ตอนที่ 326 ดีใจจนโง่งม
ตอนที่ 326 ดีใจจนโง่งม
เขาลูบศีรษะอย่างโง่เขลา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในตอนนี้ดี
หลันหนิงยืดตัวขึ้นและเดินออกจากลานพร้อมกับไหเหล้าในอ้อมแขน เกาจัวหยวนมองแผ่นหลังของนาง หัวใจก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นลง
เมื่อหลันหนิงมาถึงประตูเยว่เลี่ยง นางก็เอ่ยขึ้นฉับพลัน “อย่าลืมซื้อเหล้าและกับแกล้มมาด้วย ข้าอยากกินเนื้อตุ๋นซีอิ๊ว”
หืม?
ก่อนที่เกาจัวหยวนจะทันได้ตอบสนอง เขาก็นิ่งค้างอยู่กับที่ราวกับคนโง่
ในตอนนี้เองระบบตัวน้อยก็เขวี้ยงก้อนหิมะไปอีกครั้ง และโดนเข้าที่หลังเขา ก่อนบ่นด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “เจ้าโง่ นางตกลงจะดื่มกับเจ้าในคืนนี้แล้ว!”
เกาจัวหยวนตกตะลึง ดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา ก่อนตอบกลับด้วยเสียงอันดัง “ข้าจะซื้อ! จะซื้ออาหารอร่อยๆ มากมายให้เจ้าแน่นอน!”
ด้วยเหตุนี้ คนโง่ตัวโตจึงเดินโซเซออกไปจากลานบ้านทีละก้าว ราวกับคนเมาแล้วก็ไม่ปาน
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จับใบหน้า มองท่าทางที่ไม่ค่อยฉลาดนักของลุงเกา และกลุ้มจนขมวดคิ้วมุ่น “พี่สาว ท่านว่าเขาคงจะไม่มีความสุขจนโง่ไปแล้วหรอกนะ?”
ระบบตัวน้อยพยักหน้า เพื่อบ่งบอกว่าเป็นไปได้มาก
เด็กอีกสองคนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดตาม แล้วจะทำอย่างไรดี?
พวกเขายังคงรอให้พวกลุงๆ ป้าๆ เหล่านี้มีลูกเร็วๆ แบบนี้ทีมของพวกเขาจะได้แข็งแกร่งขึ้น!
ใช่แล้ว เด็กพวกนี้เสพติดกับการเป็นพี่ไปแล้ว เล่นกับน้องชายตัวเองยังไม่พอ อยากจะให้ลุงๆ ป้าๆ พวกนี้รีบมีน้องให้พวกเขาเล่นด้วยเร็วๆ
จากนี้ไปพวกเขาจะเป็นพี่ใหญ่แล้ว ยามเดินออกไปก็จะมีกลุ่มหัวไชเท้าเดินตามหลังเป็นพรวน และต่อจากนี้ไปพวกเขาจะเป็นนักต่อสู้ข้างถนนในโลกเด็กน้อยของเมืองหลวง!
หากเฉียวเยี่ยนรู้ว่าลูกๆ ของนางกำลังคิดอะไรอยู่ คงไมพ้นต้องหิ้วขึ้นมาตีก้นเสียสองสามที ยิ่งนานวันเข้ายิ่งออกนอกลู่นอกทางขึ้นเรื่อยๆ หากยังไม่ควบคุมเกรงว่าคงลอยขึ้นสวรรค์ไปแล้ว!
ภายในห้อง มู่ฉินเจินที่กล่อมลูกชายคนสุดท้องเข้านอนเดินออกมาจากห้อง เห็นกระดานซักผ้าอันคุ้นเคยนอนอยู่บนพื้นหิมะ ดวงตาพลันมืดมนลง
เขาควรจะใช้โอกาสนี้จัดการกับเจ้าสิ่งนี้เลยดีหรือไม่?
แต่เมื่อนึกถึงท่าทางคลุ้มคลั่งของภรรยาแล้ว…เก็บไว้ดีกว่า
อาหารในช่วงปีใหม่เฟื่องฟูมาก ทั้งครอบครัวนั่งรวมกลุ่มกัน กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่เจ้าก้อนแป้งที่ยังไม่รู้วิธีกินข้าวก็ถูกอุ้มมาที่โต๊ะอาหารเพื่อสัมผัสบรรยากาศปีใหม่ด้วยกัน
คิดๆ ดูแล้ว นี่เป็นปีที่แปดพอดีนับตั้งแต่เฉียวเยี่ยนมาโลกนี้ ในแปดปีนี้ นางมีลูก มีคนรัก มีอาชีพการงาน มีครอบครัว ช่วงเวลาเหล่านี้ผ่านไปโดยไม่ทันตั้งตัว และทิ้งความทรงจำมากมายเอาไว้เบื้องหลัง
ในวันที่สองของปีใหม่ ครอบครัวเฉียวเยี่ยนไปอวยพรวันปีใหม่ที่จวนสกุลเฉียว เและเป็นครั้งแรกที่เจ้าก้อนแป้งได้ออกเดินทางไปบ้านของท่านยายด้วย
มู่ฉินเจินสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่หนาและอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน ใช้เสื้อตัวใหญ่คลุมเอาไว้อย่างแน่นหนาอีกที ทำให้เด็กน้อยอบอุ่นมาก ไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเข้าไปในรถม้า ข้างในก็ปูพรมอย่างแน่นหนา เตาก็ติดไฟอยู่ อบอุ่นมาก
เมื่อไปถึงจวนสกุลเฉียว เฉียวจิ่นได้แจกอั่งเปาใหญ่ให้กับเด็กๆ เด็กทั้งสี่ยืนกันเป็นแถว และพากันโค้งคำนับท่านยายท่านลุงท่านน้าสะใภ้อย่างเรียบร้อย จากนั้นเอ่ยคำอวยพรปีใหม่อย่างอ่อนหวาน แล้วเก็บซองอั่งเปาสีแดงที่ท่านลุงให้ใส่ในถุงเสื้อน้อย
ดีจริงๆ คลังน้อยของพวกเขามีเงินมาเพิ่มอีกแล้ว!
เด็กน้อยหมายเลขห้าที่พูดเป็นแต่คำอ้อแอ้ก็ได้อั่งเปาเช่นกัน และกอดมันแน่นอยู่ในอ้อมแขน อยากจะใช้เหงือกสีชมพูของตัวเองลองเคี้ยวดูด้วย
ในตอนรับประทานอาหาร เฉียวเยี่ยนพบว่าพี่ชายดูแลภรรยาดีเป็นพิเศษ จึงไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ ในขณะที่เว่ยอวิ๋นซูดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่นัก
สถานการณ์นี้ทำให้นางคาดเดาได้ ก่อนจะอดวาดมุมปากขึ้นเล็กน้อยไม่ได้
หลังจากกินข้าวแล้ว เฉียวจิ่นกับมู่ฉินเจินไปเล่นหมากรุกในห้องหนังสือ พวกเด็กๆ ถูกข้ารับใช้พาไปเล่น ในขณะที่เฉียวเยี่ยน เว่ยอวิ๋นซู ซูเนี่ยนหว่าน สามแม่ลูกนั่งคุยกันอยู่ในห้อง
เฉียวเยี่ยนนึกถึงสิ่งที่สังเกตเห็นตอนกินอาหาร จึงถามด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นซู สภาพเจ้าเช่นนี้คือมีแล้วใช่หรือไม่?”
เว่ยอวิ๋นซูพยักหน้าอย่างเขินอายเล็กน้อย ซูเนี่ยนหว่านเองก็มีสีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขเช่นกัน
สองวันก่อนเพิ่งตรวจชีพจรออกมา พบว่าตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว ซูเนี่ยนหว่านนึกถึงเรื่องที่ลูกชายนางถูกองค์หญิงเจียหนิงทำร้ายก่อนหน้านี้จึงอยากรอให้ทารกอาศัยในครรภ์อย่างมั่นคงก่อนแล้วค่อยบอกพวกเขา เพราะกลัวว่าองค์หญิงเจียหนิงอีกคนจะปรากฏตัวออกมา
เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าความกังวลของหญิงชรานั้นไม่ไร้เหตุผล แม้พระสนมเต๋อเฟยจะถูกขังในตำหนักเย็น ขณะองค์หญิงเจียหนิงถูกส่งไปยังสำนักชี ทว่าพวกนางก็อาจยังมีคนหนุนหลัง ระวังไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ดี
ในเวลานี้เองเฉียวจิ่นกับมู่ฉินเจินชายสองคนก็กลับมาทันตอนที่พวกนางกำลังพูดคุยกันพอดี
“ท่านพี่ ข้าจะช่วยหาคนมีฝีมือมาให้ ตอนพวกท่านออกไปจากบ้านก็พาไปด้วย”
เขามีทหารปลดประจำการในมือมากมาย และที่มีฝีมือก็มีไม่น้อย หามาเป็นองครักษ์สักสองสามคน ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่านี้แล้ว
เฉียวจิ่นรู้ว่าน้องสาวมีเจตนาดี จึงไม่ปฏิเสธ เพียงแค่อยากหาโอกาสแล้วค่อยตอบแทนน้องสาวกลับไป
พลันเขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “น้องหญิง ช่วงนี้เจ้ากำลังหาอาจารย์ให้สำนักศึกษาอยู่ใช่หรือไม่? เจ้าว่าข้าพอใช้ได้หรือเปล่า?”
เฉียวเยี่ยนได้ยินพี่ชายตัวเองกล่าวเช่นนี้ จึงเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ”แต่ท่านยังต้องจัดการงานราชการในตำแหน่งของท่าน ทำงานสองอย่างมันลำบากเกินไป”
ช่วงนี้นางได้สรรหาอาจารย์กับเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งงานต่างๆ ของโรงเรียนแล้ว แม้โรงเรียนจะยังสร้างไม่เสร็จ ทว่าต้องอบรมพนักงานล่วงหน้า ให้พวกเขาได้เข้าใจและปรับตัวเข้ากับระบบการจัดการของนางได้
นางมีแผนจะนำระบบการจัดการโรงเรียนในสมัยใหม่มาใช้กับโรงเรียนแห่งนี้ โดยมีนางเป็นผู้อำนวยการ และมีตำแหน่งต่างๆ เช่น รองผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการ และอาจารย์ประจำชั้น
นอกจากพวกนี้แล้ว ยังจำเป็นต้องรับสมัครอาจารย์ประจำวิชาต่างๆ เจ้าหน้าที่จัดการหอพัก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพนักงานในโรงอาหาร
โรงเรียนแบ่งออกเป็นโรงเรียนชายและโรงเรียนหญิง โรงเรียนชายเปิดสอนวัฒนธรรม ศิลปะการต่อสู้ การก่อสร้าง การเกษตรต่างๆ ในขณะที่โรงเรียนหญิงเปิดสอนวัฒนธรรม สิ่งทอ การเย็บปักถักร้อย การทำอาหาร และการเกษตร
ตอนนี้นอกจากอาจารย์วิชาวัฒนธรรมที่หาได้ค่อนข้างง่ายแล้ว วิชาที่เหลือไม่เคยได้รับว่าเป็นวิชาหนึ่งในสำนักศึกษาของราชวงศ์เทียนลี่เลย ดังนั้นอยากจะหาอาจารย์ที่เหมาะสม ก็ค่อนข้างลำบากมาก
อย่างที่พี่ชายพูด หากเขาไปสอนในโรงเรียน ด้วยความสามารถและความรู้ของเขา ก็นับว่าสมบูรณ์แบบยิ่ง ทว่าการเป็นอาจารย์นั้นไม่ใช่งานสบายเลย และเขายังมีเรื่องทางการที่ต้องจัดการอีก นางกังวลว่าเขาคงจะเหนื่อยแทบขาดใจ
เฉียวจิ่นกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วง ตำแหน่งงานของข้าค่อนข้างอิสระ ทุกวันแค่จัดเรียงเอกสารบางส่วน และเขียนงานเอกสารนิดหน่อยเท่านั้น พวกนี้ข้านำไปทำในสำนักศึกษาได้ อีกอย่างหลักสูตรวัฒนธรรมที่เจ้าเปิดสอนในโรงเรียนก็เพื่อให้นักเรียนได้รู้ตัวอักษรเป็นสำคัญ หาใช่เพื่อการสอบขุนนางไม่ ดังนั้นการสอนจึงค่อนข้างง่าย ”
เขาอยากไปสอนในสำนักศึกษา และยังมีเหตุผลอีกอย่าง
เมื่อก่อนอ่านหนังสือมาอย่างตรากตรำเพียงเพื่อให้ได้ชื่อเสียง หลังจากมีชื่อเสียงแล้วก็ได้รับตำแหน่งทางการแบบสบายๆ ฐานะไม่สูงไม่ต่ำ บางทีในสายตาของคนอื่น นี่เป็นตำแหน่งที่ดีมาก ได้เงินเดือน และไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
แต่เขามักรู้สึกว่ามันขาดความตื่นเต้น ทำสิ่งเดิมๆ ทุกวัน ทั้งน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ นานวันเข้า ผู้คนก็ขาดแรงจูงใจ เขาจึงอยากหาบางอย่างทำเพื่อแสดงคุณค่าของตัวเอง
เฉียวเยี่ยนเห็นพี่ชายยืนหยัดเช่นนี้ ก็ไม่ปฏิเสธอีก และให้ตำแหน่งอาจารย์สอนวัฒนธรรมแก่เขา
เว่ยอวิ๋นซูฟังแล้วรู้สึกน่าสนใจ จึงเอ่ยถาม “เฉียวเฉียว ที่นั่นมีงานอะไรที่เหมาะกับข้าไหม?”
ทันทีที่นางพูดออกมา เฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านก็มองนางอย่างจนใจทันที ในท้องยังมีเด็กอยู่หนึ่งคน เจ้าจะไปทำไม?
เฉียวเยี่ยนเองก็ยิ้มอย่างจนใจ “จะว่ามีมันก็มีอยู่หรอก เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จ เด็กในท้องของเจ้าคงจะเกิดออกมาแล้ว แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทิ้งเด็กไปสำนักศึกษา?”
ทางฝั่งโรงเรียนหญิงต้องการรับสมัครอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัว และต้องเป็นผู้หญิงด้วย นักเรียนไม่จำเป็นต้องสามารถต่อสู้แบบห้าต่อหนึ่งได้ ทว่าการฝึกฝนทักษะป้องกันตัวหรือเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
เดิมทีนางวางแผนให้หลันหนิงไป แต่หากเว่ยอวิ๋นซูชอบ ให้นางไปก็ไม่เสียหายอะไร ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยชอบเป็นอิสระ หากให้นางอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทุกวัน เกรงว่านางอาจจะป่วยได้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เกามีหวังแล้วน้า จะจีบหลันหนิงติดไม่ติดก็ตรงนี้แหละ
เด็กๆ มีน้องมาเล่นด้วยอีกหนึ่งคนแล้ว
ไหหม่า(海馬)