พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 21

ตอนที่ 21

บทที่2ตอนจบพาร์ทจบส่วนที่2

ฉัน โซลมิเลียน่ากำลังอยู่ในสถานการณ์แสนสิ้นหวัง ต่อหน้าคนที่สำคัญกำลังยืนปกป้องฉันด้วยพละกำลังทั้งหมดแม้ตัวเองจะต้องบาดเจ็บก็ตาม

ทิม่าและมาร์ต่างมีร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ตัวฉันที่ทำอะไรไม่ได้เลย

พี่สาวของฉันยังคงต่อสู้ต่อไป แต่ว่าร่างกายอันแสนงดงามนั่นก็เริ่มมีบาดแผล

ความตายที่ใกล้เข้ามาหาฉันเรื่อยๆ มันไม่ได้สนใจพี่สาวฉันเลยแม้แต่น้อยมันพยายามที่จะเอาดวงวิญญาณของฉันไป

ร่างกายของฉันสั่นเทาน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับร้องขอให้คนมาช่วย

“กลัวค่ะ”

ความกลัวแล่นเข้าผ่านร่างกายของฉันโซ่ที่ผูกมัดระหว่างฉันกับยมฑูตนั่น ความกลัวที่หนาวเหน็บนั่นพรากอิสระจากฉันไปทุกอย่าง

เคียวนั่นเหวี่ยงลงมาเพื่อที่จะฉีกกระฉากร่างของฉัน

「อึก!」

ฉันหลับตาแน่นเพื่อหลีกหนีความกลัวที่เข้ามาในจิตใจ ความตายที่กระชั้นชิดเข้ามาใกล้ มันเหมือนกับการหลับตาเพื่อหนีความจริงจากโลกใบนี้ สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงแค่นี้

…………แต่ไม่ว่าจะนานขนาดไหนความเจ็บปวดนั่นก็ไม่มาถึงร่างกายของฉันสักที เมื่อฉันลืมตาขึ้นก็พบกับพี่ชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน

แผ่นหลังที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่

แต่เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับฉันแล้วเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อมั่นเสมอมา

◇◆◇

ข้าเอาอิน่าไปวางไว้ที่ห้องเก็บอาวุธและรีบกลับมาก็พบกับโซเมียที่กำลังโดนยมฑูตพรากชีวิตของเธอไป

โนโซมุส่งพลังทั้งหมดเข้าไปในดาบแขนทั้งสองข้างของยมฑูตกำลังเหวี่ยงลง ข้าเข้าตัดผ่านมันด้วยวิชาดาบของข้าในทันที

「คุณโนโซมุ?」

โซเมียเรียกข้าราวกับจะยืนยันให้แน่ชัด แต่ว่าข้าไม่มีเวลามาตอบคำถามเช่นนั้น ศัตรูตรงหน้าข้าไม่สามารถลดการ์ดลงได้เลย

รูกาโต้จ้องมองมาทางโนโซมุ ที่ตัดร่างกายของยมฑูตจนสิ้นด้วยใบหน้าที่ตกใจ

「……อสูรพันธสัญญากลับถูกฆ่าตายด้วยดาบเดียวเนี่ยนะครับ?……」

ทั้งไอริสและทิม่าต่างจ้องมองมาด้วยความตกใจ มาร์เองก็มองมาทางนี้ด้วยท่าทางตกใจ

โนโซมุส่งดาบใหญ่ด้วยการเตะดาบนั่นให้มาร์

ดาบใหญ่ไหลไปตามพื้นและไปอยู่ด้านข้างของมาร์

「โนโซมุ…………………มันเกิดอะไ-…..ขึ้น」

มาร์หยิบดาบใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับบ่นเล็กน้อย ยังไงก็ตามร่างกายของเขาที่โชกไปด้วยเลือด ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะสู้ต่อได้เลยด้วยซ้ำ

「……ขอโทษนะ」

「…………หืมม」

「พันธสัญญาล่มสลายไปแล้วตอนนี้ก็คง…………」

โนโซมุบ่นพึมพำเครื่องประดับแขนที่เป็นของรักของโซเมียกำลังลอยอยู่ท่ามกลางอากาศและค่อยสลายหายไป

「นาา!」

เศษซากทั้งหลายเริ่มรวมตัวกันท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกย้อมเป็นสีดำ แสงสีดำจำนวนมากรวมตัวขึ้นและเริ่มเต้นเป็นจังหวะ

จากนั้นเองโนโซมุก็เห็นได้ว่ายมฑูตกำลังฟื้นคืนชีพ

「ทำไมกัน…………」

「ยังไงก็ตามยมฑูตมันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาเรื่อยๆนั่นละครับ ตราบใดที่สัญญานี่ยังคงอยู่」

「……นี่แกตั้งใจจะเอาโซเมียไปจริงๆงั้นเหรอ?」

「แน่นอนครับ นั่นคือคำสั่งของนายท่าน。」

รูกาโต้ตอบทันทีโดยไร้ซึ่งความลังเล เขาไม่มีท่าทีสงสัยต่อการกระทำของตัวเอง โนโซมุที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มโกรธกลับท่าทางอันแสนผิดปกตินั่น

「ทำไมงั้นเหรอครับ! ก็ไม่มีใครมาเป็นตัวแทนในสัญญาเมื่อ 300 ปีก่อนสักทียังไงล่ะครับ! คิดว่าสัญญาพรรคนั้นจะได้รับการยอมรับงั้นเหรอครับ!?ตอนแรกสัญญาของมันก็แค่การคืนเตาหลอมวิญญาณเท่านั้น! ไม่ได้มีความหมายที่จะเอาชีวิตของท่านโซเมียเลยแม้แต่น้อยครับ!!」

โนโซมุไม่รู้หรอกว่า 300 ปีที่แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างสองตระกูลนี้

แต่โนโซมุทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นโซเมียกลายเป็นเครื่องสังเวยเพราะสัญญานั่นมันไม่เสร็จสมบูรณ์ ทุกๆอย่างถูกผลักภาระมาให้ลูกหลานหมดเลย

「เอาตามตรงนะครับกระผมก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดที่จะเอาชีวิตของท่านโซเมีย แต่ว่าเตาหลอมวิญญาณนั่นดันหลอมรวมกับจิตวิญญาณของท่านโซเมียไปแล้ว ดังนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วละครับ เจ้านายของกระผมเองก็ไม่ใช่คนมาสนใจเรื่องยิบย่อยเช่นนี้ด้วยเพียงแค่บอกว่าให้ไปเอาเตาหลอมวิญญาณนั่นกลับมาเท่านั้นเองครับ……」

「แล้วทำไม!」

「ยังไงก็ตามพันธสัญญามันเสร็จสมบูรณ์แล้วไม่มีทางจะแก้ไขได้ครับ」

รูกาโต้พูดอย่างชัดเจนโดยไม่ให้โนโซมุได้พูด

「แน่นอนว่าเตาหลอมวิญญาณนั่นที่หลอมรวมกับจิตวิญญาณของท่านโซเมียไปแล้วไม่สามารถสกัดวิญญาณออกมาได้ครับ แต่ว่าฝ่ายเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ทางฝ่ายคุณเองต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่ไม่ยอมคืนเตาหลอมวิญญาณมาให้พวกเราจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แม้ฝ่ายกระผมจะต้องเสียศักดิ์ศรีในฐานะผู้ทำสัญญาและอาจเกิดการเป็นปรปักษ์กันได้ แต่ว่าสัญญาที่ถูกละเมิดก่อนโดยฝ่ายฟรานซิสทางนายท่านของกระผมก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ และไม่อยากให้เรื่องนี้รั่วไหลด้วย……」

「เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างหัวมันสิ! ปล่อยโซเมียมานะ!」

รูกาโต้พูดด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่ไอริสไม่สนใจแล้ว

สำหรับเธอแล้วน้องสาวตรงหน้าไม่มีอะไรมาแทนได้อีกแล้ว เธอไม่สนคนในตระกูลที่มัวแต่หลงมัวเมาในอำนาจและเงินทอง

「……………………」

บรรยากาศของรูกาโต้ที่เฝ้ามองสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป

「…………ยังไงก็ตามกฏเหล็กในบ้านเกิดของกระผมก็คือความแข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด」

จักรวรรดิดิซาร์ตที่มุ่งเน้นไปด้านความแข็งแกร่ง พวกเขายอมรับเพียงแค่ตัวตนอันแข็งแกร่งไม่สนใจสิ่งอื่น เขามักเคารพคนที่แกร่งกว่านั่นละคือสไตล์ประจำชาติของจักรวรรดิดิซาร์ต

「ถ้าหากยอมรับสัญญานี่ไม่ได้ละก็นะครับ…………」

พลังเวทย์เริ่มไหลไปทั่วร่างกายของรูกาโต้ ราวกับว่า “นี่คือคำเตือนสุดท้าย”

ราวกับจะบอกว่าเขาจะฆ่าทุกคนที่ต่อต้านการกระทำของเขา

「ก็จงพิสูจน์ตัวเองซะว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่ากระผม!」

“มาทำลายสัญญานี่ด้วยความแข็งแกร่ง”รูกาโต้บอกได้เช่นนั้น

◇◆◇

ต่อหน้ารูกาโต้ที่เอาจริงโนโซมุถือดาบไว้แน่น ไอริสเองก็มาหาโนโซมุและเริ่มคุยกับเขา

「……โนโซมุคุง ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะใช้วิชานั่นได้อีกครั้ง?」

「……ใช้ได้ไม่บ่อยนักครับ อีกสองสามครั้งก็น่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว」

ความสามารถของโนโซมุที่ถูกจำกัดด้วย “พันธนาการ”มันทำให้พลังของเขาต่ำลง ไม่ว่าจะใช้วิชามากแค่ไหนก็คงไม่สามารถจัดการกับศัตรูตรงหน้าได้

「……ขอโทษด้วยนะคะแต่ว่าฉันไม่สามารถเอาชนะรูกาโต้ได้ แต่ว่าสามารถทนการโจมตีของรูกาโต้ได้สักพัก เพราะฉะนั้นโฟกัสไปที่บอลสีดำนั่นน่าจะเป็นตัวอัญเชิญยมฑูตออกมา ดังนั้นทำลายบอลสีดำนั่นทิ้งเถอะ」

「……เข้าใจแล้ว ข้าจะไปเอง」

โนโซมุตอบรับคำพูดของไอริสที่ขอร้องด้วยความจริงจัง

ศัตรูคือคนที่มีแรงค์ S เช่นเดียวกันกับอาจารย์ เขาเป็นคนที่เก่งกาจมากและสามารถฆ่าคนได้โดยไร้ซึ่งความลังเล

(ต้องสู้เท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!!)

โนโซมุใช้ข้ออ้างเหล่านั้นเพื่อระงับความลังเลของตัวเองโนโซมุเสริมพลังกายให้กับตัวเอง

นิ้วทั้งสิบของรูกาโต้เคลื่อนไหวราวกับกำลังเล่นออเคสตร้ากระสุนเวทย์ทั้งสิบนัดถูกยิงมาทางโนโซมุ

กระสุนเวทย์นั่นเข้าปกคลุมโนโซมุแต่ว่ากระสุนเวทย์อีกห้านัดนั้นเคลื่อนไหวไปทางด้านข้างของเขา

ไอริสที่อยู่ด้านข้างของโนโซมุรีบสร้างกระสุนเวทย์เพื่อลบล้างเวทย์ของรูกาโต้

ยังไงก็ตามเธอป้องกันกระสุนเวทย์ได้แค่ 5 นัดเท่านั้น อีกห้านัดยังคงเข้าหาโนโซมุ

โนโซมุพุ่งเข้าหารูกาโต้และมุ่งหน้าเข้าไปด้วยความรวดเร็ว

คิ“ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”

โนโซมุวิ่งผ่านกระสุนเวทย์ทั้งห้านัดและเข้าใกล้รูกาโต้ แม้ว่าเขาจะฟาดฟันดาบเข้าไปแต่รูกาโต้ก็ใช้วงเวทย์เรียกดาบโลหิตมาในทันที โนโซมุที่กันการโจมตีของดาบโลหิตได้จึงกระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง

ใช้กล้ามเนื้อของร่างกายโดยให้เคลื่อนไหวได้ประโยชน์มากที่สุดและเชื่อมต่อการโจมตีด้วยความพริ้วไหว

ในทางกลับกันรูกาโต้ก็ใช้มือข้างหนึ่งเพื่อป้องกันการโจมตีอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนั่นเร็วอย่างมาก แต่แน่นอนว่ามันต่างจากโนโซมุที่ใช้ดาบจริงการเคลื่อนไหวนั่นไม่สม่ำเสมอและเถรตรงนัก รูกาโต้ไม่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด โนโซมุทางด้านวิชาดาบเหนือกว่าแน่นอน

อย่างไรก็ตามรูกาโต้มีความสามารถทางกายภาพที่ไม่ธรรมดา สร้างความแตกต่างในการใช้ทักษะเช่นนี้ ด้วยการเคลื่อนไหวและการคำนวณที่เร็วทำให้รับมือกับการโจมตีของโนโซมุไม่ต้องต่อเนื่องนักก็ได้

เป็นการต่อสู้ที่สร้างประสบการณ์ให้ข้าได้อย่างมาก

「อึก!」

โนโซมุหน้าซีดไปนิดหน่อยเพราะไม่สามารถเข้าไปในระยะโจมตีหวังผลได้

รูกาโต้ที่ยังเหลือมือซ้ายก็ร่ายเวทย์ออกมา โนโซมุที่เห็นเช่นนั้นก็ต้องถอยออกมาทันที

ในเวลาเดียวกันเปลวไฟสีดำก็โผล่ออกมาจากวงเวทย์ ถ้ายังอยู่ตรงนั้นไหม้เกรียมไปแล้ว

เนื่องจากมีระยะห่างอย่างมากรูกาโต้จึงกลับมาใช้กระสุนเวทย์เหมือนเดิม โนโซมุไม่สามารถปัดป้องกระสุนเวทย์ได้เหมือนมาร์ ดังนั้นเขาจึงเข้าไปทางด้านข้างของกระสุนเวทย์และเบี่ยงวิถีของมัน

อย่างไรก็ตามกระสุนเวทย์มันมีเป็นจำนวนมากทำให้เขาเบี่ยงวิถีได้ไม่หมด จึงต้องใช้การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วเป็นการทดแทน

รูกาโต้พยายามไล่ตามเขาไป แต่คราวนี้ไอริสเข้ามาเสริมทำให้รูกาโต้ต้องจัดการด้วยดาบโลหิตในมือขวา

「ฮย๊ากกกกกกกกกกกก!」

ไอริสฟันดาบต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวอันแสนสง่างามและไม่เคลื่อนไหวแบบสูญเปล่า ใบมีดส่องแสงบางๆเพราะเวทย์ที่ใช้ผสมผสานไปด้วยและทุกครั้งที่รูกาโต้ใช้ดาบโลหิตป้องกันประกายแสงจากดาบทั้งสองก็ส่องประกายขึ้น

เมื่อโนโซมุเห็นเช่นนั้นก็สบโอกาส เขาใส่จิตวิญญาณลงไปในดาบและบีบอัดมันเข้าไปในเวลาครึ่งวิ

รูกาโต้ที่กำลังแลกดาบกับไอริสก็สังเกตเห็นเช่นนั้นจึงใช้มือซ้ายสร้างกำแพงเวทย์สองชั้น

โนโซมุชักดาบออก ใบมีดอัดอากาศพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงและปะทะกับกำแพงเวทย์ของรูกาโต้ แต่ใบมีดนั่นก็พังได้แค่กำแพงเวทย์ชั้นแรกแล้วระเบิดออกในกำแพงเวทย์ที่สอง สิ่งกีดขวางนั่นที่ถูกทำลายทำให้พลังเวทย์ไหลกระจายไปทั่ว

คมดาบกลับมาทางโนโซมุที่ฟันไปทางรูกาโต้แต่รูกาโต้ใช้มือซ้ายสร้างดาบโลหิตอีกเล่ม

แรงส่งจาก คิ “คมดาบผ่ามายา-หวนคืน”มันได้รับผลของเวทย์ที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้พลังทำลายของมันเพิ่มขึ้นอย่างมากจนเข้าปะทะกับดาบโลหิต

ทั้งสองร่วมมือกันประกบข้างรูกาโต้ แต่แม้รูกาโต้จะใช้มือแต่ละข้างในการใช้ดาบโลหิตก็ยังสามารถรับมือทั้งสองได้

「ฮ่าาาาาาาาาาห์!」

「อุว๊าาาาาาาาาาาาา!」「คิย๊ากกกกกกกกกก!」

รูกาโต้ใช้พลังทั้งหมดผลักดันทั้งสองออกไป

ทันใดนั้นเองรูกาโต้ก็ยกเลิกดาบโลหิตทั้งสองและกระหน่ำกระสุนเวทย์นับไม่ถ้วน

ทั้งสองยังคงรับมือกับกระสุนเวทย์ได้ แต่โนโซมุเสริมพลังกายจนพลังหมดแล้วเขาสามารถใช้คมดาบผ่ามายาได้น้อยลง ไอริสเองก็เหนื่อยล้า

ความต่างระหว่างทั้งสองนั้นต่างกันเกินไป นี่เป็นเหตุให้ข้าต้องตัดสินใจอีกครั้ง

โนโซมุคิดเช่นนั้นและพูดกับไอริส

「เอ่อ………………………………ไอริสถ้าเธอทุ่มพลังทั้งหมดสามารถโจมตีได้รุนแรงแค่ไหน?」

「เอ่อ—ถ้าเอาแบบเต็มพิกัดก็ได้อีกครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ」

โนโซมุบอกความคิดของเขาให้ไอริสฟัง เธอตกใจมากในตอนแรก

「…………ถ้างั้นข้าจะเปิดทางให้…หลังจากนั้น……มีเรื่องจะขอ」

「…………เข้าใจแล้ว」

หลังจากยืนยันเช่นนั้นโนโซมุก็พุ่งเข้าหารูกาโต้ด้วยก้าวพริบตา กระสุนเวทย์พุ่งเข้ามาแน่โนโซมุใช้ “ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”หลบการโจมตีทั้งหมดโดยไม่สนใจ การโจมตีที่โดนเขาเลยแม้แต่น้อย

「อั่กกกกกกกกกก!」

ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นไปทั่วบริเวณที่โดนโจมตีและมีเลือดไหลออกมา แต่โนโซมุกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวด

ในอีกด้านหนึ่งไอริสยังคงรับมือกับกระสุนเวทย์ด้วยความลังเล ก็เป็นการโจมตีฝ่ายเดียวเหมือนเดิม

คำถามคือจะทำยังไงถึงจะหลบห่ากระสุนเวทย์และเข้าไปใกล้ๆได้ เรื่องนั้นเขาคิดไว้แล้ว แต่ปัญหาของโนโซมุคือ แต่โนโซมุเองก็คิดเช่นนั้นอยู่แล้ว กำลังใจ วิชาที่จะใช้ต่อไปนี้เป็นวิชาใหญ่ที่จะดึงความสามารถจนถึงขีดสุด มันจะจบด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ถ้าใช้ในสถานการณ์เช่นนี้จะต้องหมดแรงอย่างแน่นอน หากพลาดก็มีสิทธิตายได้

เขาเก็บดาบเข้าฝักแล้วเอามือซ้ายออกมา พลังวิญญาณจำนวนมากถูกรวบรวมไปที่มือซ้ายของเขาเกิดเป็นแสงขนาดใหญ่ เขาเล็งแสงที่เปล่งประกายเจิดจรัสไปยังจุดๆเดียว

「ฮ่า!」

ท่าทางของรูกาโต้เปลี่ยนไปทันที แต่โนโซมุก็ต่อยมือซ้ายลงที่พื้นโดยไม่ลังเล

คิ“ระเบิดทำลายล้าง(滅光衝)”

วินาทีต่อมาที่เท้าของรูกาโต้ก็มีเสาไฟโหมกระหน่ำรอบล้อมเขาไว้

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!」

มันเป็นสภาพที่เขาปลดปล่อยคิเกินขีดจำกัดของตัวเอง เขาที่ปลดปล่อยคิจำนวนมากจนภาพตรงหน้าเริ่มมืดลง

ระเบิดทำลายล้างที่พลังทำลายล้างมากมายมหาศาลทำให้รูกาโต้ต้องป้องกันตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

ไอริสเองก็เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีถัดไป

มีวงเวทย์ปรากฏขึ้นบนดาบของเธอและแสงแห่งความมืดนั่นก็โอบล้อมไปรอบดาบของเธอ

สำหรับเธอแล้วการร่ายเวทย์นั้นง่ายมาก มันเป็นเทคนิคเช่นเดียวกับที่ข้าใช้ในการปลดปล่อย”ปืนใหญ่เช่นนี้

อย่างไรก็ตามเวลาในการเปิดใช้งานนั้นรวดเร็วและแม่นยำอย่างมาก สำหรับข้ายังต้องใช้เวลาอย่างมากในการปลดปล่อย “ ปืนใหญ่” แต่เธอสามารถใช้งานได้ทันทีและเพิ่มพลังมากขึ้นเหนือกว่าข้า

ดาบเวทย์ “ดาบสุริยคราส”

ในที่สุดเวทย์ของเธอก็เตรียมพร้อม ดาบเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นพลังเวทย์สีดำที่อาบไปทั่วใบมีดจนเกิดการสั่นไหวของพลังเวทย์ ดาบนั่นเปรียบเสมือนดาวหางที่ส่องแสงท่ามกลางความมืดมิด

ไอริสพุ่งเข้ามาดังนั้นข้าเลยยกเลิกระเบิดทำลายล้าง ดาบของเธอตัดผ่านด้วยความเร็วสูงในทันที

「หะ!」

ไอริสตกใจเพราะดาบที่เธอฟันไปตัดผ่านอากาศที่ว่างเปล่า ณ ที่ตรงนั้นไม่มีรูกาโต้อยู่

「อะ………หายไปไหนแล้ว!」

กระสุนเวทย์พุ่งมาทางจุดบอดของเธอ ทันใดนั้นก็เกิดวงเวทย์สี่วงสร้างโซ่พันธนาการมาผูกมัดตัวเธอเอาไว้

「นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย……!」

โนโซมุสับสนกับสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ในระหว่างเดียวกันไอริสก็โดนผนึกการเคลื่อนไหวไปแล้ว

เมื่อโนโซมุมองไปรอบๆก็พบเงาดำบินอยู่

ถ้าดูใกล้ๆแล้วก็พบกับค้างคาวตัวหนึ่งทันใดนั้นค้างคาวก็รวมกันเป็นหนึ่งและรูกาโต้ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาแปลงร่างเป็นค้างคาวตอนที่ข้าปลดปล่อยระเบิดทำลายล้างออก ไอริสนั้นที่ถูกพันธนาการก็เปิดช่องว่างครั้งใหญ่

โนโซมุสรุปได้ว่าค้างคาวน่าจะเป็นตัวรูกาโต้……。

「แวมไพร์ยังงั้นเหรอ…………」

「ใช่แล้วครับ กระผมเป็นแวมไพร๋」

แวมไพร์

ในทวีปอาร์คมีลมีเผ่าพันธุ์มากมายอาศัยอยู่และในหมู่นั้นเองก็มีเผ่าที่สุดยอดอยู่ด้วย

ความสามารถทางกายภาพอันไม่ธรรมดา พลังเวทย์มหาศาล ชีวิตอันแสนยืนยาวและความสามารถอันมากมาย ทั้งยังสามารถเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวได้นั่นคือความสามารถของแวมไพร์

แม้ว่าจะมีจำนวนน้อย แต่ว่าความสามารถนั้นสูงมาก

อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีความสามารถสูง พวกนั้นก็เลยเป็นที่หวาดกลัวเพราะต้องดื่มเลือดของมนุษย์

ในความเป็นจริงจักรวรรดิดิซาร์ตก็เป็นที่รวมพลของเผ่าที่ถูกกดขี่เช่นนี้

โนโซมุจ้องรูกาโต้อีกครั้ง ดวงตาสีแดงเข้มนั่นเป็นสัญลักษณ์ของแวมไพร์แน่นอน

แต่มารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว ทุกคนต่างถูกพันธนาการไม่ก็โดนทำให้สลบจนเสียหมดแล้ว

รูกาโต้กำลังมุ่งหน้าไปหาโซเมีย โนโซมุอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้

◇◆◇

ชายชราคนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปหาโซเมีย ต่อฉันที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

「ไม่! ออกไปนะ! ออกไปให้ห่างจากโซเมียนะ!!」

ฉันพยายามจะสลัดเวทย์นี่ให้หลุด แต่ก็ทำไม่ได้เวทย์นี่มีผลในการยับยั้งพลังเวทย์ของฝ่ายตรงข้ามทำให้ฉันไม่สามารถใช้เวทย์ได้

ชายชราคนนั้นร่ายเวทย์ยมฑูตก็โผล่มาอีกครั้ง

「อะ…………ขอร้องล่ะ หยุดเถอะ……」

ตัวฉันที่เคยเห็นภาพเช่นนี้ เป็นภาพที่คุ้นเคย ฉันเริ่มกลัวขึ้นมา

「หยุดนะ!หยุดนะ!!หากต้องการวิญญาณละก็เอาวิญญาณฉันไปสิ!ยังไงก็ตามปล่อยโซเมียไปเถอะนะ เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย!!」

ฉันขอร้องอย่างสิ้นหวัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมหยุด ยมฑูตนั่นเข้าไปหาโซเมียอีกครั้ง วิญญาณของโซเมียเริ่มหลุดออกจากร่างและลอยออกมา ร่างกายของโซเมียไม่เคลื่อนไหว

「ฮะฮึก…………………หยุดนะ หยุด…………」

สมบัติที่แสนสำคัญที่สุดในชีวิต เป็นโซเมียที่ฉันพยายามทะนุทนอมเพราะไม่อยากให้เธอเป็นเหมือนดั่งฉัน ฉันอยากให้เธอใช้ชีวิตอันสดใส

น้องสาวที่ฉันรัก น้องสาวคนนี้ไม่มีใครมาแทนที่ได้

โซเมียกำลังจะตาย

ร่างนั้นกำลังล้มลง ฉันทำได้เพียงแค่เฝ้าดูฉากที่น้องสาวกำลังถูกพรากไปจากฉัน

ใครก็ได้ ขอร้องล่ะฉันขออุทิศทั้งร่างกายและหัวใจรวมทั้งจิตวิญญาณของฉันเพราะฉะนั้นใครก็ได้ ฉันยอมทำทุกอย่างขอร้องล่ะช่วยโซเมียด้วย!

ดังนั้นล่ะ……………ได้โปรดใครก็ได้………。

「ใครก็ได้………ขอร้องล่ะ………ช่วยโซเมียด้วย…………」

◇◆◇

โนโซมุกัดริมฝีปาก

เขาไม่รู้มาก่อนว่ารูกาโต้เป็นแวมไพร์ อย่างไรก็ตามสถานการณ์มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว

ถ้าฉันปลด “พันธนาการ” ตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครต้องบาดเจ็บแล้วแท้ๆ……。

ความเสียใจนั่นทำให้หัวใจข้าเต้นแรง

มักจะเป็นแบบนี้ตลอดพอถึงช่วงเวลาสำคัญ ตัวข้าไม่สามารถทำอะไรได้

ไม่มีความเด็ดเดี่ยว กลัวที่จะโดนปฏิเสธ ไม่สามารถบอกความจริงกับใครได้ ท้ายที่สุดแล้วก็เอาแต่ป้องกันตัวเอง

แม้จะรู้ว่า “ตัวเองกำลังหนีความเป็นจริง” อาจารย์ที่บอกให้ข้าก้าวไปข้างหน้า แต่ถึงยังงั้นข้าก็ยังลังเลและไม่สามารถก้าวต่อไปได้

ทันใดนั้นข้าก็มองไปยังรูกาโต้ที่อยู่ข้างๆโซเมียและไอริสที่กำลังขอร้องอ้อนวอน

เมื่อรูกาโต้เรียกยมฑูตออกมา มันเดินไปหาโซเมียและยืนมือกระดูกนั่นเข้าไปหาเธอ

จากนั้นร่างวิญญาณสีขาวก็โผล่ออกมาจากตัวของโซเมียที่กำลังสั่นด้วยความกลัว

แสงนั่นเชื่อมต่อกับหน้าอกของตัวโซเมีย บางทีนั่นอาจจะเป็นจิตวิญญาณของเธอ

ใบหน้าของโซเมียเริ่มซีดและหมดสติ

มันเป็นใบหน้าของคนที่กำลังจะตาย…………………เหมือนกับอาจารย์ในตอนนั้น

ข้ายังคงรู้สึกเศร้าใจที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอาจารย์ได้ แม้จะมีพลังมากมายแต่ก็ช่วยเธอไว้ไม่ได้

แต่ถึงยังงั้นก็ไม่ได้เสียใจ

รอยยิ้มของอาจารย์ที่หัวเราะในช่วงสุดท้ายของชีวิต

「ข้าพอใจแล้วล่ะ」เธอบอกเช่นนั้นกับข้าว่าเธอไม่เสียใจ

ข้ายังคงเสียใจจากการจากไปของเธอแต่ถึงยังงั้นข้าก็เคารพคำพูดของเธอที่ฝากฝังไว้

แล้วตอนนี้ล่ะ? ข้าควรจะปล่อยให้โซเมียจากไปยังงั้นเหรอ?

โซเมียที่วิญญาณหลุดออกจากร่างเริ่มสูญเสียความมีชีวิตชีวา ไอริสเองก็ส่ายหน้า

ไม่ใช่ ตอนจบแบบนี้ข้ายอมรับมันไม่ได้!!

ตอนนั้นข้าก็ได้ยินเสียงของไอริส

「ใครก็ได้…………ขอร้องล่ะ…………ช่วยโซเมียด้วย…………」

ข้าได้ยินคำอ้อนวอนของไอริส น้ำเสียงที่แสนอ่อนแอซึ่งไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากของเธอตามปกติ

ข้าที่ได้ยินเช่นนั้น ข้าที่เห็นเช่นนั้นความปวดร้าวทั้งหลายมันแล่นเข้ามา ข้าเองไม่สามารถทนต่อฉากจบนี้ได้จึงได้ปลด “พันธนาการ” ที่รั้งตัวเองไว้

◇◆◇

จู่ๆก็เกิดการระเบิดพลังขึ้น พลังของข้าถูกทำลายล้างอย่างง่ายดาย“ไม่ยอมให้แกทำแบบนั้นหรอก”สภาพจิตวิญญาณอันเร่าร้อนของเขามันบอกมาเช่นนั้น

「หวาา!!!」

เมื่อข้าหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มที่คุ้นเคยปลดพันธนาการที่พันร่างเขาไว้ออกมาและทำลายยมฑูตที่ข้าเรียกออกมาไปแล้ว

ชายหนุ่มคนนั้นปลดพันธนาการของข้าได้ง่ายๆเหมือนกับฉีกกระดาษ

ตัวตนของชายคนนั้น มันเหนือยิ่งกว่าที่ข้าเคยเจอ

ดาบที่ถูกดึงออกจากเอวและร่างของยมฑูตที่ขาดเป็นเสี่ยงๆ

ข้ารีบถอยห่างออกไป รูปลักษณ์ของหมอนั่นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่พลังที่ถูกปลดปล่อยมันค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าข้าเองก็ประทับใจในฝีมือดาบอันยอดเยี่ยมของเขาอยู่แล้วและการควบคุมคิอันแสนยอดเยี่ยมนั่น แต่ว่ายมฑูตนั่นมีความแข็งแกร่งแรงค์ A เลยนะเขาฆ่ามันได้ราวกับฉีกกระดาษ

ข้ารู้ตัวดีว่าตอนนี้ต้องระมัดระวังเขาอย่างมาก แต่ว่าดูเหมือนเขาจะใช้อาวุธเพียงอย่างเดียวนั่นคือดาบคาตานะ แต่ถึงยังงั้นข้าก็มองตามการเคลื่อนไหวนั่นไม่ทัน

การเคลื่อนไหวอันแม่นยำ แต่ดูเชื่องช้า ทักษะความสามารถที่ไม่มีความสมดุลกันเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามหากข้าไม่ระมัดระวัง ข้าก็แทบมองการเคลื่อรไหวนั่นไม่ออก

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขาก็พบเห็นได้ว่าใบหน้านั่นแข็งกร้าวและดูมั่นคง

แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนั้นกันแน่

ข้าจำได้ว่าจัดการกับเขาไปแล้ว ข้าใช้นิ้วทั้งสิบเปิดใช้เวทย์หลายอย่างในเวลาเดียวกัน

พายุกระสุนเวทย์โจมตีใส่ชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นก็หลบได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับป้องกันการโจมตีด้วยความเร็วที่ข้ามองไม่ทัน

กระสุนเวทย์ที่ถูกปล่อยไปปลิวไปโดนกำแพงหรือพื้น

ข้าร่ายเวทย์อย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจอะไร ไม่เพียงแต่ยิงกระสุนเวทย์แต่ยังปล่อยเปลวไฟไปบนพื้นและใช้ดาบโลหิตฟาดฟัน แต่ว่าเขาก็หลบการโจมตีเหล่านั้นได้ทั้งหมด

ไม่อยากจะเชื่อเลย ข้าไม่เคยเห็นใครที่สามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นได้และวาดวงดาบอันแสนซับซ้อนเสียมากมายขนาดนี้

ข้ารู้ว่าความได้เปรียบของเขาคือความเร็ว แต่ด้วยความเร็วขนาดนั้นก็น่าจะสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นเส้นตรงเท่านั้นสิ!

เวทย์ของข้าพลาดเป้าไปเล็กน้อยทันใดนั้นเขาก็เข้ามาโดยไม่ลังเล

แม้จะโดนกำแพงเวทย์สกัดกั้นแต่เขาก็พังกำแพงเวทย์นั่นได้อย่างง่ายดาย

ข้าใช้ดาบโลหิตรับการโจมตีและพยายามดันกลับไป…………。

(อั่ก!! สลัดไม่หลุด!)

สำหรับข้าแล้วข้าน่าจะเหนือกว่าแต่ไม่สามารถสลัดเขาหลุดได้

แต่ว่าดาบของข้าเป็นฝ่ายที่ถูกดันเข้ามาและเขาก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

ข้าใส่พลังเวทย์ลงไปในดาบโลหิตจำนวนมากและระเบิดมันออก

ข้าปลิวไปเพราะแรงระเบิดนั่นและเกิดบาดแผลมากมายบนร่างแต่สำหรับข้าที่เป็นแวมไพร์ก็ฟื้นฟูได้ทันที หมอนั่นพยายามจะหนีแต่ว่าก็ตัดผ่านระเบิดเหล่านั้นและฟาดฟันดาบที่ะรเบิดออก

ด้วยทักษะของชายคนนั้นตัวข้าในตอนนี้เอาชนะไม่ได้แน่ๆ ในขณะนั้นเองพยายามใช้เวทย์ที่ขาและพยายามจะหนี เขายิงเวทย์ออกไปแต่ว่ายังคงลังเลว่าจะรับมือได้หรือไม่

ข้าไม่เก่งการต่อสู้ระยะใกล้ดังนั้นจึงยอมแพ้และพยายามถอยห่างให้มากที่สุด

แต่ว่าทั้งสองยังคงแลกดาบกันไปมาด้วยความเร็วสูง แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าชัยชนะอยู่ทางฝั่งชายคนนั้น เขาพุ่งมาตรงๆและย่นระยะใกล้เข้ามาเคลื่อนไหวโค้งนิดหน่อย สำหรับข้ามันต้องใช้เวลาแต่สำหรับชายหนุ่มคนนั้นเขาย่นเข้ามาและโจมตีในทันใด

「อึก! อั่ก! อ๊ากกกกก!!」

การโจมตีของชายหนุ่มคนนั้นดุเดือดเหมือนกับงูพิษน้ำตาอาบไหลร่างของข้าที่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้

「!เสร็จกัน!」

ในที่สุดแล้วข้าต้องใช้ทักษะชั้นสูง

ข้าหยุดลงและโดนเฉือนเหมือนเดิม ข้าทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

นอกจากนี้บาดแผลที่สลักบนร่างกายของข้าก็แปรเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวจำนวนมาก ชายหนุ่มคนนั้นพยายามฟันค้างคาวนับไม่ถ้วนเหล่านั้น

ข้าพยายามปล่อยค้างคาวใส่เขาแต่ว่าเขาก็ฟันมันทิ้งได้จนหมด

อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาเริ่มมีแผลมากขึ้นจากค้างคาวจำนวนมากเกินรับมือ

ค้างคาวกลืนกินชายหนุ่มคนนั้นแต่ทันใดนั้นเขาก็ฟาดกำปั้นลงที่พื้นเกิดเป็นเสาแสงแผดเผาค้างคาว

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

ข้ารีบกลับร่างเป็นมนุษย์ทันทีเพราะไม่สามารถทนกับไฟที่แผดเผาร่างค้างคาวได้ ร่างกายของข้าไหม้เกรียมและมีควันออกทั่วร่าง

เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็พยายามจะบุกเข้ามาอีก

พลังงานจำนวนมากถูกส่งไปที่ปลายดาบ

ข้ารู้สึกหวาดกลัวและพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างกำแพงเวทย์

กำแพงเวทย์ที่หนาถึงสี่ชั้นสามารถทนทานเวทย์ระดับสูงได้อย่างง่ายๆ เป็นกำแพงที่สามารถทนเวทย์พิธีกรรมได้

แต่ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น

ดาบที่ถูกดึงออกมาจากฝักนั้นมีคมมีดที่เปล่งประกายเจิดจรัสแสงเหล่านั้นพุ่งตัดผ่านและทำลายกำแพงเวทย์และลูกบอลสีดำ ร่างกายของข้า รวมทั้งสัญญาทั้งหมดจนขาดสะบั้น

◇◆◇

คิ “คมดาบผ่ามายา”ตัดผ่านร่างของรูกาโต้ได้อย่างง่ายดายและลูกบอลสีดำและสัญญารวมทั้งยมฑูตที่กำลังจะออกมาถูกสะบั้นออกจนหมดในเวลาเดียวกันโซ่ที่ผูกมัดโซเมียไว้ก็สลายไป

ดูเหมือนว่าไอริสเองก็จะโดนปล่อยตัวแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาโซเมีย

สีหน้าของเธอที่เครียดมากในตอนแรกนั้นกลับกลายเป็นใบหน้าอันแสนดีใจหลังจากเห็นโซเมียที่ท่าทางสบายดีอยู่

เมื่อข้ามองกลับไปที่รูกาโต้อีกครั้ง ข้าก็เดินไปหาเขา เขายังมีชีวิตอยู่แม้จะถูกผ่าตั้งแต่ไหล่ขวาถึงสะโพกซ้ายก็ตาม

「หึ…ฟุฟุ …แวมไพร์อย่างกระผม……หัวใจ………อวัยวะภายใน………และสมอง…ถ้ามันไม่ถูกทำลาย………กระผมก็จะไม่ตายนะครับ」

ข้ารู้สึกโล่งใจที่เขายังไม่ตาย และก็ไม่ค่อยพอใจที่เขาพยายามจ้องจะเอาชีวิตโซเมีย…………。

「ฟุฟุ….ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ กระผม…รักษา….สัญญา…ตัวท่าน………ที่เอาชนะกระผมได้………ดังนั้นข้าจะปล่อยโซเมียให้เป็นอิสระ……………อย่างไรก็ตามการที่อุปกรณ์เวทย์ก็ถูกทำลายไปพร้อมกับสัญญา………เพราะเหตุนั้นสัญญาจึงสิ้นสุดลง……แต่ว่าส่วนที่เหลือก็ต้องเกิดการพูดคุยระหว่างตระกูลอูราเซียร์และตระกูลฟรานซิสครับ。」

โนโซมุโล่งใจกับคำพูดของรูกาโต้และนั่งลงดูเหมือนว่าสถานการณ์จะจบลงแล้ว ทันใดนั้นเองคู่พี่น้องแห่งตระกูลฟรานซิสก็วิ่งมาหาข้าพร้อมกับเพื่อนๆดูเหมือนว่าแม้จะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายความแข็งแกร่งเหล่านี้ออกไปแต่ว่าเรื่องนั้นก็ไว้ในส่วนของอนาคต

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท