ตอนที่ 313 เฉียวจิ่นแต่งงาน
ตอนที่ 313 เฉียวจิ่นแต่งงาน
มู่ฉินเจินได้ยินว่านางหิว ก็ยื่นมือไปลูบท้องของนาง และเอ่ยอย่างกังวล “เย็นนี้เจ้ากินข้าวตั้งสี่ชาม ทั้งยังแทะขาหมู น่องไก่ด้วย ก่อนล้างปากยังกินผลไม้ไปอีกจานหนึ่ง ตอนนี้ยังจะกินอีกหรือ จะไม่สบายท้องเอาหรือ?”
เฉียวเยี่ยนฟังเขานับสิ่งที่นางกินเข้าไปในตอนเย็นแล้ว หน้าของนางก็แดงปลั่ง แม้แต่ตัวเองก็ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าความอยากอาหารของนางเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้
แต่นางรู้สึกหิวมากจริงๆ และตอนนี้สมองของนางก็เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะต่างๆ นานาแล้ว
มู่ฉินเจินมองท่าทางน่าสงสารของนางพลางยิ้มอย่างหลงใหล และบีบใบหน้านางที่ดูเหมือนจะกลมขึ้นในช่วงนี้
“เจ้ารอก่อน ข้าจะไปต้มบะหมี่มาให้เจ้า”
หิวก็กินไปเถิด ต่อให้กินจนอ้วนเหมือนหมูตัวหนึ่ง นางก็ยังน่ารักที่สุด
เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ยินว่าเขาจะต้มบะหมี่ให้ตัวเอง ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และมิวายเอ่ยคำขอ “ข้าต้องการไข่ดาวสองฟอง และผักดองเผ็ดหนึ่งจาน”
แม่ของนางเพิ่งดองผักดองเผ็ดไหหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ และเพิ่งมีรสเปรี้ยวไม่กี่วันนี้พอดี ทำให้นางแอบกินไปเยอะแล้ว
มู่ฉินเจินตอบรับ ก่อนสวมเสื้อผ้าออกไปจากห้อง เข้าครัวไปทำบะหมี่ให้เจ้าท่อนไม้ของเขา
หลายปีผ่านมานี้ ฝีมือการทำอาหารของเขายังคงอยู่แค่การทำบะหมี่น้ำใสเท่านั้น ส่วนถ้าจะให้ทำอาหารอย่างอื่น ก็คงเทียบได้กับการระเบิดห้องครัว
แต่โชคดีที่เขามีความมานะอุตสาหะอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ต้มบะหมี่น้ำใสจนคล่องแล้ว ไม่เหมือนกับการทำครั้งแรกที่เคยทอดไข่จนไหม้ และต้มเส้นจนเป็นก้อนแล้ว
พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงมงคล ผักไม่น้อยในครัวถูกพ่อครัวจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว และยังมีหมูตุ๋นหม้อใหญ่ที่ตุ๋นไว้คืนนี้ด้วย
มู่ฉินเจินเลือกเนื้อตุ๋นมาชิ้นหนึ่ง หั่นเป็นชิ้นๆ จัดใส่จาน เพื่อเพิ่มอาหารให้เฉียวเยี่ยนอีกอย่างหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ก่อไฟ ทอดไข่ ต้มน้ำ แล้วก็ต้มบะหมี่ ซึ่งทำอย่างคล่องแคล่วมาก
การเคลื่อนไหวในห้องครัวได้ดึงดูดเฉียวจิ่นผู้เป็นเจ้าบ่าวที่กำลังจะแต่งงานวันพรุ่งนี้ ครั้นเห็นองค์รัชทายาทม้วนแขนเสื้อขึ้น สวมผ้ากันเปื้อน ต้มบะหมี่อย่างชำนาญ เฉียวจิ่นก็ชะงักค้างอยู่ที่หน้าประตู
มู่ฉินเจินไม่ได้สังเกตว่ามีคนมา ครั้นหันกลับไปเห็น ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นอนไม่หลับรึ?”
เฉียวจิ่นพยักหน้า ตอนนี้เขาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับจริงๆ เมื่อเขาหลับตาก็เห็นขั้นตอนต่างๆ ของงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ ทั้งยังหญิงสาวที่กำลังรอเขาไปสู่ขอด้วย
ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันมากนัก บรรยากาศค่อนข้างดูเคอะเขินเล็กน้อย หลังจากที่มู่ฉินเจินต้มบะหมี่เสร็จ ก็นำเนื้อตุ๋น บะหมี่ชามใหญ่ จานผักดองเผ็ดวางในถาด เตรียมยกเดินออกไป
เฉียวจิ่นส่งเขาจากไปจนลับตา และแอบคิดในใจว่า จากนี้ไปเขาจะต้มบะหมี่ให้เว่ยอวิ๋นซูด้วย เห็นทีต้องไปเรียนจากมารดาของเขาให้มากๆ หน่อยแล้ว
เฉียวเยี่ยนมีจมูกที่ไวมาก มู่ฉินเจินยังอยู่นอกประตู นางก็ได้กลิ่นหอมแล้ว จึงลุกขึ้นจากเตียงพร้อมทำจมูดฟุดฟิด สวมรองเท้า นั่งลงที่โต๊ะอย่างเชื่อฟัง รอรับประทานอาหารด้วยดวงตาเป็นประกาย
ท่าทางรอคอยอย่างเชื่อฟังของนาง ทำให้มู่ฉินเจินรู้สึกมีความสุข และอยากลูบหัวนางมาก
เฉียวเยี่ยนมองบะหมี่ที่มีไอร้อนกรุ่นโชยลอยขึ้น ไข่ดาวสีเหลืองทองสองฟอง ใบผักกาดเขียวสองสามใบ น้ำมันที่ลอยอยู่บนน้ำซุปใส หอมเหลือประมาณ
นอกจากนี้ยังมีจานหมูตุ๋นซอสเข้มข้นเต็มไปด้วยไขมัน มองดูแล้วทำให้คนน้ำลายสอ
นางกินบะหมี่ไปคำหนึ่งอย่างทนรอไม่ไหว พลางยกนิ้วให้มู่ฉินเจินด้วยความพึงพอใจ และไม่ทันได้พูดอะไร ก็ดื่มด่ำไปกับความสุขในการกินอาหารแล้ว
มู่ฉินเจินนั่งอยู่ตรงข้ามนาง และรู้สึกพอใจมากที่เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อย
บะหมี่ชามใหญ่ที่มีปริมาณเหมาะกับชายชาตรีกินหนึ่งคน อีกทั้งมีหมูตุ๋นหนึ่งจานและผักดองเผ็ดหนึ่งจานล้วนถูกยัดเข้าไปในท้องของเฉียวเยี่ยนจนเกลี้ยง
หลังกินเสร็จ นางก็เรอออกมาอย่างไม่สนภาพลัษณ์ พลางตบท้อง และรู้สึกว่ากระเพาะพองโตขึ้นมา
มู่ฉินเจินเห็นนางกินมากขนาดนี้ ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย จึงนั่งลงข้างนาง และลูบท้องของนางเบาๆ
“อิ่มไหม? อยากดื่มน้ำซานจา*สักหน่อยหรือเปล่า?”
(*น้ำซานจา มีสรรพคุณย่อยอาหาร)
เฉียวเยี่ยนส่ายหน้า เอนกายอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเกียจคร้าน กระเพาะถูกยัดจนอิ่มแล้ว ท้องก็ถูกลูบอย่างสบาย รู้สึกแค่เพียงง่วงมาก ไม่นานก็ผล็อยหลับไปโดยที่ยังพิงไหล่ของเขาอยู่
มู่ฉินเจินสังเกตเห็นการหายใจสม่ำเสมอจากคนที่อยู่บนไหล่ของเขา ก็เผลอหัวเราะออกมา
กินอิ่มแล้วก็หลับ ได้กลายเป็นหมูจริงๆ แน่
……
เช้าตรูวันรุ่งขึ้น จวนสกุลเฉียวก็ครึกครื้น ห้องครัวเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเตรียมงานเลี้ยงอยู่ ข้ารับใช้ในจวนก็จัดสถานที่อย่างเป็นระเบียบตามงานที่ได้รับมอบหมายก่อนล่วงหน้า
เฉียวจิ่นนอนไม่หลับทั้งคืน ทว่าร่างกายยังเต็มไปด้วยพลังงาน ฟ้าเพิ่งสว่างได้ไม่นานก็สวมชุดแต่งงานสีแดงของตัวเองแล้ว รอแค่ถึงฤกษ์งามยามดี ก็ไปรับเจ้าสาวอันเป็นที่รักของเขา
วันนี้ซูเนี่ยนหว่านปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุดเช่นกัน นางสวมชุดสีแดงเลือดหมู ปักปิ่นทองหรูหราบนศีรษะ แต่งแต้มดวงหน้าเล็กน้อย และยืนอยู่ด้านข้างควบคุมการทำงานของข้ารับใช้
เฉียวเยี่ยนรู้สึกง่วงนอนมากจนลุกไม่ขึ้น แต่เมื่อนึกถึงว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ชายตน ก็ฝืนสังขารลุกจากเตียงออกมาอย่างสะลึมสะลือ แล้วยื่นมือออกรอให้มู่ฉินเจินล้างหน้าบ้วนปาก สวมเสื้อผ้าให้นาง
พวกแขกทยอยกันเข้ามา ซูเนี่ยนหว่านต้อนรับแขกอย่างอบอุ่น เฉียวเยี่ยนเองก็ยืนช่วยอยู่ข้างๆ
เฉียวเยี่ยนถือโอกาสตอนไม่มีคน หยิบซาลาเปาสองลูกออกมาจากอกเสื้อของนาง นางได้มาจากในครัว ห่อด้วยกระดาษหนึ่งแผ่น แล้วเอาใส่ไว้ในเสื้อ รอหิวก็ค่อยเอาออกมากิน
ซูเนี่ยนหว่านเห็นลูกสาวควักซาลาเปาออกมาสองลูก ก็ทั้งโกรธทั้งขบขัน พลางตบไหล่นางเบาๆ แล้วดุด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรหรือ? ตอนนี้มายืนกินซาลาเปา แขกเห็นเข้ามันใช้ได้หรือ?”
เฉียวเยี่ยนแสดงสีหน้าไร้เดียงสา ก่อนยกยิ้มหวานให้มารดา “ข้ากินแล้ว แต่เพราะหิวขึ้นมาอีกนั่นแหล่ะ ตอนนี้เวลายังไม่ถึงเวลาจัดพิธี ข้าขอกินสักหน่อยรองท้องไปก่อน”
ซูเนี่ยนหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย นางสังเกตว่าช่วงนี้ลูกสาวนางมีความอยากอาหารมากขึ้น แต่ยังไม่ทันให้นางได้คิดอะไรมาก ด้านหน้าก็มีแขกเข้ามา
นางทักทายอย่างกระตือรือร้น ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปชั่วขณะ
ทันทีที่ถึงฤกษ์งามยามดี เฉียวจิ่นกับขบวนเกี้ยวเจ้าสาวก็ออกเดินทางไปยังจวนอันซีโหว วันนี้มู่ฉินเจินที่เป็นสมาชิกในขบวนก็ไปช่วยพี่เขยอีกแรง
องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรผู้เป็นฮ่องเต้ในอนาคตไปช่วยรับเจ้าสาว เมื่อเรื่องนี้แผ่ออกไปถือว่าเป็นหน้าเป็นตายิ่งนัก ผู้ที่เหน็บแนมดูถูกเฉียวจิ่นทั้งต่อหน้าและลับหลังที่รู้สึกว่ายศเขาช่างต่ำต้อย คิดจะมาพึ่งบารมีจวนอันซีโหว ต่างก็เสียหน้าไปตามๆ กัน
เฉียวจิ่นขี่ม้าขาว ด้านหลังตามมาด้วยเกี้ยวใหญ่แปดหลัง เสียงปี่ซ้องฆ้องกลองดังระงมไปตลอดทาง ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
ครั้นมาถึงจวนอันซีโหว หลังผ่านประตูเงินประตูทองมานับไม่ถ้วน ในที่สุดก็รับเจ้าสาวถึงมือได้สำเร็จ และนำขบวนแห่อันครึกครื้นกลับไปที่จวนสกุลเฉียว
ลูกทั้งสี่รับเป็นผู้โปรยดอกไม้ในวันนี้ ทั้งหมดสวมชุดสีแดงแวววาว สามสาวเกล้าผมเป็นมวย บนมวยปักกระดิ่งสีทองเล็กๆ ไว้ ขณะที่พวกเขาวิ่ง เสียงกระดิ่งก็ดังกรุ๋งกริ๋ง ซึ่งไพเราะเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังแต้มจุดสีแดงตรงระหว่างคิ้ว ทั้งน่ารักทั้งเป็นมงคล เหมือนตุ๊กตานำโชคสองสามตัว
ผมของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ถูกเกล้าขึ้นสูง มัดด้วยเชือกคาดผมสีแดงเส้นเล็ก มีกระดิ่งเล็กอยู่ตรงปลายเชือก ระหว่างคิ้วก็ถูกเฉียวเยี่ยนแต้มสีแดงด้วยเช่นกัน ทว่าเด็กน้อยยังตีสีหน้าขรึมเช่นเคย ทำให้เขาดูเย็นชาเหมือนเด็กน้อยในเทพนิยาย
เมื่อขบวนรับเจ้าสาวมาถึง คู่บ่าวสาวก็ก้าวข้ามเตาอั้งโล่เข้าไปในประตูจวนสกุลเฉียว เด็กทั้งสี่ยืนอยู่สองข้างทาง ถือกระเช้าดอกไม้ขนาดเล็ก โปรยกลีบดอกไม้ให้คู่บ่าวสาว
เมื่อคู่บ่าวสาวเดินผ่านไป สาวใช้ที่เดินตามเจ้าสาวก็มอบอั่งเปาใบใหญ่ให้กับเด็กทั้งสี่ทันที
พวกเด็กน้อยที่หาเงินได้เพียงเล็กน้อยที่มาจากความสามารถของตัวเองมีความสุขอย่างยิ่ง ก่อนยัดซองอังเปาลงในกระเป๋าเล็กๆ บนเสื้อของพวกเขา รอวันหลังค่อยเอาไปซื้อขนมกิน
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าก้อนแป้งมาแล้วแน่ๆ หิวโหยจนกินไม่หยุดขนาดนี้ มีแต่เรื่องมงคลทั้งนั้นเลย
ไหหม่า(海馬)