ตอนที่ 283 จากนี้ไปจะแต่งฟูหลางเข้ามา
ตอนที่ 283 จากนี้ไปจะแต่งฟูหลางเข้ามา
สิ้นเสียง หินก้อนหนึ่งก็พุ่งเข้าหาร่างของเกาจัวหยวน โดนจุดฝังเข็มบนร่างกายเขา หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ฮ่า ๆๆๆ…ข้าผิดไปแล้ว นาย…นายท่านได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ฮ่า ๆๆ…”
เขาหัวเราะอย่างหนักจนร่างกายโงนเงน หางตาปรากฏหยาดน้ำตาเล็ด ตอนนี้เขาไม่อยากหัวเราะเลยแม้แต่น้อย แต่ก็หยุดไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าสุนัขอย่างท่านอ๋องจะจี้จุดหัวเราะของเขา!
ท่านอ๋องบางคนที่หาสนามอารมณ์ของตนเจอแล้วก็วิ่งตามหลังภรรยาไปอย่างอารมณ์ดี พลางหันกลับมาแสร้งทำเป็นยิ้ม แล้วเอ่ยกับเกาจัวหยวน “เปิ่นหวางไม่มีหลานชายโตขนาดนี้อย่างเจ้า!”
“นาย…ท่านอย่าเพิ่ง…เพิ่งไป ฮ่า ๆๆ…ท่านไปแล้ว…ข้าจะทำอย่างไร? ฮ่า ๆๆ…”
สิ่งที่ตอบเขากลับมาคือแผ่นหลังแข็งแกร่งของมู่ฉินเจิน แต่น่าเสียดายที่แผ่นหลังนั้นกำลังไล่ตามเฉียวเยี่ยนไปจนดูราวสุนัขที่ส่ายก้นดุ๊กดิ๊กวิ่งตามเจ้านาย
สองข้างทางมีดอกไม้ป่าสวยงามมากมาย มู่ฉินเจินไล่ตามเฉียวเยี่ยนห่างไปช่วงหนึ่ง เมื่อเห็นว่านางยังไม่สนใจเขา ก็เก็บดอกไม้ป่ามา
ท่านอ๋องซู่ผู้สง่างามเย็นชาไร้ความรู้สึก ในเวลานี้กำลังเด็ดดอกไม้ป่าสองข้างทาง ความขัดแย้งนั้นช่างเตะตาผู้คนจริงๆ
องครักษ์ที่ตามมาข้างหลังพากันปิดหน้า รู้สึกว่าเจ้านายในตอนนี้น่าขายหน้าเล็กน้อย
ตั้งแต่ได้พบกับหวางเฟย ท่านอ๋องของพวกเขาก็ไม่ปกติ และไม่รู้ว่าจะยังเยียวยาได้อยู่หรือไม่
เฉียวเยี่ยนกุมบังเหียน ทอดมองสายตาไปข้างหน้าตามม้าที่เคลื่อนไปมาอย่างช้าๆ ทว่ากลับเหลือบเห็นชายบางคนที่กำลังเด็ดดอกไม้ไปทั่วต่อหน้านางเป็นระยะๆ
อย่าว่างั้นเลยนะ ดูน่ารักมากจริงๆ!
มุมปากนางหยักยกขึ้นเล็กน้อย รู้สึกมีความสุข บางครั้งมู่ฉินเจินก็หันมามองนางด้วยรอยยิ้มในดวงตา
ทุกครั้งที่เป็นตอนนี้ เฉียวเยี่ยนมักจะเบนสายตาไปทางอื่น ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งไม่สนใจเขา
หลังจากเดินไปสักพัก ท่านอ๋องก็เก็บดอกไม้ได้พอแล้ว เขาถือดอกไม้ไว้ในมือข้างเดียว เดินไปอยู่ข้างหน้าม้าของเฉียวเยี่ยน และเอ่ยอย่างอ่อนโยนชวนหลงใหล “ฮูหยินที่รัก ไม่ทราบว่าเห็นแก่ดอกไม้นี้ ยกโทษให้สามีสักครั้งได้หรือไม่”
แสงแดดกำลังดี สตรีน่าดึงดูดนั่งอยู่บนหลังม้า มองบุรุษที่ยืนอยู่หน้าม้าด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่บุรุษหล่อเหลาราวกับเทพเจ้าคนนั้นกำลังถือช่อดอกไม้ไว้ในมือด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและหลงใหล
ภาพนี้ทำให้องครักษ์ที่กำลังกินแตงอยู่ข้างหลังกุมหัวใจดวงน้อยของตัวเองเอาไว้
ว้าว! เรียนเป็นแล้ว เรียนเป็นแล้ว!
ต่อไปจะจีบสาวก็ใช้วิธีนี้ ช่างโรแมนติกจริงๆ!
เกาจัวหยวนที่กำลังจะชักจากการหัวเราะ มองคู่รักสาดน้ำตาลต่อหน้าเขาด้วยน้ำตาเอ่อคลอ
หยุดกระทำแบบนี้ก่อนได้หรือไม่? สนใจเขาสักหน่อยก่อนได้หรือเปล่า? หากเขายังหัวเราะแบบนี้ต่อไป อวัยวะภายในต้องขย้อนออกมาหมดแน่!
องครักษ์คนอื่นๆ กำลังฮือฮากัน มีเพียงเกาจัวหยวนคนเดียวเท่านั้นที่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ช่างทำให้เสียทัศนียภาพนัก!
เฟิงหยางที่อยู่ข้างๆ ทนมองไม่ได้อีกต่อไป จึงยกมือขึ้นกดจุดที่หลังเขา ในที่สุดเกาจัวหยวนที่หัวเราะมานานก็หยุดได้ และทรุดตัวลงนอนนิ่งเหมือนสุนัขตายอยู่บนรถม้า
เขาสาบานว่าในชีวิตนี้เขาจะไม่แอบยิ้มลับหลังท่านอ๋องบางคนอีกแล้ว แม้จะหัวเราะ ก็ต้องรอจนกว่าเขาจะออกไปไกลก่อน มองไม่เห็นร่างของอีกฝ่ายแล้วค่อยหัวเราะ!
เขาสงบลงครู่หนึ่ง ก่อนจ้องมองไปยังคู่รักที่ยังคงทำบรรยากาศคลุมเครืออยู่ข้างหน้าพวกเขา และแอบหยิบสมุดบันทึกขนาดเล็กออกมาจากอก และแอบจดลงไป
อืม ส่งดอกไม้ เริ่มขอโทษก่อน การแสดงออกต้องดี และท่าทางต้องหล่อ
สามสิบหกกลยุทธ์ในการโจมตีหลันหนิง เพิ่มขึ้นมาอีกข้อหนึ่งแล้ว!
เฉียวเยี่ยนในเวลานี้อารมณ์ดีอย่างมาก แม้กลอุบายของท่านอ๋องนางจะดูเชยไปหน่อย แต่ใครให้เขาหล่อเหลากัน ความเบียวกับความเชยนั้นล้วนถูกเติมเต็มด้วยใบหน้านั้นไปหมด
นางยื่นมือออกไปรับดอกไม้ของเขา สูดดมกลิ่นเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างหยิ่งยโสและเผด็จการ “เห็นแก่ความจริงใจของท่าน ครั้งนี้ภรรยาจะยกโทษให้เจ้าสักครั้งหนึ่ง”
มู่ฉินเจินคล้อยตามคำพูดของนาง และเอ่ยอย่างเชื่อฟัง “ขอบคุณหัวหน้าภรรยา[1]”
องครักษ์สองสามคนที่ยังคงกินแตง ได้ยินคำพูดของท่านอ๋อง ก็ยิ่งอยากปิดหน้า
นายท่าน ความเป็นลูกผู้ชายของท่านอยู่ไหนแล้ว? เราควรมีศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหม?
สองสามีภรรยาจมอยู่ในโลกใบน้อยของตัวเอง ส่วนกลุ่มองครักษ์ที่กินอาหารสุนัขจนอาเจียนที่อยู่ข้างหลังล้วนไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของพวกเขา
เฉียวเยี่ยนตบหลังม้าของตัวเอง “ขึ้นมาสิ ให้รางวัลท่านเป็นที่นั่งที่หนึ่ง”
มู่ฉินเจินแย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางกระโดดขึ้นหลังม้าเบาๆ นั่งอยู่ข้างหลังนาง โอบนางไว้ในอ้อมแขน ดึงบังเหียน พานางขี่ม้า
พวกองครักษ์กินอาหารสุนัขยังไม่หนำใจ แต่รถม้าข้างหลังกลับมีศีรษะน้อยสี่หัวกับศีรษะใหญ่หนึ่งหัวโผล่ออกมาจากม่านรถ
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นร่างบิดามารดาที่กอดอยู่ด้วยกัน ก็จำคำศัพท์ใหม่ที่เพิ่งเรียนมาได้ จึงถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพี่ หัวหน้าภรรยาคืออะไรหรือ?”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เท้าคาง สีหน้าเคร่งขรึม พลันนึกถึงเรื่องราวหนึ่งในพงศาวดารแปลกๆ ที่เขาเคยอ่านได้ จึงค่อยๆ อธิบาย “ในพงศาวดารแปลกๆ บันทึกไว้ว่า ในอดีตมีเมืองแม่หม้ายแห่งหนึ่ง ที่สตรีได้รับความเคารพสูงสุด บุรุษต้องแต่งงานเข้าครอบครัวของสตรี เรียกหญิงนั้นว่าหัวหน้าภรรยา ส่วนบุรุษเรียกว่าฟูหลาง[2] ซึ่งมีหน้าที่ดูแลภรรยาและเลี้ยงดูลูก”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พยักหน้าเข้าใจทันที และเอ่ยด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว”เป็นเช่นนี้นี่เอง แบบนี้ท่านพ่อก็แต่งงานเข้ามาในครอบครัวท่านแม่งั้นหรือ?”
ฮุ่ยเซียงที่กำลังดื่มชาได้ยินคำพูดนี้ แทบจะสำลักน้ำชาออกมา
นี่ก็พูดได้หรือ?
ก่อนที่นางจะตั้งสติได้ เจ้าปลาอ้วนก็เอ่ยต่อ “ท่านแม่เก่งจังเลย วันหน้าข้าก็จะแต่งบุรุษเข้ามาเหมือนกัน และกลายเป็นหัวหน้าภรรยา!”
นางกำหมัดเล็กของตัวเองอย่างดุดันแบบเด็กๆ และมีสีหน้าแน่วแน่
ราวกับรู้สึกว่าแต่งมาคนเดียวไม่พอ นางจึงกล่าวเสริม “แต่งคนเดียวไม่พอ ข้าจะแต่งสองคน ให้พวกเขาเรียกข้าว่าหัวหน้าภรรยา!”
คราวนี้ฮุ่ยเซียงทนไม่ไหว พ่นน้ำชาออกมาเต็มปาก และสำลักจนหน้าดำหน้าแดง
จวิ้นจู่น้อยของนาง ช่างเหนือกว่าคนรุ่นหลังจริงๆ !
ระบบตัวน้อยหัวเราะจนกลิ้งไปมาอยู่ในรถม้า และถ่ายทอดสิ่งที่เจ้าปลาอ้วนพูดให้กับเฉียวเยี่ยน
แม้นางจะออกมาจากทะเลแห่งจิตสำนึกแล้ว แต่จิตนางยังคงเชื่อมต่อกับเฉียวเยี่ยน ทั้งสองสามารถสื่อสารกันผ่านจิตได้
หลังจากเฉียวเยี่ยนได้ยิน มุมปากก็กระตุก และยกมือขึ้นปกปิดใบหน้าตัวเอง
เฮ้อ! ใบหน้าของนาง ไม่นานคงได้พังย่อยยับไปหมดแน่
เสี่ยวอันอันรู้สึกว่าพี่สาวดูเท่มาก จึงกำหมัดน้อยของตัวเอง และคำรามอย่างดุเดือด “ข้าก็อยากแต่งฟูหลางเข้ามาเหมือนกัน!”
เอาล่ะ โดนหลอกไปอีกคนแล้ว
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ เฮ้อ น้องสาวโง่เกินไปแล้ว ต่อไปต้องจับตาดูให้ดีๆ หน่อย
……
เวลาเดินทางเป็นที่น่าพอใจมาก อากาศดี แดดออกลมโชยทุกวัน การเดินทางก็เร็วขึ้นมาก
จุดหมายปลายทางของพวกเขาครั้งนี้คือหางโจว จากเมืองหลวงถึงหางโจว ต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือน
หลังจากมาถึงหางโจว ก็รีบซื้อที่ดินปลูกกล้าข้าวทันที จะได้ทันเวลาปลูกข้าวในช่วงกลางเดือนเจ็ด
ระหว่างทาง พวกเขาไม่พักที่โรงเตี๊ยมก็พักแรมอยู่ในป่า นั่งรถม้าเดินทางมาถึงหางโจวจนร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมด
เฉียวเยี่ยนเลือกที่อยู่อาศัยถาวรเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่มีน้ำอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีทุ่งนามากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับปลูกข้าวมากที่สุด
มู่ฉินเจินมีคนรู้จักอยู่ที่หางโจว ก่อนออกเดินทางเขาได้ส่งจดหมายไปให้คนผู้นั้นแล้ว เมื่อพวกเขาเพิ่งมาถึงหางโจว ก็มีคนมารับพวกเขาไปที่พักทันที
บ้านหลังเล็กในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีพื้นที่กว้างขวาง มีห้องหลายหลัง พวกเขายัดๆ อยู่รวมกัน ก็สามารถอยู่ได้
ลานบ้านเล็กถูกเก็บกวาดอย่างสะอาด ในห้องครัวยังมีข้าว แป้ง ธัญพืช และน้ำมันเตรียมไว้ให้ และยังมีคนรับใช้สองสามคนรออยู่ในลานบ้านด้วย
เมื่อพวกเขาเห็นรถม้ามาถึง ก็รีบเข้าไปช่วยขนของเป็นพัลวัน ท่าทางดูเคารพนอบน้อมมาก เฉียวเยี่ยนค่อนข้างพอใจกับพวกเขาอย่างยิ่ง
ทว่าคนในครอบครัวมีหลายคนแล้ว อาจจะไม่ต้องใช้ข้ารับใช้
[1] 妻主 หัวหน้าภรรยา เป็นภรรยาที่ทำหน้าที่ช้างเท้าหน้า ควบคุมดูแลครอบครัวทุกอย่าง
[2] ฟูหลาง (夫郎) หมายถึง สามีที่ทำหน้าที่เป็นช้างเท้าหลัง เป็นผู้สนับสนุนภรรยาอยู่เบื้องหลัง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่ต้องตกใจหรอกฮุ่ยเซียงน้อย สังคมเอเชียอุษาคเนย์ในสมัยก่อนก็เป็นแบบนี้ ผู้หญิงเป็นใหญ่ในสังคม แต่งผู้ชายเข้ามาเป็นบ่าวในบ้าน เป็นแรงงานในไร่นาครอบครัวตัวเอง เลยเป็นที่มาของคำว่า เจ้าบ่าว นั่นแหละ จนกระทั่งแนวคิดชายเป็นใหญ่เข้ามา ก็เลยกลายเป็นอย่างทุกวันนี้
ไหหม่า(海馬)