ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 284 นารีเป็นเหตุ

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 284 นารีเป็นเหตุ

ตอนที่ 284 นารีเป็นเหตุ

เมื่อมาถึงลานบ้านเล็ก ลูกทั้งสี่ที่นั่งอยู่ในรถม้ามานานสิบกว่าวันจนใกล้จะรากงอกออกมาจากก้นแล้วก็ได้รับการปลดปล่อย

ทันทีที่ลงจากรถม้า ขาสั้นต่างทะยานพุ่งไปอย่างรวดเร็ว สำรวจสถานที่ใหม่ไปทั่ว

ตอนนี้เป็นตอนบ่ายประมาณยามเซิน แดดกำลังดี ทุกที่รอบตัวเป็นหมู่บ้านริมน้ำเจียงหนานอากาศชื้นกว่าทางเหนือมาก เฉียวเยี่ยนจึงไม่กังวลเรื่องลมแดด และปล่อยให้พวกเขาวิ่งเล่นไปทุกที่

หลังจากจัดเก็บสัมภาระที่นำมาด้วยบนรถแล้ว หญิงคนหนึ่งในหมู่ข้ารับใช้ที่สหายเก่าของมู่ฉินเจินจัดเตรียมมาให้ก็ได้เตรียมอาหารไว้เรียบร้อย

อาหารมื้อแรกที่มาถึงหางโจวมีเอกลักษณ์ความเป็นเจียงหนานมาก ประกอบกับฝีมือของพี่สาวคนนั้นดีมาก อาหารทุกอย่างจึงอร่อยล้ำ

เต้าหู้หัวปลา หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว เป็ดตุ๋นหน่อไม้แห้ง ล้วนมีรสชาติดั้งเดิมเฉพาะตัว

พวกองครักษ์นั่งอยู่โต๊ะหนึ่ง โดยมีแม่นางฮุ่ยเซียงอยู่ตรงกลาง นางกับเฟิงหยางนั่งอยู่ด้วยกัน คีบอาหารให้กันและกัน กระหนุงกระหนิงจู๋จี๋กัน ทำให้คนร่วมโต๊ะเดียวกันรู้สึกเปรี้ยวเข็ดฟันยิ่งกว่ากินมะนาวเสียอีก

เฮ้อ! ในเมื่อไม่มีแม่นางน้อยมาคีบอาหารให้พวกเขา เช่นนั้นชายร่างใหญ่อย่างพวกเขาคงต้องคีบให้กันเอง

เพียงแต่สายตาดุจคมมีดเหล่านั้นแทบอยากทะลวงเฟิงหยางให้พรุนเป็นรังผึ้ง

เฟิงหยางเคยชินจนคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อีกทั้งยังอวดเป็นพิเศษด้วย ใครให้เขาเป็นคนเดียวที่ออกจากสถานะโสดในกลุ่มกัน?

ฮุ่ยเซียงรับรู้กิริยาปัญญาอ่อนของเหล่าบุรุษแล้ว จึงก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างจริงจัง โดยไม่เข้าไปยุ่งการแข่งขันลับๆ ของพวกเขา

ข้ารับใช้คนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพนอบน้อม จะให้กินข้าวพร้อมเจ้านายหรือ พวกเขากล้าที่ไหนกัน?

ในตำหนักอ๋องซู่ เฉียวเยี่ยนชอบทำอะไรด้วยตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่ได้รับประสบการณ์ที่มีคนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ตอนกินข้าวมานานแล้ว

นางเอ่ยกับพวกข้ารับใช้ด้วยเสียงอ่อนโยน “พวกเจ้าก็นั่งลงกินข้าวด้วยสิ ข้าไม่มีกฎเข้มงวดอะไรขนาดนั้น”

พวกข้ารับใช้ได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ ทว่าก็ยังส่ายหัวรัวๆ ต่อมาเห็นเฉียวเยี่ยนไม่ได้พูดคำเกรงใจจริงๆ ถึงได้กล้าที่กลับไปที่ครัว กินส่วนที่เป็นของตัวเอง

อาหารหอมกรุ่นล่อลวงให้คนน้ำลายไหล เด็กน้อยทั้งสี่ถือชามใบเล็กๆ ไว้คนละใบ กินจนปากกลมป่องขยุกขยิก เมื่อกินอาหารมื้อนี้เสร็จ หนังท้องน้อยก็กลมป่อง

หลังอาหารเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เรียกข้ารับใช้สองสามคนนั้นมาหา และให้รางวัลแก่พวกเขาคนละสองตำลึง และให้พวกเขากลับไปที่บ้านเจ้านายตัวเอง

พวกข้ารับใช้ตกตะลึงอีกครั้ง พวกเขาถูกนายท่านส่งมาคอยรับใช้ผู้สูงศักดิ์ ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแต่ไม่ได้ปรนนิบัติ แถมยังได้เงินรางวัลสองตำลึงด้วย

เมื่อมาถึงที่ใหม่ เฉียวเยี่ยนก็ไม่มีแรงจะไปเดินเที่ยวรอบๆ หลังจากกินข้าวเสร็จ และอาบน้ำแล้ว ก็เอนตัวพักผ่อนอยู่บนเตียงทันที

หลังจากกินดื่มอิ่มและพักผ่อนพอ รักษาจิตใจดีแล้ว ต่อไปก็เริ่มต้นแผนการปลูกข้าวของนาง

พวกเด็กๆ เหมือนถูกไฟลนก้น แม้ระหว่างทางจะถูกกระแทกกระทั้นอย่างแรง แต่เมื่อมาถึงที่นี่ก็ซุกซนเป็นลิง

หมู่บ้านเล็กๆ ที่พวกเขาอาศัยอยู่เรียกว่าหมู่บ้านหูซี รอบทิศเป็นน้ำ ออกบ้านส่วนใหญ่ต้องนั่งเรือ ด้านนอกลานบ้านเล็กๆ ที่พวกเขาอาศัยอยู่มีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง และมีเรือล่องลอยอยู่ในนั้นสองสามลำ

เด็กทั้งสี่ที่ไม่เคยนั่งเรือมาก่อนยืนมองเรืออยู่หน้าประตูริมฝั่งแม่น้ำ ดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา

บางครั้งมีเรือแล่นผ่าน คนที่สัญจรไปมาเห็นตุ๊กตาแสนสวยทั้งสี่ตัวยืนอยู่ริมฝั่ง ก็ตื่นตะลึงไม่น้อย

ลูกใครกันถึงได้น่ารักขนาดนี้ ช่างโชคดีจริงๆ

มู่ฉินเจินเห็นเด็กๆ มีท่าทางสนใจ จึงสั่งให้พวกองครักษ์พาพวกเขาไปนั่งเรือ

ส่วนเขา แน่นอนว่ากลับห้องไปนอนเป็นเพื่อนภรรยา

ด้วยเหตุนี้ คู่รักสองคนก็หลับใหลจนท้องฟ้ามืดสลัว พวกองครักษ์นั่งเรือเป็นเพื่อนเจ้านายน้อย และเล่นอย่างสนุกสนานมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉียวเยี่ยนพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตื่นแต่เช้า วันนี้เช้านางวางแผนจะออกไปหารือเกี่ยวกับการซื้อที่ดินกับหัวหน้าหมู่บ้านและพวกชาวบ้านสักหน่อย

เหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนก่อนปลูกข้าวล่าช้า นางมิอาจชักช้าได้แล้ว หลังจากซื้อที่ดินเสร็จ ก็จะเริ่มดำกล้าทันที

มู่ฉินเจินก็ตื่นแล้วเช่นกัน และกำลังออกกำลังกายตอนเช้าอยู่ในลานบ้าน โดยมีองครักษ์สองสามคนเป็นคู่ซ้อมฝึก ขณะที่ฮุ่ยเซียงเตรียมอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว

เด็กทั้งสี่ยังคงนอนหลับไหล เมื่อวานเล่นกันหนักเกินไป ตอนนี้ยังนอนแผ่หลากันอยู่

เฉียวเยี่ยนเข้าห้องไปดู และยัดแขนขาน้อย ของพวกเขาเข้าไปในผ้าห่มดีๆ พลางลูบหัวน้อยของพวกเขา

เมื่อมาถึงที่ใหม่ก็กังวลว่าพวกเขาจะไม่ชินกับสภาพแวดล้อม แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เมื่อวานแล้ว เรื่องไม่ชินกับสภาพแวดล้อมก็น่าจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา

นางเข้าไปช่วยฮุ่ยเซียงในครัว เช้านี้ฮุ่ยเซียงทำโจ๊กหมูสับ ซงโหยวปิ่ง ดูแล้วน่าดึงดูดเป็นพิเศษ

“ฮุ่ยเซียงน้อย เจ้าเพรียบพร้อมมากจริงๆ หากข้าตัดใจให้เจ้าแต่งงานออกไปไม่ได้ล่ะจะทำอย่างไร?”

สำหรับเจ้านายที่พอตื่นมาก็แกล้งนางเล่น ฮุ่ยเซียงรู้สึกระอาไปแล้ว

เมื่อก่อนถูกแกล้งจนหน้าแดง ตอนนี้นางโต้กลับได้แล้ว “ไม่แต่งก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นหวางเฟยต้องมอบตำแหน่งให้บ่าวด้วยนะเจ้าคะ บ่าวมิอาจอยู่กับท่านไปตลอดชีวิตโดยไม่มีชื่อไม่มีฐานะได้”

เฉียวเยี่ยนลูบใบหน้าน้อยของนางราวกับนักเลงเจ้าชู้ แล้วเปิดปากพูด “ข้าจะไปหย่ากับคนในบ้านเดี๋ยวนี้แหละ แล้วต้อนรับเจ้าเข้ามาว่าอย่างไร? ฮุ่ยเซียงน้อยพอใจไหม?”

มู่ฉินเจินที่เพิ่งก้าวเข้าไปในครัว “…”

งั้นข้าต้องจากไป?

เดิมทีฮุ่ยเซียงอยากจะพยักหน้า แต่เมื่อเห็นท่านอ๋องบางคนอยู่หน้าประตู ก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

เฉียวเยี่ยนที่ถูกจับได้หันกลับไปมองเขาด้วยรอยยิ้มอย่างเก้อเขิน แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? หิวแล้วหรือ?”

“สามีมาดูว่านารีเป็นเหตุคนใดกันที่ทำให้ฮูหยินจะหย่ากับข้า”

ขณะมู่ฉินเจินกล่าว สายตาของเขาก็ทิ่มแทงร่างฮุ่ยเซียง

ดวงตาเศร้าสร้อยคู่นั้นมีกลิ่นอายเหมือนหญิงเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่มีผิด

เฉียวเยี่ยนยิ้มแหย ก่อนก้าวเท้าหนีจากไป “วันนี้อากาศดีจัง ข้าจะไปดูทิวทัศน์”

นางหนีไปแล้ว มู่ฉินเจินย่อมตามไปด้วย ส่วนฮุ่ยเซียงที่อยู่ในครัวก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

คู่รักสองคนนี้ จะเกี้ยวพาราสีกันทั้งทีก็อย่าลากนางเข้าไปเกี่ยวด้วยได้ไหม? นางยอมเจ็บไม่ได้จริงๆ!

……

หลังจากรับประทานข้าวเช้าเสร็จ พวกเฉียวเยี่ยนก็ออกเดินทางไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

พวกเขายังไม่คุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้มากนัก ระหว่างทางจึงถามทางไปด้วย

เมื่อชาวบ้านเห็นคนต่างถิ่นเข้ามามากมาย ต่างก็มองดูจากที่ไกลๆ ราวกับมองลิง

“ไอหยา คนกลุ่มนี้หน้าตาดีกันจริงๆ โดยเฉพาะคู่หนุ่มสาวที่อยู่ข้างหน้าสุด เห็นแล้วมีความสุขนัก”

“ชู่ว เบาๆ หน่อย คนพวกนี้ดูมีภูมิหลังไม่น้อย ไม่แน่อาจจะมาทวงหนี้ก็ได้”

……

ชาวบ้านซุบซิบพูดคุยกัน คิดทึกทักเอาเองว่าคุยกันเสียงเบาแล้ว ทว่าความจริงคำพูดเหล่านั้นล้วนเข้าหูของกลุ่มเฉียวเยี่ยนหมด

เฉียวเยี่ยนอดถอนหายใจไม่ได้ โชคดีที่ไม่ได้พากองทัพที่ฮ่องเต้เฒ่าเตรียมไว้ให้ ไม่เช่นนั้นต้องถูกมองเหมือนเป็นลิงแน่

เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เกาจัวหยวนก็เข้าไปเคาะประตู ไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมา เมื่อประตูเปิดออกมากลับเป็นเด็กชายอายุราวๆ เจ็ดแปดขวบ

เด็กชายเห็นคนแปลกหน้ามากมายก็ตกใจกลัวอย่างชัดเจน จึงจ้องพวกเขาอย่างระแวดระวัง และถามอย่างกล้าหาญ “พวกท่านเป็นใคร? มาที่บ้านข้าทำไม?”

เฉียวเยี่ยนดูออกว่าเด็กน้อยกลัว จึงก้าวไปดึงเกาจัวหยวนกลับมา และเอ่ยด้วยท่าทางอ่อนโยน “สหายตัวน้อยไม่ต้องกลัว พวกราไม่ใช่คนเลว หัวหน้าหมู่บ้านอยู่บ้านหรือเปล่า? พวกเรามาหาหัวหน้าหมู่บ้าน”

เด็กน้อยมองหญิงสาวที่งดงามและอ่อนโยนตรงหน้า ก็พยักหน้าอย่างลืมตัว ก่อนที่เขาจะได้ตอบ ชายชราผมขาวครึ่งหัวก็เดินออกมา

เขาสำรวจทุกคนครู่หนึ่ง เห็นว่าพวกเขามีท่าทางที่ไม่ธรรมดา จึงกุมมือโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านหูซี ไม่ทราบว่าพวกท่านผู้สูงส่งมาหาข้าด้วยเหตุอันใดกัน?”

ท่าทางเขาดูระแวดระวังเล็กน้อย ทว่าในใจกลับเต้นรัวดุจกลอง ครอบครัวเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ คงไม่มีศัตรูที่ไหนหรอกกระมัง

หรือไอ้สารเลวคนไหนในหมู่บ้านก่อเรื่องแล้วมีคนอื่นมาหาถึงที่กัน?

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อย่ามาเล่นกับไฟ ร้อนๆ มันไม่ดี…เฉียวเยี่ยนเอ๊ย เกือบฆ่าฮุ่ยเซียงทางอ้อมแล้วไหมล่ะ ไม่รู้เหรอว่าฟูหลางตัวเองขี้หึงขนาดไหน

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท