พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 29

ตอนที่ 29

บทที่3ตอนที่6

โนโซมุและไอริสต่างเดินไปตามถนนย่านการค้าอีกครั้งในมือของพวกเขามีขนมมากมายที่เจ้าของร้านขนมมอบให้เป็นการขอบคุณ

เมื่อชิมเข้าไปความหวานนั่นเข้าแพร่ซ่านไปทั่วทั้งปาก

「ลูกกวาดนี่ทำออกมาสวยมากเลยนะคะ แถมยังรสชาติดีอีกด้วย」

「อืม นั่นสินะครับถ้าเอาไปฝากโซเมียจังเธอน่าจะชอบมันแน่ๆ」

「อืม นั่นสินะคะ แต่ว่าถ้าให้เธอทานมากไปคงจะไม่ดี เดี๋ยวได้ฟันผุเอา」

เธอยิ้มเช่นนั้นพร้อมกับถือลูกกวาดเข้ามาใกล้ๆแก้มของโนโซมุและยิ้มให้ราวกับเหมือนคุณแม่ที่เป็นห่วงลูก โนโซมุที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตามไปด้วย

「แต่ว่ามันจะดีเหรอครับ?ลูกกวาดของคุณไอริสเนี่ย」

ลูกกวาดที่เธอถืออยู่คือลูกกวาดฝีมือผมเองแหละ

「อืมม ไม่เป็นไรหรอกนะคะ ครั้งแรกก็ผิดพลาดกันได้ใช่ไหมละ? หรือว่าฉันจะทานมันไม่ได้งั้นเหรอคะ?」

「เอ่อ ไม่ใช่แแบบนั้นหรอกครับ รสชาติมันไม่น่าจะเปลี่ยนแต่ว่ารูปลักษณ์ของมันดูแย่ๆใช่ไหมละครับ มันเป็นเหมือนงานที่ทำออกมาพลาดนั่นแหละครับจะดีกว่าถ้าทิ้งมันไปนะ」

「นั่นสินะคะ! ถ้ายังงั้นก็ลองชิมดูไหมละคะก่อนจะทิ้ง!」

เมื่อไอริสพูดเช่นนั้นเธอก็เอาลูกกวาดของผมเข้าปากไป โนโซมุเองก็เดินไปตามถนนที่มีผู้คนสัญจรมากขึ้น ส่วนทางไอริสเองก็ดูมีความสุขกับลูกกวาดนั่น

◇◆◇

「โอ้วว!คุณหนูแสนสวยตรงนั้นน่ะ!ถ้าไม่รังเกียจเชิญมาทางนี้ได้ไหม?」

「เอ๊ะ ฉันเหรอคะ?」

「อืม หมอดูงั้นเหรอครับ?」

เมื่อผมหันไปมองก็พบกับร้านเล็กๆที่อยู่ริมถนนและบนป้ายร้านก็มีเขียนไว้ว่า “ดูดวง”มีชายชราผมขาว เครายาวอยู่ในร้านนั่นและยิ้มมาทางนี้…………。

「ข้ามีนามว่าซอนเน่ ก็อย่างที่เห็นเป็นหมอดู」

「อืม ก็หมอดู…………」

(ก็หมอดูจริงๆใช่ไหมนะ?)

สิ่งที่โนโซมุสงสัยก็คือของแปลกๆที่อยู่ในร้านของเขาต่างหาก

โถที่เต็มไปด้วยไพ่คริสตัล แท่งไม้บางๆที่น่าจะใช้สำหรับดูดวงกลับวางไว้มั่วซั่วเสียจนหมด บนผนังของร้านก็ดูเหมือนว่าจะเป็นคนจากตะวันออก

และสิ่งของที่เป็นเหมือนเครื่องรางนั่นวางมั่วซั่วเสียจนหมดสิ้นมีกระโหลกของแกะด้วยอะ บรรยากาศไม่น่าจะใช่หมอดูธรรมดาแล้วเนี่ย

้เกี่ยวกับองค์กรศาสนาอะไรรึเปล่า โนโซมุรู้สึกว่ามีอะไรคล้ายๆกับสัญลักษณ์ในตอนนั้นเลย

「ตาแก่ คาดหวังอะไรอยู่?」

「อะไรก็ได้แหละน่า ข้าจะแสดงให้เห็นเองทุกๆสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะสภาพอากาศของพรุ่งนี้หรือกระทั่งการไปทานข้าวเย็นกับคนรักของเธอละนะ!」

(เรื่องทำนายมันแหม่งๆวะเห้ย!!เรื่องแบบนั้นจำเป็นต้องใช้หมอดูด้วยงั้นเหรอ!?แค่ดูจากสภาพก็เดาเอาได้แล้วปะเห้ย นี่คิดจะหลอกลวงกันรึไง!!)

โนโซมุไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย แต่ไอริสที่ดูอยากรู้อยากเห็นนั้นกำลังตื่นเต้น

「มาหน่อยไหมคุณหนู ทำนายดวงน่ะ?」

ตาแก่นี่พยายามจะลากไอริสไปให้ได้เลยเห้ย

(เห็นได้ชัดเลยหมอนี่มันสนใจแค่ไอริส!!)

สายตาของตาแก่นั่นจ้องไปที่ไอริสอย่างเต็มที่ โนโซมุนี่อยู่นอกขอบเขตสายตาของตาแก่นั่นเลย

「อะไรก็ได้งั้นเหรอคะ น่าสนใจดีนะคะ มาลองดูสักหน่อยก็ได้ เอ๊ะโนโซมุคิดจะทำอะไรน่ะ?」

「อ่า คือ「เอาล่ะ! มาเริ่มกันเลย!」……ขอผ่านดีกว่าครับ……」

(……แหงๆ หมอนี่มันคนประเภทเดียวกับอาจารย์ชัดๆ………。)

โนโซมุรู้สึกว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกับชิโนะ เขาเลิกที่จะพูดอะไรลงไป ตาแก่นี่พูดอะไรไปก็คงไม่ฟังแน่นอน ผมคิดว่าคนน่ากลัวแบบนั้นน่าจะมีน้อย แต่ดูเหมือนว่าโลกทัศน์ของผมมันแคบเกินไป

「ถ้างั้นช่วยโชว์ฝ่ามือให้หน่อยนะคุณหนู」

ชายชราคนนั้นจับฝ่ามือของไอริส จากนั้นหมอนั่นก็หยิบแว่นขยายออกมาและเริ่มจ้องไปที่ฝ่ามือของเธอ ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มชั่วร้ายชัดเจนและดูมันจับไอริสสิ

「……อะเอ่อ แล้วผลเป็นยังไงบ้างคะ?」

「หืม ขออีกสักพักนะคุณหนู~」

ตาแก่นั่นเอามือลูบไล้มือของไอริสด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โนโซมุเองก็เริ่มโกรธกับท่าทางกวนโอ๊ยและลามกของตาแก่นั่น

「อ่าาาาา~มองเห็นยากจริงๆเลยนะเนี่ย~。คราวนี้ขอมืออีกข้างได้「ย๊ากก!!!」อั่กกกก!!」

(อะ แย่แล้ว ลืมปรับแรงที่ใช้………)

นอกจากนี้โนโซมุยังเอามีดปักหัวของซอนเน่เพราะทนไม่ได้กับท่าทีที่ทำกับไอริสแบบนั้น หมอนี่มันคุยกันด้วยคำพูดก็ไม่ฟังเพราะฉะนั้นต้องใช้กำลังหยุดมันเนี่ยล่ะ อย่างไรก็ตามเพราะคิดว่าเป็นชิโนะเลยทุ่มไปสุดแรงเลย…………。

「ทะทำอะไรน่ะ!นี่คนแก่เลยนะเห้ย!!」

โนโซมุได้ยินเสียงบ่นของตาแก่ซอนเน่ โนโซมุคิดว่าเขาคงไม่เป็นไรหรอกถ้ามีแรงมาบ่นเช่นนี้ได้

「พูดอะไรของแกน่ะตาแก่!ไอ้ตาแก่โรคจิตนี่!! แก่เกินวัยจะทำเรื่องเสื่อมเสียแล้ว มีสมองทำไมไม่หัดคิดซะบ้างหะ!!」

「พูดอะไรของเอ็งวะไอ้หนุ่ม!แกเห็นสาวสวยแบบนี้ แกก็ต้องเกิดอารมณ์เป็นธรรมดาป่ะ เอ็งนี่ตรรกะป่วยวะ!!ลูกผู้ชายตัวจริงมันต้องกล้าเข้าไปสัมผัสดอกไม้ต้องห้ามสิวะ!! ข้าเห็นเด็กอ่อนปวกเปียกแบบแกแล้วเสียดายวะ ดอกไม้ต้องห้ามแสนงดงามแบบนี้มันไม่คู่ควรกับแกเลยสักนิด ไอ้ไก่อ่อนนี่!!」

「ว่าใครบ้าหะตาแก่!พูดจาลวนลามไม่พอ!!เพราะแบบนี้ไงตาแก่ แบบแกเนี่ยถึงไม่มีใครคบละสิท่า !!」

โนโซมุเริ่มทะเลาะกับตาแก่ซอนเน่ น้ำเสียงของโนโซมุนั้นแข็งกร้าวอย่างมากเพราะบางทีเขาคงจะเห็นชายแก่นี่ซ้อนทับกับชิโนะก็ได้

ทั้งสองต่างเถียงกันไม่หยุด แต่ระหว่างที่ทะเลาะกันนั้นก็มีคนเข้ามาหยุดด้วยน้ำเสียงอันใส

「…………เอ่อแล้วคุณปู่คิดจะจับมือฉันไปอีกนานแค่ไหนเหรอคะ?」

เสียงของไอริสนั้นเรียบๆและดูเยือกเย็นจนทุกคนได้ยิน แต่โนโซมุเองก็สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารอันแสนน่ากลัวออกจากตัวเธอ รอยยิ้มบนหน้าที่มักจะยิ้มแย้มด้วยท่าทางสดใสตอนนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มที่มีแต่ความโกรธ

「อะ!ไม่ ไม่ ไม่ มันจบแล้วล่ะ ฮะฮะฮะฮะ……」

ใบหน้าของตาแก่ซอนเน่ซีดลงทันที น้ำเสียงสั่นเครือ สายตาโลเลและดูเหมือนว่าพยายามจะหนี แต่ไม่สามารถหนีได้เพราะเธอจับมือตาแก่ไว้

「ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้ฉันดูดวงให้ด้วยไหมคะ?」

「เอ่อ……ข้าขอไม่ดูดีกว่านะ…………「ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันดูให้เสร็จแล้ว。……ผลลัพธ์ก็คือโดนกรรมตามสนองไปซะเถอะตาเฒ่าลามก。」ออออออ๊ออกก!!」

“กร็อบ”

เสียงนั่นดังออกมาจากมือของชายชรา

「จะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจะเจ็บโอ้ยยยยยยยยย คุณหนูปล่อยตาแก่คนนี้ด้วยเถอะ…………」

「…………………………」

“กรุบกร็อบ กร๊อบ!”

เสียงบีบรัดดังแน่นขึ้นจนได้ยินเสียงกระดูกหักได้เลย หน้าของตาแก่ซอนเน่นั้นเปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที ตาแก่รีบอ้อนวอนไม่สนใจเรื่องลวนลามอีกต่อไปแล้ว

「โอ้วววว ขอโทษค้าบบบ! เพราะความคิดตื้นเขินของตาแก่คนนี้!!เพราะฉะนั้นคุณหนู!! อย่ารุนแรงกว่านี้เลยนะ! ถ้าแรงกว่านี้มือของตาแก่นี่จะหักแล้วนะ!!」

อย่างไรก็ตามไอริสไม่ปล่อยยังคงบีบมือนั่นต่อไปด้วยรอยยิ้มอำมหิต เธอบีบมันแรงขึ้นกว่าเดิม

“กรุบกรุบ!กร็อบ!!”

(อึ่ยยยย~สยอง!!)

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!」

ในที่สุดก็ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว ตาแก่ซอนเน่ทรุดลงกับพื้น ฟองออกปากและมองไปรอบๆดูเหมือนว่าเขาจะรีบพุ่งหนี แต่โนโซมุไม่ได้เห็นใจเลยสักนิดเพราะทำตัวเองล้วนๆ

(เอิ่มไม่คิดเลยว่า ไอริสจะเล่นแรงขนาดนี้…………)

โนโซมุนึกถึงชิโนะ ที่แข็งแกร่งกว่าชายคนนี้หลายเท่าแต่นิสัยกลับเหมือนกันคือไม่ฟังคนชอบยั่วโมโหคนอื่น ก่อนตายก็ทิ้งดาบของตัวเองไว้

(แต่ว่าอาจารย์ตัวผมในตอนนี้ ยังไม่สามารถใช้ดาบนั่นได้หรอกครับ…………)

โนโซมุไหล่ตกเมื่อนึกถึงบทลงโทษที่เคยโดนในอดีต ก่อนหน้านี้ตอนที่ทะเลาะกับชิโนะทีไรก็มักจะโดนโยนเข้าไปหาฝูงสัตว์อสูรและใช้มือต่อสู้เพียงลำพัง

หากตอนนั้นโดนเหล่าสัตว์อสูรโจมตีทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

「ตอนนี้ลงโทษตาแก่งี่เง่าเสร็จแล้ว ถ้างั้นไปกันเถอะคะ」

「อ่า อืม ไปกันเถอะ……。」

โนโซมุนึกถึงบาดแผลในอดีตที่ได้จากอาจารย์ แต่ว่าเสียงของไอริสก็ดึงสติเขากลับมาและทั้งสองก็เดินเข้าเมืองไปโดยทิ้งตาแก่ซอนเน่นอนจมอยู่กับโต๊ะนั่น

◇◆◇

เมื่อทั้งสองออกมาที่ถนนหลัก พระอาทิตย์ก็ค่อยๆตกดินแล้ว

「ฟุฟุ แต่ก็น่าแปลกใจเลยนะคะ ไม่คิดว่าโนโซมุจะตะโกนเสียงดังขนาดนั้น……」

บางทีเพราะอาจจะเห็นด้านที่ไม่คาดคิดของเขา โนโซมุที่มักจะไม่ค่อยพูดเยอะเท่าไร ไอริสเองก็เอามือจับคางทำท่าทางหัวเราะคิกคัก

「อะเอิ่ม คือว่าตาแก่นั่นคล้ายกับคนรู้จักของผมคนหนึ่งน่ะ เพราะอย่างนั้นก็เลยเผลอตัวทำอะไรแบบนั้นลงไป…………」

โนโซมุตอบเช่นนั้นในขณะที่เกาหัวไปด้วย บางทีเพราะอดีตที่ไม่ค่อยอยากจะนึกถึงเท่าไร

「ไม่คิดเลยนะคะว่าโนโซมุคุงเนี่ยจะโมโหซะขนาดนั้น」

「เอ่อ ไอริสซัง จริงๆแล้วผมก็ไม่คิดอยากจะให้คุณเข้าไปในร้านน่าสงสัยเช่นนั้นเลยนะครับ」

「อะ อืม…………」

ไม่คิดว่าจะเห็นโนโซมุที่ขาดสติและพยายามเถียงกับตาแก่ซอนเน่ เขาไม่คิดว่าไอริสจะกล้าเข้าไปยังร้านน่าสงสัยนั่นเลย บางทีเธอคงจะอายเพราะการที่โนโซมุเป็นห่วงเธอเช่นนี้แก้มของเธอถูกย้อมเป็นสีแดงและดวงตาก็เลิ่กลั่ก

ทั้งสองต่างหน้าแดงและเกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่

◇◆◇

「เอ่อ ไม่คิดว่าจะได้เห็นด้านที่ไม่คาดคิดของไอริสซังเลยนะครับ แถมยังเจอกับตาแก่นั่นอีก…………」

โนโซมุพูดกับไอริสที่พยายามแก้เขินอยู่ แต่ว่าเธอที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองหน้าโนโซมุ

「เอ่อ….คุณไอริสซัง?」

「ฉันล่ะสงสัยจริงๆค่ะ ทำไมถึงต้องให้เกียรติฉันขนาดนี้กันคะ? ปกติโนโซมุคุงก็มักจะคุยกับโซเมียตามปกตินี่คะ ?」

ไอริสขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางของโนโซมุ โนโซมุไม่รู้เลยว่าที่เธอพูดหมายถึงอะไร

(อืมมม ฉันเองก็โกรธน่ะ…………แต่ว่าความรู้สึกนี่มันอะไรกันละเนี่ย?)

「เอ๋ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ…………」

เธอเริ่มคิดถึงคำพูดของโนโซมุที่พูดเมื่อวานนี้

「…………อืมมม สำหรับฉันแล้วเธอดูเว้นระยะห่างระหว่างฉันมากกว่าโซเมียซะอีกนะคะ เธอดูสนิทกับโซเมียมากๆเลยล่ะ และยังเรียกชื่อของเธออย่างสนิทสนมด้วย!! ดังนั้นไม่เป็นไรหรอกนะคะที่จะเรียกชื่อของฉัน」

「หาาาา!!」

「ใช่แล้วก็ไม่ต้องเติมคำว่า “คุณ” ด้วยนะคะเพราะพวกเราอายุเท่ากันและยังเรียนในชั้นเดียวกันเพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องให้เกียรติฉันค่ะ อืมแล้วก็อีกอย่างหนึ่งค่ะฉันอยากจะเรียกเธอด้วยชื่อเล่นคะ」

「เอออออออออ๋!!!」

เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งทำท่าทางกอดอกและเอามือเกยคางและจู่ๆเธอก็บอกให้ผมเรียกชื่อเล่นเธอ และเธอยังขอเรียกชื่อเล่นของผมอีก

「อะ อืมแล้วผมจะเรียกชื่อเล่นของเธอแบบไหนกันล่ะครับ?」

「เอาเป็นไออย่างที่ทิม่าเรียกก็ได้ค่ะ」

(…………นี่มันไม่อยากเกินไปสำหรับผมหน่อยเหรอ? นี่มันเหมือนกับการข้ามขั้นเลยนะ……)

「เอออ๋…………」

「มีให้เลือกแค่นี้ละคะ!ถ้าหากคุณคิดชื่ออื่นออกก็ลองเสนอมาดูสิคะ ชื่อที่จะสามารถเรียกดิฉันได้?」

ไอริสพูดเช่นนั้นพร้อมกับบังคับให้ผมเรียกชื่อเล่นของเธอ นอกจากนี้ยังขอให้ผมคิดชื่อเล่นให้อีกเธอยิ้มด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายราวกับกำลังสนุกเหมือนกำลังได้แกล้งผมอยู่

แตกต่างจากลิซ่าโดยสิ้นเชิง ไอริสมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าคาดหวัง มันเป็นภาพที่ทำให้โนโซมุใจเต้น จนคิดอะไรไม่ออกเลย

(เพราะเป็น “เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬ” เธอเองก็ไม่ใช่คนขี้เหงาอย่างที่เราคิดสักนิด แต่เป็นผู้หญิงที่หัวเราะและโกรธเป็นเหมือนเช่นผม……)

โนโซมุรู้สึกมีความรู้สีกเช่นเดียวกับรักแรกของเขาให้กับไอริส

ความเข้มแข็งที่ไว้สำหรับเผชิญหน้ากับวันอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าอภิรมณ์เท่าไรนักสำหรับบ้านของเธอ แต่เธอก็ยังมาขอโทษฮันนะและเดลด้วยตัวของเธอเอง ตัวผมเคารพในการกระทำของเธอมากๆในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง

「อะ…อืม……………เข้าใจแล้ว……คุณไอริ……」

หลังจากนั้นผมก็ลังเลที่จะเรียกว่า “ไอ”ในทันใดนั้นหัวใจของผมมันก็ผุดชื่อที่ผมคิดไม่ออกขึ้นมาได้ดังนั้นผมจึงเรียกเธอว่า “ไอริซัง”

「อืมมม ยินดีที่ได้รู้จักโนโซมุ นอกจากนี้อย่าเติมคำว่าซัง(คุณ)ลงท้ายสิ」

ผมคิดว่ามันเป็นชื่อที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่เธอเองก็ดูท่าทางจะมีความสุขกับชื่อเล่นนั่น

「อะอืม…ไอริ…………」

ในที่สุดโนโซมุก็ตัดสินใจเรียกเธอว่าไอริ……。

「ฟุฟุ!ถ้าอย่างงั้นพวกเรารีบไปหาโซเมียกันเถอะคะ」

「อืม!นั่นสินะครับ!」

เมื่อพูดเช่นนั้นไอริสก็เริ่มวิ่งออกไปทันทีเธอจับมือของโนโซมุไว้ด้วย ทันใดนั้นเองโนโซมุก็รู้สึกถึงสัมผัสอันอ่อนนุ่มจากมือของเธอ โนโซมุที่โดนลากไปเช่นนั้นก็รีบวิ่งตามเธอไป

ดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้าและดวงดาวเริ่มส่องแสงสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามพลบค่ำ เธอหันมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้มอันแสนงดงามท่ามกลางภายใต้แสงของตะวันและดวงดาวจนทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท