ตอนที่ 234 สารภาพทุกอย่าง
ตอนที่ 234 สารภาพทุกอย่าง
ทั้งสองนั่งอยู่ในเต็นท์ ฟังเสียงฝนข้างนอก จิตใจก็ค่อยๆ สงบลง
ความสนใจของมู่ฉินเจินอยู่ที่เต็นท์โครงโลหะนี้หมดแล้ว เขาใช้มือสัมผัส และศึกษามันอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง มันเป็นท่อกลวง วัสดุทั้งบางและเบามาก ถึงกระนั้นก็แข็งแรงมาก
เท่าที่เขารู้ ตอนนี้ยังไม่มีแว่นแคว้นใดที่สามารถหลอมเหล็กทั้งบางและแข็งแรงเช่นนี้ออกมาได้
หลังจากดูโครงโลหะแล้ว เขาก็พินิจผ้าใบกันน้ำของเต็นท์นั้น เนื้อผ้าช่างแปลกนัก แข็งเล็กน้อยและลื่น ทว่ากันน้ำได้ดีมาก ข้างนอกฝนตกหนักก็จริง แต่ข้างในกลับไม่เปียกเลย
หลังจากสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถูกซิปที่ประตูดึงดูดอีกครั้ง เขายื่นมือออกไป ดึงมันลง และดึงปิดอีกครั้ง ดึงลงแล้วปิดอีกครั้ง ทำเช่นนี้หลายครั้งอย่างไม่มีเบื่อ
เฉียวเยี่ยนดูการกระทำของเขาพลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ช่างเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่เสียจริงๆ
เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ยังคงเปียกอยู่ นางจึงทำได้เพียงหันกลับมาสนใจกับระบบอีกครั้ง และซื้อเสื้อผ้าใส่อยู่บ้านแบบหลวมๆ สองตัว แถมยังเป็นเสื้อคู่รักด้วย
ชุดนอนยาวสีเทาทำจากผ้าฝ้าย อุณหภูมิกลางคืนบนภูเขาลดต่ำ บวกกับฝนที่เทกระหน่ำลงมา การสวมชุดหนาหน่อยทำให้ร่างกายอบอุ่นได้
เมื่อมู่ฉินเจินเห็นนางหยิบของออกมาจากกลางอากาศอีกครั้ง เขาก็มองนางด้วยสายตาเหม่อลอย ซึ่งเฉียวเยี่ยนรู้ว่านี่คืออาการอยากรู้อยากเห็น
นางยิ้ม และยื่นชุดนอนในมือให้เขา “ท่านเปลี่ยนมันก่อน เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ท่านฟังอย่างละเอียดเลย”
วันนี้ตอนที่นางหยิบเต็นท์ออกมา นางก็พร้อมที่จะสารภาพกับมู่ฉินเจินแล้ว
อันที่จริงนางลังเลเรื่องนี้มานานแล้ว ทว่าทุกครั้งที่นางจะพูดมันก็ติดอยู่ตรงปากและก็กลืนมันกลับไป และมักจะกังวลว่าตัวเองจะถูกมองว่าเป็นคนประหลาด
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขายิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ และนางก็มั่นใจว่านี่คือคนที่นางอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วย ดังนั้นนางจึงอยากสารภาพกับเขา
ระบบตัวน้อยรู้ความคิดของโฮสต์ ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
[ท่านโฮสต์ ข้าคิดว่าพี่มู่คนหล่อเป็นคนดี ข้าเชื่อใจเขา ท่านสารภาพอย่างกล้าหาญไปเถิด ระบบจะสนับสนุนท่านเสมอ! ]
หัวใจของเฉียวเยี่ยนพลันอุ่นวาบ ก่อนหยักยิ้มบางเบา “ขอบคุณนะ เจ้าเด็กน้อย”
หลังจากทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็หยิบผ้าขนหนูสองผืนออกมา แล้วยื่นให้มู่ฉินเจินผืนหนึ่ง ให้เขาซับน้ำออกจากผม
เมื่อจัดการทุกอย่างบนตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็นั่งเผชิญหน้าเข้าหากัน เฉียวเยี่ยนกำลังเรียบเรียงคำพูดเพื่ออธิบายให้เขาฟัง ในขณะที่มู่ฉินเจินกำลังรอฟังนางอย่างตั้งใจ
เมื่อเฉียวเยี่ยนเห็นสีหน้าจริงจังของเขา ก็กัดริมฝีปาก ก่อนเปิดปากเอ่ย “ท่านเชื่อว่าบนโลกนี้มีเรื่องเช่นวิญญาณสิงในร่างใหม่ไหม?”
นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย และคอยสังเกตการแสดงออกของเขาอย่างระมัดระวัง เดิมทีนางคิดว่าเขาจะลังเลหรือปฏิเสธ กลับไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบทันที และให้คำตอบที่มั่นใจมากออกมา
“เชื่อ!”
เฉียวเยี่ยนชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ในตาเปล่งประกายความเหลือเชื่อออกมา ไม่รอให้นางได้พูดต่อ มู่ฉินเจินก็เอ่ยขึ้น “ความจริงตอนที่เพิ่งไปรับเจ้ากลับมาเมืองหลวง ข้าก็พบว่าเจ้าเปลี่ยนไปมาก หากไม่ใช่เพราะรูปร่างไม่เปลี่ยน ข้าคงยากจะบอกตัวเองให้เชื่อว่าเจ้ากับเฉียวเยี่ยนคนก่อนเป็นคนๆ เดียวกัน”
“ข้าส่งคนไปตรวจสอบเรื่องราวของเจ้าที่อยู่ในชนบทสี่ปี แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลยที่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของเจ้าได้ ข้าจึงคิดว่าเจ้าออกไปผจญภัยโลกกว้างมา หรือไม่นี่ก็คือตัวตนที่แท้จริงของเจ้า”
“แต่ต่อมา ข้าก็ค้นพบอีกว่า เรื่องที่เจ้ารู้ หาใช่แค่สิ่งเหล่านั้นที่เจ้าแสดงออกมาในปัจจุบันนี้ เจ้าเป็นเหมือนคลังสมบัติที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนได้อย่างคาดไม่ถึง สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ผลักดันความคิดเดิมของข้าออกไป ต่อให้ออกไปผจญภัยในเวลาเพียงสี่ปีสั้นๆ ก็ไม่มีทางเป็นถึงขั้นนี้แน่นอน”
“หากบอกว่าเจ้ากำลังซ่อนตัวอยู่ ข้าก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ว่าเหตุใดเจ้าที่อยู่ในเมืองหลวงและถูกคนพากันผลักไสออกไป ถูกบิดาผู้ให้กำเนิดตัดขาด ถูกข้าเมินเฉยเมื่อเข้าตำหนักอ๋องมา กระทั่งถูกข้ารับใช้รังแก กลับไม่เคยแก้แค้นตอบโต้ใดๆ”
“เฉียวเยี่ยนเมื่อก่อนอ่อนแอและโง่เขลา ทว่าเจ้าในตอนนี้กลับเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ ข้าคิดมาเนิ่นนาน ก็มีเพียงเหตุผลที่ว่า ‘พวกเจ้าไม่ใช่คนๆ เดียวกัน’ เท่านั้นที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้”
“อาเยี่ยน ข้ารู้ว่าเจ้ามีความหวั่นเกรง เจ้าเลยไม่เล่าสถานะของเจ้าให้ชัดเจน แต่ข้าก็ไม่สนใจ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร หรือเป็นอะไร ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า เจ้าก็คือภรรยาของข้า เป็นแม่ของลูกข้า และเป็นคนที่ข้ารักที่สุด”
ความจริงแล้วหลังจากที่ตอนแรกเขามีความคิดนี้ เขาก็ไปรวบรวมหนังสือตำราเกี่ยวกับเรื่องแปลกๆ มากมายมาอ่าน พยายามหาคำตอบจากในหนังสือ
ต่อมาเมื่อเห็นความรักอันเจ็บปวดระหว่างมนุษย์กับปีศาจ มนุษย์กับเซียน หรือมนุษย์กับวิญญาณในนิยายแล้ว เขาก็สงสัยว่าเจ้าท่อนไม้ของตัวเองอาจจะเป็นนางฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์ เป็นปีศาจน้อยที่ได้รับฝึกบำเพ็ญ หรือวิญญาณที่ลอยไปมาอยู่บนโลกก็ได้
เฉียวเยี่ยนฟังเขาพูดช้าๆ และอดร้องไห้ออกมาไม่ได้ ที่แท้เขาก็เคยสงสัย เคยคาดเดา กระทั่งตอนนี้ยังแน่ใจด้วยซ้ำว่านางเป็นคนละคน แต่เขาไม่เคยถามนางเลย เอาแต่ปรนเปรอนางมา ปกป้องนางมาตลอด
ในตอนแรกนางรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา ก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย อะไรคือ ‘ไม่สนว่านางจะเป็นอะไร?’ กัน หรือว่าพี่ชายคนนี้จะคิดว่านางไม่ใช่มนุษย์!
ใบหน้าของนางชะงักค้างไปด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง พลันไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไรไปชั่วขณะ
เขาคิดว่านางไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ยังรักนางอยู่ เรื่องนี้ทำให้นางซาบซึ้งและปลื้มใจมาก แต่เหตุใดจึงรู้สึกแปลกๆ ที่โดนมองว่าไม่ใช่มนุษย์กันนะ?
ระบบตัวน้อยตั้งม้านั่งน้อยเสร็จ ก็นั่งตัวตรง และตั้งใจฟังคำสารภาพระหว่างโฮสต์กับพี่มู่คนหล่อ เมื่อพี่มู่คนหล่อเปิดปากเอ่ย นางก็รู้สึกซาบซึ้งสุดๆ ทว่าพอตอนท้ายเห็นเขาสงสัยว่าโฮสต์ของนางไม่ใช่มนุษย์ ก็หัวเราะจนกลิ้งไปมากับพื้น
เฉียวเยี่ยนค้อนมองระบบตัวน้อย ก่อนเอ่ยอย่างจนใจ “หัวเราะอยู่นั่น พอได้แล้ว ข้าหน้าหนาหรือไร?”
เมื่อมู่ฉินเจินเห็นท่าทางแข็งทื่อของนาง ก็คิดว่าตัวเองทำให้นางตกใจกลัว จึงขยับร่างเข้าไปนั่งข้างนาง แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน “ไม่ต้องกลัว ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ หากเจ้าไม่อยากพูดอะไร ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ข้าเข้าใจ”
เฉียวเยี่ยน”…”
ไม่ พี่ชาย! ท่านไม่เข้าใจ!
นางอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเชื่อฟัง และลูบหน้าอกของเขาเบาๆ เอ่ยปลอบโยนเขา “ไม่ต้องกังวลนะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น ข้ายังเป็นมนุษย์อยู่”
“ร่างกายของข้าเป็นของเฉียวเยี่ยนคนเดิม ทว่าวิญญาณของข้ามาจากโลกอนาคต รัชสมัยของพวกท่านไม่เคยมีอยู่ในโลกของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าที่นี่ห่างจากยุคของข้าไปกี่ปี แต่อย่างน้อยน่าจะสักสามหรือสี่ร้อยปี”
ทันทีที่คำพูดนางออกมา มู่ฉินเจินก็เงียบลง ไฉนนี่ถึงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดกว่าที่เขาคิดนะ
เฉียวเยี่ยนกล่าวต่อ “ในโลกของข้า เรียกเหตุการณ์เช่นนี้ว่าการทะลุมิติ เหตุที่ข้ารู้เรื่องประหลาดหาได้ยากเช่นนี้ ก็เพราะได้เรียนรู้มาจากโลกก่อนหน้า”
……
นางค่อยๆ แนะนำโลกสมัยใหม่ให้มู่ฉินเจิน สีหน้ามู่ฉินเจินเต็มไปด้วยความฉงนและเหลือเชื่อ ที่แท้โลกในอีกร้อยกว่าปีต่อมาเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้นี่เอง
มีรถยนต์ที่วิ่งได้โดยไม่ต้องใช้ม้า ผู้คนสามารถนั่งไอ้สิ่งที่เรียกว่าเครื่องบินลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ ห้องที่พักอาศัยก็สูงได้เป็นร้อยๆ ชั้น…
พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน
ขณะฟังนางพูด จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าท่อนไม้ นางจากโลกที่เฟื่องฟูขนาดนั้นมาอยู่ในบ้านเมืองอันล้าหลังของเขาก็น่าจะผิดหวังมาก และคงยากที่จะยอมรับได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อึ้งไปเลยสิท่านอ๋อง โลกอนาคตมีอะไรชวนตะลึงมากกว่าที่ท่านคิดอีกเยอะ
ไหหม่า(海馬)