ตอนที่ 256 ลูกๆ แข่งวรยุทธ์
ตอนที่ 256 ลูกๆ แข่งวรยุทธ์
ตอนนี้เด็กทั้งสองนำไปห้าคะแนนแล้ว และยังเหลืออีกแปดคำถาม หากเจียงอวี่เฉียนอยากชนะ นางต้องแย่งตอบให้ได้ห้าข้อขึ้นไป
เจียงเจี้ยนสวินเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเช่นกัน เด็กน้อยสองคนมีทักษะด้านบุ๋นคนหนึ่งด้านบู๊คนหนึ่ง เขาถามอะไรออกไปก็อยู่ในขอบเขตความรู้พวกเขา ช่างรับมือยากจริงๆ !
เขาต้องการลองอีกครั้ง และเพิ่มความยากของคำถามให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามน้องสาวของเขาแก่กว่าพวกเขาสิบกว่าปี น่าจะมีความรู้สำรองมากกว่าพวกเขาอยู่บ้าง
เขาครุ่นคิดอย่างหนัก เนิ่นนานกว่าจะตัดสินใจพูดออกมา “ ‘การศึกถือเอาความรวบรัด ไม่ส่งเสริมการดำาเนินการที่ยืดเยื้อ’ โปรดบอกความหมายที่คล้ายกับประโยคนี้”
เขาพูดจบ ก็มองไปยังเจียงอวี่เฉียนอย่างกังวล ไม่รู้ว่านางจะตอบคำถามข้อนี้ได้หรือไม่
แต่เมื่อเห็นสีหน้ามืดมนของนาง หัวใจของเขาก็เย็นวาบลงไปมาก
ประโยคนี้เจียงอวี่เฉียนเคยอ่านแล้ว ทว่าตอนนี้บรรยากาศตึงเครียด นางก็หัวสมองขาวโพลน อะไรก็นึกไม่ออก
นางกำแขนเสื้อแน่นด้วยความหงุดหงิด พลางจ้องเด็กทั้งสองอย่างกระวนกระวายใจ คำถามข้อนี้ยากมาก พวกเขาตอบไม่ได้แน่นอน!
คำถามนี้ค่อนข้างยากสำหรับเด็กสองคน เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ขมวดคิ้ว และครุ่นคิดอย่างหนัก ในขณะที่ใบหน้าของเจ้าปลาอ้วนย่นจนดูราวจีบซาลาเปาลูกน้อย
ประโยคนี้นางคุ้นเคยนัก แต่มีหลายประโยคที่ดูคล้ายกัน นางไม่แน่ใจว่าประโยคไหนมีความหมายใกล้เคียงกับมันบ้าง
ผู้ชมทุกคนในบริเวณนั้นต่างหลั่งเหงื่อแทนเด็กทั้งสอง ในใจก็ร้องให้กำลังใจพวกเขาอย่างเงียบๆ
เวลาที่ผ่านไปทุกนาทีทุกวินาที เด็กน้อยทั้งสองมองไปที่เจียงอวี่เฉียนอย่างระแวดระวัง พลางพยายามครุ่นคิดคำถามไปด้วย
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นท่าทางลำบากใจของหลานทั้งสองคน ก็อยากจะตรัสให้เปลี่ยนคำถาม ทว่าในตอนนั้นเอง เจ้าปลาอ้วนก็ยกมือน้อยๆ ขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้นางไม่แน่ใจเท่าใดนัก และไม่ได้ดีใจมากมาย หลังจากแย่งตอบมาได้ นางก็เอ่ยอย่างแผ่วเบา “เนื่องเพราะไม่เคยปรากฎสงครามยืดเยื้อที่เอื้อประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง?”
หลังจากพูดด้วยเสียงแผ่วเบาน่ารักจบ ก็มองไปยังบิดาอย่างไม่แน่ใจ ครั้นเห็นบิดาพยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้มทอในดวงตา นางก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
เย้ นางพูดถูกแล้ว!
เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างอบอุ่นในงานเลี้ยง มีทูตต่างเมืองมากมายอุทานชมไม่ขาด
“คนรุ่นเยาว์ล้วนเก่งนำหน้าคนรุ่นก่อน พระนัดดาทั้งสองแห่งราชวงศ์เทียนลี่ช่างเป็นมังกรหงส์ในฝูงชนจริงๆ !”
ฮ่องเต้เฒ่ากับฮองเฮาได้ยินคนอื่นยกย่องหลานตัวเอง ก็ยิ้มจนปรากฏรอยตีนกาออกมา และตอบกลับไปอย่างไม่ถ่อมตัว “เด็กทั้งสองเยี่ยมมากจริงๆ ”
หลานของพวกเขา ไปไหนก็ทำให้ที่นั่นสว่างไสวไปหมด ไม่จำเป็นต้องปกปิด!
เสียงปรบมือดังสนั่นร้อนแรง แต่ใจของเจียงอวี่เฉียนกลับเยือกเย็นขมขื่น นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แม้จะไม่ยินยอมเพียงใด ทว่าเด็กทั้งสองก็เก่งกาจจริงๆ
คำถามต่อมาเจียงเจี้ยนสวินได้ลดความยากลง แต่เห็นชัดว่าเจียงอวี่เฉียนไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว
นางจิตใจสับสนวุ่นวาย กระสับกระส่าย เดิมทีมันเป็นคำถามง่ายๆ อยู่แล้ว ทว่านางกลับคิดอะไรไม่ออกเลย
ผลลัพธ์แค่คิดก็รู้ คำถามสิบข้อของเจียงเจี้ยนสวิน ถูกเด็กทั้งสองแย่งตอบไปหมด และได้รับชัยชนะครั้งใหญ่
การทดสอบทางบุ๋นจบลง เด็กทั้งสองยอมรับเสียงปรบมือทั่วทั้งบริเวณอย่างมีเกียรติยศ และวิ่งโถมเข้าไปในอ้อมกอดบิดามารดา ส่วนเจียงอวี่เฉียนกลับไปนั่งที่ตัวเองอย่างเสียศักดิ์ศรี
ระหว่างพักครึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างไปพักเอาแรงตรงที่นั่งของตัวเอง ฮ่องเต้เฒ่ากับพวกขุนนางต่างสนทนากันเพื่อคลายบรรยากาศ
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินโอบรับเด็กๆ ที่โถมเข้ามาคนละคน และให้คำชมจริงใจแก่พวกเขา เด็กทั้งสองมีความสุขมากจนดวงหน้าแดงปลั่ง
เฉียวเยี่ยนรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับการทดสอบการต่อสู้ต่อไป องค์หญิงแห่งรัฐเยี่ยนเจ้าอารมณ์มาก ไม่รู้ว่าจะเล่นตุกติกอะไรหรือไม่
นางเอ่ยกล่อมเด็กทั้งสองว่าจะไปประลองกับอีกฝ่ายด้วยตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเด็กๆ ยังเล่นไม่พอ คันไม้คันมืออยากจะไปลองดู
อยากลองก็ลองไป นางทำได้แค่จับตาดูกับมู่ฉินเจินให้ดีหน่อย ไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสฉกฉวยลงมือได้
นางโอบเด็กทั้งสองมาเผชิญหน้า และเอ่ยกดเสียงแผ่วเบา “เด็กๆ ความปลอดภัยต้องมาก่อน หากสู้ไม่ได้เราก็หนี พยายามแกล้งนางให้เต็มที่ แกล้งจนนางเหนื่อย แล้วค่อยถือโอกาสในตอนที่เพลี่ยงพล้ำจัดการนาง”
เด็กทั้งสองฟังเข้าใจแล้ว ก็พยักศีรษะเล็ก แล้วไปสุมหัวกันหารือกลยุทธ์ของตัวเอง
เฉียวเยี่ยนปล่อยให้พวกเขาแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะได้เติบโตขึ้นอีกก้าว
ช่วงพักครึ่งผ่านไป เด็กทั้งสองกับเจียงอวี่เฉียนต่างอยู่บนเวทีแล้ว
เนื่องจากอายุของคู่ประลองทั้งสองแตกต่างมากเกินไป ดังนั้นฮ่องเต้เฒ่าจึงเอ่ยให้อีกฝ่ายห้ามใช้อาวุธ แล้วต่อสู้ด้วยมือเปล่าเท่านั้น
เจียงอวี่เฉียนมั่นใจในตัวเองมาก แม้นางจะตอบคำถามชนะพวกเด็กๆ ไม่ได้ แต่นางไม่เชื่อว่าตัวเองจะชนะการต่อสู้กับพวกเขาไม่ได้
นางที่พ่ายแพ้ไปรอบที่แล้ว เวลานี้ไม่สนเรื่อง ‘ขายหน้าผู้ใหญ่รังแกเด็ก’ อะไรแล้ว
ฮ่องเต้กับฮองเฮากังวลอย่างมาก เด็กทั้งสองเป็นคนที่พวกเขารักมาก ปกติล้มทีชนทีก็ปวดใจมากแล้ว หากนี่ถูกทุบตีจนบาดเจ็บ ควรจะทำอย่างไรดี?
ก่อนเริ่มแข่งขัน ฮ่องเต้เฒ่าก็ไม่วางใจ กำชับไปอีกสองประโยค “เราจะใช้เสียงกลองเป็นสัญญาณ เมื่อถูกเคาะให้หยุดทันที ห้ามทำให้คนอื่นบาดเจ็บ”
เสียงเคาะกลองแรกดังขึ้น การแข่งขันวรยุทธ์เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ลูกทั้งสองโค้งคำนับเจียงอวี่เฉียนอย่างสุภาพ เจียงอวี่เฉียนก็โค้งคำนับกลับเช่นกัน แม้นางจะไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่มีการศึกษา
ด้วยการประลองระหว่างรุ่นใหญ่กับรุ่นเล็ก มองอย่างไรก็เหมือนเป็นการรังแกเด็ก
หลายคนจินตนาการภาพเด็กสองคนร้องไห้โฮอีกเดี๋ยวแล้ว ต่อให้พวกเขาจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็มีอายุเพียงแค่หกขวบ เด็กทั้งสองอายุรวมกันก็ยังไม่เท่าผู้ใหญ่อีกฝ่าย จะเอาอะไรไปชนะนาง
ในห้องโถงเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงพูดออกมา ความสนใจทั้งหมดไปรวมกันอยู่ที่คนสามคนตรงกลางห้องโถงจนสิ้น
เฉียวเยี่ยนกระชับฝ่ามือเล็กน้อย พลางเคลื่อนสายตาไปมองเด็กๆ ในขณะที่ระบบตัวน้อยชูธงสีแดงเล็กส่ายไปมาสองข้าง ให้กำลังใจพวกเด็กๆ
เจียงอวี่เฉียนกำหมัดแน่น และเริ่มพุ่งเข้าไปหาเด็กทั้งสองก่อน เด็กทั้งสองมองหน้ากัน และพยักหน้าอย่างมีเลศนัย ในระหว่างที่เจียงอวี่เฉียนกำลังจะเข้าใกล้พวกเขา ขาสั้นๆ ก็วิ่งหนีออกไปคนละข้าง
เมื่อเจียงอวี่เฉียนเห็นเช่นนี้ก็ตะลึงไปชั่วขณะ และรีบหยุดฝีเท้าตัวเองทันที และไม่รู้ว่าจะไล่ตามใคร
เจ้าปลาอ้วนวิ่งหนี แล้วหันกลับมาทำหน้าทะเล้นใส่นาง “แบร่ๆๆ นังโง่ มาจับข้าสิ!”
เจียงอวี่เฉียนที่ถูกเรียกว่านังโง่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และย่างก้าวไล่ตามเจ้าปลาอ้วน
แม้เจ้าปลาอ้วนจะขาสั้น ทว่าวิ่งเร็วมาก นางวิ่งไปด้วยตะโกนเรียกไปด้วย”สัตว์ประหลาดเฒ่าจะกินเด็กแล้ว! สัตว์ประหลาดเฒ่าจะกินเด็กแล้ว!”
ภาพโกลาหลวุ่นวายนี้ ทำให้ผู้ชมที่เตรียมตัวคาดหวังอย่างเต็มที่ต่างพากันนิ่งอึ้งอยู่เนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา
นี่…
แข่งต่อสู้แบบนี้ได้ด้วยหรือ?
ไม่รู้ว่าใครกลั้นไม่ไหวก่อน หลุดเสียงหัวเราะดังออกมา จากนั้นเสียงหัวเราะครืนก็ดังตามออกมา
“ฮ่าๆๆๆ เด็กทั้งสองคนนี้น่าสนใจเกินไปแล้ว”
“ไม่ไหว ข้าหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว”
……
เจียงอวี่เฉียนจะไปจับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ทว่าเด็กน้อยก็เหมือนปลาตัวหนึ่งจริงๆ ลื่นไหลไปทั่ว ทุกครั้งที่ถึงมือนางอีกฝ่ายก็หลุดมือนางไป
ถูกเด็กน้อยก่นด่าว่าเป็นปีศาจเฒ่า นางโมโหสุดๆ สายตาจับจ้องไปที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป และลืมไปจนสิ้นว่ายังมีเจ้าก้อนซาลาเปาหน้าเนื้อใจเสืออีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลังนาง
เมื่อเสี่ยวฉวนเอ๋อร์เห็นอีกฝ่ายลืมว่าตัวเองอยู่ด้วยไปหมดสิ้น ก็คว้าโอกาสนี้พุ่งไปช่วยเสริมข้างหน้าสองก้าว และกวาดขาใส่เท้าเจียงอวี่เฉียนจนนางสะดุดล้มลงกับพื้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่าดูถูกเด็กๆ นะ ต่อให้ตัวเล็กแต่ก็มีตั้งสองคนนะ สู้ไหวเหรอ
ไหหม่า(海馬)