ตอนที่ 223 วิญญาณสองดวง
ตอนที่ 223 วิญญาณสองดวง
เมื่อมู่ฉินเจินเห็นฮุ่ยเซียงอุ้มเด็กทั้งสองออกไป สีหน้าเขาก็ยังคงไม่แสดงออกใดๆ ทว่าในใจกลับแอบปิติยินดี ในที่สุดก็มองเด็กคนนี้ไม่ขัดตาเสียที
หมู่บ้านจือซานในค่ำคืนนี้คึกคักมาก ทุกบ้านที่มีสตรีต่างทำความสะอาดลานบ้าน ตั้งโต๊ะเครื่องหอม ไหว้พระจันทร์ร้อยเข็ม อธิษฐานขอให้มีฝีมือ
เฉียวเยี่ยนไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ หลังจากบ้วนปากล้างหน้ากับมู่ฉินเจินเสร็จก็นั่งพิงอยู่บนหัวเตียงและหยอกเย้ากันตามประสาคู่รัก
เป็นอย่างที่ฮุ่ยเซียงคิด สองสามีภรรยาได้จุดประกายไฟราคะขึ้นอีกครั้ง
เพียงจูบธรรมดาๆ ทั้งคู่ก็พร้อมจะกลืนกินกันทั้งเป็น ไม่มีใครยอมแพ้ และไม่มีใครเป็นฝ่ายผละออกจากริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อน
พวกเขาโรมรันกอดรัด จุมพิตกันและกัน แนบชิดไม่ห่างตราบชั่วฟ้าดินสลาย
เฉียวเยี่ยนถูกจูบจนแทบหายใจไม่ออก ริมฝีปากถูกกัดจนชา ปลายลิ้นกวาดตวัดกับลิ้นเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนผละออกห่างเขาไปชั่วขณะ สูดหายใจเข้าลึก และรับจุมพิตอันเร้าร้อนของเขาอีกครั้ง
เขาลากมือลูบไล้อีกฝ่ายอย่างย่ามใจ ผ้าคาดเอวถูกดึงออก อาภรณ์เลื่อนหลุดลง และกอดรัดโรมรันพันตูกันอย่างเร่าร้อน
มู่ฉินเจินรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างเกร็งไปหมด ทรมานจวนจะหายใจไม่ออก ในขณะที่เฉียวเยี่ยนคลั่งไคล้ลุ่มหลง เสียงหนึ่งก็กู่ก้องร้องอยู่ในใจ กระตุ้นเร่งให้ไปอีกขั้นหนึ่ง
ทว่ายังคงเป็นเหมือนเคย ทุกครั้งที่ไปถึงขั้นตอนสุดท้าย ร่างกายของเฉียวเยี่ยนมักจะผละออกจากเขาอย่างควบคุมไม่ได้
มู่ฉินเจินไม่แปลกใจ เขาระงับความกระหายของตัวเอง ยืดตัวลุกขึ้นจากตัวนาง พลางลูบหัวปลอบนางเบาๆ “ไม่เป็นไร ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”
เฉียวเยี่ยนทั้งรู้สึกผิดทั้งโทษตัวเอง ในใจรู้สึกหมดแรงเต็มเปี่ยม นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางคิด นางอยากให้เขาครอบครองนาง อยากแนบชิดเป็นหนึ่งเดียวกันกับเขา แต่นางกลับมิอาจควบคุมร่างกายตัวเองได้
ราวกับว่ามีวิญญาณอีกดวงอยู่ในตัวนาง และต่อต้านการแนบสนิทชิดเชื้อกับเขา
ครั้นเห็นมู่ฉินเจินอึดอัดทรมานจนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ น้ำตาของเฉียวเยี่ยนพลันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมส่งเสียงสะอื้นไห้ “ขอโทษ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้อยากปฏิเสธท่าน แต่ข้าควบคุมร่างกายของข้าไม่ได้…”
นางในเวลานี้ทำอะไรไม่ถูกเลย เอาแต่ร้องไห้จนเหมือนเด็กเล็ก
วินาทีที่มู่ฉินเจินได้ยินเสียงร้องไห้ของนาง ก็ปวดใจประหนึ่งถูกคนเอามีดมากรีด
เจ้าท่อนไม้ที่แข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา เคยร้องไห้อย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นนี้เมื่อใดกัน!
เขาใช้ผ้าห่มห่อตัวนางที่เปลือยล่อนจ้อนอย่างตื่นตกใจทำอะไรไม่ถูก แล้วกอดนางไว้ในอ้อมแขน พลางกล่อมเสียงนุ่ม “คนดี ไม่ร้องนะ ข้าไม่โทษเจ้า ข้าไม่ได้โทษเจ้า ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาของเจ้า ข้าไม่ได้รีบร้อน เราค่อยๆ รอ รอให้ถึงวันที่ร่างกายเจ้ายอมรับข้าได้…”
ทว่าทำอย่างไรน้ำตาของเฉียวเยี่ยนก็ไม่หยุดไหล สะอื้นไห้อยู่ในอ้อมแขนเขา ทำให้แผงอกเปลือยเปล่าของเขามีแต่รอยน้ำตา
ระบบตัวน้อยในห้วงจิตสำนึกก็กังวลใจเช่นกัน เดิมทีนางตัดการเชื่อมต่อ ไม่อยากรบกวนความรักของสองสามีภรรยา แต่หลังจากสัมผัสได้ถึงความเศร้าของโฮสต์ นางก็เชื่อมต่อขึ้นมาเองอีกครั้ง
นางไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์ระหว่างโฮสต์กับพี่มู่คนหล่อมาก่อน หลังค้นหาข้อมูลมากมายจากเครื่องมือค้นหาก็ไม่พบเหตุการณ์เช่นนี้
เห็นทีจะได้เวลาใช้ไพ่ไม้ตายสุดท้ายของนางแล้วล่ะ!
เด็กน้อยแสดงความกล้าหาญองอาจผึ่งผาย คุ้ยหากล่องและตู้ต่างๆ ในห้องเล็กๆ และหาหีบสมบัติของนางจากในกล่องที่เต็มไปด้วยฝุ่น
เป็นสมุดโทรศัพท์สีชมพู….
สมุดโทรศัพท์?
ถูกต้อง มันคือสมุดโทรศัพท์!
ไดอารี่รหัสลับสีชมพู หลังจากกดรหัสลงไปสมุดก็จะเปิดออก ข้างในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์เขียนไว้อย่างเรียบร้อย
เด็กน้อยมองเบอร์แรกบนหน้าแรกสุด พลางกัดฟัน เปิดหน้าจอเป็นหน้าโทรออก ใส่หมายเลขแล้วกดโทร
เสียงปลายสายอีกฝั่งดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก็มีคนรับสาย และเสียงที่ดังออกมาเป็นเสียงแสนรักและน่าสงสารของบุรุษ [ลูกรัก ในที่สุดเจ้าก็ยอมโทรหาพ่อเสียที!]
ขณะกล่าว บุรุษก็สูดจมูกราวกับจะร้องไห้
เด็กน้อยได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็ขอบตาแดงก่ำ เบะปากตะโกนอย่างน่ารักนุบนิบ [ท่านพ่อ]
[เอ๊ะ! ลูกรัก ต้องการให้พ่อช่วยอะไรหรือเปล่า?]
ระบบตัวน้อยพยักหน้า และเอ่ยอย่างน่าสงสาร [อืม! โฮสต์ของระบบเสียใจมาก ระบบอยากช่วยนาง แต่ระบบทำไม่ได้!]
ในขณะที่เด็กน้อยกล่าว นางก็แหงนหน้าอ้าปากร้องไห้จ้าออกมา ร้องหนักกว่าเฉียวเยี่ยนที่กำลังเสียใจหลายขุม
บุรุษปลายสายร้อนรน เอ่ยกล่อมอย่างอย่างทำอะไรไม่ถูก [เด็กดี ไม่ร้องนะ พ่อจะช่วยเจ้า อย่าลืมสิว่าพ่อเป็นระบบกฎแห่งสวรรค์ ต้องช่วยโฮสต์ของเจ้าได้แน่นอน!]
ด้วยเหตุนี้ระบบตัวน้อยถึงได้หยุดร้องไห้สะอึกสะอื้น ในดวงตาหยาดน้ำเคลือบไปด้วยรอยยิ้ม รอประโยคนี้อยู่เลย!
แบไต๋แล้ว!
ความจริงแล้วนางคือองค์หญิงน้อยผู้มีเกียรติที่สุดในโลกระบบ บิดานางคือระบบกฏแห่งสวรรค์ เป็นสูตรโกงที่ใหญ่ที่สุดของนาง
ความจริงนางไม่จำเป็นต้องออกมาทำภารกิจหรอก แต่วันๆ อยู่แต่ในโลกระบบมันน่าเบื่อเกินไป และนางก็อยากไปเล่นที่โลกมนุษย์ด้วย ดังนั้นจึงขอให้บิดาจัดแจงโฮสต์มาให้หนึ่งคน
เด็กน้อยเล่าเหตุการณ์ของเฉียวเยี่ยนออกมารอบหนึ่ง และรอให้บิดาตัวเองไขข้อสงสัยให้นาง
ระบบกฏแห่งสวรรค์ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น เหตุการณ์เช่นนี้พบเจอได้น้อยจริงๆ !
เขาเปิดจตุคลังคัมภีร์ของโลกระบบ รีบค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ในที่สุดก็หาตัวอย่างที่คล้ายกับเหตุการณ์ของเฉียวเยี่ยนเจอ
หลายร้อยปีก่อน มีนักข้ามมิติคนหนึ่งที่วิญญาณของเขาได้ข้ามไปในสมัยโบราณ ผู้คนรอบๆ ตัวเขาพบว่าคนผู้นี้มักจะเปลี่ยนบุคลิกไปอย่างมาก ซึ่งสองบุคลิกนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับเป็นคนๆ เดียวกัน
พวกเขาคิดว่าคนผู้นี้ป่วยทางจิต และห่างเหินจากเขา ทว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ว่าภายในร่างกายเขามีวิญญาณสองดวง
วิญญาณของร่างเดิมยังคงอาศัยอยู่ในร่างกาย สองดวงวิญญาณต่างแก่งแย่งกันเป็นผู้นำ ฝ่ายที่ได้เป็นผู้นำจะสามารถควบคุมร่างกายได้
บางทีภายในร่างของเฉียวเยี่ยนอาจจะมีวิญญาณสองดวง ทว่าตอนนี้วิญญาณของเฉียวเยี่ยนยึดครองตำแหน่งผู้นำแล้ว
ระบบตัวน้อยฟังคำพูดของบิดาตัวเอง ก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย นางอยู่ในห้วงสำนึกของโฮสต์มานานขนาดนี้ ยังไม่เคยพบว่ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอยู่
[ความจริงเหตุการณ์เช่นนี้พ่อก็เคยเจอกับตัวเองมาก่อน คำอธิบายเมื่อครู่เป็นแค่เพียงการคาดเดาเท่านั้น]
[เด็กดี เจ้าไม่ต้องร้อง พ่อจะเรียกรวมประชุมระบบอื่นๆ เพื่อหาวิธีร่วมกัน]
ครั้นระบบตัวน้อยได้ยินบิดาแสดงท่าทางไม่แน่ใจก็อดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้ นางหูลู่หางตก บอกลาบิดาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็วางสายไปกล่อมโฮสต์ของตัวเอง
ตอนนี้เฉียวเยี่ยนดีขึ้นแล้ว นอนอยู่ในอ้อมแขนมู่ฉินเจินและรู้สึกอายเล็กน้อย เมื่อครู่ร้องไห้งอแงไปหนึ่งยก ช่างขายหน้าตัวเองนัก ราวกับว่านางหิวกระหายมากๆ
ทว่าวงจรสมองของมู่ฉินเจินไม่ได้อยู่เส้นทางเดียวกับนาง เขาในตอนนี้ยังปวดใจกับเจ้าท่อนไม้ที่ร้องไห้จนจมูกแดงก่ำ จะกล่อมอย่างไร จะสงสารอย่างไรก็ไม่พอ
ระบบตัวน้อยรายงานข้อมูลล่าสุดที่เพิ่งสอบถามมาได้ให้แก่โฮสต์ตัวเอง เมื่อเฉียวเยี่ยนฟังจบก็รู้สึกงุงงงเล็กน้อย
วิญญาณสองดวง?
หากเป็นเช่นนี้จริง แล้วเหตุใดทุกครั้งที่จะมีความสัมพันธ์แนบชิดกับมู่ฉินเจิน ร่างกายถึงควบคุมไม่ได้ล่ะ?
เป็นเพาะวิญญาณอีกดวงหนึ่งกำลังหวาดกลัวเขาหรือรังเกียจเขากัน?
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งหงุดหงิด จึงเลิกคิดไปเสียเลย นางซบศีรษะบนอ้อมอกมู่ฉินเจินเพื่อรับการปลอบโยนจากเขาเบาๆ แล้วค่อยๆ เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน
และคืนนี้นางก็ฝันอีกครั้ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ๊ะ หรือว่าวิญญาณเจ้าของร่างเดิมยังอยู่นี่ ยังไม่ข้ามไปภพอื่น และด้วยความโกรธแค้นพี่มู่ก็เลยบันดาลให้สวรรค์ล่มทุกครั้ง? ในเมื่อท่านพี่ไม่รักข้า ข้าก็ไม่ปล่อยให้ท่านพี่ได้สมหวังในรักงี้
ไหหม่า(海馬)