ตอนที่ 249 หลอกล่อ
ตอนที่ 249 หลอกล่อ
หลันหนิงกอดอก มองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า พกของไปมากมายเพียงนี้ นางไปทำภารกิจหรือไปเที่ยวพักผ่อนกันแน่?
เกาจัวหยวนพูดพล่ามมากมาย แม้จะไม่ได้การตอบรับจากหลันหนิงสักประโยค กระนั้นเขาก็ยังมีความสุขมาก เพราะเขาชินกับมันแล้ว อย่างไรเสียหลันหนิงเมื่อก่อนนี้ก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้ว
พูดจบเขาก็วางของในมือไว้หน้าประตู แล้วหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่านางจะไม่อยากได้ของของตัวเอง และก่อนจะออกจากประตูไปก็มิวายหันกลับมาโบกมือให้นาง “ระวังตัวด้วย ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”
หลันหนิงมองไปตามทางที่เขาจากไป จวบจนร่างเขาลับสายตา ถึงละสายตากลับมา นางหลุบตาลงมองอาหารต่างๆ บนพื้น ก่อนจะพึมพำเสียงเบาออกมา “ใครให้เจ้ารอข้ากลับมากัน”
วันรุ่งขึ้น หลันหนิงหิ้วถุงผ้าใหญ่ที่ฮุ่ยเซียงเก็บให้นางออกจากตำหนักอ๋องซู่ไป ตรงไปยังยอดเขาหัวอวิ๋น เพื่อหลบเลี่ยงสายตาผู้คนระหว่างเดินทาง นางจึงใช้เส้นทางเปลี่ยว ไล่ข้ามสันเขามาตลอดทาง จนถึงกระท่อมโอสถบนยอดเขา
หลังหลันหนิงไปยอดเขาหัวอวิ๋นแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงสั่งให้คนฝีมือดีเฝ้าดูลานป่าไผ่อย่างระมัดระวัง และจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกเขาตลอดเวลา
……
ช่วงนี้มู่ฉินเจินค่อนข้างยุ่ง จึงไม่ค่อยได้ถามเรื่องในตำหนักนัก เพราะยังมีเวลาอีกสองเดือน ก่อนต้อนรับวันสำคัญที่เห็นได้ยากในราชวงศ์เทียนลี่ช่วงสองสามปีมานี้
ในบรรดารัฐต่างๆ ความแข็งแกร่งของราชวงศ์เทียนลี่นั้นถือได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ มีรัฐเล็กๆ และชนเผ่ามากมายมาขึ้นตรงด้วย และรัฐเล็กๆ กับชนเผ่าเหล่านี้ล้วนส่งสมบัติหายากในท้องถิ่นหรือสินค้าพิเศษมาเป็นเครื่องบรรณาการทุกปี และทุกๆ ห้าปีจะมีการถวายพระพรจักรพรรดิหนึ่งครั้ง
ก็คือรัฐเล็กกับชนเผ่าเหล่านั้นจะส่งทูตมาถวายพระพรจักรพรรดิแห่งเทียนลี่
ในระหว่างถวายพระพรทุกปี เทียนลี่จะจัดขบวนทัพใหญ่เกียงไกร เพื่อแสดงแสนยานุภาพของอาณาจักร และปราบปรามเมืองที่มีเจตนากระด้างกระเดื่อง
ก่อนเดินขบวนทัพทุกครั้งต้องฝึกกองทัพให้แข็งแกร่งขึ้น ปีนี้มีมู่ฉินเจินมารับผิดชอบงานราชการของค่ายทหาร ดังนั้นความรับผิดชอบในการฝึกจึงตกอยู่ที่เขาเช่นกัน
นี่คือเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเทียนลี่ แม้เขาจะไม่เคยหย่อนยานในการฝึกพวกทหาร ทว่าก่อนวันเดินขบวนทัพมาถึง ก็ต้องปรับปรุงสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น
พิธีเดินขบวนทัพหาใช่เพียงเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นความแข็งแกร่งทางกำลังทหารของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความฮึกเหิมของทหาร ทักษะส่วนตัว กลยุทธ์จัดทัพต่างๆ อีกด้วย
นอกจากรัฐเล็กกับชนเผ่าต่างๆ ที่ขึ้นตรงกับเทียนลี่มาถวายพระพรแล้ว อาณาจักรอื่นๆ ที่มีอำนาจเทียบเท่ากับเทียนลี่จำนวนไม่มากนักก็ส่งทูตมาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นการจัดเดินขบวนทัพก็เป็นการแสดงอำนาจให้อาณาจักรที่คิดดูแคลนเทียนลี่เหล่านี้ได้เห็นด้วย
มู่ฉินเจินกำลังฝึกทหารอยู่ ฮองเฮาเองก็ยุ่งมากจนไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้ และมักจะเรียกเฉียวเยี่ยนไปช่วยบ่อยๆ
สถานที่จัดเลี้ยง การร้องเพลงเต้นรำ อาหารงานเลี้ยง และอื่นๆ ต้องจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า
ครั้งนี้ฮ่องเต้เฒ่าต้องการแสดงสินค้าต่างๆ ของโรงงานเฉียวจี้ไว้ในงานเลี้ยงด้วย เพราะสินค้าเฉียวจี้ถูกขายไปยังเมืองอื่นๆ แล้ว และทำให้เกิดการตอบรับที่ใหญ่มาก
กษัตริย์ของอาณาจักรต่างๆ ไม่น้อยล้วนกล่าวถึงสินค้าเฉียวจี้ในจดหมายที่ส่งมาถึงเขา และสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะแสดงให้เห็นถึงเกียรติภูมิของอาณาจักรด้วยเช่นกัน
เฉียวเยี่ยนย่อมพอใจกับสิ่งนี้มาก ในงานเลี้ยงมีทูตจากหลายๆ เมืองมาเข้าร่วม นำสินค้าของนางมาวางไว้ในงานเลี้ยง ช่างเป็นการโฆษณาโดยไม่ต้องเสียเงินจริงๆ
……
วันเวลาย่างเข้าสู่เดือนสาม เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงที่จะมาถึงในอีกหนึ่งเดือนกว่าข้างหน้า และการนัดหมายสิบห้าวันของหลันหนิงก็มาถึงแล้วเช่นกัน
สองสามวันนี้นางซ่อนตัวอยู่บนภูเขา และเห็นคนมาตรวจสอบกระท่อมโอสถล่วงหน้าจริงๆ นางแอบซ่อนไม่ปรากฏตัวออกมา เพื่อสร้างภาพว่านางยังไม่ได้กลับมาจากเมืองหลวง
เมื่อคนที่มาตรวจสอบพบกระท่อมโอสถ ก็รีบกลับไปรายงานสถานการณ์ต่อเจ้านายทันที
ในวันที่สิบห้า หลันหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ้าโปร่งที่ฮุ่ยเซียงเตรียมไว้ให้นางและเกล้าผมมัดเป็นหางม้าสูง แล้วใช้ปิ่นไม้เสียบไว้เบาๆ และติดต่างหูไข่มุกธรรมดาสองอันที่ใบหู
นางทำทรงผมไม่เป็น จึงทำได้เพียงใช้ปิ่นไม้กลัดเป็นมวยง่ายๆ สองขมับปล่อยปอยสยาย แม้จะไม่ประณีตเหมือนตอนที่นางสวมบทเป็นหมอเทวดาก่อนหน้านี้ ทว่าก็เหมาะกับตัวตนของนาง ดูหลุดพ้นจากทางโลก เป็นยอดฝีมือที่มีวิถีชีวิตธรรมดาเรียบง่าย
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ นางต้มยาในหม้อยามั่วๆ สองหม้อ ทำให้กระท่อมทั้งหลังเต็มไปด้วยควันและกลิ่นหอมของยา จากนั้นก็หยิบจอบน้อยไปพรวนแปลงสมุนไพรไว้ในสวน
จะแสดงก็ต้องแสดงให้เต็มที่ นางพยายามทำตัวให้เหมือนหมอที่สุด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย
เพิ่งผ่านยามซื่อไปได้ไม่นาน ด้านนอกเตาปรุงยาก็มีคนมา
ผู้มาเยือนยังคงแต่งตัวเหมือนครั้งแรกที่เพบกัน บนตัวสวมชุดยาวสีขาว บนศีรษะสวมด้วยหมวกคลุมผ้าโปร่งสีขาว ใบหน้าซ่อนอยู่หลังม่านหมวกคลุมนั้น ดูเลือนลางมองไม่ชัด ส่วนนางยังคงสวมผ้าปิดหน้าตัวเองเอาไว้
“ที่พำนักของท่านหมอเทวดาช่างเป็นเขาสวยน้ำใส เป็นสถานที่อันมีภูมิตําแหน่งวิเศษ ทำให้ผู้คนเกิดความปรารถนา”
มู่เจ๋อจิ่นสำรวจมองเท้าที่เต็มไปด้วยโคลนจากการพรวนแปลงสมุนไพรของหมอเทวดา ความระแวดระวังของเขาก็ลดน้อยลงไปส่วนหนึ่ง
ยาที่นางให้เขาไปนั้นได้ผลจริงๆ อีกทั้งท่าทางนางก็ดูไม่เหมือนกำลังแสดงละคร มีความเป็นไปได้เจ็ดส่วน ว่านางเป็นผู้เก่งกาจครองสันโดษจริงๆ
หลันหนิงลุกขึ้น ทำความเคารพอีกฝ่ายช้าๆ และดัดน้ำเสียงของตัวเองให้อ่อนโยนลง “มันเป็นแค่ภูเขารกร้างสายน้ำขุ่นข้น ไม่คู่ควรกับคำชมของคุณชายหรอก”
ทั้งสองทักทายกันครู่หนึ่ง ก่อนหลันหนิงจะต้อนรับเขาเข้าไปในห้องหลัก เมื่อผลักประตูเปิดเข้าไป กลิ่นยาหอมอบอวลก็ฟุ้งกระจายออกมา รอบห้องเต็มไปด้วยถุงยาต่างๆ และหนังสือ มู่เจ๋อจิ่นสำรวจดูอีกครั้ง ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
หลันหนิงนำหมอนรองตรวจชีพจรมาวางไว้บนโต๊ะแล้วตรวจชีพจรให้เขา ท่าทางการจับชีพจรค่อนข้างแม่นยำ ท่าทางตรวจอาการก็ดูช่ำชองมาก มู่เจ๋อจิ่นกับผู้ติดตามสองสามคนที่อยู่ข้างหลังไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคน รออยู่เงียบๆ ด้วยกลัวว่าจะรบกวนไปถึงนาง
หลันหนิงเหลือบมองท่าทางพวกเขาและเย้ยหยันในใจ หากพวกเขารู้ นางที่เป็นคนที่ไม่เข้าใจทักษะทางการแพทย์เลยสักนิด ถูกพวกเขามองว่าเป็นหมอเทวดา ต้องแสดงท่าทางยอดเยี่ยมออกมาแน่
หลังจากจับชีพจรเสร็จ นางก็มีท่าทางโล่งใจเล็กน้อย “ชีพจรของคุณชายเต้นแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก แค่เพียงกินยาลูกกลอนต่อไป การฟื้นตัวก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม”
พูดจบนางก็ยื่นกล่องผ้าที่นางเตรียมไว้ล่วงหน้าส่งให้ด้วยท่าทางลำบากใจเล็กน้อย “นี่คือยาที่ข้าหลอมเสร็จแล้ว ทว่าตัวยาหายากสองสามอย่างที่ข้ามีอยู่แทบไม่เหลือแล้ว ดังนั้นยาครั้งนี้จึงมีไม่มาก ”
มู่เจ๋อจิ่นเปิดกล่องผ้าออกดู ครั้งก่อนมียาสิบเม็ด ทว่าครั้งนี้มีเพียงสี่เม็ด หัวใจของเขาสั่นไหว ก่อนรีบกล่าว “ท่านหมอเทวดาขาดตัวยาตัวไหนบ้าง บอกข้ามาได้เลย ข้าจะไปหามาให้ ”
ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเจอหมอที่หาวิธีรักษาตัวเองได้ แล้วเขาจะยอมแพ้ไปได้อย่างไร?
ในดวงตาเขาตอนนี้มีทั้งความกระหายและความดื้อรั้น ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่เย็นชาและอ่อนโยนต่อหน้าคนอื่นเล็กน้อย
มุมปากใต้ผ้าคลุมหน้าของหลันหนิงวาดขึ้นเล็กน้อย กำลังรอประโยคนี้อยู่เลย
นางแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างเกรงใจ “บอกตามตรง ข้ายังขาดเห็ดหลินจือม่วงอายุร้อยปีกับม้าน้ำ”
ชื่อของสองตัวยานี้เป็นเฉียวเยี่ยนที่บอกนางไว้ล่วงหน้า เห็ดหลินจือนั้นหายาก และเห็ดหลินจือม่วงอายุร้อยปีเป็นของชั้นเยี่ยมสุดในหมู่เห็ดหลินจือ คนธรรมดายากที่จะหาพบ
ส่วนม้าน้ำเป็นยาจีนโบราณที่ใช้กันในยุคปัจจุบัน ทว่ายังไม่มีการใช้ในสมัยโบราณ ม้าน้ำอาศัยอยู่ในทะเลลึก จับได้ยากมาก แม้ในยุคปัจจุบันก็ยังเป็นยาจีนโบราณที่ทรงคุณค่าและมีชื่อเสียง
หลังจากป่วยมานานจนจะกลายเป็นหมอได้แล้ว มู่เจ๋อจิ่นเองก็รู้จักยาสมุนไพรไม่น้อย และรู้ว่าเห็ดหลินจือม่วงร้อยปีนั้นหายาก ทว่าม้าน้ำนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จับจุดได้แล้วก็ค่อยๆ จีบไปเรื่อยๆ นะองครักษ์เกา น้ำหยดลงหินทุกวันหินก็มีวันกร่อนเองแหละ
ถ้าจะหาม้าน้ำมาทำยานี่อย่ามาจับผู้แปลไปทำยานะ หลบเข้าถ้ำแม่มดทะเลตอนนี้ทันไหม?
ไหหม่า(海馬)