ตอนที่ 245 คนที่มีฐานะต่ำสุดในครอบครัว
ตอนที่ 245 คนที่มีฐานะต่ำสุดในครอบครัว
เมื่อเฉียวเยี่ยนนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ฮองเฮากับซูเนี่ยนหว่านก็เข้ามาจากประตู
พวกนางไล่นางข้าหลวงออกไปทั้งหมด ซูเนี่ยนหว่านหยิบหวีไม้เถาบนโต๊ะขึ้นมา และค่อยๆ สางผมของเฉียวเยี่ยนเบาๆ
“ลูกรัก ไม่ว่าเจ้าจะมาจากไหน เจ้าก็คือลูกสาวของแม่”
“แม้ว่าในสายตาคนนอก เจ้าจะแต่งงานกับมู่ฉินเจินไปแล้ว แต่เขาบอกว่าเขาติดค้างเจ้าอยู่หนึ่งอย่างคือการแต่งงานอย่างแท้จริงในนามเจ้า และแม่เองก็ไม่ได้ส่งเจ้าออกเรือน ตอนนี้ประจวบเหมาะต่อการจัดงานมงคลให้พวกเจ้าอีกครั้ง ถือเสียว่าเป็นการเติมเต็มความเสียใจของทุกคน”
“หวีแรก มิต้องห่วงทรัพย์สมบัติ หวีสอง ไร้โรคภัยไร้กังวล หวีสาม มีลูกมาก มีอายุยืนยาว…”
ซูเนี่ยนหว่านหวีผมให้นางไปพลาง ปากพร่ำคำสิริมงคลไปพลาง ส่วนเฉียวเยี่ยนก็น้ำตาไหลตลอดอย่างกลั้นไม่อยู่
แม้งานแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการชดเชยความเสียใจในอดีต และชีวิตต่อจากนี้ของพวกเขาก็จะไม่เปลี่ยนไปมากนัก อีกทั้งมารดากับพี่ชายของนางก็ยังอยู่เคียงข้างนาง ทว่าความรู้สึกราวกับส่งไปแต่งงานแดนไกลกลับก่อเกิดขึ้นในหัวใจนาง
ฮองเฮายืนอยู่ข้างๆ เห็นนางร้องไห้ ก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง “ไม่ร้องๆ วันนี้เป็นวันแต่งงาน ควรยิ้มสิถึงจะถูก”
นางมีความสุขมาก สองสามวันนี้ล้วนเบิกบานใจ สาวน้อยผู้เก่งกาจเช่นนี้คือพระสุณิสาของนาง ใครได้เห็นเป็นต้องอิจฉา
ไม่กี่วันก่อน เจ้าเด็กบ้าของนางเข้าวังมาเล่าอัตชีวประวัติของเฉียวเยี่ยนให้นางฟัง นางยังคิดว่าเขาเป็นคนบ้าพูดจาไร้สาระอยู่เลย
ทว่าวาจาของเขาเต็มไปด้วยสัจธรรมและมีเหตุผลถูกต้อง จริงจัง ดูไม่เหมือนเลอะเลือน ทำให้นางกับชายชราใช้เวลาอยู่นานกว่าจะยอมรับความจริงข้อนี้ได้
ใช่ว่าพวกเขาหวาดกลัวหรือรู้สึกบางอย่างกับเฉียวเยี่ยน เพียงแค่รู้สึกเหลือเชื่อเกินไปว่าบนโลกนี้ยังมีเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่
แต่หลังจากขบคิดกระจ่างแล้ว พวกเขาก็คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี และมันเป็นโชคชะตาของเด็กสองคนที่ข้ามเวลาและจักรวาลมาเจอกัน
สองแม่ลูกกำลังร้องไห้ ทว่าฮองเฮาที่ยืนอยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ไหวแล้ว ถึงจะใจร้ายไปหน่อย กระนั้นนางก็มีความสุขจริงๆ
ในเมื่อลูกสาวบ้านอื่นเข้ามาในบ้านนาง นางจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน?
หลังจากหวีผมเกล้าผมเสร็จ ก็สวมมงกุฏหรูหราไว้บนศีรษะ เฉียวเยี่ยนในวันนี้งดงามยิ่ง ซูเนี่ยนหว่านกับฮองเฮาสองคนเห็นก็ชื่นชอบนัก พลันรู้สึกเสียเปรียบมู่ฉินเจินเจ้าเด็กคนนี้อยู่เล็กน้อย
ยามเฉินผ่านไป ขบวนรับเจ้าสาวก็มาถึง
มู่ฉินเจินยืนอยู่หน้าประตู ทำความเคารพคนในห้อง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “อาเยี่ยน ข้ามารับเจ้ากลับบ้านแล้ว”
วินาทีที่ได้ยินเสียงมู่ฉินเจิน หัวใจของเฉียวเยี่ยนก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา แม้จะหลับนอนบนเตียงเดียวกันกับมู่ฉินเจินมาแล้วสองปี ทว่านางในเวลานี้ยังประหม่าจริงๆ ราวกับแต่งงานเป็นครั้งแรก
ซูเนี่ยนหว่านนำผ้าคลุมหน้าข้างๆ มาคลุมให้เฉียวเยี่ยน และแตะมือนางเบาๆ “จากนี้ไป ใช้ชีวิตอยู่กับฉินเจินดีๆ นะ”
เฉียวเยี่ยนพยักหน้า ฮองเฮาส่งสัญญาณให้นางข้าหลวงเปิดประตู มู่ฉินเจินเข้าไป และคุกเข่าคำนับซูเนี่ยนหว่าน “วันนี้ลูกเขยมาขออาเยี่ยนแต่งงาน จากนี้ไปจะทะนุถนอมนาง ให้ความสำคัญกับนาง รักนาง ขอแม่ยายโปรดวางใจ”
ซูเนี่ยนหว่านพยุงเขาขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม และส่งมือเฉียวเยี่ยนให้มือเขา เกี่ยวกับเขานั้น นางรู้สึกวางใจมาก ไม่จำเป็นต้องกำชับอะไรอีก
ส่วนฮองเฮาในวันนี้ไม่ใช่ครอบครัวฝั่งสามี แต่เป็นฝั่งภรรยาอย่างเห็นได้ชัด นางกำชับมู่ฉินเจินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากเจ้ากล้าทำไม่ดีต่อเสี่ยวเยี่ยน ข้าจะถลกหนังเจ้า และไล่เจ้าออกจากเมืองหลวงไปขอข้าวคนอื่นกิน!”
รอยยิ้มนุ่มนวลเต็มใบหน้ามู่ฉินเจินในเวลานี้แข็งค้าง มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย เอาเถิด ดูท่าวันนี้เขาคงเป็นฝ่ายแต่งงานออกไป และเป็นคนที่ไม่มีครอบครัวแล้ว
เฉียวเยี่ยนถูกคลุมศีรษะไว้อยู่ จึงมองเห็นสีหน้าเขาได้ไม่ชัดเจน กระนั้นก็สามารถเดาได้แปดส่วน จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
มู่ฉินเจินบีบมือนางเบาๆ ก่อนเปิดปากเอ่ย “ไม่ต้องห่วง ต่อให้ข้าต้องไปขอทานเขากิน ข้าก็เลี้ยงเจ้าได้”
ระบบตัวน้อยถือผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ ไว้ในมือ และซับน้ำตาทิพย์ที่มุมหางตา รู้สึกประทับใจเหลือเกิน
[ท่านโฮสต์ ท่านคือคนที่พี่มู่คนหล่อจะเลี้ยงแม้จะต้องไปขออาหารกิน!]
เฉียวเยี่ยนหัวเราะหนักขึ้นจนร่างกายของนางสั่นเทา พู่บนมงกุฎสั่นไหวดังกรุ๋งกริ๋ง ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังเศร้ามาก ทว่าตอนนี้เหลือเพียงเรื่องตลกแล้ว
ฮองเฮาจ้องมองมู่ฉินเจิน และเอ่ยไล่ “รีบไปได้แล้ว เร็วเข้า อย่ามาขัดหูขัดตาข้าที่นี่!”
มู่ฉินเจินไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบจับมือเฉียวเยี่ยนเดินออกไปข้างนอกทันที
หลังจากออกจากห้องไป เขาก็อุ้มเฉียวเยี่ยนขึ้นมา ก่อนเอ่ยล้อเล่นอย่างน่าสงสารและขบขัน “จากนี้ไปสามีจะเป็นคนที่มีฐานะต่ำสุดในครอบครัวแล้ว ฮูหยินต้องปกป้องข้าดีๆ นะ”
เฉียวเยี่ยนหัวเราะด้วยความยินดี พลางตบหน้าอกตัวเองเหมือนชายทรงอำนาจ และเอ่ยรับปาก “วางใจเถิด ภรรยาใหญ่คนนี้จะปกป้องอ๋องน้อยเอง”
ภรรยาใหญ่?
เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ มู่ฉินเจินก็หัวเราะขึ้นมา ในเมื่อนางอยากเป็นภรรยาใหญ่ เช่นนั้นเขาจะถือเสียว่าตัวเองเป็นคนแต่งเข้ามาก็แล้วกัน
เฉียวเยี่ยนถูกอุ้มเข้าไปในเกี้ยว ด้านในเกี้ยวมีเตาถ่านอยู่สองสามเตา และผืนผ้านวมนุ่มๆ แม้ข้างนอกจะหนาวเย็นจัด ทว่าข้างในอบอุ่นมาก
มู่ฉินเจินสวมชุดสีแดงหล่อเหลามิมีใครเทียม พลิกตัวควบหลังม้า และนำขบวนออกไปนอกพระราชวัง ตลอดทางมีดนตรีขับขานบรรเลง คึกคักเป็นพิเศษ
ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครเลือกที่จะแต่งงานในวันส่งท้ายปีเก่า ดังนั้นการเคลื่อนไหวของตำหนักอ๋องซู่จึงทำให้ทุกคนในเมืองหลวงต่างตะลึงงัน
น่าประหลาดใจนัก! มีข่าวลือว่าท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นเลิกกันแล้ว! และท่านอ๋องซู่ก็แต่งกับหญิงอื่นแล้ว!
ข่าวซุบซิบต่างๆ แพร่กระจายไปตามถนนตรอกซอกซอยของเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว คล้ายกับทุกคนตกใจไปกับข่าวลือใหญ่ ทั้งยังบังเอิญว่างในวันส่งท้ายปีเก่าพอดี จึงพากันวิ่งไปที่ถนนหรือหน้าประตูตำหนักอ๋องซู่หวังดูความสนุก
ขบวนแห่เจ้าสาวผ่านไปตามถนน สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้ชม พวกเขาต่างอยากรู้ว่าเจ้าสาวในเกี้ยวคือใคร อีกอย่างดูเหมือนว่าเจ้าสาวจะแต่งออกมาจากพระราชวัง เป็นคุณหนูครอบครัวไหนกันถึงได้มีเกียรติเช่นนี้?
เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงผู้คนมากมายข้างนอก ก็ยิ้มอย่างจนใจ ใครเล่าจะคิดว่าคนที่นั่งอยู่บนเกี้ยวก็คือนาง?
ขบวนแห่เจ้าสาวเดินผ่านไป พวกผู้ชมก็กรูกันเดินตามหลังขบวน อยากตามไปถึงหน้าประตูตำหนักอ๋องซู่เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ณ จวนอัครเสนาบดี
อี้จื่อจิ้นได้ยินข่าวว่ามู่ฉินเจินแต่งงานใหม่ ก็รู้สึกไม่สงบอยู่เนิ่นนาน
อารมณ์ของนางในตอนนี้มีทั้งไม่พอใจ โกรธเกรี้ยว ทั้งภูมิใจและบ้าคลั่ง
ไม่พอใจกับโกรธที่ทำไมชายคนนั้นถึงไม่แต่งงานกับนาง ส่วนภูมิใจก็คือเฉียวเยี่ยนจบลงด้วยการถูกบุรุษทิ้ง
เฉียวเยี่ยนนางเก่งมากมิใช่หรือ? ไม่ใช่ประกาศตัวว่ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งรักใคร่กับท่านอ๋องซู่หรอกรึ?
นางอยากเห็นนักว่าท่าทางของนางในตอนนี้จะเป็นอย่างไร!
“ชิงเหลียน เตรียมเกี้ยว ข้าจะออกไปนอกจวน!”
ชิงเหลียนคุกเข่าลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นมองคุณหนูตัวเอง และตอบอย่างอ่อนแรง “คุณหนู นายท่านกับฮูหยินบอกแล้วนะเจ้าคะว่าให้ท่านอยู่อย่างสงบในจวนรอแต่งงานออกไป ห้ามออกไปข้างนอก”
โดยเฉพาะห้ามออกไปสร้างปัญหาให้กับท่านอ๋องซู่!
ทุกครั้งที่คุณหนูของตนได้พบกับท่านอ๋องซู่ ก็มักจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และตอนนี้นายท่านกับฮูหยินก็สั่งห้ามไม่ให้นางติดต่อกับตำหนักอ๋องซู่เด็ดขาด
“ไม่ต้องห่วง วันนี้ข้าไม่ได้ไปสร้างปัญหา แค่จะไปดูความสนุกก็เท่านั้น”
ชิงเหลียนเถียงสู้นางไม่ได้ จึงได้แต่ไปเตรียมเกี้ยวตามคำสั่ง
เมื่อขบวนแห่เจ้าสาวเคลื่อนมาถึงหน้าประตูตำหนักอ๋องซู่ ตำหนักอ๋องซู่ก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยฝูงชนที่เฝ้าดูแล้ว พวกเขากระซิบกระซาบกัน และคุยกันว่าใครอยู่ในเกี้ยว
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าท่านอ๋องซู่จะชอบพอกับคุณหนูบ้านไหน แล้วเหตุใดจู่ๆ ก็แต่งงานกับคนอื่นอีกล่ะ?”
“อีกอย่างนี่คือการแต่งงาน หาใช่รับอนุภรรยา แล้วซู่หวางเฟยล่ะ? ถูกหย่าไปแล้วหรือ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอต้อนรับท่านอ๋องสู่สมาคมพ่อบ้านใจกล้า จงรักเมีย เคารพเมีย บูชาเมีย แล้วชีวิตจะเจริญนะคะ
ช่างไม่รู้อะไรซะแล้วว่าเจ้าสาวเป็นใคร
ไหหม่า(海馬)