ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 216 ทำให้คนโกรธแทบตาย

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 216 ทำให้คนโกรธแทบตาย

ตอนที่ 216 ทำให้คนโกรธแทบตาย

ยาต้านการแข็งตัวของเลือดมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว เลือดไหลเวียนเร็วขึ้นและรู้สึกไม่สบาย ในกรณีรุนแรงอาจทำให้เลือดออก และตับวายได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามขนาดที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ปริมาณที่ได้รับทุกวันควรเป็นไม่กี่มิลลิกรัม หากรับประทานมากเกินไป จะยิ่งเกิดปัญหากับร่างกายใหญ่มากขึ้น

จากสถานการณ์ในตอนนี้ หากเขากินยาไปครึ่งกล่อง ก็อาจต้องออกตามหาหมอชื่อดังทั่วเมืองในไม่ช้า

มู่ฉินเจินตั้งใจฟังเฉียวเยี่ยนอธิบาย หลังจากเฉียวเยี่ยนพูดจบ นางก็มองหน้ายิ้มกับมู่ฉินเจิน ที่ต้องทำต่อไปก็คือคอยดูเรื่องสนุกเท่านั้น!

……

หลันหนิงยังคงอยู่ในคุกใต้ดิน ทุกวันไม่นั่งสมาธิก็นั่งเหม่อลอย แล้วรอให้เฉียวเยี่ยนนำอาหารมาให้ กินไปด้วยพร้อมฟังเฉียวเยี่ยนพล่ามเรื่องไร้สาระไปด้วย

ในวันที่สิบ นางก็ยอมแพ้ต่อเฉียวเยี่ยน เพราะการได้ทั้งเงินได้ทั้งอาหารก็เป็นชีวิตที่ไม่เลวร้ายเท่าใด

วินาทีที่ถูกปล่อยออกจากคุกใต้ดิน นางรู้สึกราวกับว่าอยู่อีกโลกหนึ่ง แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องจนนางลืมตาไม่ขึ้น

เฉียวเยี่ยนพาลูกทั้งสองมารอนางอยู่นอกคุกใต้ดิน เด็กน้อยทั้งสองที่เห็นหลันหนิงเป็นครั้งแรกก็ทำตาโตแวววาว มองสำรวจนางอย่างอยากรู้อยากเห็น

แม้หลันหนิงรู้อยู่แล้วว่าเฉียวเยี่ยนมีลูกสองคน แต่ถูกเด็กน่ารักทั้งสองจ้องมองเช่นนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เฉียวเยี่ยนมองนางด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนเอ่ย “จากนี้ไปตำหนักอ๋องซู่ก็คือบ้านของเจ้า ข้าจะให้ฮุ่ยเซียงพาเจ้าไปห้องของเจ้าก่อน”

หลันหนิงพยักหน้าขอบคุณ และตามฮุ่ยเซียงไปอีกทิศทางหนึ่ง ฮุ่ยเซียงเป็นคนช่างพูด จึงคล้องแขนหลันหนิงอย่างสนิทสนม ปากน้อยก็พูดเจื้อยแจ้วกับนาง

มุมปากหลันหนิงกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ท่าทางช่างจำนรรจานี้ ดูคล้ายกับเจ้านายของนางจริงๆ

หลังจากทำความคุ้นเคยกับตำหนักอ๋องซู่ได้สองวัน หลันหนิงก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่เข้มงวดเหมือนที่นางจินตนาการไว้ ระหว่างเจ้านายกับข้ารับใช้มันเหมือนเป็นคนรู้จักเก่า หรือสหายเก่าเสียมากกว่า

งานประจำวันของพวกข้ารับใช้หาใช่ยกชาตักน้ำ แต่เป็นแบกจอบไปเพาะปลูก ถอนวัชพืช ใส่ปุ๋ย รดน้ำ ซึ่งดูตั้งใจกว่าการปรนนิบัติเจ้านายอีก

และวิธีเชื่อมสัมพันธ์กับครอบครัวเฉียวเยี่ยนก็ล้มล้างความรู้ความเข้าใจที่เคยมีของนางเช่นกัน ภายในลานบ้านมีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติน้อยมาก และงานส่วนใหญ่เจ้านายจะเป็นคนทำเอง

พวกเขาดูเป็นมิตรมาก รักใคร่ปรองดองกันดี และวุ่นอยู่กับการทำอาหารสามมื้อต่อวันเหมือนคนทั่วไป

ไม่มีการแย่งชิงระหว่างภรรยามากมาย และไม่มีกฎชนชั้นที่เข้มงวด กล่าวคือ เป็นสถานที่ที่นางชอบ

หลังจากหลันหนิงพักมาสองวันเต็ม ก็ได้รับมอบหมายงานจากเฉียวเยี่ยน

นางเตรียมกว้านซื้อเรือนกระจกของพวกคนใหญ่คนโตที่สร้างเลียนแบบนางก่อนหน้านี้ ตอนนี้เรือนกระจกของพวกเขาส่วนใหญ่ถูกปล่อยทิ้งร้าง ในเมื่อพวกเขานำไปใช้ประโยชน์ไม่เป็น เช่นนั้นนางจะใช้มันหาเงินก่อนใหญ่

ตอนนี้ครอบครัวใหญ่เหล่านี้ต่างร้อนใจที่จะขายสิ่งปลูกสร้างในมือเพื่อขอทุนคืน การที่เฉียวเยี่ยนรับซื้อต่อจากพวกเขาพอดีจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ

แต่เรื่องราคานั้นต้องขึ้นอยู่กับนางเสนอ!

นางจะกดราคาให้ต่ำที่สุด หากพวกเขาไม่ยอม ก็เพียงสะบัดตูดจากไป ปล่อยให้เงินที่พวกเขาลงทุนสูญสลายกลายเป็นขี้เถ้าต่อไป!

แน่นอนว่าหลันหนิงนำเอกสารที่เฉียวเยี่ยนเตรียมไว้ให้ไปเจรจาตามแต่ละบ้าน เจ้าบ้านมาต้อนรับนางด้วยตนเอง ปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นแขก แต่เมื่อเห็นราคาซื้อในเอกสารที่เฉียวเยี่ยนเตรียมไว้ แต่ละคนก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวประหนึ่งกินแมลงเข้าไปก็มิปาน

ค่าก่อสร้างเรือนกระจกเกือบพันตำลึงต่อหนึ่งหมู่ แต่ราคาซื้อของซู่หวางเฟยกลับให้เพียงสามร้อยตำลึงต่อหนึ่งหมู่ นี่ไม่ใช่การปล้นอย่างโจ่งแจ้งหรือ!

สีหน้าของเหล่าผู้รากมากดีซีดเซียว ขยำเอกสารในมือด้วยอาการสั่นระริก หากตั้งใจฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงกัดฟันกรอดของพวกเขา

ทว่าหลันหนิงไม่เก็บสีหน้าของพวกเขามาใส่ใจ นางนั่งตัวตรงอยู่บนม้านั่ง ยกชาขึ้นจิบอย่างสบายๆ

“ข้าได้บอกไปหมดแล้ว หากนายท่านจางไม่เห็นด้วย เช่นนั้นข้าก็ขอตัวลาก่อน”

“แต่กระนั้นหวางเฟยของเราก็บอกว่า หลังจากผ่านหมู่บ้านนี้ไปแล้ว จะไม่กลับมารับซื้ออีก”

หลังพูดกดดันจบ นางก็วางถ้วยชาในมือกลับลงบนโต๊ะ ทำให้เกิดเสียงเบาๆ ดังขึ้นมา จากนั้นก็ย่างสามขุมไปทางประตู

นายท่านจางพลันร้อนรนรีบดึงนางไว้ และเอ่ยอย่างโทมนัสยิ่ง “แม่นางโปรดช้าก่อน ใช่ว่าข้าไม่เห็นด้วย แต่ราคานี้มัน…”

เขาเกาศีรษะ สุดท้ายก็ผายมือออก และพูดตะกุกตะกัก “สามร้อยตำลึงมันต่ำเกินไป ห้าร้อยตำลึงได้หรือไม่?”

เขามีเรือนกระจกขนาดยี่สิบหมู่อยู่ในมือ แม้จะได้ห้าร้อยตำลึงต่อหนึ่งหมู่ ก็นับว่ายังพอรับได้อยู่!

หลันหนิงหยักยิ้มเยาะให้พวกเขา และเอ่ยอย่างเย็นชา “ขอลา!”

เห็นท่าทางของสตรีใบหน้าเย็นชาหัวรั้นผู้นี้ นายท่านจางก็อยากจะร้องไห้ นายบ่าวของตำหนักอ๋องซู่รับมือไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ ตอนนั้นเขาคงกินยาผิดกระมังถึงได้สร้างเรือนกระจกตาม!

ถุย! นี่คือความมั่งคั่งที่ได้หรือ? ช่างไม่ดูตัวเองเสียบ้าง!

หลังจากก่นด่าตัวเองครู่หนึ่ง เขาก็ทำได้เพียงเอ่ยรั้งหลันหนิงไว้อีกครั้ง และลงนามในเอกสารกับนางอย่างไม่เต็มใจ

ที่ดินยี่สิบหมู่ ลงทุนไปกว่าสองหมื่นตำลึง ได้กลับมาเพียงหกพันตำลึง เขาขาดทุนไปกว่าหนึ่งหมื่นสี่พันตำลึงเชียวนะ!

นายท่านจางกอดตั๋วเงินหกพันตำลึง พลางส่งหลันหนิงจากไปจนลับตา พลันน้ำตาก็ไหลพรากลงมาเป็นสาย

หกพันตำลึงก็หกพันตำลึง ดีกว่าไม่เหลือสักเหวินเดียว

หลันหนิงถือโฉนดเรือนกระจกขนาดยี่สิบหมู่ที่เพิ่งได้มาหมาดๆ ย่างไปยังบ้านหลังถัดไปอย่างกระฉับกระเฉง

งานนี้น่าสนใจกว่างานที่นางเคยไปรับที่หอนักฆ่าเสียอีก ไม่ต้องตีรันฟันแทงกับใคร แค่ขยับปากก็ทำให้คนโกรธแทบตายแล้ว

บ้านหลังต่อๆ ไปก็ถูกนางยั่วโมโหจนหัวใจแทบวายเหมือนเคย กระนั้นพวกเขาก็ขายมันอย่างไม่เต็มใจ โดยยึดหลักว่าได้กลับมาน้อยนิดยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

หลังจากวิ่งวุ่นมาสองวัน หลันหนิงก็ซื้อเรือนกระจกเกือบทั้งหมดมาได้ และเหลือเพียงหลังเดียว นั่นคือที่จวนอัครเสนาบดี

หลันหนิงจะปล่อยโอกาสถลกขนแกะของจวนอัครเสนาบดีไปได้อย่างไร นางจึงตั้งใจเลือกวันพักผ่อนโดยเฉพาะ และฉวยโอกาสในตอนที่อัครเสนาบดีอยู่บ้าน ไปยุแหย่ตาแก่นั่น

นางไปถึงหน้าประตูใหญ่จวนอัครเสนาบดี หลังจากแจ้งเจตจำนงในการมาแล้ว พ่อบ้านก็มาต้อนรับนางเข้าไปในจวน

นางสำรวจไปรอบๆ และแอบเย้ยหยันในใจ สมเป็นจวนอัครเสนาบดีจริงๆ ทั่วทั้งจวนเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน บ่าวเฝ้าประตูเป็นเช่นนี้ พ่อบ้านชราที่พานางเข้าจวนก็เป็นเหมือนกัน

พ่อบ้านชราพาคนไปที่ห้องโถงด้านหน้า อัครเสนาบดีกับหลู่ซื่อนั่งจิบชารออยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่อี้จื่อจิ้นแอบฟังอยู่หลังม่าน

ทันทีที่หลันหนิงเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า เห็นท่าทางของคนตรงหน้าก็รู้แล้วว่า ต้องปฏิบัติต่อนางเหมือนคนรับใช้แน่นอน

กระนั้นนางก็เป็นคนท่องยุทธภพคนหนึ่ง จะมีอะไรบ้างที่นางไม่เคยเห็น อีกเดี๋ยวใครจะร้องไห้ใครจะหัวเราะก็ยังไม่รู้เลย

นางเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า ทำความเคารพอัครเสนาบดี หลังจากนั้นก็ส่งเอกสารในมือให้ แล้วหาที่หย่อนก้นลงนั่งเอาเท้าไขว่ห้างอย่างไม่สนใครหน้าไหน

หลู่ซื่อที่ถูกเพิกเฉยเบิกตาแทบจะถลน พลางชี้หน้าก่นด่าหลันหนิง “นังคนรับใช้หยาบคาย กฏตำหนักอ๋องซู่สอนให้เจ้าปฏิบัติตัวเช่นนี้รึ!”

หลันหนิงยังคงเพิกเฉยต่อนาง ก่อนจากมา เฉียวเยี่ยนเคยบอกไว้ว่าพยายามยุแหย่คนในจวนอัครเสนาบดีให้มากที่สุด ทางที่ดีให้โมโหจนเป็นลมไปเลย คุยกิจการเป็นเรื่องรอง ไปหยอกลิงถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ

งานนี้นับว่าถนัดนักสำหรับหลันหนิง ให้นางไปประจบคนอื่นนางทำไม่ได้หรอก แต่ไปทำให้คนอื่นโมโหนางทำได้ แถมยังเชี่ยวชาญมากด้วย

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฝีมือการกวนประสาทคนของหลันหนิงไม่เป็นรองใครจริงๆ ใช้งานถูกคนแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท