พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 49

ตอนที่ 49

บทที่4ตอนที่19

 

 

「ยัยบ้าเอ้ย!!」

 

 

ตอนนี้โนโซมุกำลังวิ่งเข้าไปในป่าด้วยพลังเต็มที่ เมื่อเห็นจดหมายที่เธอทิ้งไว้ เขาก็รู้ว่าเธอจะไปสู้กับสัตว์อสูรสีดำนั่น

 

 

เมื่อเขารู้เรื่องนี้ โนโซมุก็บอกมิมุรุที่กำลังตกใจให้ออกจากป่าไปทันทีและไปขอความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ผมไล่ตามเธอและวิ่งเข้าไปส่วนลึกของป่า

 

 

「คิดบ้าอะไรของเธอกัน!! เธอเป็นคนสอนผมเองไม่ใช่เหรอว่าอย่าทิ้งชีวิตตัวเองง่ายๆ!!」

 

 

โนโซมุพูดออกมาด้วยความโกรธแต่ว่าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของซีน่าได้

 

 

ซีน่าไม่สามารถปล่อยมันไว้ตามลำพังได้ โนโซมุไม่รู้หรอกว่าจริงๆเธอคิดอะไร แต่มันต้องเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอยากที่จะลืมเลือนมันออกไปจากใจได้

 

 

ในเวลาเดียวกันเธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมาพัวพันเพราะเรื่องส่วนตัวของเธอ

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง มิมุรุและทอมจึงให้ความร่วมมือและถึงจะมีการสนทนาเพียงเล็กน้อยระหว่างมิมุรุและโนโซมุ พวกเขาก็คงไม่ทิ้งซีน่าไว้คนเดียวแน่ๆ

 

 

ซีน่าเมินไม่ได้ยามที่เห็นโนโซมุถูกรุมรังแกที่สถาบัน เธอคอยรักษาแผลให้โนโซมุยามที่เขาหนีจากความจริงในป่าเมื่อคืนวาน

 

 

โนโซมุตระหนักได้ว่าเธอเป็นคนที่แสนใจดีและอ่อนโยน ถึงแม้จะชอบพูดอะไรที่มันดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ก็ตามที

 

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนๆของเหล่ามิมุรุและทอม ผมเองก็คงปล่อยให้เธอไปเผชิญหน้ากับมันตัวคนเดียวไม่ได้ ผมไม่อยากให้เพื่อนๆของเขาต้องเสียเพื่อนดีๆและคนใจดีอย่างเธอไป

 

 

(โถ่วเว้ย เป็นคนที่น่ารำคาญและชวนสับสนจนถึงที่สุดเลย!)

 

 

ซีน่าเป็นคนใจดีแต่มักพูดเรื่องยากๆอยู่เสมอ หญิงสาวผู้อ่อนแอที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อทำบางอย่างให้สำเร็จ

 

 

(……อย่างงี้มันก็ไม่ต่างจากผมเลยไม่ใช่เหรอไงกัน?)

 

 

ซีน่าไม่สามารถพูดความจริงกับมิมุรุได้เพราะเธอกลัวที่จะต้องลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรสีดำนั่น โนโซมุเองก็ไม่สามารถบอกไอริสและเพื่อนๆได้เกี่ยวกับพลังภายในตัวของเขา เพราะกลัวจะเสียเพื่อนแสนสำคัญไป

 

 

ทั้งสองต่างมีความคล้ายคลึงกันมากในเรื่องที่เก็บความลับเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่โนโซมุค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับซีน่าเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธออ่อนแอและอ่อนล้าแถมยังได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างหนักหน่วง

 

 

ถ้าเธอตั้งใจจะจัดการมัน ปลายทางก็น่าจะเป็นจุดที่พบเจอกับมันเมื่อวานตรงที่โล่งนั่น

 

 

เมื่อถึงเวลาที่เธอกำลังจะจากไป ผมยังไม่ได้ตอบแทนเธอเลยแม้แต่น้อย

 

 

「โถ่วเว้ย! ขอให้ทันทีเหอะ!!」

 

 

ยังไงก็ตามโนโซมุตัดสินใจไล่ตามเธอไปและรีบเร่งฝีเท้าของตัวเอง ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ขามันขยับไม่ได้ดั่งใจเลย

 

 

◇◆◇

 

 

「ที่นี่สินะ……」

 

 

 

ฉันอยู่ในสถานที่ๆพบกับสัตว์อสูรสีดำเมื่อวานนี้ จุดประสงค์ก็คืออยากตัดสินกับมันให้เด็ดขาด

 

 

สัตว์อสูรสีดำตัวนั้นมันเป็นตัวที่ทำลายบ้านเกิดและพี่น้องร่วมเผ่าของฉัน

 

 

ถึงแม้ตัวมันจะต่างออกไปจากเดิม แต่ฉันก็ไม่เคยลืมเลือนภาพลักษณ์ของมัน

 

 

「หึ หึ หึ หึ……」

 

 

การหายใจที่สั้นและหยาบกระด้าง หัวใจฉันเต้นแรงหูนั้นอื้อไปหมด เหงื่อเย็นๆไหลผ่านแผ่นหลัง

 

 

(ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ใช่ว่าไม่มีทางชนะเสียหน่อย เพราะฉะนั้นไม่เป็นไร……)

 

 

ขณะที่บอกตัวเองเช่นนั้น ฉันก็ปล่อยพลังเวทย์ไปทั่วบริเวณรอบตัว

 

 

จิตวิญญาณแห่งป่าตอบสนองต่อพลังเวทย์ของฉันและรวมตัวกันกลายเป็นอนุภาคแสงมากมายผุดอยู่ข้างกายฉัน ฉันเริ่มคุยกับวิญญาณเหล่านั้น

 

 

(ทุกคน ได้โปรดช่วยฉันทีนะ เจ้าสัตว์อสูรสีดำตัวนั้น ช่วยกันเอาชนะมันที)

 

 

“พันธสัญญาแห่งวิญญาณ”

 

 

มันเป็นเวทย์ที่จะทำพันธสัญญากับวิญญาณชั่วคราว ทำให้สามารถดึงพลังเวทย์แห่งวิญญาณมาใช้ได้ซึ่งปกติแล้วจะใช้ได้เฉพาะที่มีความเกี่ยวข้องทางวิญญาณอันสูงส่ง

 

 

แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เวทย์วิญญาณแต่มันก็ต้องมีความเหมาะสมด้วยกับวิญญาณ และเวลาที่ใช้ในการทำพันธสัญญาก็ขึ้นกับวิญญาณที่ทำสัญญาด้วย และเวลาในการทำพันธสัญญาไม่สามารถพูดได้ว่าไม่มีเงื่อนไข

 

 

เดินทีมันเป็นหนึ่งในเวทย์ที่เหล่าเอลฟ์ถนัดเพราะมีความเข้ากันกับวิญญาณสูงกว่าเผ่าอื่นๆ หากเผ่าอื่นๆอยากจะใช้ต้องผ่านกระบวนการมากมายจนกว่าจะสำเร็จ

 

 

ดังนั้นเอลฟ์จึงเปรียบเสมือนอัจฉริยะด้านเวทย์วิญญาณ

 

 

ฉันพยายามเรียกวิญญาณที่สถิตย์อยู่โดยรอบตัวอย่างเต็มที่ แต่วิญญาณเหล่านั้นต่างหมุนรอบตัวและไม่ยอมรับคำขอของฉัน

 

 

(ทำไมกันล่ะ!? ทำไมทุกคนถึงไม่ตอบสนองกับฉันเลย!?)

 

 

วิญญาณจะไม่ตอบสนองต่อบุลคลที่มีจิตใจแปรปรวน พวกเขาพยายามจะบอกจากใจว่าหากอยากใช้งานพวกเขา เธอต้อง “สงบ”จิตใจตัวเองให้ได้เสียก่อนและพลังเวทย์ที่เธอปล่อยออกมามันกระจัดกระจายไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

วิญญาณเหล่านั้นเริ่มออกห่างไกลออกไป ทำให้ตัวฉันเริ่มหมดความอดทนมากขึ้น

 

 

นานมาแล้วยามที่ฉันอาศัยอยู่ในป่าฉันมักจะพูดคุยกับทุกคนอยู่เสมอได้ตามปกติ

 

 

วิญญาณเหล่านั้นคอยเป็นเพื่อนเล่นกับฉัน ยามตื่น ยามกิน และยามนอน

 

 

แต่นับจากผ่านไปหลังเหตุการณ์ 10 ปีก่อน ฉันไม่เคยทำพันธสัญญากับเหล่าวิญญาณสำเร็จอีกเลย

 

 

ถึงแม้จะสัมผัสได้ และพยายามจะทำสัญญามากมาย แต่ว่าก็ไม่สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้เหมือนดั่งเดิม

 

 

ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง แต่ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องยืมพลังของเหล่าวิญญาณ

 

(ขอร้องล่ะทุกคน! ฉันไม่อยากจะเห็นเพื่อนๆของฉันต้องตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป! เพราะฉะนั้นฉันอยากได้การสนับสนุนจากทุกคน!!)

 

มิมุรุและทอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิมุรุที่ฉันทะเลาะกันมาก่อน ฉันอยากจะลืมเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ตัวฉันในตอนนั้นเอาแต่ทำตามความต้องการของตัวเอง และเอาแต่บ่นใส่เธอเหมือนกับเด็ก……。

 

 

ทอมมักจะคอยปลอบโยนพวกเราที่ทะเลาะกันอยู่เสมอ และฉันก็พยายามแกล้งด้วยการยั่วเขา มิมุรุก็โกรธมาก……。ก่อนที่จะรู้ตัวก็กลายเป็นเพื่อนสนิทและไม่อยากจะสูญเสียพวกเธอไปเหมือนครอบครัวคนสำคัญอีกแล้ว……。

 

 

 

และเขาคนนั้น。โนโซมุ・เบลาตี้

 

 

ฉันที่เอาแต่เชื่อข่าวลือจึงได้แต่คิดว่าเขาเป็นคนที่น่ากลัวเป็นศัตรูของผู้หญิง

 

 

ตั้งแต่ตอนที่เขาคบกับลิซ่าและเลิกกันไป เขาก็หันมาคุยกับไอริสต่อ ตัวเขาต่างโดนพวกผู้ชายในห้องรังแกเขา ฉันเองในตอนนั้นที่เชื่อในข่าวลือก็ไม่ได้มีท่าทีเห็นใจเขา

 

 

ครั้งต่อไปที่พบเขาก็คือสภาพของเขาที่มีเลือดท่วมทั้งตัวและเปื้อนไปด้วยโคลน

 

 

พอได้ยินว่าเขาเข้าป่าคนเดียวก็ทำให้ฉันโกรธมาก แถมวันต่อมาก็ยังเข้าป่ามาอีกโดยไม่สนใจคำเตือนของฉัน

 

 

การกระทำอันแสนประมาทที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตทำให้ฉันนึกถึงคนในครอบครัวขึ้นมา เดิมทีเขาเองก็ถูกกดขี่ให้อยู่ต่ำสุดในสถาบันอยู่แล้ว

 

 

แต่ถึงยังไง……。

 

 

”ซาวา……”

 

「อึก!!」

 

อากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นวิญญาณที่อยู่รอบตัวก็หายไป

 

 

ตัวตนของมันที่ฉันรู้จักดีและไม่มีวันลืมเลือนปรากฏขึนมา มันกำลังจ้องมาทางนี้

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซ……」

 

 

มันกลับเป็นร่างหมาป่าอีกครั้ง ดวงตาคู่สีแดงกำลังจ้องมองฉัน มือของฉันสั่นเทากับภาพตรงหน้า และเท้าเองก็เกร็งไปหมด แต่ฉันก็กัดริมฝีปากแน่น ดึงธนูออกมาหลายดอกแล้วถือคันธนู

 

 

ฉันไม่สามารถทำพันธสัญญาวิญญาณได้อีกต่อไป โอกาสเดียวที่เหลืออยู่คือทุ่มสุ่มกำลังที่ฉันฝึกฝนตลอดมาเพื่อจัดการกับมัน

 

 

 

ด้วยกำลังทั้งหมดของฉัน ฉันดึงสายธนูแน่น ลูกธนูถูกขึงจนสุด แต่ว่าลูกธนูธรรมดาไม่แม้แต่จะระคายผิวหนังของมัน

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซซ!!!」

 

 

ทันทีที่ดึงลูกธนูเสร็จ มันก็พุ่งเข้ามาหาฉัน ฉันยิงลูกธนูออกไป

 

 

เพล้ง!เสียงของลูกธนูที่ยิงไปมันไปกระแทกระหว่างคิ้วของมัน

 

 

สัตว์อสูรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเดินโซเซ แต่ว่าการโจมตีนั่นก็สร้างแผลเล็กน้อยให้มันเพียงเท่านั้น มันรีบฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

 

 

เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับมันด้วยลูกศรธรรมดา ถ้างั้นก็……。

 

ฉันดึงศรออกมาอีกครั้งและวาดคันธนูไปด้านหน้า จากนั้นเสริมพลังเวทย์ลงไปในลูกศร

 

 

ลูกธนูเต็มไปด้วยพลังเวทย์และเริ่มเปล่งแสงแพรวพราว มันคือลูกธนูที่สามารถฆ่าสัตว์อสูรธรรมดาตายได้ แต่ว่าตัวนี้โดนเข้าไปคงบาดเจ็บนิดหน่อย

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เอาผ้ามาพันไว้เพื่อไม่ให้มันสังเกตเห็นและเล็งไปที่หัวของมัน มันอาจจะทำอะไรไม่ได้มากแต่สำหรับตอนนี้เพียงพอแล้ว!

 

 

 

สัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาเปิดกรามของมัน หัวและคอมันโผล่มาในแนวตั้งให้เห็นปากขนาดใหญ่ที่มีเขี้ยวนับไม่ถ้วน

 

 

สัตว์อสูรพุ่งเข้าหาฉัน แต่ฉันไม่ได้ยิงลูกธนูออกไป ฉันกำลังข่มความกลัวที่ตัวเองมีจนถึงขีดสุด กัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บเพื่อให้ร่างกายขยับต่อไปได้

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!」

 

 

ขณะที่ฉันกัดปากแน่นและพยายามสลัดความกลัวออกก็ยิงลูกธนูออกไปพร้อมกระโดดถอยหลัง

 

 

วินาทีต่อมา ลูกศรจำนวนมหาศาลพุ่งออกมาจากจุดที่ฉันเคยยืนอยู่มันแทงทะลุขากรรไกรของาสัตว์อสูรที่พยายามจะกินฉัน แต่ว่าลูกศรหินนั่นมันไม่แข็งแกร่งพอ จากนั้นก็พังทลายลง

 

 

「ถ้ายังงี้ละเป็นไง!」

 

 

แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันที่เล็งไปที่ปากของมัน

 

 

ลูกธนูจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในปากของมันและพลังเวทย์ก็เข้าไปในปากของมัน

 

 

อย่างไรก็ตามการระเบิดระยะใกล้ก็โดนฉันเหมือนกัน

 

 

「คิย๊าาาาาาาาาา!!」

 

 

มันโดนระเบิดและกระแทกลงกับพื้น แม้ว่าฉันจะกระโดดกลับมาตั้งหลักได้แต่ร่างกายของฉันก็ได้รับบาดเจ็บเพราะกระแทกกับพื้นเหมือนกัน

 

 

「อึก!!」

 

 

ร่างกายปวดไปทั่วทั้งตัวและมองดูสัตว์อสูรที่กำลังลุกขึ้นมา

 

 

「อั่ก! อึก!!」

 

 

ตามที่คาดไว้ภายในปากของมันไม่ได้แข็งแรงเหมือนภายนอกของมัน เขี้ยวในปากของมันหัก และมันก็ส่ายหัวพร้อมกับคายเลือดจำนวนมากออกมา

 

「!!ก๊าซซซซซซซซซซ!!」

 

แต่ฉันก็ยังเอาชนะมันไม่ได้ ดวงตาสีแดงนับไม่ถ้วนของมันจ้องมาที่ฉันด้วยความโกรธและพุ่งมาอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตามฉันเคลื่อนไหวได้ไม่มากเพราะความเจ็บปวดจากแรงกระแทกเหล่านั้น ปลายนิ้วมือสั่นเทา มือที่จับคันธนูก็แทบจะหมดแรง

 

 

(……ไม่ยอม……)

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันก็หายใจออกครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันหมดแรงลง

 

 

ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ ฉันสูญเสียพ่อแม่และพี่สาวไปที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องฉันและให้ฉันหนีมาได้ ฉันไม่สามารถที่จะกลับบ้านเกิดได้ มิมุรุและเพื่อนๆที่ออกมากับฉัน และเมื่อวานทอมก็ต้องรับบาดเจ็บก็เพราะฉัน

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะความตายกำลังใกล้เข้ามาหรืออย่างไร แต่สัตว์อสูรสีดำตรงหน้าดูเชื่องช้าเหลือเกิน

 

 

(ยังไงก็ตาม ขอโทษด้วยนะทุกคนเลย……)

 

 

ข้างหลังสัตว์อสูรที่กำลังใกล้เข้ามา เห็นเหล่าวิญญาณที่มารวมตัวกันภายใต้พันธสัญญาวิญญาณแสงอันริบหรี่สั่นอย่างผิดปกติและเริ่มตื่นขึ้นมา

 

 

(……อืมทุกคนเองก็เหมือนกับฉันสินะ กลัวเหมือนกันละสิ)

 

 

ฉันสังเกตเห็นวิญญาณทั้งหลายต่างหวาดกลัวสัตว์อสูรตัวนี้ ดังนั้นเลยไม่สามารถทำสัญญาได้เพราะเป็นฝ่ายฉันที่สื่อสารอยู่ฝ่ายเดียว

 

 

ใช่แล้วโดยเฉพาะการออกคำสั่งกับอีกฝ่ายโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาก็จะไม่ให้ความร่วมมือยิ่งสั่งให้ “ต่อสู้”กับคนที่พวกเขากลัวด้วยแล้ว

 

 

(อาาา………ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆที่ผ่านมาไม่ได้สังเกตเลย)

 

 

ตอนที่ฉันอยู่ในป่าฟอสซิล วิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนของฉัน ฉันคิดยังงั้น แล้วฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างถูกต้อง ฉันไม่ใช่คนเดียวที่เป็นฝ่ายบงการ พวกเขาเองก็ต้องการอิสระเช่นกัน

 

แต่มันสายเกินไปแล้ว สัตว์อสูรสีดำเข้ามาใกล้และกำลังจะกินฉันด้วยกรามอันใหญ่โตของมัน

เมื่อเนื้อสีแดงสดและเปื้อนเลือดกำลังจะปิดปากตรงหน้าลงนั้น

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซ!!!!」

 

 

มีเงาบางอย่างทะลุผ่านกลางระหว่างฉันกับสัตว์อสูร

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน