่อ หน้าแดงปลั่งขึ้นทันใด…

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองก็นอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง ผ้าห่มก็ไม่ได้คลุม เดิมทีอากาศก็ร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว ทั้งสองยังมาวุ่นวายกันและกันเช่นนี้อีก บนตัวจึงเต็มไปด้วยเหงื่อ

เสื้อผ้าของมู่ฉินเจินหลุดลุ่ย ถูกเฉียวเยี่ยนขย้ำจนยับยู่ยี่ ส่วนตัวนางเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก แม้แต่ผ้าเตี่ยวที่นางสวมไว้ด้านในก็ถูกเขาฉีกดึง

มู่ฉินเจินลงจากเตียง เทน้ำอุ่นลงในอ่าง บิดผ้าเช็ดหน้าหมาดๆ เช็ดเหงื่อบนหน้าให้เฉียวเยี่ยน หลังจากเช็ดหน้าเสร็จ ก็เช็ดมือขาวนวลคู่นั้นอย่างประณีต

เฉียวเยี่ยนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ในเวลานี้ตาจะปิดแหล่มิปิดแหล่ ปล่อยให้เขาเช็ดล้างไป ก่อนถามพึมพำ “การเป่าหูนี้…พอใจหรือไม่?”

มู่ฉินเจินมองท่าทางง่วงงุนของนาง ก็รู้สึกแค่ว่าน่ารักมาก จึงก้มตัวลงไปประทับจุมพิตหน้าผากนาง และเอ่ยกล่อมเสียงเบา “พอใจ พอใจมาก เจ้ารีบนอนเถิด”

เฉียวเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ มุมปากก็หยักยกขึ้นช้าๆ จากนั้นหัวก็สลึมสลือ และผล็อยหลับไปอย่างสบายใจ

มู่ฉินเจินก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย สุดท้ายก็ย่องขึ้นเตียงเบาๆ และดึงนางเข้ามากอดก่อนหลับไป

สองสามีภรรยาหวานชื่นกันเหมือนเคย แต่ระบบตัวน้อยที่ถูกปิดอยู่ในห้องดำกลับมีสีหน้าจนใจ

เฮ้อ ท่านโฮสต์มีความเป็นส่วนตัวของตัวเองแล้ว ไม่ต้องการระบบตัวน้อยที่คอยเป็นห่วงคนนี้แล้ว

ระบบตัวน้อยถอนหายใจคล้ายกับมารดาส่งลูกออกเรือน สุดท้ายก็อาศัยของว่างมาประทังไปกับค่ำคืนอันยาวนาน

เช้าวันรุ่งขึ้น

เฉียวเยี่ยนตื่นแต่เช้าเริ่มวุ่นกับการทำขนมหวาน มู่ฉินเจินทำหน้าที่เป็นหุ่นยนต์ในการตีไข่ขาว ตีวิปปิ้งครีม นวดแป้ง งานทั้งหมดที่ต้องใช้แรงเขาล้วนเป็นคนทำหมด และการทำติดต่อกันสองชั่วยามนี้ก็รับการเติมพลังด้วยการให้เฉียวเยี่ยนจูบแค่สองครั้ง นับว่าค่อนข้างคุ้มค่ายิ่ง

เพื่อทำขนมหวานชุดนี้ เฉียวเยี่ยนทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมาก วัตถุดิบ เครื่องมือ แม่พิมพ์แต่ละอย่างล้วนซื้อมากับระบบ และเสียคะแนนไปตั้งหลายพันคะแนน

ทันทีที่ตื่นนอนขึ้นมาเช้านี้ มู่ฉินเจินก็แจ้งให้เกาจัวหยวนไปเอาดินประสิวที่ค่ายผลิตสรรพาวุธ และยังไม่ทันถึงหนึ่งชั่วยาม เกาจัวหยวนก็นำผงดินประสิวกลับมาสองกระสอบ

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1) 花甲之年 เป็นการนับอายุตามปฏิทินต้นฟ้า-กิ่งดิน ในรอบอายุหกสิบปี จะมีความสำคัญมากในวัฒนธรรมจีน เพราะเป็นปีที่ ‘ปีเกิดต้นฟ้า-กิ่งดิน’ วนมาซ้ำเดิมอีกครั้ง คนๆ นั้นจะถูกเรียกว่าเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 花甲之年 และปีๆนั้นก็จะเรียกว่า 本命年 (ของผู้นั้น) แปลตามตัวอักษรได้ความหมายประมาณ ‘ปีดวงชะตา’ ตามความเชื่อจะต้องใช้สีแดงแก้เคล็ด เช่น ใส่เครื่องประดับ หรือเครื่องแต่งกายสีแดง เป็นต้น

(2)ยกหินขึ้นมาทับขาตัวเอง คือการคิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง ตรงกับภาษาไทยว่า ‘ทำตัวเอง’

สารจากผู้แปล

เป็นการเป่าหูที่ร้อนแรงมากค่ะ อยากให้เสี่ยวเยี่ยนเป่าหูหรือเป่าปี่กันแน่ท่านอ๋อง

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน