พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 33

ตอนที่ 33

บทที่4 ตอนที่ 3

 

 

หลังจากแยกจากโนโซมุ ฉันก็กำลังมุ่งหน้าไปยังห้อง 1 พร้อมกับเพื่อนสนิท เขาพูดเช่นนั้นราวกับเขาโดนทรยศมาเลย

 

 

「ไอ~~。ทำไมถึงไม่ช่วยฉันล่ะ~~」

 

 

เพื่อนสนิทของฉันบ่นใส่ตัวฉันที่ไม่ยอมช่วยเธอจากเหตุการณ์ของตาแก่ลามกนั่น สำหรับทิม่าเองก็มีภูมิคุ้มกันตัวเองด้วยเวทย์อยู่แล้วนี่หน่า แถมมีมาร์คอยปกป้องด้วย

 

 

「ตอนนั้นก็มีทุกคนอยู่ไม่ใช่เหรอไง และมีมาร์เองที่ทำงานอย่างหนักเพื่อทิม่าด้วยนะ? ฉันคิดว่าทิม่าควรจะมีความสุขมากกว่านะที่ได้เขาปกป้องเช่นนี้?」

 

 

ฉันตอบกลับไปเช่นนั้น ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าใบหน้าของฉันตอนนี้ดูแย่สุดๆ ทิม่าบอกว่าที่สำคัญก็คือ「เอ่อ…เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นสิ」เธอพูดเช่นนั้นพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ

 

 

เธอเนี่ยน้าน่ารักจริงๆเลยและฉันก็ค่อนข้างอิจฉาด้วย

 

 

บางทีเพราะตัวฉันที่ปกป้องโซเมียมาตั้งแต่ยังเด็กก็เลยทำตัวหยาบคายใส่ผู้ชายไปบ้าง แม้ว่าตัวฉันจะรูปลักษณ์สวยงามก็เถอะนะ มันไม่เหมือนกับเพื่อนสนิทของฉันที่มักจะอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอดเวลาที่ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆ โซเมียเองก็เช่นกัน

 

 

(เขาเองก็เหมือนกัน……เป็นทิม่าเองจะดีกว่าไหมนะ?)

 

 

ฉันนึกถึง “เขา”ที่แยกจากกันไปเมื่อกี้นี้ เมื่อฉันเห็นว่าเขาซ่อนบางอย่างก็ทำให้ฉันโกรธมากๆ

 

 

(ทำไมถึงพยายามปิดบังเรื่องของตัวเองขนาดนี้กันนะ อย่างน้อยก็ช่วยคุยกับฉันหน่อยสิ……)

 

 

กึกกึกกึก

 

 

ความรู้สึกไม่สบายใจหมุนเวียนอยู่ในอกนี่ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาพยายามปกปิดทุกอย่างกับฉันเลยทำให้ฉันต้องมาเป็นแบบนี้

 

 

「ไอใจเย็นๆสิ ตอนนั้นฉันโกรธมากเหมือนกัน แต่ว่าโนโซมุเป็นผู้ชายนะบางทีเขาก็คงมีเรื่องไม่อยากจะให้คนอื่นได้รับรู้เหมือนกันจริงไหมละ?」

 

 

「……ก็รู้แหละนะแต่ว่าโม่ว……」

 

 

แม้จะรู้ว่าเขาอาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่อารมณ์ฉันก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ฉันเลยรีบมุ่งหน้าเข้าไปในห้องเรียนรวดเร็วด้วยใบหน้าบึ้งตึง

 

 

◇◆◇

 

 

「ไง ไอริสดิน่า」

 

「……เควินงั้นเหรอ」

 

จู่ๆก็ถูกเรียกออกมาที่โถงทางเดินหน้าห้องเรียน นักเรียนชายคนหนึ่งเรียกฉัน ร่างกายที่ดูใหญ่และสูงกล้ามเนื้อที่ฝึกมาอย่างดีจนแทบจะดันชุดเครื่องแบบออกมาเป็นเครื่องพิสูจน์

 

 

ลักษณะที่โดดเด่นก็คือหัวอันใหญ่โตและสโพกของเขามีหางและบนหัวก็มีหูเป็นเผ่าครึ่งสัตว์

 

 

เควิน・อาร์ดินัล

 

 

หนึ่งในนักเรียนไม่กี่คนในห้อง 1 ที่เป็นแรงค์ A เช่นเดียวกับฉัน

 

 

เป็นเผ่าครึ่งสัตว์หมาป่าสีเงิน ความสามารถทางกายภาพอันแสนโดดเด่นในการขย้ำคู่ต่อสู้

 

 

เดินทีเผ่าหมาป่าสีเงินมีความสามารถสูงที่สุดในบรรดาเผ่าครึ่งสัตว์ แต่ความสามารถของเขานั้นสูงเป็นพิเศษในหมู่พวกนั้นและในการต่อสู้ระยะประชิดเขาเป็นคนเดียวที่สามารถต่อกรกับจิฮัด รัลเดล

 

 

 

 

 

「ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ เจ้าเข้าไปยุ่งกับ “ไอ้เศษสวะ”นั่นเหรอ ข้าน่ะแฟนตัวยงของหมอนั่นเลยนะ แฟนตัวยงที่รอเวลามันจมดินลงไปเลยน่ะ」

 

 

「…………ก็ไม่รู้หรอกนะว่านายจะคิดกับเขายังไงก็เถอะ แต่ว่าเอาจริงๆแล้วการที่นายพูดแบบนี้มันดูง่ายดีเนอะทั้งๆที่ไม่เคยเห็นความสามารถของเขาแท้ๆ」

 

 

คำพูดของเควินมันดูด้านและหยาบคายมากและมันยังดูแสดงความเกลียดชัง

 

 

ยังไงก็ตามเควินเมินฉันและเผชิญหน้ากับฉัน ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังหันหน้าลงมาเผชิญหน้ากับฉัน

 

 

「เหหหห~ หน้าโกรธเองก็สวยเหมือนกันนี่หว่า? วันนี้เป็นวันดีด้วยสิข้าได้ภารกิจเข้าไปกวาดล้างพวกสัตว์อสูรในป่า มาช่วยกันหน่อยได้ไหม มันจะดีมากเลยนะถ้าเธอมาช่วยกัน」

 

「……ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่ามีอย่างอื่นต้องทำและฉันก็มีปาร์ตี้อยู่แล้วค่ะ」

 

 

ฉันปฏิเสธเควินในทันทีและรีบเดินเข้าห้องเรียน  แน่นอนการทำแบบนี้เขาคงจะโกรธมากแน่ๆ เพราะเช่นนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุดและฉันก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนนิสัยแบบนี้

 

เอาตามตรงฉันไม่อยากจะมีเรื่องกับเควินนักหรอก ถ้าไม่โดนหาเรื่องก่อนน่ะนะ ท่าทางที่แสดงแบบตรงไปตรงมาเสียจนเกินไปน่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเลย

 

 

อย่างน้อยคนที่อยู่กับหมอนั่นได้ก็ต้องมีจิตใจเข้มแข็งหน่อยล่ะ ไม่งั้นนะวิญญาณหลุดออกจากร่างแหงๆ

 

 

 

 

(คนที่ไว้ใจได้งั้นเหรอ! สักวันฉันจะหาคนที่เป็นคู่หู(ชีวิต)ได้ไหมนะ?)

 

การไว้วางใจก็เหมือนกับการฝากชีวิตฝากแผ่นหลังของเราให้กับอีกฝั่งเพราะฉะนั้นอีกฝั่งจะต้องเป็นคนที่เชื่อใจได้และแข็งแกร่ง

 

 

(แล้วตอนนี้โนโซมุทำอะไรอยู่กันนะ?)

 

ฉันนึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้ดาบคาตานะ

 

 

เมื่อฉันถึงใครสักคน คนแรกที่เข้ามาในหัวฉันก็คือโนโซมุ

 

 

ชายหนุ่มที่ฉันหวงแหวนมากที่สุดในตอนนี้

 

 

นักเรียนชายที่ถูกสาปให้มีชีวิตอันแสนทรหด

 

 

ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรและเขาแข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนั้นได้เช่นไร

 

 

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาสู้กับรูกาโต้แล้ว ฉันก็หวังว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีขึ้น แต่ว่าเขาก็ยังคงซ่อนความลับกับฉันไว้

 

 

ฉันรู้ว่ามันช่วยไม่ได้ แต่ว่าไม่มีใครอยากจะพูดถึงมันเลยและฉันไม่อยากจะบังคับเขาให้พูด

 

 

 

 

(ถ้าเขาได้มาเป็นคู่หูของฉัน….และถ้าฉันปกป้องแผ่นหลังของโนโซมุไว้ได้ละก็……)

 

 

ปกป้องซึ่งกันและกัน การกอดกันในสนามรบช่วงสิ้นใจ พวกเราเชื่อมต่อกันด้วยหัวใจอันแสนแน่วแน่และเอาชนะฝ่าฟันความยากลำบากทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะตายก็จะอยู่ด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย

 

 

ถ้าความสัมพันธ์ของเราไปถึงขนาดนั้นมันจะรู้สึกดีขนาดไหนกันนะ…………。

 

(……บากะ นี่ตัวฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย…………)

 

ใบหน้าของฉันเริ่มแดงและร่างกายเริ่มสั่นเทา แสงสว่างเล็กๆน้อยๆนั้นปรากฏขึ้นในดวงใจ เสียงหัวใจที่เต้นดัง “ตึกตัก” ฉันเอามือกุมหัวใจ มือข้างนั้นที่เคยจับมือกับเขาฉันเอามันทาบหน้าอกเพียงแค่นี้ก็เหมือนใจเราได้เชื่อมต่อกัน

 

 

「หืมมม?」

 

ตอนนั้นเองก็มีเด็กสาวผมสีแดงเพลิงจ้องมองมาทางนี้

 

「เด็กคนนั้นคือ……」

 

ตอนนั้นที่เธอจ้องมองมาที่ฉันพอสบตากันเธอก็เบือนหน้าหนีหันไปหาสมุดโน้ตทันทีและเริ่มเตรียมตัวพร้อมที่จะเรียน

 

 

◇◆◇

 

 

ณ ห้องพยาบาลช่วงพักกลางวัน ณ ที่ตรงนี้มีพวกโนโซมุกับผองเพื่อน

 

 

แค่ไอริสโผล่มาที่ห้อง 10 มันก็เป็นอะไรที่วุ่นวายพอแล้ว ดังนั้นก็เลยนัดกันมาที่นี่เพื่อจะได้ไม่วุ่นวาย

 

 

「ไอริส มาช้าจังเลยนะ。」

 

「……นั่นสิ มีอะไรผิดปกติเหรอกินเวลาไปครึ่งหนึ่งของพักกลางวันแล้วนะ?」

 

「……บางทีอาจารย์อาจจะเรียกตัวขอไปช่วยมั้ง เพราะได้รับการประเมินจากอาจารย์สูงมากเลยนี่น่า」

 

「ก็นั่นน่ะสิเน้อ…แต่ว่าปล่อยไปก่อนละกัน ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวจะไม่ทันเอา?」

 

「อืม นั่นสินะช่วยไม่ได้งั้นทานกันก่อนเถอะ」

 

「นั่นสิน้า~。ไอริสและทิม่าเป็นเด็กดีเพราะงั้นปล่อยพวกเธอไปก่อนเถอะน้า~~ฉันเคยไปสอนพวกเขามาด้วยล่ะตอนที่อาจารย์ห้องนั่นป่วยน่ะ~、พวกนั้นเป็นเด็กดีมากเลยล่ะ~。」

 

「อันริ แม้ว่าพวกเธอจะเป็นนักเรียนที่เป็นที่พึงพาได้มาก แต่อย่าใช้งานพวกเธอหนักนักสิ」

 

「ไม่เป็นรายหรอก~。เห็นงี้ฉันก็เป็นอาจารย์น้า~~เพราะง้านมีสิทธิไงล่ะ~~」

 

「……เฮ้ออย่างที่คิด(แบบนี้จะเป็นไรไหมเนี่ย?)」

 

 

นอร์นกังวลกับอันริที่บอกว่าโอเค

 

 

พวกเราก็มาเจอกับอันริและนอร์นที่ห้องนี้ตามปกติ ทั้งสองนั้นทานข้าวด้วยกันตลอด แถมพวกเธอยังทำข้าวกล่องมาด้วย บางครั้งก็แลกกันกิน

 

 

 

อันริที่นั่งอยู่บนเตียงของห้องพยาบาล กำลังนั่งแกว่งขา พร้อมกับพูดกับโนโซมุเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมา。

 

 

「จะว่าไปแล้วก็เถอะน้าโนโซมุคุง~~ตอนเช้าไม่ค่อยจะมีสมาธิเลยอ่ะ~เป็นไรป่าว~~」

 

「เอ๋」

 

 

นอร์นเองก็เข้าร่วมด้วยเพราะคำพูดของอันริ

 

 

「มันผิดปกติน่า มาร์เองก็เปลี่ยนไปเฉยเลย โนโซมุเองก็ไม่มีสมาธิเลย「อะไรละนั่น! หมายความว่ายังไง!」」

 

「นอร์น~~、ไม่จริงหรอกมาร์คุงตั้งใจเรียนทั้งวันเลยนะวันนี้น่ะ~~」

 

「งั้นเหรอ!? ……ขอโทษด้วยนะมาร์ ดูท่าทางฉันจะทำตัวหยาบคายใส่นายแล้วสิเนี่ย」

 

「อะเอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ถ้าขอโทษแล้วละก็นะ……」

 

 

อาจจะคิดว่ามาร์คุยโอ้อวดเล็กน้อย แต่นอร์นไม่สนใจ นอร์นขอโทษมาร์

 

 

ค่อนข้างน่าแปลกใจที่มาร์เริ่มตั้งใจเรียนอย่างจริงจังในที่สุดแล้วก็อยากจะบ่นนอร์นอยู่หรอก แต่อันริก็แก้ต่างให้แล้ว มาร์เองก็ให้อภัยนอร์นแล้วด้วย

 

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมา มาร์เริ่มตั้งใจเรียนอย่างมากทำให้ท่าทางของคนทั้งห้องเปลี่ยนไปเลย

 

 

อันริขอโทษมาร์และจ้องมองโนโซมุ โนโซมุเอามือเท้าค้างและครุ่นคิด

 

 

 

「เอ่อก็คิดอะไรนิดหน่อยน่ะครับ………อาจารย์นอร์น คุณรู้จักผู้ชายที่ชื่อฟีโอ ริซิสซ่าส์ ไหมครับ?」

 

「ฟีโอ・ริซิสซ่าส์? รู้สินักเรียนที่ท่าทางอยู่ในปีเดียวกับโนโซมุสินะ。」

 

 

ฟีโอ・ริซิสซ่าส์

 

 

นักเรียนปี 3 ห้อง 2 เป็นนักเรียนเผ่าจิ้งจอกที่มีหูและหางสีทอง

 

 

เผ่าจิ้งจอกเป็นหนึ่งในเผ่าของครึ่งสัตว์ ก็เหมือนจิ้งจอกมีหูและหาง

 

 

ไม่เหมือนกับครึ่งสัตว์เผ่าอื่นๆ มีสังคมไม่กว้างขวางและใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเล็กๆมีกระจายให้เห็นอยู่ทั่วทวีป

 

 

ดูเหมือนว่าทุกเผ่าเองก็แข่งขันกันขยายอำนาจของแต่ละเผ่าเพื่อสร้างฐานประชากร

 

แต่สำหรับฟีโอ ริซิสซ่าส์แล้วเป็นคนรักอิสระและชอบโดดเรียนบ่อยครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตามการที่ได้อยู่ห้อง 2 แปลว่าผลการเรียนดีและเก่งพอควร

 

 

แรงค์ของเขาคือ C เขาสามารถสอบได้ทั้งปฏิบัติและข้อเขียนและไม่มีวิชาใดที่เขาไม่ถนัด

 

 

「อืม นักเรียนที่สามารถใช้ยันต์ได้งั้นเหรอ?」

 

「ยันต์? เทคนิคแปลกประหลาดนั่นสินะก็ไม่รู้หรอกว่าเผ่าจิ้งจอกใช้ได้ไหมแต่ดูเหมือนว่าเกี่ยวกับเผ่าที่อาศัยอยู่ทั่วทั้งทวีปของพวกเขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยันต์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…………」

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของนอร์นโนโซมุก็มั่นใจได้ สายตาของฟีโอที่จับตามองในตอนนั้นมันเป็นตอนเดียวกับที่จับตามองมาจากยันต์นั่นเลย

 

 

(หลังจากนั้นเองเหรอเป็นฟีโอเองสินะที่คอยจับตาดูผม……………แต่ว่าทำไปทำไมกันนะ?แม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกเป็นศัตรูกันเลยก็เถอะ)

 

โนโซมุสัมผัสถึงสายตาที่จ้องมองมาได้ แต่ว่าสายตานั่นไม่รู้กำลังจับจ้องอะไรกันแน่

 

ในป่าที่มีสัตว์อสูรอยู่มากมายโนโซมุฝึกซ้ำจนเกือบจะตายไปครั้งหนึ่ง(โดนบังคับ) กับสัตว์อสูรจำนวนมากมายเพื่อสัมผัสถึงความเป็นปรปักษ์หรือฝึกจิตสัมผัส ดังนั้นเขาเลยรู้ว่าคนที่เข้าหาเขาแต่ละคนเป็นยังไง

 

 

ถ้าฟีโอเป็นศัตรูกับโนโซมุ โนโซมุก็น่าจะสัมผัสได้ก่อนหน้านี้แล้ว

 

(ที่กล่าวมาก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าสัญลักษณ์นั่นมันบอกว่า “ไม่สำคัญ”ก็แปลว่าสำเร็จแล้วงั้นเหรอ……)

 

「ฮะ…………」

 

เขามาร์คหัวฟีโอ ไว้แล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดโนโซมุไม่มีทางเลือกได้แต่ถอนหายใจ

 

 

◇◆◇

 

 

ห้องเรียนที่ 1 เพิ่งเริ่มพักเที่ยงย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย ฉันไอริสและทิม่า ที่เพิ่งจบจากการเรียนคาบเช้าเสร็จและกำลังเก็บอุปกรณ์นั่นเอง

 

 

พวกเราสัญญากับโนโซมุไว้ว่าจะไปทานอาหารกลางวันกันที่ห้องพยาบาล ดังนั้นตอนที่เราเก็บของเสร็จและหยิบข้าวกล่องพยายามจะไปที่ห้องพยาบาลก็พบนักเรียนหญิงคนหนึ่งมาหยุดพวกเราไว้

 

 

 

 

 

「ไอริสดิน่า พอจะว่างรึเปล่าคะ?」

 

(เอ๋)

 

 

คนที่เรียกฉันก็คือนักเรียนผมสีแดงที่จ้องมองฉันเมื่อตอนเช้า เป็นคนที่ฉันและเขาต่างรู้จักดี

 

 

เธอเดินเข้ามาหาพวกเราและพูดด้วยท่าทางจริงจัง

 

 

「ลิซ่าคุงงั้นเหรอ……」

 

「…………พอดีว่ามีอะไรอยากจะถามกันหน่อยนะคะ?」

 

ลิซ่า・เฮาวน์

 

เดิมเป็นคนรักและเพื่อนสมัยเด็กของเขา

 

 

ผู้หญิงที่เขาชอบมากที่สุด

 

 

หนึ่งในคนที่ฉันสนใจมากที่สุดตอนนี้อยู่ตรงหน้าฉัน

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท