ตอนที่ 322 ลูกคนที่ห้ารายงานตัวแล้ว
ตอนที่ 322 ลูกคนที่ห้ารายงานตัวแล้ว
เขารีบเอื้อมมือไปพยุงน้องเขยอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมองหน้ากันและกัน บรรยากาศแลดูอึดอัดไปชั่วขณะ
“อะแฮ่ม เอ่อ อย่ากังวลไปเลย น้องสาวข้าร่างกายแข็งแรง จะต้องไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน”
เฉียวจิ่นกระแอมเบาๆ เพื่อคลายความอึดอัด ทว่ามู่ฉินเจินยังคงกังวลอยู่ “แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะทำอย่างไร?”
เฉียวจิ่นตอบคำถามนี้ไม่ได้ ในใจทราบดีว่าการคลอดบุตรคือการไปเยือนประตูนรก ย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว เขาพูดเช่นนี้ก็เพื่อปลอบใจอีกฝ่ายเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ชายทั้งสองจึงหุบปากเงียบ และกลับไปจ้องประตูต่อเหมือนเคย
เวลาผ่านไปทุกนาทีทุกวินาที เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดของเฉียวเยี่ยนค่อยๆ ดังมาจากห้องคลอด ทว่านางควบคุมตัวเองอย่างมาก มีแค่ตอนช่องทางฉีกขาดเท่านั้นถึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ช่วงเวลาที่เหลือนางอาศัยกัดฟัน รักษาพลังเอาไว้
การคลอดเป็นไปได้ด้วยดี ความรู้สึกกังวลของหมอตำแยก็คลายลงไม่น้อย
แม้การช่วยทำคลอดให้กับครอบครัวร่ำรวยจะได้เงินมาไม่น้อย ทว่าความเสี่ยงก็มีมากเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงไท่จื่อเฟยเลย หากเกิดอะไรขึ้นกับผู้ใหญ่หรือเด็ก ชีวิตน้อยๆ ของนางคงไม่มีเหลือ
“ไท่จื่อเฟยอย่ากังวลไป พระนางมีสุขภาพแข็งแรงดี การตั้งครรภ์ก็เป็นไปได้ด้วยดี ขอแค่ออกแรงสม่ำเสมอ ไม่นานทารกก็จะออกมา”
เฉียวเยี่ยนเจ็บปวดมากจนเส้นเลือดที่คอปูดออกมา ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ก่อนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแล้วออกแรงเบ่ง
วันนี้ลูกๆ ยังต้องไปสำนักศึกษา จู่ๆ ระบบตัวน้อยในชั้นเรียนก็สัมผัสได้ว่าโฮสต์กำลังจะคลอด จึงเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นั่งทันที พลางดึงมือเสี่ยวอันอันแล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
อาจารย์ชรายังคงสอนอยู่อย่างน้ำไหลไฟดับ พอไม่ทันระวัง เด็กน้อยสองคนก็จูงมือกันวิ่งออกจากห้องเรียนไป ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ พลางรุดไล่ตามออกไปพร้อมกับหนังสือในมือ
ระบบตัวน้อยบอกกับเสี่ยวอันอันไปแล้วว่ามารดากำลังจะคลอด เด็กทั้งสองจับมือกัน และซอยขาสั้นวิ่งไปยังห้องของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างบ้าคลั่ง
อาจารย์ชราอายุมากร่างกายอ่อนแอ ก้าวตามจังหวะเด็กทั้งสองไม่ทัน จึงตะโกนออกมาอย่างหอบเหนื่อย “ดะ..เด็กๆ กลับมาก่อน!”
แน่นอนว่า มีเพียงเสียงย่ำเท้าอย่างรวดเร็วของระบบตัวน้อยกับเสี่ยวอันอันเท่านั้นที่ตอบกลับมา
เมื่อวิ่งไปถึงหน้าประตูห้องของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ระบบตัวน้อยก็ไม่สนใจอาจารย์ที่ยังคงสอนอยู่บนเวที พลางตะโกนเข้าไปข้างใน “ฉวนเอ๋อร์ อวี๋เอ๋อร์ เร็วเข้า ท่านแม่กำลังจะคลอดน้องแล้ว!”
เด็กทั้งสองในห้องได้ยินเช่นนี้ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที เสี่ยวฉวนเอ๋อร์โค้งคำนับให้อาจารย์ พลางหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไร
ส่วนเจ้าปลาจอมพลังเผลอทำโต๊ะตัวเองคว่ำเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป และคำนับอาจารย์ตามพี่ชาย จากนั้นก็พุ่งออกไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว
เด็กทั้งสี่วิ่งไปด้วยกัน อาจารย์ที่อยู่ข้างหลังได้สติกลับมาก็รีบวิ่งไล่ตามออกจากห้องเรียนไป ทว่าเมื่อมองออกไปก็ไม่เห็นร่างของพวกเด็กๆ แล้ว เห็นเพียงอาจารย์ชราวิ่งหอบหายใจไล่ตามมา
“หะ…เห็นเด็กนักเรียนสองคนนะ…ในห้องเรียนเราไหม? กำลังเรียนอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็วะ…วิ่งออกมา”
อาจารย์ของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีสีหน้าดูไม่ค่อยดี เห็นน่ะเห็น แต่พวกเขายังลักพาตัวเด็กห้องเขาสองคนไปด้วย
อาจารย์ทั้งสองถอนหายใจเฮือกใหญ่และกลับไปสอนต่อ แล้วค่อยแจ้งให้ผู้ปกครองทราบในภายหลัง เพื่อจัดการสั่งสอนเด็กเหล่านี้ดีๆ
เฟิงหยางที่อยู่นอกสำนักศึกษาเห็นนายน้อยทั้งสี่วิ่งออกมาก็คิดว่าพวกเขาโดดเรียน ครั้นได้ยินว่าไท่จื่อเฟยกำลังจะคลอด เขาก็ไม่มีเวลาคิดว่าพวกเขารู้ได้อย่างไร รีบพาเด็กๆ ควบม้าเร็วกลับตำหนักองค์รัชทายาทไปทันที
เฉียวเยี่ยนยังไม่รู้ว่าลูกทั้งสี่โดดเรียนเพราะตัวเอง ซึ่งยามนี้นางยังต่อสู้กับลูกในท้องอยู่
ปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้ว ทารกค่อยๆ ไหลออกมา นางกัดผ้าเช็ดหน้าไว้ผืนหนึ่งในปาก มือจับเสาหัวเตียงเอาไว้และออกแรงทั้งหมดที่มี พอออกแรง เด็กก็เลื่อนออกมาทันที
วินาทีนั้น สมองนางขาวโพลนไปหมด แม้ร่างกายส่วนล่างของนางจะยังปวดอยู่ แต่ก็รู้สึกสบายตัว
หากใช้คำเปรียบเทียบที่ไม่สุภาพ ก็เหมือนกับว่าท้องผูกมานาน และได้ถ่ายออกมาอย่างมีความสุขแล้ว
เจ้าก้อนแป้งยังไม่รู้ว่าถูกแม่ตัวเองเปรียบเทียบเป็นอุจจาระ เมื่อได้ออกสู่โลกใบใหม่ก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา น้ำเสียงแหลมเสียดแทงหนวกหู ฟังดูแล้วบอกได้ว่าเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง
หมอตำแยเห็นเจ้าก้อนแป้ง ก็เอ่ยอย่างปิติยินดีซ้ำไปซ้ำมา “เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ มีร่างกายขาวอ้วนสมบูรณ์ น่าจะหนักแปดกว่าชั่ง”
นางกล่าวพลางตัดสายสะดือของเด็กอย่างคล่องแคล่ว และเช็ดคราบเมือกบนตัวเด็กออกก่อนชั่งน้ำหนักอีกครั้ง แปดชั่งหกเลี่ยง เป็นเด็กผู้ชายที่แข็งแรงมาก
มู่ฉินเจิน เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูที่อยู่นอกห้องได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ก็พากันโล่งใจ
สองมือที่กำกันแน่นของมู่ฉินเจินก็คลายออก นิ้วมือสั่นเล็กน้อย
หลังคลอดเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็มีกำลังใจดีและดูสดใสมาก นางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าก้อนแป้งอวบอ้วน ซูเนี่ยนหว่านอุ้มหลานชายน้อยเอาไว้ แล้วพาเด็กมาใกล้ใบหน้าแม่ตัวเอง เฉียวเยี่ยนหอมครู่หนึ่ง เนื้อนิ่มๆ นั้นช่างน่ารักเหลือเกิน
หมอตำแยทำความสะอาดร่างกายให้เฉียวเยี่ยน ปูที่นอน และเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้นาง ก่อนเปิดประตูให้มู่ฉินเจินเข้ามา
มู่ฉินเจินยืนรออยู่ด้านนอกนานแล้ว ร่างกายแผ่ไอเย็น มือไม้เย็นเฉียบ หลังจากเข้าไปในห้องและอังมืออยู่บนเตาอั้งโล่สักพักหนึ่งให้มืออุ่นแล้วถึงจะกล้าเข้าไปหาเฉียวเยี่ยน
เฉียวเยี่ยนมองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส เพิ่งจะให้เขาดูเด็กน้อย กลับเห็นขอบตาเขาแดงก่ำ จากนั้นก็เบือนหน้าหนีไปในทางที่ไม่มีใคร
หัวใจของนางสั่นไหว ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้องไห้!
พริบตาเดียว ขอบตานางก็ร้อนผ่าว พลางกางแขนออกไปหาเขา และเอ่ยอย่างออดอ้อน “สามี ข้าอยากกอด”
มู่ฉินเจินนอนลงข้างเตียง เอื้อมมือออกไปกอดและฝังใบหน้าลงบนซอกคอนาง หยดน้ำตาพลันไหลลงมาจนเปียกชุ่มคอเสื้อ
เฉียวเยี่ยนโอบแขนรอบคอเขา พลางตบหลังเขาเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร และปลอบเขาอย่างไร้เสียง
ซูเนี่ยนหว่านเห็นสถานการณ์ของคู่รักหนุ่มสาวแล้วรู้สึกปลื้มใจอย่างมาก จึงอุ้มหลานตัวน้อยไปนอกห้อง พลางไล่หมอตำแยกับสาวใช้อีกสองคนออกไปด้วย โดยให้เวลากับคู่หนุ่มสาว
ทารกน้อยที่เพิ่งเกิดดึงดูดความสนใจของทุกคน แม้เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูอยากเข้าไปดูเฉียวเยี่ยน แต่ก็ถูกมารดารั้งเอาไว้ จึงทำได้เพียงเคลื่อนสายตาไปยังหลานชายของพวกเขา
เจ้าก้อนแป้งอ้วนจ้ำม่ำ ใบหน้ามีแต่เนื้อ แม้แต่คอก็มองไม่เห็น ผมดำขลับดกหนา ปากเล็กยุ้ยเล็กน้อย ยามนี้กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ น่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก
เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูมองเจ้าก้อนแป้งนุ่มนิ่ม ก็รู้สึกใจละลายไม่ไหว พลางคิดว่าในอนาคตลูกของพวกเขาจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหรือไม่
ส่วนเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินที่อยู่ข้างใน ไม่มีใครไปรบกวน ท่านอ๋องที่เย่อหยิ่งและไม่สบอารมณ์ก็ผ่อนคลายลง
เขายังคงฟุบอยู่บนร่างของภรรยา พลางถูไถใบหน้าไปกับคอเสื้อของนางเพื่อเช็ดน้ำตาทิ้ง จากนั้นเงยหน้าขึ้น แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากไม่ใช่เพราะขอบตาแดงก่ำของเขา เฉียวเยี่ยนคงคิดว่าการเห็นบางคนร้องไห้เมื่อครู่เป็นแค่อาการตาฝาดของนาง
เฉียวเยี่ยนรู้ว่าสามีของนางเป็นคนขี้อาย จึงเก็บเรื่องเขาร้องไห้เอาไว้ และเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ท่านไปดูลูกแล้วหรือยัง? หนักแปดจินหกเลี่ยง เป็นผู้ชายตัวเล็กจ้ำม่ำทีเดียว”
มู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า นางกับลูกสบายดีทั้งคู่ นับเป็นความโชคดีที่สุดของเขา
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เจ้าตัวเล็กออกมาแล้ว ทำให้พ่อร้องไห้ด้วย อนาคตต้องแสบแน่นอน
เอ็นดูเด็กๆ ทั้งสี่จัง พอน้องจะคลอดก็ยกโขยงกันไปดูน้องแบบไม่สนใจเรียนต่อแล้ว
ไหหม่า(海馬)