พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

บทที่4ตอนที่15

 

 

 

เมื่อคาบเรียนเลิกเสียงระฆังดังขึ้นทุกคนต่างลุกออกจากที่นั่ง แม้ว่าระฆังจะยังคงดังอยู่แต่หลายๆคนก็เริ่มกลับบ้านกันแล้ว

 

 

ผมและมาร์เองก็ไปที่ทางเดินพร้อมกับแบกกระเป๋าไปด้วย

 

 

「นี่โนโซมุวันนี้ทำไรดี?」

 

 

「…………ทำอะไรยังงั้นเหรอ?」

 

 

「หลังเลิกเรียนจะเอาไง ถ้าไม่รังเกียจไปฝึกที่เขตนอกเมืองไหม?พวกไอริสเองก็จะไปด้วยไปมะ?」

 

 

「……อืม……」

 

 

มาร์ชวนผม แต่ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อคืนยังคงอยู่ในหัวผม ผมเลยค่อนข้างลังเลนิดหน่อย

 

 

ความจริงที่ว่าเคนมันทำอะไรลงไปบ้าง

 

 

หมอนั่นระเบิดความเกลียดชังที่มีต่อผมและความรักที่มีต่อลิซ่ามากเกินไปจากนั้นก็ปลอมตัวเป็น “ผม”

 

 

หลังจากนั้นผมก็ต้องทุกข์ทรมานเพราะสิ่งที่เคนทำไว้

 

 

เช่นเดียวกับความฝันสีเลือดที่เห็นเมื่อเช้านี้ พื้นดินต่างย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาด และเครื่องในรวมทั้งอวัยวะของเหล่าสัตว์อสูรจำนวนมากที่ผมพรากชีวิตพวกมันไปเมื่อวาน มันยังคงฝังอยู่ในใจ

 

 

「เอ๊ะ!!」

 

 

และ”หมอนั่น”ก็พยายามจะบอกว่าผมน่ะเหมือนกับ “เขา”มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ความขยะแขยงของคราบเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าพยายามผลักดันให้ผม อ้วกออกมาแต่ผมก็กลั้นมันเอาไว้

 

 

「……โนโซมุไหวเปล่าเนี่ย? แปลกๆตั้งแต่เช้าแล้วนะ」

 

 

มาร์พูดด้วยท่าทางกังวล แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปและพยายามจะทำตัวตามปกติ และบอกปฏิเสธมาร์ว่าไม่เป็นไร ทันใดนั้นผมก็เห็นร่างของมันผู้นั้นตรงหน้าผม

 

 

「แล้วก็เคน สถานที่และเวลานัดพบล่ะ?」

 

 

「เจอกันที่สวนชูโอเวลาประมาณ 10 โมงเช้าเป็นไง?」

 

 

สิ่งที่ผมเห็นคือลิซ่าและเคนที่เดินคู่กัน

 

 

บางทีเธออาจจะสัญญากับเคนว่าจะไปเดทในวันหยุดพรุ่งนี้ เธอยิ้มอย่างมีความสุขและเคนเองก็ยิ้มอยู่ข้างๆเธอ

 

 

ตอนที่ผมเห็นมัน เปลวไฟที่สุมอยู่ในอกคู่ในมันก็เริ่มโหมกระหน่ำอีกครั้ง

 

 

ผมพยายามอดทนต่อตัวเองที่กำลังโกรธจัดด้วยการกำหมัดแน่นๆ แต่เปลวไฟที่เคยลุกโชนมันพยายามกลืนกินตัวตนของผมในชั่วพริบตาและพยายามระเบิดอารมณ์ออกไป

 

 

พวกเขาที่สังเกตเห็นผมก็พยายามแสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ออกมา พยายามหลีกหน้าผม

 

 

「ชิ!!!」

 

 

สีหน้าของลิซ่าที่เห็นผมก็แข็งทื่อทันที เธอจ้องมองมาทางนี้ด้วยความเกลียดชัง แต่สำหรับผมตอนนี้มันไม่มีอะไรมากกว่า การที่จะทำให้ผมโกรธมากขึ้นไปอีก ผมพยายามระงับความโกรธนี่อย่างสุดชีวิต

 

 

ถึงกระนั้นผมก็ยังกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ระเบิดความโกรธดั่งเช่นเมื่อวาน

 

 

เล็บที่จิกกัดเข้าไปในมืออย่างแน่นหนาและกัดเลือดเนื้อของผม ความเจ็บปวดทำให้เกิดเลือดเล็กๆน้อยๆบนฝ่ามือของผมที่กำลังทนกับความสิ้นหวัง

 

 

แต่ว่าเลือดนั่นเคนก็เห็นเข้า

 

 

(อึดอัดมาก!!)

 

 

…………ราวกับกำลังร่ำไห้。

 

 

เคนมันทำท่าทางร่ำไห้ภายด้านหลังของลิซ่า

 

 

การแสดงออกทางสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สายตาของเขาเหมือนกับที่ล้อเลียนผมเมื่อวาน

 

 

「!!!」

 

 

ทันทีที่เห็นมัน ความรู้สึกที่กำลังถูกซ่อมแซมอยู่ภายในก็พังทลายลง

 

 

คิ้วตั้ง เลิกคิ้วพร้อมๆกัน แก้มฉีกจนเห็นเขี้ยว

 

 

สายตาเกลียดชังของลิซ่ายังคงส่งตรงมาไม่หยุด และสีหน้าของลิซ่าก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นใบหน้าอันโกรธแค้นของผม

 

 

ผมพยายามที่จะควบคุมมันเอาไว้จนถึงที่สุด……。

 

 

「อาาา……」

 

 

ภาพสุดท้ายของเมื่อวานที่เห็นก็คือคอของไซคลอปส์ที่หลุดออกจากบ่าในวินาทีสุดท้าย

 

 

ตัวตนที่น่ารังเกียจนั่นมันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง ผมพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ และผมก็ต้องรีบละสายตาเพื่อไม่ให้บุคลิกด้านนั้นมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จนต้องหันหลังกลับ

 

 

「อะ เฮ้ยโนโซมุ!!」

 

 

「ขอโทษนะมาร์ แต่ว่าผมมีธุระนิดหน่อย……」

 

 

ผมเมินเสียงของมาร์และเริ่มเดินออกไป

 

 

แววตาของ “หมอนั่น”มันผุดขึ้นในใจผมอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผมอยู่ที่นี่ต่อไป ผมต้องออกห่างจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

 

 

ขาที่ควรจะเดินอย่างปกติกลับเร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและก่อนที่จะรู้ตัวก็ออกวิ่งเต็มกำลังแล้ว

 

 

ผมเลิกที่จะระงับความโกรธเอาไว้ ไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว และวิ่งต่อไปราวกับจะสลัดความรู้สึกเหล่านั้นให้หลุดลง

 

 

◇◆◇

 

 

ขณะที่ผมออกวิ่งต่อไป ก็กลับเข้ามาในป่าอีกครั้ง

 

 

พระอาทิตย์ที่ส่องแสงบนท้องฟ้ากำลังจะตกดินในหนึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีแดงสดยามพระอาทิตย์ตกดิน

 

 

เมื่อผมมาถึงที่นี่ ผมก็หอบหายใจอยู่พักหนึ่งและเมื่อควบคุมลมหายใจได้ ความเกลียดชังในตัวผมเองก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

 

 

ผมพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ แต่ก็ทำไม่ได้เลย

 

 

 

ต้องขอโทษมาร์และคนอื่นๆแต่พูดตามตรงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร และผมกลัวมากที่จะต้องอยู่กับทุกคนในสภาพเช่นนี้

 

 

ถึงกระนั้น ช่วงเวลาของวันก็สงบสติลงได้บ้าง

 

 

รู้อยู่แล้วละผมกำลังหนีความจริงอีกแล้ว นอกจากนี้ “หมอนั่น”ก็เป็นคนใจร้อนมากๆด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องมีสติให้มากที่สุด ดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะที่ๆผมใช้ชีวิตอยู่อย่างยาวนานในอาร์คาซัม……。

 

 

 

「?มันแปลกๆนะ……」

 

สภาพของป่ามันแปลกไป ไม่มีร่องรอยของสัตว์อสูรเลย

 

 

สัตว์ธรรมดาก็ไม่เห็น

 

 

กระต่าย หนู นก มากมายหลายชนิด แม้จะแตกต่างกันออกไปแต่ตอนนี้ในป่ามันแปลกมากๆ ตามปกติจะรู้สึกถึงพวกมันได้บ้างแต่ตอนนี้สัมผัสไม่ได้เลย

 

 

 

「…………」

 

ประสบการณ์ที่สั่งสมมากำลังบอกว่าป่าเปลี่ยนแปลงไป จิตสำนึกตามธรรมชาติจะเตือนสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อตันเอง หัวใจของผมเต้นรัวเล็กน้อยเพื่อให้เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ตลอดเวลา และเลือดเองก็ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง

 

 

เสียงถูไถของกิ่งไม้ปลิวไสวไปตามสายลมและเสียงอื่นๆนอกจากเสียงหัวใจของผม

 

 

ได้ยินอะไรบางอย่าง

 

 

「ชิ………。…………」

 

「…………งั้น…………、ข้างหลัง…………………」

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงของคนหลายคนผสมปนเปกันไป และก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน อย่างไรก็ตามผมไม่รู้ว่าพวกนั้นกำลังพูดว่าอะไร อยู่ไกลแค่ไหน

 

 

ผมไม่รู้ว่านี่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ป่าผิดแปลกไปหรือเปล่า แต่ผมเองก็ชักดาบออกมาและเริ่มตามเสียงไป

 

 

「มิมุ……! ทางซ้าย…………หวาาา! มันล่อมา……!」

 

「บางที………! รุ……สนับสนุน…………………」

 

「อย่าพูดบ้าๆ……。มียารักษา………………」

 

 

หลังจากเดินมาได้สักพัก เสียงก็เริ่มดังขึ้นและแสงที่ส่องผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ก็ค่อยๆมีมากขึ้น

 

 

ในเวลาเดียวกันก็เริ่มได้ยินเนื้อหาของการสนทนา แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังสู้กับสัตว์อสูรอยู่

 

 

เมื่อเดินต่อไปก็พบว่าต้นไม้รกรานถูกตัดออกและยิ่งไปกว่านั้นมันกลายเป็นพื้นที่เปิด

 

 

ผมซ่อนร่างกายตัวเองท่ามกลางพุ่มไม้ในเขตนั้น

 

「ผู้หญิงคนนั้นมัน…………」

 

ที่ตรงนั้นมีนักเรียนของสถาบันโซลมินาติสามคนกำลังต่อสู้กับก็อบลินสายพันธุ์ย่อย สิบตัว และในมือพวกมันต่างถืออาวุธ เช่น มีด ดาบ และกระบองเก่าๆ

 

ก็อบลินเป็นเผ่าพันธุ์กึ่งมนุษย์ที่พบเห็นได้ทั่วทวีป แต่พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกจัดอยู่ในเผ่าเดียวกับเหล่าสัตว์อสูร เนื่องจากมีสติปัญญาต่ำและโจมตีมนุษย์ตามใจชอบ

 

สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมก็คือนักเรียนสามคนที่กำลังสู้อยู่ ชายหนุ่มตัวเล็กกำลังร่ายเวทย์ สาวน้อยเผ่าแมวป่าที่กำลังสู้กับก็อบลิน และสาวเอลฟ์ที่กำลังยิงธนูอยู่

 

 

「ซีน่า・จูเรียล……」

 

 

คนที่รักษาแผลให้ผมเมื่อวานนี้ แต่เขาก็โกรธมากเพราะสิ่งที่เธอพูดใส่กับผมจนเผลอปล่อยจิตสังหารออกไป

 

 

ทั้งสามคนกำลังเอาชนะก็อบลินทีละตัวด้วยการเคลื่อนไหวเป็นทีม

 

 

ในที่สุดทั้งสามก็จัดการก็อบลินจนหมด เนื่องจากผมเกือบจะเข้าไปช่วยทำให้พุ่มไม้มันสั่นเล็กน้อย

 

 

วินาทีนั้นเองก็มีลำแสงผ่านหน้าผมไป

 

 

◇◆◇

 

 

「จบกันเพียงเท่านี้ละ!」

 

มิมุรุใช้มีดฟันใส่เหล่าก็อบลินตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่และแทงมันลงไป

 

 

ซีน่ามองไปรอบๆเพื่อเช็คดูว่ามีก็อบลินเหลืออยู่ไหม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหลือแล้ว

 

 

 

「หมดแล้วล่ะ ทอม แล้วรวบรวมของมาพอรึยัง?」

 

「อืม เดี๋ยวจะรีบไปเก็บนะ」

 

 

ทอมหยิบกระเป๋าสะพายไหล่

 

 

พวกเขาเก็บรวบรวมวัตถุดิบเสร็จแล้วและพบกับพวกก็อบลินระหว่างทางกลับเมือง

 

นั่นคือสิ่งที่”ฉันเจอ”

 

ไม่นานก่อนจะเกิดเรื่อง เมื่อสามคนกำลังรวบรวมวัตถุดิบและกำลังเดินมาถึงที่โล่งตรงนี้ ก็อบลินสิบตัวก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้

 

 

ในตอนแรกทั้งสามคิดว่าถูกซุ่มโจมตีแต่เป็นพวกก็อบลินเองที่ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของทั้งสามอย่างกระทันหัน และหลังจากที่จ้องกันอยู่นานมันก็เริ่มโจมตี

 

 

แน่นอนสามคนที่โดนโจมตีก็ต้องสู้กลับ เป็นผลให้ก็อบลินทั้งหมดถูกจัดการ

 

「แต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่โจมตีเรา และดูเหมือนไม่ได้กำลังล่าเหยื่อเลย……」

 

ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงดังนิดหน่อย ซีน่าหยิบลูกธนูและยิงออกไปด้วยความรวดเร็วทางพุ่มไม้

 

 

ลูกธนูหายไปในพุ่มไม้ แต่เธอก็หันธนูไปยังจุดเดิมอีกครั้ง

 

「……ออกมาซะ ฉันรู้นะว่ามีคนอยู่ตรงนั้น」

 

หลังจากที่เธอส่งเสียงเช่นนั้น ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ แต่ไม่นานนัก โนโซมุ ก็ปรากฏตัวขึ้น

 

「……นาย!!」

 

ซีน่าที่ยืนยันภาพตรงหน้าก็ทำหน้าเกร็งทันที เสียงที่ฉันพูดออกไปก็ดูรุนแรงมากๆ

 

 

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอค่อนข้างมีความสันพันธ์อันแสนละเอียดอ่อนกับเขา และฉันก็คิดถึงเรื่องเมื่อวาน แต่อารมณ์ของเธอก็ดิ่งลงเพราะเขาเข้าป่าด้วยตัวคนเดียว

 

 

 

 

「……เอ่ออ……หวัดดี……」

 

ในทางกลับกันโนโซมุมองมาทางนี้ด้วยท่าทีเขินอายเพราะเรื่องเมื่อคืนกับเมื่อเช้านี้

 

 

◇◆◇

 

 

「อืมมมมมม。งั้นนายก็คือ โนโซมุ・เบลาตี้~~。ก็เห็นอยู่หรอกนะเมื่อเช้า แต่เมื่อเช้าใบหน้าดูแย่มากเลยนะ~~」

 

「มิมุรุเองก็สบายดีสินะครับ……」

 

「…………………」

 

มิมุรุจ้องมองโนโซมุและทอมเองก็ได้แต่นิ่งเงียบ ซีน่ายืนกอดอกและจ้องมองโนโซมุ

 

 

เธอไม่พูดเพราะถ้าพูดเมื่อไรได้เทศยาวแน่ๆ เมื่อเธอพยายามจะพูดก็นึกถึงเรื่องเมื่อวาน

 

 

「…………ใบหน้าดูแย่มากเลยนะครับ」

 

โนโซมุกังวลเกี่ยวกับซีน่าแต่เธอก็พยายามหลบตา

 

「โนโซมุคุง……จะว่ายังไงดีล่ะ เข้าป่ามาคนเดียวเหรอ?」

 

「อืม ก็บางทีละนะ………」

 

「………………………………………………………」

 

ทอมถามโนโซมุแต่โนโซมุกังวลเกี่ยวกับซีน่ามากกว่าและตอบแบบคลุมเครือ

เมื่อโนโซมุเหลือบมองใบหน้าของเธอ ก็ดูท่าทางโกรธมาก

 

「อีกอย่างนะมีเรื่องจะถามหน่อย~~。ทำอะไรลงไปกับเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬงั้นเหรอ!」

 

「ก็บอกแล้วไงว่าอย่าน่ะ มิมุรุ」

 

มิมุรุพยายามถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอริสโดยไม่สนใจอารมณ์ของซีน่าเลย แต่ทอมเองก็ได้แต่ยอมแพ้กับท่าทางของเธอ

 

「อืมมมมมม~~! ก็อยากรู้น่ะสิทำไมเจ้าหญิงที่แสนสูงส่งดันมาสนใจผู้ชายต่ำต้อยเช่นนี้น่ะ~~。เน่!เดทกันอยู่รึเปล่าน่ะ!?」

 

「……เปล่าหรอก ไม่ได้เดทกันหรอกครับ…………」

 

「อืมมมม~~จริงเหรอ~~?แล้ว!!「มิมุรุ ถ้าเธอยังมัวแต่ทำตัวโง่ๆอยู่แบบนี้ฉันกลับแล้วนะ」อืออ~โอกาสดีก็จริง แต่น่าเบื่อจังเลยน้า~~」

 

อันที่จริงโนโซมุไม่ได้คบกับไอริส แต่ซีน่าเองก็ดุมิมุรุที่พยายามตื้อ อาจเป็นเพราะเธอไม่พอใจกับคำตอบของโนโซมุ

 

มิมุรุทำท่าทางไม่พอใจ แต่บรรยากาศก็บอกว่ายอมแพ้แล้วจ้า ซีน่าเองก็หยิบลูกธนูและถือคันธนูด้วยความตึงเครียด

 

 

 

「นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งแต่ว่าจิตวิญญาณในป่ามันแปลกไป。……ดูท่าทางน่ากลัวมาก……ต้องรีบออกจากที่นี่โดยทันที」

 

ใบหน้าของทอมตึงเครียดขึ้นมาทันทีและบรรยากาศขี้เล่นนั่นก็เปลี่ยนมาเป็นโหมดจริงจัง

 

เธอบอกว่าไม่มีร่องรอยของสัตว์อยู่เลย เนื่องจากเธอเป็นเอลฟ์จึงตอบสนองกับจิตวิญญาณในป่าได้ โนโซมุเองก็สังเกตได้ว่าป่ามันแปลกไป

 

เมื่อโนโซมุพยายามตัดสินใจจะกลับ โนโซมุรู้สึกประทับใจเล็กน้อยกับความรู้สึกที่ถูกปิดกั้นนี่

 

 

「อั่ก!!!!!」

 

ร่างกายเปลี่ยนเป็นท่าทีต่อสู้ในทันทีด้วยความรู้สึกแห่งความตายที่ใกล้เข้ามา กล้ามเนื้อตึงแน่นและหัวใจเต้นรัว เลือดกำลังไหลเวียนไปทั่วร่าง

 

 

โนโซมุมองดูพุ่มไม้ตรงป่า ผมรู้สึกได้ว่าแรงกดดันมหาศาลมาจากทางนั้น

 

 

ซีน่าและเพื่อนๆเองก็รู้สึกได้เช่นกัน พวกเขาก็ต่างมองมาทางที่โนโซมุจับจ้อง

 

 

 

ในที่สุดสัตว์อสูรตัวร้ายก็โผล่มาจากพุ่มไม้

 

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา แน่นอนมันมีสี่ขาเหมือนสัตว์เดรัจฉาน และรูปร่างหน้าตาของมันคล้ายกับหมาป่า แต่ขนาดมันใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ความยาวของลำตัวใหญ่กว่าผู้ใหญ่ทั้งตัวและความสูงก็สูงเท่าๆกับหน้าอกของโนโซมุเลยด้วย

 

 

นอกจากนี้ยังมีสติปัญญา

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดร่างกายมันถูกปกคลุมไปด้วยตะกอนสีดำและควันดำก็พวกพุ่งขึ้นพร้อมกับเสียง

 

 

ไม่มีม่านตามีเพียงดวงตาสีแดงที่จ้องมาทางนี้เท่านั้น

 

 

มันเป็นสัตว์อสูรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างน้อยโนโซมุก็ไม่เคยเห็นมันในป่าแถวนี้เลย และไม่เคยเห็นมันในหนังสือด้วย

 

 

 

「อะไรกัน……หมอนี่มัน?……」

 

「อาาาาาาา…………」

 

「ชิ…………」

 

「อุหวาาาาา…………」

 

มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากโนโซมุและซีน่าที่กำลังส่งเสียงคราง เหงื่อเย็นๆไหลออกจากใบหน้าของมิมุรุและทอมก็ก้นจั้มเบ้า

 

 

สัตว์อสูรร้ายสีดำ

 

เห็นได้ชัดว่าโนโซมุค่อนข้างไม่พอใจเพราะไม่มีข้อมูลของศัตรูเลย

 

「บรู้วววววววววววววววววววววววววววว!!!!」

 

มันแผดเสียงคำราม ต้นไม้โดยรอบพริ้วไหวราวกับหวาดกลัว

 

 

วินาทีถัดมาตัวมันตั้งสติชั่วครู่ และก็พุ่งเข้าหาพวกโนโซมุราวกับว่าสถานการณ์พลิกกลับ

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท