พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 32

ตอนที่ 32

บทที่ 4ตอนที่2

 

 

โนโซมุกำลังเดินไปตามถนนสายหลักที่จะพาไปสู่สถาบัน นักเรียนที่เดินผ่านกันก็กำลังสนทนาหัวข้อของตัวเอง อย่างขยันขันแข็ง

 

 

เครื่องแบบสีขาวอันโดดเด่นบนถนนเส้นนี้มีทั่วไปหมด แต่ว่าไอริสที่เป็นไม้งามก็ยังคงเด่นกว่าใครเหมือนเคย

 

 

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองมาที่พวกเขาทุกครั้งไป มองมาด้วยความอิจฉาริษยาและอีกมากมาย แต่โนโซมุก็ได้แต่ปล่อยผ่านมันไป

 

 

ทางฝั่งมาร์เองก็ไม่ได้ดูแย่ ดูเป็นคนเจ้าระเบียบขึ้นมาเพราะน้องสาวอิน่าที่คอยตามประกบนั่นเอง

 

 

แต่ก่อนเขาจะมีสายตาชอบหาเรื่องชาวบ้านที่มองใครก็ต้องขยาด แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วท่าทางของเขาที่ดูสงบทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูดีขึ้นมา

 

 

(แน่นอนว่าตัวผมเป็นคนธรรมดาที่สุดในหมู่พวกเขาแล้ว……)

 

 

ในทางกลับกันโนโซมุน่ะดูปกติสุดในกลุ่ม เพราะใบหน้าเหมือนคนธรรมดาดาษดื่นที่เห็นได้ทั่วไป ส่วนสูงก็อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่โดนกดดันมากที่สุด

 

 

◇◆◇

 

 

(เฮ้อถึงไหนแล้วนะ อะ ยันต์นั่นที่หลังโรงเรียน ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นเทคนิคของโทวโฮวที่ใช้มองไกล แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนใช้มัน……)

 

ทันใดนั้นโนโซมุก็จำยันต์นั่นที่อยู่หลังอาคารเรียนได้

 

 

บนยันต์นั่นมีเขียนไว้ว่า “ดวงตาแห่งการเชื่อมต่อ”มันเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ผมพบในห้องสมุด แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครใช้มัน

 

 

มิตรภาพของโนโซมุที่มีอันน้อยนิดทำให้ไม่ค่อยรู้จักใครในชั้นเรียนอื่นมากนัก

 

 

เมื่อพิจารณาได้ว่าเครื่องหมายนี่มันกวนใจผมอยู่มาร์เองก็สงสัยเช่นกัน

 

 

(……บางทีไอริสกับทิม่าน่าจะรู้)

 

 

「เอ่อคือว่าผมมีอะไรจะถามไอริสกับทิม่าซังครับ?」

 

「อืม มีอะไรเหรอคะ?」

 

 

「เอ๊ะ….งั้นมีอะไรเหรอ…คะ?」

 

 

โนโซมุแสดงยันต์ที่เก็บได้หลังอาคารเรียน

 

 

「ฉันรู้นะว่ามันคืออะไร?」

 

 

ทิม่าตอบสนองต่อโนโซมุเป็นคนแรก เห็นได้ชัดว่าทิม่าเชี่ยวชาญด้านเวทย์อย่างมาก

 

 

「เจ้านี่คือยันต์ มันเป็นสื่อกลางที่เอาไว้ใช้เวทย์ของคนฝั่งตะวันออก」

 

「อืม แล้วจำอะไรได้อีกไหมครับ?」

 

 

เธอทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และจ้องไปที่หน้าของโนโซมุ แต่ว่าท่าทางของเธอดูไม่ดีเท่าไร

 

 

「้หืมมมมมม ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ไว้ใช้ระยะไกล…………」

 

「ส่วนตัวฉันไม่รู้ค่ะ เพราะมีไม่กี่คนที่จะใช้เทคนิคของโทวโฮวที่สถาบันแห่งนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ไม่ค่อยได้ออกนอกประเทศบ่อยค่ะ อย่างน้อยขั้นต่ำก็น่าจะเป็นพวกห้อง 3 ขึ้นไปค่ะ」

 

 

ไอริสที่กำลังจ้องมองมันก็พูดบอกว่าไม่คุ้นกับมันเลย ในขณะเดียวกันเธอก็สงสัยว่าโนโซมุได้มันมาได้ยังไง เพราะเธอก็รู้ดีว่าโนโซมุใช้พลังเวทย์ไม่ได้

 

 

「…………หรือมากกว่านั้น ยันต์นี่มันมีอะไรแปลกๆยังงั้นเหรอ?」

 

「เออ! อืมนั่นก็คือ…………」

 

โนโซมุหยุดนิ่งกับคำถามที่ถูกถามมากระทันหัน

 

 

อันที่จริงโนโซมุไม่ได้บอกเรื่องที่เขาโดนพาตัวไปด้านหลังสถาบัน เขาไม่อยากให้ไอริสต้องกังวลเกี่ยวกับเขาเพราะว่าสาเหตุมันมาจากตัวเธอ

 

เมื่อโนโซมุได้ยินว่ามาร์จะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ก็เลยจะดีกว่าที่จะบอกไอริสหลังจบเรื่องราวทุกอย่างลงได้แล้ว

 

 

「………………ซ่อนอะไรบางอย่างไว้งั้นเหรอ?」

 

「……นั่นสินะ?」「เป็นแบบนั้นจริงๆสินะ?」

 

 

ขณะนั้นเองโนโซมุก็โดนคนอื่นๆทักว่าตัวเองกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

 

 

บางทีพวกเขาอาจจะรู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไอริสจ้องมองโนโซมุเสียจนไม่ให้แก้ตัว

 

 

「เอ่อคือ「หมอนี่ โดนพาตัวไปหลังอาคารเรียนเมื่อวันก่อนหลังจากที่เธอมาหาพวกเรา」เดี๋ยวสิ! มาร์!!」

 

 

「…………หมายความว่ายังไงคะ?」

 

 

「โนโซมุคุง……」

 

 

「คุณโนโซมุ……」

 

 

โนโซมุพยายามจะแก้ตัวแต่โนโซมุหนีไม่ได้พวกเธอต่างจับจ้องราวกับจะบอกว่า “อย่าคิดจะโกหกเด็ดขาด”

 

 

เสียงของไอริสทุ้มต่ำลงจนน่ากลัวอย่างแปลกประหลาด ดวงตาของเธอแหลมคมขึ้นราวกับจะมองทะลุโนโซมุลงไป

 

 

ใบหน้าของโซเมียและทิม่าที่จ้องโนโซมุด้วยความเป็นห่วง………ตัวโนโซมุเองก็รู้สึกผิดกับการที่ต้องปกปิด

 

 

「……เอ่อคือก็บอกแล้วว่า「มาคุยกันหน่อยสิ」…………ครับ」

 

 

ในที่สุดโนโซมุก็ทนสายตาของทั้งสามที่กดดันไม่ได้และยอมบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 

เมื่อไอริสได้ยินเรื่องราวก็โกรธมาก ความโกรธของเธอที่อยากจะระบายใส่นักเรียนที่เข้ามาทำร้ายเขา ความโกรธที่โนโซมุต้องอดกลั้นเอาไว้

 

 

「……แล้วทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรก?」

 

「ตอนแรกผมก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องทั่วไป มันจะดีกว่าถ้าผมแก้ปัญหาด้วยตัวผมเอง……」

 

「นั่นไม่ใช่ปัญหาสักหน่อยค่ะ!! ไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้คนเดียวนะคะ!」

 

 

「ใช่แล้วล่ะคะ คุณโนโซมุ! ปัญหาคือทำไมไม่ยอมคุยกับพวกเราต่างหาก!!」

 

 

「นั่นสิคะ! มันเจ็บปวดนะที่ต้องมานั่งเห็นเพื่อนนั่งอมทุกข์อยู่คนเดียว แต่มันจะยิ่งเศร้ากว่าอีกถ้าไม่คิดจะบอกกันเลยแบบนี้!!」

 

 

โนโซมุถูกทั้งสามสาวตำหนิ พวกเธอไม่สามารถเมินเฉยได้เพราะพวกเธอก็มีส่วนร่วมในความผิดครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะพยายามระมัดระวัง แต่สิ่งที่ปกปิดไว้สำหรับพวกเธอนั่นเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวพวกเธออย่างมาก

 

 

「คุคุ! รอบนี้แกแย่เองนะโนโซมุ。」

 

 

มาร์พึมพำด้วยท่าทางสนุก มาร์ยืนอยู่ข้างทั้งสามแม้ว่าเขาจะมีส่วนร่วมแต่หาได้สนใจไม่

 

 

แต่ว่าไอริสไม่ลืมมาร์หรอก

 

 

「………………ยังไงซะมาร์ก็มีส่วนเอี่ยวด้วยนี่นะคะ。」

 

 

「อึ๋ย!」

 

 

「…………ฉันเห็นด้วยคะ กรณีนี่คุณมาร์มีความผิดค่ะท่านพี่」

 

 

「……มาร์คุงงงงงงงงง」

 

 

「…………อืมมจริงสิ! วันนี้ข้าต้องไปเฝ้าร้านนี่หว่า……」

 

 

มาร์ตระหนักดีว่าหอกของไอริสชี้ไปทางเขาแล้วและพยายามหนีออกจากที่นั่นด้วยคำโกหกทันที อย่างไรก็ตามมาร์รีบวิ่งแต่ก็โดนกระชากคอเสื้อไว้ ไอริสดึงมาร์กลับมา รอยยิ้มสวยเหี้ยมเกรียมนั่นเผยให้เห็น โซเมียและทิม่าเองก็หัวเราะแบบไม่เป็นมิตรเลย

 

 

「เอาล่ะถึงเวลาเทศนากันหน่อยแล้ว」

 

 

โนโซมุและมาร์ไม่สามารถขัดขืนได้เลยและตัดสินใจยกธงขาวใส่สาวๆแต่เนิ่นๆ

 

 

 

ในที่สุดหลังจากที่ทั้งสามคนเทศนาใส่พวกโนโซมุเสร็จสิ้นก็ไปที่สวนสาธารณะหน้าโรงเรียนจนกระทั่งถึงสถานที่ๆต้องแยกกับโซเมียที่ไปโรงเรียนอีคอร์ส

 

 

「โนโซมุ จากนี้ไปก็อย่าซ่อนอะไรอีกนะคะ」

 

 

「นั่นสินะคะ! ห้ามซ่อนนะคุณโนโซมุ!」

 

 

「มาร์คุงเองก็ด้วยนะ……」

 

 

 

 

「หะหะหะ」

 

「……เข้าใจแล้วล่ะน่า……」

 

 

ทั้งโนโซมุและมาร์ต่างไหล่ตกกับใบหน้าซีดเซียว ดูเหมือนว่าเส้นทางต่อจากนี้คงลำบากน่าดู

 

 

โซเมียที่ยังเด็กทำท่าทางโกรธแก้มป่อง แต่ไอริสที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่สงบเหมือนดั่งเคย

 

 

โนโซมุไม่คิดว่าเธอจะโกรธเขาถึงขนาดนี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ขอโทษเธอ

 

 

ทิม่าเองก็จ้องไปทางมาร์ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง สำหรับการที่ทำให้สาวสวยเช่นเธอมารู้สึกเช่นนี้คงทำให้มาร์รู้สึกผิดมากจริงๆนั่นละ

 

 

มาร์เองก็รู้สึกผิดและทำท่าทางคร่ำครวญ เช่น “เอ่อ” “โม่ว”และในที่สุดก็ขอโทษเธอจากใจจริง

 

 

◇◆◇

 

 

「โอ๊ะ! ตรงนั้นคุณหนูเมื่อตอนนั้นไม่ใช่เหรอนั่น!」

 

 

เมื่อโนโซมุมองไปก็พบกับชายชราหัวขาวมีเครากำลังเดินมาทางนี้ นั่นคือตาแก่ซอนเน่จอมลามากที่ลวนลามไอริสเมื่อไม่กี่วันมานี้

 

 

「…………ทำไมตาแก่นั่นถึงมาอยู่ที่นี่?」

 

 

เมื่อโนโซมุถามชายชราก็เริ่มตอบกลับมาด้วยท่าทางราวกับถูกหวย

 

「ก็ได้กลิ่นหอมๆของดอกไม้แสนสวยก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับคุณหนูแสนสวยอีกครั้ง….นี่มันชะตากรรมสินะเนี่ย!」

 

 

 

(กลิ่นงั้นเหรอ…………พาตาแก่นี่ไปหาทหารดีไหมเนี่ย? หรือควรจะพาไปหาหมอดี?)

 

 

ตามปกติแล้วตาแก่นี่มีแต่เลือกลามกจกเปรตอยู่ในหัวตลอดเวลา แต่ว่าหมอนั่นบอกตามกลิ่นมาตามธรรมชาติ โนโซมุรู้สึกแปลกใจควรจะส่งหมอนี่ให้ทหารยามแถวนี้ดีไหมเนี่ย

 

 

「ว่าไงนะ! มีสาวสวยเพิ่มอีกคนยังงั้นเหรอ! เป็นไปได้ไงกันเนี่ย!ถ้าไม่รังเกียจไปดื่มชากับตาแก่คนนี้จะได้ไหมน้อ ?!」

 

「เอ๋ ฉันงั้นเหรอคะ」「……เอออออ๋!」

 

ทันใดที่ซอนเน่สังเกตเห็นโซเมียและทิม่าก็พุ่งเข้าหาทันที ราวกับว่าจะลักพาตัวไปได้ตลอดเวลา แถมแถวนี้ยังใกล้กับเขตประตูหลักของสถาบันอีก มีนักเรียนหลายคนกำลังมุ่งหน้าไปทางสถาบัน คนรอบข้างก็เริ่มมองมา แต่ดูเหมือนซอนเน่จะไม่สนใจ

 

 

「อุมุ! มีร้านแจ่มๆแถวนี้ด้วยน่าาา!ถึงยังงั้นพวกเธอเนี่ยก็สวยเหมือนดอกลิลลี่สีขาวที่บานสะพรั่งเลยน้า!」

 

ซอนเน่เริ่มเข้าใกล้โซเมียและทิม่า เมื่อวันก่อนผมอารมณ์ขึ้นมากเกินไปเพราะคิดว่าเหมือนชิโนะ

 

 

「อะเอ่อ……………คาบแรกจะเริ่มแล้วด้วยสิเนี่ย…………」

 

 

โซเมียดูท่าทางไม่ค่อยเข้าใจ แต่ปัญหาคือทิม่าที่รับมือผู้ชายไม่เก่ง ซอนเน่โดนคำพูดนั่นจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

 

 

「ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการได้พบกัน! คนเราน่ะนานๆพบกันครั้งหนึ่ง การพบกันครั้งนี้อาจเรียกได้ว่าโชคชะตา อาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นการได้พบอัญมณีแสนล้ำค่าอยู่ตรงหน้าเช่นนี้! นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าพวกเธอควรมาออกเดทกับตาแก่คนนี้「「ไม่ต้องกลัวหรอกนะ!!!」」อั่กกกกกกกกกกก!!」

 

 

หมัดของโนโซมุและมาร์กระแทกเข้าศีรษะซอนเน่โดยตรงหมัดทั้งสองประสานกันเป็นหนึ่งเดียวจนตาแก่ซอนเน่ปลิวไปไกล หมอนั่นโอดครวญด้วยท่าทางน่าสมเพช

 

 

「ทำอะไรกันหะ!」

 

 

「หนอยแน่ตาแก่บ้ากาม! ถ้ายังคิดจะฝืนไปต่อละก็หามส่งทหารยามแถวนี้คงไม่ว่ากันนะ!!」

 

 

ซอนเน่ที่ล้มลงพื้นและหน้าบวมแดงก็พูดออกมาอย่างเห็นแก่ตัว ตามที่คิดไว้โนโซมุไม่คิดจะปล่อยเขาไว้เลยพูดออกไปกับหมอนั่นอย่างไม่ลังเล

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุรู้สึกสับสนที่ได้ยินคำพูดถัดไป

 

 

 

「……ไม่ล่ะข้าไม่ต้องการเจ้าพวกนั้น ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยไหมละ……」

 

「……หะ!」

 

มาร์เองที่ตอบสนองต่อจิตสังหารของซอนเน่ด้วยดาบใหญ่

 

 

หากมองใกล้ๆแล้วตอนนี้ดวงตาของตาแก่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดจนลืมความโกรธไปแล้ว

 

「เห้ย ตาแก่!คิดจะทำอะไรกันแน่ในสถานที่แบบนี้หะ!!」

 

「ก็เพราะว่าข้าตัดสินใจแล้วน่ะสิ!! ว่าจะจัดการไอ้ตาแก่ลามกทิ้งซะตรงนี้เลย!!」

 

มาร์ชักดาบใหญ่ออกมาจากฝัก ทิม่าและโซเมียต่างตกใจเพราะคิดว่ามันแย่แน่ๆ

 

「เดี๋ยวก่อนสิคะ! อย่าทำแบบนั้นเลยนะคุณมาร์คะ!!」

 

 

「เดะเดี๋ยวก่อนสิมาร์คุง! แบบนี้มันเกินไปหน่อยแล้วนะ!!」

 

 

「ช่วยข้าด้วยสิ~~!!」

 

 

「อาาาาา! รอก่อนสิฟะ ตาแก่เวรเอ้ย!!」

 

 

ทิม่าและโซเมียพยายามหยุดมาร์ที่กำลังพุ่งเข้าไปมาซอนเน่ บางทีเพราะรับรู้ความโกรธของมาร์ได้ก็เลยเผ่นแน่บไปแล้ว

 

(เร็วมาก! นี่แก่แล้วจริงเหรอฟะ……)

 

ซอนเน่วิ่งหนีไปด้วยความเร็วที่ไม่เหมือนตาแก่เลยแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็๖ามหากคิดดูอาจารย์เองก็เคลื่อนไหวได้ประมาณเขาเลย เมื่อคิดดูแล้วน่าจะเกิดในคนประเภทเดียวกับอาจารย์

 

 

เป็นตัวตนที่หายาก พบเจอได้ยาก แต่ถ้าคิดว่าอีกฝ่ายเหมือนชิโนะ โนโซมุเองก็โกรธเหมือนกัน

 

 

「จะหนีไปไหน ! รอก่อนสิวะ!!」

 

 

「เอ่อ ใจเย็นได้แล้วนะคะ มาร์คุง!」

 

 

「ทั้งพี่สาวและทั้งคุณโนโซมุเลยโม่ว! มาช่วยกันด้วยสิคะ~~」

 

 

 

(เออะ ผมลืมดูมาร์เลย……・)

 

 

โนโซมุรีบไปช่วยตามคำพูดของโซเมีย

 

 

◇◆◇

 

 

โนโซมุและมาร์แยกทางจากไอริสและเดินไปที่ห้อง 10

 

 

มาร์ยังคงทำท่าทางหงุดหงิดไม่หาย

 

 

 

 

「ชิ ไอ้ตาแก่นั่น……」

 

ข้าไม่สามารถหยุดความโกรธที่มีต่อตาแก่ลามกนั่นได้เลย แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็มีเปลวไฟแห่งความโกรธอยู่ในตัวของข้า

 

「ผมเองก็ไม่เห็นใจตาแก่นั่นหรอก ว่าแต่ว่ามาร์ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?」

 

「……อืม!」

 

 

โนโซมุเรียกข้าที่ยังโกรธไม่หาย แต่ข้าก็ส่งเสียงออกมาเล็กน้อย

 

ทำไมข้าถึงโกรธหนักขนาดนี้กันนะ?

 

 

พอเห็นหมอนั่นเข้ามาใกล้ทิม่าแล้ว ข้าก็รู้สึกโกรธจนบอกไม่ถูก รู้สึกหงุดหงิดมากที่เห็นตาแก่นั่นมาเซ้าซี้เธอ ความรู้สึกมันผสมปนเปไปทั่ว

 

 

ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงภาพของชายคนนั้นคือศัตรูและพยายามจะจัดการให้พ้นตาให้เร็วที่สุด ข้าเองก็รู้ตัวว่าทำเกินไปแต่ว่าเหตุผลในใจข้ามันผลักดันการกระทำเหล่านั้น

 

(เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่เนี่ย? ข้าน่ะ…………)

 

เพื่อนของข้าก็จ้องมองมาทางนี้ด้วยท่าทางเป็นห่วง แต่ข้าไม่ได้สังเกตเห็นเลย

 

◇◆◇

 

โนโซมุถอนหายใจที่เห็นมาร์ยังโกรธไม่หาย แม้ว่าจะมาถึงห้องเรียนแล้วก็ตาม

ตอนนั้นเองก็มีนักเรียนชายคนหนึ่งโผล่มาตรงหน้าผม

 

 

「โอ้ตโตะ」「โอ้ว!」

 

 

ผมพยายามหลีกเลี่ยงแต่ว่าก็เลี่ยงไม่ได้จนไหล่ของพวกเราชนกัน โนโซมุรู้สึกประหลาดใจที่เห็นฝั่งตรงข้ามลุกขึ้นมาในทันที

 

เขามีรูปร่างผอมบางมีหูและหางสีทอง ผู้หญิงส่วนใหญ่ถ้าได้เห็นต้องร้องกรี๊ด

 

 

「อ่าาา ขอโทษด้วยนะพอดีรีบอยู่ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?」

 

「อืม ก็โอเค……แล้วนายล่ะ?」

 

「ก็โอเคดี ถึงแม้จะหน้าตาแบบนี้ก็เถอะน้า」

 

 

ทันใดนั้นหางนั่นก็วนเข้าไปคลุมอกเขาและก็ยืดอกด้วยท่าทางภูมิใจ ไม่มีอารมณ์เชิงลบแม้แต่น้อย เป็นความบริสุทธิ์ที่ดูเหมือนเด็กๆ โนโซมุรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกเหล่านี้

 

 

「โอ้วววว ข้าน้อยชื่อ ฟีโอ・ริซิสซ่าส์ ปี 3 ห้อง 2 ล่ะ 」

 

「อ่า ผม โนโซมุ ・เบลาตี้ อยู่ปี 3 ห้อง 10」

 

「หืมมมมมมมมมม หรือว่า เป็นคนใน “ข่าวลือ” โนโซมุ เบลาตี้」

 

「อ่าาา…………」

 

 

เมื่อฟีโอได้ยินชื่อของผมเขาก็หรี่ตาจ้องมองโนโซมุ โนโซมุพยายามขุดคุ้ยความทรงจำเพราะเขารู้สึกคุ้นเคยกับคนๆนี้มากๆ

 

 

“แกร๊งๆ”

 

 

ตอนนั้นเองระฆังคาบเช้าก็ดังขึ้น

 

「แย่จัง ถ้าอยู่นานกว่านี้เดี๋ยวจะสาย ข้าน้อยขอตัวก่อนนะ โนโซมุ!」

 

จากนั้นฟีโอก็กล่าวลาและรีบเดินออกไป โนโซมุเองก็ไม่มีทางเลือกได้แต่เดินกลับไปที่ห้องเรียนโดยที่ยังไม่สามารถขจัดความข้องใจได้

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท